8 พฤศจิกายน 2546 01:40 น.

หัวขโมย

เมธี หล่อประจักษ์ศิริ

ทุกวันระหว่างเดินไปโรงเรียน เขาจะต้องผ่านบ้านของตาแก้ว มันก็คงไม่มีอะไรติดใจของเขามากนักหรอกถ้าหากในเขตของตาแก้วไม่มีสวนผลไม้ที่อุดมไปด้วยไม้ผลต่าง ๆ มากมายหลายพันธุ์ และแต่ละต้นล้วนออกดอกออกผลมากมายราวกลัวจะน้อยหน้ากันเอง แต่ต้นที่เขามักจะมองเสมอทุกครั้งที่เดินผ่านสวนตาแก้วคือลิ้นจี่ต้นที่ปลูกตรงกลางสวน โดยเฉพาะในช่วงนี้ ผลลิ้นจี่สีชมพูอมแดงกำลังสุกปลั่งอวดสีสันแข่งกับมะม่วงเขียวเสวยที่อยู่รอบข้างของมัน เขาเคยนึกอยากลิ้มรสของมันดูสักครั้ง แต่กิตติศัพท์เรื่องความขี้เหนียวของตาแก้วซึ่งเป็นที่รู้กันดีของเหล่าเด็ก ๆ แถวนี้ แกเคยแม้กระทั่งเอาอ้ายแดง หมาบางแก้วที่ไม่ค่อยชอบหน้าเด็กระแวกนี้สักเท่าไหร่ไปผูกไว้ใต้ต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ของแกเพื่อกันไม่ให้เด็กเข้าใกล้ ทุกครั้งที่เพื่อนๆ ของเขาไปวิ่งเล่นแถวบ้านตาแก้ว จะต้องเห็นแกออกมายืนมองพวกเขาเสมอ ราวกับตำรวจที่คอยจับผิดโจรผู้ร้ายยังไงยังงั้น
	ทุกครั้งที่เดินผ่าน เขาจึงได้แต่มอง แล้วจินตนาการถึงรสชาติอันหอมหวาน ชุ่มฉ่ำ

เมื่อสองวันก่อนเขาได้ยินพ่อกับแม่คุยกันถึงเรื่องงานเทศกาลประจำปีของหมู่บ้านที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ปีนี้คนในหมู่บ้านลงความเห็นกันว่าจะให้ตาแก้วเป็นโต้โผใหญ่ในการจัดงาน เพราะฉนั้นวันนี้ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ที่ชาวบ้านมักจะไปชุมนุมกันที่วัด แต่วันนี้พิเศษหน่อยเพราะว่าจะมีการประชุมกันเรื่องการจัดงานเทศกาลประจำปี วันนี้จึงเป็นวันที่ตาแก้วจะไม่มีเวลามาเฝ้าสวนของแก เป็นโอกาสเหมาะที่เขาจะแอบเข้าไปชิมเจ้าลิ้นจี่ต้นงามต้นนั้น
	เขาเห็นพ่อกับแม่แต่งตัวไปวัดกันแต่เช้า เขาเองยังช่วยแม่จัดสำรับอาหารสำหรับนำไปใส่บาตร ก่อนออกจากบ้านแม่ยังกำชับกับเขาให้ดูแลบ้านและน้องให้ดี เพราะว่าวันนี้พ่อกับแม่คงจะต้องอยู่ที่วัดนานหน่อย
	พอสายหน่อย เมื่อเห็นท่าทีว่าพ่อกับแม่คงยังไม่กลับมาจากวัด เขาจึงตัดสินใจออกจากบ้านด้วยใจระทึก วันนี้เขาต้องลิ้มรสของลิ้นจี่ของตาแก้วให้ได้
	สวนของตาแก้วถูกล้อมด้วยรั้วไม้สูงเท่ากับหน้าอกของเขาพอดี ประกอบด้วยไม้กว้างประมาณฝามือปักลงไปในพื้น มีไม้คานตอกพาดตลอดแนว ดูเหมือนตั้งใจเอาไว้ป้องกันพวกหมาแมวมากกว่าป้องกันเด็กอย่างเขา
	ไม่ยากที่เด็กชายวันสิบสองที่เป็นนักกีฬาของโรงเรียนจะปีนข้ามรั้วไม้นั่นเข้ามา เพียงแต่ต้องระวังเสียหน่อย ดูท่ารั้วไม้นี่จะเก่ามากแล้ว บางแห่งเป็นรอยพุ ไม้บางแผ่นก็มีร่องรอยการถูกเปลี่ยนมาเมื่อไม่นานนี้
	เขานึกกังวลเรื่องอ้ายแดงขึ้นมาทันทีเมื่อกระโดดลงมายืนบนพื้นที่ของสวนตาแก้ว แต่เขาจำได้ว่าตอนนี้มันถูกกักตัวไว้ที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน เพราะว่าเมื่อสามวันก่อนมันไปกัดเด็กในหมู่บ้านเข้า ผู้ใหญ่บ้านเลยต้องกักมันเอาไว้เพื่อดูอาการว่าเป็นบ้าหรือเปล่า เขาจึงคลายความกังวลเรื่องอ้ายแดงลง
	เขามองไปที่บนบ้านของตาแก้ว หน้าต่างของบ้านทรงไทยนั้นปิดเงียบ ดูท่าตาแก้วจะยังไม่กลับมาจากวัด ตอนนี้คงกำลังประชุมกันเรื่องงานประจำปีอยู่
	เขาค่อย ๆ ลัดเลาะตามแนวต้นไม้ในสวนอย่างระมัดระวัง ถึงแม้จะค่อนข้างแน่ใจว่าตาแก้วยังไม่กลับมาจากวัด แต่เพื่อความไม่ประมาทเขาไม่ควรไว้ใจอะไรมากนัก เขานึกในใจ
	ในที่สุดเขาก็มายืนอยู่ใต้ต้นลิ้นจี่ที่หมายตาเอาไว้ ผลลิ้นจี่สีสวยห้อยอวดโฉมอยู่มากมาย เขาคิดว่าตาแก้วยังไม่ได้เก็บมันไป เพราะว่าเขาเฝ้าดูมันอยู่ทุกวัน แทบจะจำมันได้ทุกผล นั่นไงเจ้าพวงใหญ่ที่สุดอยู่ข้างกับกิ่งที่มีรอยหักที่คงเกิดจากตอนที่ฝนตกหนักเมื่อสัปดาห์ก่อน เกือบทำเอาพวกมันหลุดล่วงออกไปด้วย
	เขาคิดขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาชื่นชมกับความจำของตัวเอง เขาต้องรีบเก็บและออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
	เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงรีบปีนขึ้นไปบนต้นลิ้นจี่อย่างคล่องแคล่ว มองหากิ่งที่ใหญ่และแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักตัวเขาได้และพยายามเข้าใกล้เจ้าพวงใหญ่ที่เขาหมายตาเอาไว้
	เมื่อเข้าใกล้จนสามารถเด็ดลิ้นจี่พวงใหญ่ที่หมายตามาได้แล้ว เขาตัดสินใจที่จะลิ้มรสของลิ้นจี่ในมือทันที
	เขาบรรจงแกะเปลือกลิ้นจี่ลูกใหญ่ออกอย่างถนุถนอม ราวกับว่าถ้าหากรีบร้อนกว่านี้จะทำให้เนื้อในของมันช้ำ
	เมื่อเขากัดลงไปบนเนื้อสีขาวขุ่นอมชมพูนั้น เขารู้สึกได้ถึงความชุ่ม ความหวานซ่อนเปรี้ยว เป็นรสชาดที่เขาไม่เคยลิ้มรสมาก่อน มันช่างอร่อยกว่าที่เขาจินตนาการไว้มากนัก เผลอแป๊บเดียวเขากินมันหมดหลายผล
	ตอนที่เขากำลังจะปีนกลับลงมาจากต้นลิ้นจี่ เขาก็ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาในสวน เขาใจหายวาบ "นี่ตาแก้วกลับมาแล้วเหรอ" เขาลำพึงกับตัวเอง "ซวยแล้วซิ ทำไงดีวะเนี่ย"
	เป็นจริงอย่างที่เขาคิด เขาเห็นรถกระบะสีน้ำเงินคันเก่าของผู้ใหญ่บ้านจดนิ่งอยู่ที่ลานหน้าบ้านของตาแก้ว ที่หลังรถเขาเห็นหมาบางแก้วสีขาวน้ำตาล
	"อ้ายแดงกลับมาด้วย มันไม่ได้บ้าเหรอเนี่ย" เขายิ่งขวัญเสียมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเจ้าหมาตัวนั้นมองมาทางที่เขาอยู่ คล้ายกับว่ามันรู้แล้วว่าเขาอยู่ที่นี่
	ชายชราที่ก้าวลงจากรถกระบะคันนั้นทางฝั่งคนนั่งยังดูแข็งแรง มีแต่ใบหน้าเท่านั้นที่พอจะบอกอายุแกได้ การเคลื่อนไหวของแกยังทะมัดทะแมงผิดคนในวัยเดียวกัน คงเป็นด้วยความที่แกมักจะออกมาดูแลสวนของแกด้วยตัวคนเดียวเสมอ ทำให้แกยังแข็งแรงจนทุกวันนี้
	ยังไม่ทันที่จะถูกปล่อยลงจากท้ายรถ อ้ายแดงก็เริ่มเห่ามาทางที่เขาซ่อนตัว นั่นทำให้ตาแก้วมองมาทางต้นลิ้นจี่ของแกเช่นกัน
	"มีอะไรหรือ อ้ายแดง ที่ต้นลิ้นจี่มีอะไรหรือ" ตาแก้วพูดกับอ้ายแดงขณะแก้เชือกที่ผูกมันไว้กับกระบะรถ
	ทันทีที่เป็นอิสระ อ้ายแดงก็ตรงรี่เข้ามายังที่ต้นลิ้นจี่ที่เข้าซ่อนตัวทันที่ พร้อมกันส่งเสียงเห่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้ตาแก้วต้องรีบตามมาดูทันที
	"ความซวยมาเยือนขนานแท้เลยตู" เขาได้แต่สงสารตัวเองที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้
	เขาเริ่มนึกถึงตัวเองเมื่อสองเดือนก่อน ตอนที่ถูกพ่อจับได้ว่าเขาแอบหยิบเงินของพ่อที่เก็บเอาไว้ในลิ้นชักไปซื้อของเล่นด้วยกลัวว่าจะน้อยหน้าเพื่อน

หลังจากที่เขาหยิบเงินของพ่อไปได้สองสามวัน เย็นวันนั้นพอเขากลับเข้าบ้านหลังจากออกไปเล่นของเล่นใหม่กับเพื่อน ๆ แม่ของเขาก็บอกว่าพ่อเรียกให้ไปหาที่ห้องทำงานแน่ะ เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ธรรมดาแล้วพ่อไม่เคยต้องใช้แม่ให้มาเรียกเขาอย่างนี้มาก่อน
	"พ่อเรียกผมเหรอครับ" เขาถามด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก เมื่อเห็นพ่อนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงาน
	"แกรู้ตัวมั๊ยว่าทำอะไรผิด" พ่อตอบเขาด้วยคำถาม
	เขาเงียบไปพักนึง ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ครับ ผมหยิบเงินไปซื้อของเล่นโดยไม่บอกพ่อครับ"
	"รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว แกรู้มั๊ยว่าทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับพวกขโมย และนิสัยที่พ่อเกลียดมากที่สุดคือการเป็นขโมยรู้มั๊ย"
	ในเวลานี้เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากหลบตาพ่อของเขาเอง เขารู้ดีว่าพ่อของเขาเกลียดพวกลักขโมยมาก และพ่อมักจะบอกเขาอยู่เสมอว่าอย่าทำตัวอย่างพวกนั้น
	"พ่อจะตีแกเพื่อให้แกจำไว้ว่าอย่าริอ่านทำตัวเป็นหัวขโมยอีก ถ้าคราวหน้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีกแกจะโดนหนักกว่านี้"
	"แล้วอีกอย่าง แกจะถูกงดขนมไปอีกเดือนนึงด้วย"
	คืนนั้นเขาไม่สามารถจะนอนได้อย่างทุกวัน แผลที่ถูกพ่อตีนั้นยังแสบมาก เขาต้องนอนตะแคงทั้งคืน และสาบานว่าจะไม่ขโมยของใครอีก

แต่วันนี้เขากลับทำตัวเป็นหัวขโมยอีกครั้ง และกำลังจะถูกจับได้ เขาหวนนึกถึงคืนที่ต้องทรมาณกับการนอนตะแคงทั้งคืน นึกถึงการถูกอดขนมหนึ่งเดือน
	ถ้าพ่อเขารู้ว่าเขาทำตัวเป็นขโมยอีก เขาจะโดนอะไรบ้าง เขาไม่อยากจะนึกถึงมันเลย

ตาแก้วเดินเข้ามาใกล้มากแล้ว ส่วนอ้ายแดงก็กำลังเห่าและพยายามจะตะกายขึ้นมา
	"มีอะไรอยู่บนนั้นหรือ อ้ายแดง" ตาแก้วถามหมาของแก
	เขาตัดสินใจกระโดนลงจากที่ซ่อน ลงมายืนอยู่ข้างต้นลิ้นจี่ของตาแก้ว
	อ้ายแดงหันมามองเขา เห่าไม่หยุดและกระดิกหางไปมา
	"อ้าว เอก หลานเองรึ กำลังจะไปตามให้มาช่วยเก็บลิ้นจี่อยู่เชียว เดี๋ยวช่วยเก็บ แล้วเอาไปฝากพ่อกับแม่เอ็งด้วยล่ะ"
	"ครับ ตา" เขาตอบพร้อมกับยื่นมือไปลูบหัวเจ้าแดง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเมธี หล่อประจักษ์ศิริ
Lovings  เมธี หล่อประจักษ์ศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเมธี หล่อประจักษ์ศิริ
Lovings  เมธี หล่อประจักษ์ศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเมธี หล่อประจักษ์ศิริ
Lovings  เมธี หล่อประจักษ์ศิริ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเมธี หล่อประจักษ์ศิริ