15 กันยายน 2545 17:45 น.

ปิยาพร ขาวสอาด

อักขระ อักษรศรัทธ์

- กลอนสุภาพ -


วันที่ฟ้าใสสางหมอกจางสี
เวี่ยกวีแว่วไหวในห้องหาว
ตาเปี่ยมฝันดรุณวัยดูไหววาว
อุ่นเดียงสาในอกราวหนาวไม่รู้

ร้อยโคลงฉันท์กาพย์กลอนประอรอ้าง
เจ้ารออ่านไม่เคยห่างหรือเหนื่อยหู
ริมฝีปากวิจารณ์แจ้วแก้วตาตรู
กระจ่างพิศกลางจิตอยู่มิรู้เลือน

เมื่อเรียมเหงาเศร้าสร้อยเจ้าคอยปลอบ
มีคำหวานมามอบตอบใจเพื่อน
สามปีเราคบคุ้นอุ่นตาเตือน
แต่เพื่อนต้องห่างเพื่อนลับเลื่อนตา

ต่างด้นดั้นตามวิถีต่างชีวิต
ตามนิมิตที่วาดไว้ค้นไขว่คว้า
ไหลไปตามกระแสต่างหว่างเวลา
ดวงชีวาตามเพรงกรรมร้อยรำพึง

กว่าสิบปีที่พรากพลัดจากเจ้า
ใจยังเฝ้าใฝ่พร่ำรำลึกถึง
มิตรจำนรรจ์วรรณศิลป์กลางจินต์ตรึง
อยู่ไหนใจดวงหนึ่งคะนึงคอย

ชื่อนั้น เปิ้ล...ปิยาพร ขาวสอาด
เรียมประกาศกลอนหวังว่าอย่างน้อย
ใจที่รักกลอนกานท์เจ้าสานรอย
ตามเสียงกลอนที่เรียมร้อยใน Thaipoem
(แม้นอ่านพบวอนตอบถ้อยใน Thaipoem)				
13 กันยายน 2545 18:18 น.

บทรำพึงในเหมันตฤดู

อักขระ อักษรศรัทธ์

- กาพย์ยานี ๑๑ -


ยินเสียงเพียงแผ่วผิว
คือลมลิ่วลู่เรียวหญ้า
ค่อยค้อยจนลับตา
คืออาทิตย์อัสดง

รุมรุมคือฤทธิ์รัก
ผูกใจภักดิ์มิวายหลง
ลมหนาวมิอาจปลง
กลับประจงประจานใจ

กรีดเกรียวคมเคียวหญ้า
เบี่ยงบาดมาถึงทรวงใน
ฟ้าก่ำโพ้นใช่ไร
เลือดเรียมไซร้ที่ทาบทา

หวีดหวีดร้อยหรีดแว่ว
พ่างนึกแก้วแว่วเสียงหา
แก้วอวลหวนกลิ่นมา
กรรโหยแก้วให้แก้วหวน

จันทร์ร้างน้ำค้างเปลี่ยว
ปรายตาเหลียวยิ่งแปลบป่วน
หนาวกาพย์ที่คลอครวญ
กลับรัญจวนจะจดจาร

เพียงหวังให้ใจจำ
เรื่องรักซ้ำจำเนียรกาล
หนาวใหม่ไม่ซมซาน
สร้างวันวานไว้สอนตน				
10 กันยายน 2545 03:50 น.

» 9/11 รำลึก «

อักขระ อักษรศรัทธ์


                                 - กาพย์ยานี ๑๑ บริภาษสัตว์สงคราม -

แผ่นภพพระเพลิงผลาญ  ห้วงลำธารกระด้างดิบ
นิวเคลียร์ทำลายยิบ         ชีพพ่างภัสม์ธุลีลอย
สำแดงสันดานห้าว           ชนอะคร้าวน้ำตาผลอย
ไม่รู้ก็มาพลอย                ด่าวแดดิ้นดับสิ้นกัน
เยี่ยงสัตว์ที่ไร้ใจ               กำเนิดในร่างคนนั่น
ฆาตฆ่าอย่างอาธรรม์       เร้ากระสันปมด้อยดี
โลกเอ๋ยเคยสงบ               ก็เกลื่อนกลบซากศพผี
ชีพเอ๋ยเคยอยู่ดี               ก็มาหวาดระแวงคน
คำศาสดาสอน                  ให้อาทรห่อนเป็นผล
ดาลเดือดในใจจน            ต้องเข่นฆ่าให้ปราชัย
ล้างเลือดด้วยเลือดคน       ล้างแค้นจนชีพหาไม่
ล้างผลาญสำราญใจ           ล้างโลกได้คงปริ่มเปรม
สิ้นสุดมนุษย์ธรรม            สิ้นทางนำสู่แดนเกษม
สิ้นสุขเคยอิ่มเอม              สิ้นชีพหนาวนรกนาน
หลับฝันถึงโลกใหม่           อันสิ้นไร้ความร้าวฉาน
สันติผลิดอกบาน               ชนทำนุกรุณา
โลกเห็นเช่นดังภาพ          พิราบขาวบินทั่วฟ้า
อรุณอุ่นอุรา                       ผาสุกล้นชนทั้งปวง
เมตตาธรรมค้ำจุน             โลกาอุ่นกระไอสรวง
เร้นศึกสงครามลวง            ให้โลกสวยด้วยเสรี.


                     :: Minneapolis; September 9, 2002 ::				
6 กันยายน 2545 15:55 น.

นับจากนี้ถึงยามนั้น...นิรันดร

อักขระ อักษรศรัทธ์

- Now and Forever - (Richard Marx)

Whenever Im weary
From the battles that rage in my head,
You make sense of madness
When my sanity hangs by a thread.
I lose my way but still you
Seem to understand.
Now and forever
I will be your man.
   Sometimes I just hold you,
   Too caught up in me to see
   Im holding a fortune
   That heaven has given to me.
   Ill try to show you each and every way I can.
   Now and forever
   I will be your man.
Now I can rest my worries and always be sure
That I wont be alone anymore.
If Id only know you were there all the time...
All this time.
   Until the day the ocean
   Doesnt touch the sand;
   Now and forever
   I will be your man.
   Now and forever
   I will be your man.
* * ** * * * * * * * * * * * * * * * *
นับจากนี้ถึงยามนั้น...นิรันดร
                  - กลอนสุภาพ -

ทุกครั้งที่ฉันจิตโรยแห้งโหยไห้
สับสนเผาผลาญไหม้อยู่ในหัว
เธอก็บุกและบ้าใส่อย่างไม่กลัว
ยามสติรู้ดีชั่วใกล้ขาดรอน

     ฉันหลงทางคว้างเก้อแต่เธอนั้น
     เข้าใจฉันมั่นมิหน่ายมิถ่ายถอน
     นับจากนี้ถึงยามนั้น...นิรันดร
     จักอยู่คู่เคียงคอนข้างกายา

ในอดีตได้แต่ป้องตระกองกอด
แต่ใจสิช่างมืดบอดมิรู้ว่า
กำลังกอดแก้วทิพย์มิ่งศฤงคาร์
ซึ่งสวรรค์ประทานมาให้ถึงมือ

     แต่นี้จักอุตสาหะไม่ละวาง
     ทำทุกวิถีทางด้วยใจซื่อ
     แสดงให้เธอเห็นค่าว่าฉันคือ
     คนที่ถือรักมั่นนิรันดร์นาน

ฉันหยุดกลุ้ม อุ่นอุราว่ามั่นใจ
แต่นี้ไปไม่เอกาน่าสงสาร
น่าจะฉุกใจรู้ดูรูปการณ์
ว่าเธอรักเธอมาตั้งนานไม่คลอนคลาย

     วันที่สูรย์หยุดพร่างกระจ่างแสง
     วันที่จันทร์แตกเป็นแล่งไร้แสงฉาย
     วันที่คลื่นสมุทรหยุดจุมพิตทราย
     ฉันจักรักเธอไม่หน่าย...นิจนิรันดร์.

     (แด่ พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์)				
6 กันยายน 2545 15:25 น.

.: คำรำพึงของนกขมิ้นเหลืองอ่อน :. (revisited)

อักขระ อักษรศรัทธ์

...จากนกขมิ้นถึงพยัคฆ์...
                             - กลอนสุภาพ -

นานเหลือเกินเกลอเอ๋ยที่เลยร้าง
ไร้เพื่อนคุยเคียงข้างเหมือนอย่างก่อน
หนาววิโยคคว้างขวัญหวั่นนิวรณ์
นกขมิ้นเหลืองอ่อนมาโดยเดียว

          โอ้แพปีกต้องโบกฝ่าพายุร้าย
          ที่โถมกล้าพาปีกหน่ายแปลบปวดเสียว
          เกล็ดหิมะคมบาดปาดเอ็นเกลียว
          ต้องหลุบปีกร่อนเลี้ยวลงแนวไพร

ค่อยโอบปีกมาปกกายคลายหนาวเหน็บ
แอบสะอื้นกลืนเจ็บอยู่หวาดไหว
พระจันทร์เคียวดูหลุบหลู่อยู่รำไร
...วันทำไมจึงมืดยืดยาวนัก...

          โอ้เจ้าดอกขจรอาวรณ์ถวิล...
          นกขมิ้นเหลืองอ่อนเจ้าเหนื่อยหนัก
          คืนก็ผันวันก็ผ่านห่อนได้พัก
          คิดถึงเพื่อนพยัคฆ์เคยร่วมเนา

เราอยู่ไกลกันถึงหนึ่งขอบฟ้า
จากที่เคยเห็นหน้าก็มาเหงา
คิดถึงห้องที่คลองสานแล้วยิ่งเศร้า
เมื่อไหร่เจ้าจะได้รับเรากลับนอน

          คิดถึงท่าเรือที่เราค่ำ-เช้าใช้
          บัดนี้คงเปลี่ยวไร้ดูเปล่าหลอน
          เพชรบุรีตัดใหม่เคยสัญจร
          เอเทรียม ที่แต่ก่อนเคยคลุกคลี

คิดถึงมวลหมู่มิตร ณ ฟิตเนส
เคยร่วมเตร็ดเตร่ไปกันหลายที่
เคยร่วมดื่ม...ร่วมหัวเราะ...ร่วมไมตรี
โอ้บัดนี้ล้วนไกลพรากพลัดจากลา

          คิดถึงบ้านนาคูที่เคยเยือน
          ริมตลิ่งที่เพื่อนนอนดูฟ้า
          ณ ค่ำคืนดาวหล่นนั่งสนทนา
          คำสัญญามิตรภาพกำซาบใจ

...จงโบกโบยโผบินแม้เหน็บหนาว
ใช่ว่าเราจะจากกันนิรันดร์ไป...
ก็จริงอยู่...แต้ห้าปีที่เปลี่ยวไร้
มันบาดใจเฉือนเชือดอย่างเลือดเย็น

          นานเหลือแล้วแก้วเกลอเอ๋ยที่เลยร้าง
          แม้แสงทองที่ส่องทางยังไม่เห็น
          ได้แต่ส่งกลอนพร่ำว่าลำเค็ญ
          หาได้เป็นสุขไม่เมื่อไกลกัน

พายุคลายความบ้า...ตีนฟ้าเปิด
โลกเบื้องโพ้นแจ่มบรรเจิดแสงสวรรค์
กางปีกน้อยที่สั่นเทิ้มท้าตาวัน
นกขมิ้นผันผกออกโบกบิน

          อีกกี่ป่าที่ต้องข้ามยามหนาวเหน็บ
          อกกี่แผลที่ต้องเจ็บมิจบสิ้น
          อีกกี่น้ำ...อีกกี่ฟ้า...กี่แผ่นดิน
          ใจดวงร้าวจะคุ้นชินฤาแหลกโรย

         ...นกขมิ้นเหลืองอ่อนเฝ้าถอนใจ....

        มาเดียวดายว้าเหว่ ณ อเมริกา
          Saturday 8th November, 1997
      6 PM CST, Menomonie, WI,  U.S.A.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอักขระ อักษรศรัทธ์
Lovings  อักขระ อักษรศรัทธ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอักขระ อักษรศรัทธ์
Lovings  อักขระ อักษรศรัทธ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอักขระ อักษรศรัทธ์
Lovings  อักขระ อักษรศรัทธ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอักขระ อักษรศรัทธ์