เหตุการณ์สังหารหมู่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 (ตุลามหาวิปโยค)

ลุงแทน

ม่ให้มีรัฐธรรมนูญ  	ไม่ให้มีเลือกตั้ง
ห้ามชุมนุมทางการเมือง 	ควบคุมสื่อทุกชนิดห้ามวิจารณ์รัฐบาล
    การก่อการรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2490 ก่อเกิดการสืบอำนาจเผด็จการทหารมายาวนาน
    จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายครั้งหลายสมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อวันที่1มกราคม พ.ศ.2501ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งที่สองสืบทอดอำนาจเผด็จการจากจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อ 8 ธันวาคม พ.ศ.2506
    จอมพลถนอมเดินรอยเผด็จการตามจอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจเผด็จการเรื่อยมาปฏิวัติตนเองก็ทำสืบทอดอำนาจในวงศาคณาญาติอย่างเป็นปึกแผ่นมายาวนานเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 5 ครั้ง
   ปกครองด้วยอำนาจคำสั่งปฏิวัติหน่วงการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ให้มีเลือกตั้ง ห้ามชุมนุมทางการเมือง ควบคุมสื่อทุกชนิดห้ามวิจารณ์รัฐบาล ประชาชนถูกกดขี่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง
    คลื่นมหาชนนับแสนคนเรียกร้องให้รัฐบาลเผด็จการทหารของจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียรและพลเอกณรงค์ กิตติขจรปล่อยตัวผู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญที่ถูกรัฐบาลจับกุมทั้งหมด เสียงเรียกร้องให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยดังกระหึ่มไปทั่วทุกสถาบันการศึกษาและทุกองค์กรประชาชนที่ต้องการให้นำประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย
   จนกระทั่งรัฐบาลเผด็จการถูกนักศึกษาและประชาชนขับออกจากตำแหน่งเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 ซึ่งนิสิต นักศึกษาจากหลายสถาบันและประชาชนต้องสังเวยชีวิตล้มตายเป็นจำนวนมาก บ้างก็บาดเจ็บพิการ บ้างก็เสียสติด้วยความหวาดกลัวสุดขีดกับภาพการฆ่าแกงที่กระทำเพียงฝ่ายเดียวของผู้ถืออาวุธ ในเหตุการณ์เรียกร้องรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยครั้งนี้
   การใช้กำลังและอาวุธสงครามเข้าปราบปรามประชาชน นิสิตนักศึกษาอย่างโหดเหี้ยมทารุณในเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตย นับเป็นประวัติศาสตร์การเมืองหน้าสำคัญของประเทศไทย
   ต่อมาวันที่ 14 ตุลาคมได้รับการสถาปนาจาก รัฐบาลให้เป็นวันประชาธิปไตยเพื่อรำลึกถึงคุณูปการของวีรชนที่สละชีพจนได้มา ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจนถึงทุกวันนี้
     หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ผ่านไปได้เกิดเหตุการณ์นองเลือดครั้งใหญ่อีกครั้งคือเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519
 
เหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519  "ตุลามหาโหด"
 
             
         เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายกฯสัญญาว่าจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่แห่งราชอาณาจักรไทยคาดว่าไม่เกิน 6 เดือนให้ชาวไทยได้ใช้กันมีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรโดยเร็ว
ต่อมา ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี
        ประเทศไทยก็เกิดเหตุการณ์นองเลือดอีกครั้งหนึ่ง เมื่อจอมพลถนอมเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2519 นักศึกษาประชาชนและญาติผู้เสียชีวิตมากมายจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เรียกร้องให้รัฐบาลสมัยนั้นแก้ปัญหาโดยการให้จอมพลถนอมออกจากประเทศไทยหรือ จัดการกับจอมพลถนอมตามกฎหมายเกี่ยวกับการฆาตกรรมหมู่บนถนนราชดำเนิน ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และบนท้องถนนสนามหลวง
          ประชาชนและญาติผู้เสียชีวิตได้มีการประชุมกันเป็นครั้งคราวจนกระทั่งวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2519 นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปิดประกาศต่อต้านจอมพลถนอมถูกทำร้ายบางคนถึงสาหัส
          ส่วนที่นครปฐม พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 2 คน ปิดประกาศต้านจอมพลถนอมกลับมาได้ถูกคนร้ายฆ่าตายและนำไปแขวนคอในที่สาธารณะต่อมารัฐบาลยอมรับว่าคนร้ายนั้นก็คือตำรวจนครปฐมนั่นเอง
             นักศึกษาและประชาชนนำผู้พิการซึ่งได้รับบาดแผลจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 มาประท้วงจอมพลถนอมและรัฐบาลให้จัดการกับฆาตกรที่ฆ่าพนักงานการไฟฟ้า นักศึกษาบ้างอดอาหาร จนกระทั่งเกิดการแสดงการแขวนคอพนักงานไฟฟ้าภูมิภาคขึ้น สื่อมวลชนกลุ่มขวาจัดเช่น กลุ่มนวพล ฯลฯได้บิดเบือนว่าเป็นการแสดงที่นักศึกษาต้องการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการยั่วยุให้ทำร้ายนักศึกษาโดย น.ส.พ.ขวาจัดดาวสยามประโคมข่าวทุกวันและวิทยุเครือข่ายยานเกราะของทหารบกปลุกระดมอยู่ตลอดเวลาว่า นักศึกษาประชาชนผู้ประท้วงเป็นพวกคอมมิวนิสต์ ให้จับตัวมาลงโทษ
          วันพุทธที่ 16  ตุลาคม พ.ศ. 2519 ขณะที่ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาประชาชนประท้วงการกลับมาของจอมพลถนอมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เวลา 7.30 น. ตำรวจไทยโดยคำสั่งของรัฐบาลเสนีย์ ปราโมช ได้ใช้อาวุธสงครามบุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการยิงไม่เลือกหน้า คำสั่งของนายกรัฐมนตรี เป็นการกระทำของรัฐบาลโดยเอกเทศมิได้หารือกับอธิการบดีเลย ซึ่งในช่วงวันดึกของคืนวันที่ 5 ตุลาคม อธิการบดีได้พูดโทรศัพท์กับ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีแล้วก็ตาม
   หากรัฐบาลต้องการเรียกตัวหัวหน้านิสิตนักศึกษามาสอบสวน ก็มีวิธีการที่จะเรียกตัวมาได้ ไม่ต้องใช้กำลังรุนแรงจนควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ มีกำลังของนวพล ของกลุ่มนายทุน นายทหารขวาจัด กระทิงแดง ลูกเสือชาวบ้านเข้ามาเสริม จากแรงยั่วยุของสถานีวิทยุทหารบกขวาจัดกระตุ้นให้มือที่ 3 ทำลายซ้ำเติมผู้ประท้วงอย่างโหดร้ายทารุณ
 
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ รสช. ฆาตกรโหด "พฤษภาทมิฬ"
 
ประวัติศาสตร์การเมืองไทยมีศูนย์รวมอำนาจไว้ที่คนเพียงกลุ่มเดียวหรือไม่กี่กลุ่มกับระบบราชการขนาดมหึมา ต่างร่วมกันเป็นตัวแทนแห่งการครอบงำสังคมอันกว้างใหญ่ไพศาลตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองของ "คณะราษฎร์" เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 จากระบอบเผด็จการสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย
    เหตุการณ์นองเลือดเมื่อ 6 ตุลาคม 2516 และ 14 ตุลาคม 2519 ก็เป็นอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อสู้ของนิสิตนักศึกษาและประชาชนที่ ต้องการให้พลเมืองมีสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายหลุดพ้นจากการปกครองแบบกดขี่ของ เผด็จการทรราช
    เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เกิดจากการหลงอำนาจผิดยุคผิดสมัยของ นายทหารกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งประกอบด้วย
พล.อ.สุจินดา คราประยูร
พล.อ.สุนทร์ คงสมพงษ์
พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล
พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี
ฯลฯ
ได้ทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2534โค่นอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งพลเอกชาติชาย ชุณหะวัน ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งแล้วตรารัฐธรรมนูญการปกครอง(ชั่วคราว)ขึ้นโดยเสนอตั้ง นาย อนันท์ ปันยารชุน เป็นนายรัฐมนตรี ขัดตาทัพ รสช.ตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติขึ้นมาด้วยอำนาจเผด็จการ ทำการคลอดรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 "ฉบับหมกเม็ด" เตรียมสืบทอดอำนาจให้ตนเอง เพาะเชื้อเผด็จการขึ้นมาเต็มรูปแบบอีกครั้ง โดยกำหนดว่า
 
# โดยกำหนดว่านายกรัฐมนตรีไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง (ไม่ต้องเป็น ส.ส.)
# ให้ข้าราชการดำรงตำแหน่งได้ (ควบตำแหน่งได้)
# แต่งตั้งนายทหารในกลุ่มเครือญาติคนสนิทขึ้นมาคุมกองทัพ
# การผนึกอำนาจทางการเมืองและการทหารเป็นศูนย์อำนาจ
เมื่อกระแสประชาชนคัดค้าน "สุจินดา" ก็ยอมรับปากจะไม่รับตำแหน่งผู้นำ แต่ในที่สุด "สุจินดา" ก็ยอมเสียสัตย์แก่ตนเองและสาธารณะชนยอม "เสียสัตย์" เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 โดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง จนนำไปสู่การประท้วงคัดค้านของประชาชนนับแสนคนบนถนนราชดำเนิน และหัวเมืองใหญ่ๆทั่วประเทศและถูก 3 หัวโจ๊กเผด็จการดังกล่าว ใช้กำลังปราบปรามประชาชนและนิสิตนักศึกษาอย่างนองเลือดโหดร้ายทารุณ สร้างรอยด่างพร้อยให้กับประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยอีกตำนานหนึ่ง
"พฤษภาทมิฬ" มีการยิง สังหาร ทำร้ายผู้บริสุทธิ์เรียกร้องประชาธิปไตยดั่งใบไม้ร่วง ระหว่างวันที่ 17,18 พฤษภาคม  2535 ดั่งโฮมเพจนี้ได้นำ "ภาพเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ" ดังกล่าวมาเสนอ ให้รำลึกถึง "วีรชน" และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทุพลภาพและผู้สูญหายไปเป็นจำนวนมาก ที่ได้ต่อสู้บนแนวหน้ากับเผด็จการนำประชาธิปไตยสู่ปวงชนอีกครั้งหนึ่ง.				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน