10 กันยายน 2554 11:58 น.

ฝันสลาย

สุนทรวิทย์

ฉันเกิดแดน  อีสาน  คนบ้านทุ่ง
				มาเมืองกรุง  ร่ำเรียน  เพียรศึกษา
				เสาะแสวง  วุฒิ  เกียรติวิชา
				ปริญญา  สักใบ  ไว้เชยชม
								
          พ่อ,แม่สู้  อุตส่าห์  ทำนา,ไร่
				ส่งเสียไม่  ลดละ  แต่ประถม
				ฉันรู้ท่าน  เหน็ดเหนื่อย  เมื่อยระบม
				ยอมทุกข์ตรม  อาบเหงื่อ  เพื่อดนัย
			
         		ด้วยสำนึก  เตือนใจ  ให้มุ่งมั่น
				จึงบากบั่น  ยืนหยัด  อัชฌาสัย
				มานะสอบ  ฟันฝ่า  เข้ามหาลัย
				สมฤทัย  แม่,พ่อ  ที่รอคอย
								
           ได้แต่งชุด  นิสิต  จิตฮึกเหิม
			 แสงชัยเริ่ม  กระพริบ รอหยิบสอย
				อนาคต  ควรจัก  มิหลักลอย
				คงค่อยค่อย อุดม  สมความคิด
			
          		ครบสี่ปี  ที่มุ่งมาด  ปรารถนา
				จบออกมา  เหมือนฝัน  เป็นบัณฑิต
    พอเชิดหน้า  ผงาด  อวดญาติมิตร
    เชื่อชีวิต  ฐานะ  จะงามงด
			
           หอบปริญญา  หางาน  พล่านไปทั่ว
    พึ่งรู้ตัว  ฝันสลาย  ละลายหมด
    ขาดเส้นสาย  ไร้คนรับ  อัปยศ
    โดนตัดบท  ซ้ำซ้อน  จนอ่อนใจ      

          เดินเตะฝุ่น  อดสู  อยู่นานเนิ่น
    ขัดสนเงิน  ซื้อหา  สิ่งยาไส้
    นึกถึงบ้าน  ทุ่งทอง  ผ่องอำไพ
    ขอกลับไป  ไถนา  ดีกว่าเอย				
10 กันยายน 2554 11:35 น.

หัวใจให้ลองใช้

สุนทรวิทย์

หัวใจ  ดวงหนึ่ง  พึ่งซ่อมเสร็จ
			พร้อมอัพเกรด  รูปโฉม  โนมพรรณใหม่
			มีไหมหนอ  สักคน  นึกสนใจ
			ฉันยกให้  ใช้ฟรี  เลยสี่เดือน
				
				       แต่มีค่า  เซอร์วิส  บ้างนิดหน่อย
			เพียงต้องคอย  เอาใจ  แสร้งให้เหมือน
			ให้คล้ายคลึง  กุลสตรี  แม่ศรีเรือน
			ไม่ต้องเตือน  ต้องย้ำ  สักคำเดียว
				
				       ยามปั้นปึ่ง  ขึ้งโกรธ  โปรดโอนอ่อน
			อย่าตัดรอน  งอนง้ำ  ทำตาเขียว
			เรื่องอารมณ์  ว่าไป  เท่าไหร่เชียว  
   ชั่วประเดี๋ยว  ก็หาย  ไยจริงจัง
	
	          หากทำได้  ใกล้เคียง  เยี่ยงสาธก
   ฉันจะยก  บ้านใหญ่  ให้ทั้งหลัง
   แถมที่ดิน  ไพศาล  ปานเวียงวัง
   ทั้งหมดยัง  ผ่อนอยู่  อย่าดูดาย
	
	          ฉันไม่เลือก  มากหรอก  ขอบอกกล่าว
    เพียงสวยสาว  ขาวตึง  อกผึ่งผาย
    ฉันยินดี  นบนอบ  มอบใจกาย
    ส่วนรุ่นยาย  อย่าจุ้น  ไม่คุ้นเคย				
9 กันยายน 2554 14:46 น.

คืนนั้น

สุนทรวิทย์

ก่อนจากกัน  คืนนั้น  ฉันจำได้
					เธอร่ำไห้  พรรณนา  น่าสงสาร
					อาลัยด้วย  ต้องร้าง  ห่างไปนาน
					กว่าพบพาน  กันใหม่  คงหลายปี
						
         น้องหมายสู่  อเมริกา  ศึกษาต่อ
					คืนนี้ขอ  มอบกายใจ  ไว้ให้พี่
					เพื่อยืนยัน  ความรัก  ความภักดี
					เป็นวจี  บังอร  ก่อนอำลา
						
           จากคืนนั้น  ผ่านพ้น  จนบัดนี้
					ร่วมสี่ปี  เข้าแล้ว  นะแก้วจ๋า
					ทั้งข่าวคราว  จดหมาย  ไม่ตอบมา
					ห่วงจริงหนา  ว่ารัก  จักคลอนแคลน
						
           จนวันหนึ่ง  เธอกลับมา  ท่าผึ่งผาย
					พร้อมเพื่อนชาย  ผมทอง  ตระกองแขน
					เดินอวดโอ่  ให้เห็น  ว่าเป็นแฟน  
					มองแล้วแสน  อึดอัด  ขัดนัยน์ตา
						
           นี่หรือ  คือสตรี  ที่ฉันรัก
					พึ่งประจักษ์  แท้จริง  หญิงไร้ค่า
					ขอตัดใจ  กรวดน้ำ  เลิกนำพา
					คิดเสียว่า  คืนนั้น  แค่ฝันไป				
9 กันยายน 2554 14:36 น.

ใจคนสับสนยิ่ง

สุนทรวิทย์

เหม่อมอง  เมฆินทร์  ซึ่งบินว่อน
			ฟุ้งขจร  ร่อนเร่  เขียนเวหา
			ปรากฏภาพ  อัศจรรย์  อันตื่นตา
   แปลงมายา  ซ้อนซับ  นับหมื่นพัน
			
   			สนธยา  เมฆี  งามลี้ลับ
			 มองราวกับ  มีห้วง  สรวงสวรรค์
				ซ่อนเทวี  นางฟ้า  วิลาวัณย์
			 รอให้ฉัน  เลือกเฟ้น  เป็นคู่นอน
				
        มโนภาพ  อาบใจ  ให้ฟุ้งซ่าน
			 อุปาทาน  ลามทึ้ง  ถึงอัปสร
			 เคลิบเคลิ้มตาม  ลมแล้ง  แห่งอัมพร
			 ประสาทหลอน  ลืมตัว  ไปชั่วพัก

        สายลมแรง  กวาดมา  นภาเปิด
				เมฆเตลิด  ผายผัน  พลันประจักษ์
				มิมีสิ่ง  ซ่อนเร้น  เช่นทึกทัก
				เกิดภาพลักษณ์  ด้วยอ่อนไหว  ในกมล
		
       		จิตใจคน  เรรวน  ปรวนแปรยิ่ง
			ไม่เคยนิ่ง  กลับกลาย  คล้ายลมฝน
			อยู่เหนือการ  บังคับ  ยับยั้งตน
			ยุ่งสับสน  กว่าเมฆี  ที่เลื่อนลอย				
9 กันยายน 2554 14:27 น.

แล้งสำนึก

สุนทรวิทย์

เหนือลำธาร  มุมหนึ่ง  ซึ่งเงียบหงอย
			กระท่อมน้อย  ริมน้ำ  เก่าคร่ำคร่า
			บุรุษเฒ่า  งันงก  นั่งตกปลา
			ในแววตา  แห้งแล้ง  แฝงอับจน
								
          ยามชรา  อ้างว้าง  ห่างญาติมิตร
		 	คู่ชีวิต  วางวาย  เมื่อปลายฝน
				มีลูกเต้า  หญิง,ชาย  ก็หลายคน
				กลับล่องหน  หนีหาย  ไปนานปี
		
        		แม้ขณะ  ที่มือ  ถือคันเบ็ด
			 ยังเทวษ  กังวล  บ่นอู้อี้
			 พร่ำถึงลูก  ห่วงหา  ทุกนาที
			 ป่านฉะนี้  อยู่ไหน  ไยเงียบงัน
				
       				ความเป็นพ่อ  แน่นแฟ้น  แสนพันผูก
				อยากพบลูก  พร้อมหน้า  ก่อนอาสัญ
				หัวอกหนอ  สะอื้น  ทั้งคืน,วัน
 			ชีพกระชั้น  สั้นมา  ยิ่งอาวรณ์
	
       			จวบสังขาร  ถดถอย  เกินคอยไหว
			 เขาสิ้นใจ  ลำพัง  ดังสังหรณ์
			 ขาดลูกหลาน  อยู่ด้วย  ตอนม้วยมรณ์
			 คนอาทร  ดูใจ  ล้วนไม่มี
				
      				ณ.วันนี้  ลูกเขา  คืนเหย้าครบ
					ต่อหน้าศพ  โต้เถียง  เสียงอึงมี่
					ต่างแย่งครอง  ที่นา  แทบราวี
					ความเป็นพี่  เป็นน้อง  ต้องปึ่งชา
		
         		อนิจจา  พ่อคนหนึ่ง  พึ่งดับขันธ์
			  ลูกลูกพลัน  บาดหมาง  สร้างปัญหา
			  ใช้อารมณ์  ทิฐิ  มิลดรา
			  เพื่อผืนนา  ไม่กี่บาท  อนาถจริง
					
        			สำหรับคน  อกตัญญู  ยากรู้สึก
					จิตสำนึก  มโนธรรม  นั้นต่ำยิ่ง
					กรรมสนอง  วันใด  ไร้ประวิง
					คงถูกทิ้ง  โดดเดี่ยว  เช่นเดียวกัน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุนทรวิทย์