หิ่งห้อยน้อยใจ

 บทที่ 3 ภารกิจของผู้กล้า  

หลังจากที่ทั้งสองกินอิ่มหนำสำราญจนเส้นรอบพุงขยายจากเดิมเป็น 2 เท่าแล้ว
คุณกระต่ายหมูเตยก็พูดขึ้นว่า 
"ท่านจะให้ข้าทำอะไร ... ข้าอยากได้แหวนมณีนาคาคืนแล้ว"
"อาหารยังไม่หมดเลย กินให้หมดก่อนค่อยว่ากัน" 
กระต่ายยักษ์มองไปยังกองอาหารที่ดูเหมือนจะไม่พร่อง แถมยังมีลอยดึ๊กดึ๋ยเช้ามาเรื่อยๆ
"แต่เราไม่ไหวแล้ว"
หมุยักษ์เอ๊ย! กระต่ายน้อยร้องยอมแพ้
"กินได้อีกสิ เดี๋ยวเราจะช่วย หนูลิ มานี่"
"ได้จ๊ะปู่" 
หนูลิรับคำ นำน้ำเหนี่ยวๆ คล้ายน้ำผึ้งชโลมลงบนพู่กันยักษ์แล้วก็ทาลงบนพุงกลมๆ ของเจ้าลูกหมี(บ้า)กับกระต่ายยักษ์ เพื่อให้พุงขยายกินได้อีกหลายเท่า 
"หือ...ยังมีของกินอีกหรือ แต่ข้าทั้งอิ่มและง่วง ไว้ตื่นมาค่อยกินต่อได้มั้ย? เก็บไว้ก่อนละกันนะท่าน ว่าแต่ตอนนี้ข้าอยากได้แหวนของข้าคืนแล้ว" 
 น้ำเสียงของเจ้ากระต่ายหมูเตยชักจะเริ่มซึมๆ ง่วงๆ หนังท้องหนังตาหนักไปหมด เจ้าหมีน้อย(อะ)โกโก้เองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
"ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...ข้าเกรงว่าจะทำเช่นนั้นไม่ได้แล้วล่ะ น้องกระต่ายหมู 
จริงอยู่ข้ารับปากว่าจะช่วยเอาออกให้ได้แต่ท่านต้องช่วยข้าก่อน และเมื่อท่านช่วยข้าแล้ว 
ข้าเกรงว่าจะสามารถนำรัดเกล้าหรือแหวนนั่นออกจากหัวพี่หมีได้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้มันกลับคืนไป"
ตาเฒ่าพีทจังแยกเขี้ยว เอ๊ย แสยะยิ้ม ยืนตระหง่านอยู่ที่หัวโต๊ะ ยกไม้เท้าในมือขึ้นโบกเป็นวงหนึ่งรอบ 
แล้วจานชามช้อนส้อมทุกอย่างก็หายไป เหลือเพียงแต่พร้าทองคำ เอ๊ย มีดทองคำอันยาวเหยียดที่ยังวางอยู่  พร้อมๆ กับที่หนูลิขยับเข้ามาข้างๆ เอ่ยว่า
"นี่จ้ะปู่"
 แล้วแผ่นหนังใหญ่ยักษ์สีน้ำตาลกระดำกระด่างในมือหนูลิก็ปลิวลงมาวางกลางโต๊ะ เผยให้เห็นลายเส้นขีดไขว้ไปมามากมายคล้ายแผนที่
พีทซังกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง 
"สิ่งที่ข้าอยากให้พวกเจ้าสองคนช่วยคือ ตามหากุญแจข้ามภพ ให้เจอแล้วนำมันมาให้ข้า"
ทั้งสองหันมามองหน้ากัน แล้วกันกลับไปประสานเสียงถามพีทซังหน้าตาตื่นด้วยความตกใจ 
"กุญแจข้ามภพ?!?! ... มันครืออารายอ่ะ"
พอถามจบก็หันหน้าไปตามเสียงสวบสาบจากชายกระโปรงหนูลิ ที่เอ่ยตอบขึ้นว่า...
"มันคือกุญแจที่จะพาปู่ไปยังสถานที่หนึ่ง เป็นสถานที่ที่มีผลพุทราวิเศษ  ใครที่ได้กินผลพุทราน้อยนั้น จะเป็นอมตะ 
ที่สำคัญ จะหนุ่มขึ้นด้วย แบบว่า ปู่แกไม่ยอมแก่น่ะ อิอิ" 
ประโยคสุดท้ายแอบส่งเป็นเสียงกระซิบให้ทั้งสองได้ยิน
"พุทราวิเศษ ! โอ้  ข้าเคยได้ยิน  แต่ไม่คิดว่าจะมีจริง ๆ  แล้วมันอยู่ที่ไหนกันล่ะท่าน  
ไม่เคยมีใครพบเห็นมันมาก่อนเลยไม่ใช่รึท่าน  แล้วเราสองตัวจะไปค้นหามันที่ไหน  
อีกอย่าข้าอิ่มซะขนาดนี้เห็นทีกลิ้งไปน่าจะเร็วกว่าเดินนะท่าน และข้า....  ข้า....  
ง่วงนอนนนนนนนน  ขอหลับก่อนได้หรือเปล่าท่าน ?  ตื่นมาแล้วค่อยเดินทาง"  
ว่าแล้วเจ้ากระต่ายน้อยหมูเตย  ก็คว่ำหน้าลงนอนบนโต๊ะอาหาร  ^_^
ด้วยความใจร้อน พ่อมดพีทซังเก๊าะดีดนิ้ว เรียกแมลงตัวน้อยมีแสงเรืองรองให้มาเกาะบนตัวเจ้ากระต่าย  
ทันใดนั้นหัวกระต่ายหมูเตยเก๊าะสั่นยังกะโดนไฟช็อต 
หมีน้อย(อะ)โกโก้ตกใจ
"แย่แล้ว แย่แล้ว ท่านปู่ทำอะไรหมูเตย ดูสิ สั่นไปหมดแล้ว   ทำไงดีล่ะหนูลิ"
"ไม่ต้องทำอะไร เอาเกลือคลุกแล้วโยนลงกะทะทอดได้เลย" 
เสียงเย็นๆ ส่งมาจากหนูลิ
กระต่ายหมูเตยได้ยินดังนั้น เลยสะดุ้งตื่นดังผึง ที่ตื่นไม่ได้กลัวอะไรหรอก  กลัวเสียงกระเพาะของหนูลิ ที่ร้องดังอยู่ตอนนี้น่ะสิ
"เอาล่ะๆ  พวกท่านเล่นสนุกกันพอหรือยัง แขกน้อยๆ (อ้วนพี) ทั้งสองของข้า"  
พ่อเฒ่าพีทซุงกระแอมขึ้น  
"ถ้าคืนนี้ไม่ทำการบ้านให้เสร็จ ไม่ปล่อยให้ไปนอนจริงๆ ด้วย  เอ้านี่... ดูแผนที่นี่ซะ เห็นมั้ยว่ากากบาทสีแดงๆ นี่คืออะไร"
"ไม่รู้" 
ทั้งสองพร้อมใจกันส่ายหน้า 
"มันครือ..." 
ทั่นปู่พีทซังกระแอมกระไอ 
"จ๊ากกก! ไม่ใช่ตอบให้มันจริงจังหน่อยซิเจ้าน้องหมูเตย นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ซึ่งมีเดิมพันเป็นชีวิตของประชากรเมืองนี้ทั้งเมือง" 
พ่อเฒ่าพีทจังดุเจ้ากระต่ายหมูเตยจนสะดุ้ง
"กากบาทสีแดง มันก็คือ....เครื่องหมายผิดสีแดง..ใช่มั้ยล่ะท่าน" 
กระต่ายหมูเตยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง 
"ไม่ใช่หรอกตัวเอง"  
หนูลิบอกแล้วก็หันไปค้อนพีทจุง  
"แหม ปู่ก็แกล้งพี่หมีกับน้องหมูอยู่ได้"  
แล้วหันกลับมาเฉลยต่อ  
"มันคือหุบผานาคาอัคคี  อยู่ทางเหนือของปราสาทนี่แหละ ในระยะเดินทางหนึ่งวันหนึ่งคืน 
แต่ปัญหามันคือ ระหว่างทางจะต้องผ่านป่าเปรี้ยวจี๊ดซึ่งเป็นดินแดนของเทพธิดาเชอร์เบต 
ซึ่งปู่เข้าไปไม่ได้ เพราะจะเสียวฟันจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น"
"ไม่เอาอ่ะ ข้าชอบของหวาน ไม่ชอบของเปรี้ยว" 
พี่หมี(อะ)โกโก้พูดขึ้น หลังจากนิ่งคิดได้ครู่หนึ่ง
"อืมมม... นั่นซิ ข้าก็ชอบของอร่อย ในป่านั่นมีอะไรเปรี้ยวแล้วอร่อยๆมั้ยอ่ะ" 
กระต่ายหมูเตยหันไปถามปู่พีทจัง .. ซัง .. คุง ... ซุง หรือ จุง -_-a
เฒ่าพีทจังได้ยินคำถามก็อดคิดไม่ได้ว่างานนี้จะได้เรื่องมั้ยฟระ เจ้าสองตัวคิดแต่เรื่องกิน 
เจ้าพี่หมีก็ไม่ค่อยเท่าไหร่แต่ไอ้เจ้าน้องหมูเตยนี่สิหนักเอาการ 
"ถ้าท่านไม่อยากได้แหวนมณีนาคาคืนก็ตามใจนะ ท่านหมูเตย  แต่ข้าจะบอกอะไรท่าน(อะ)โกโก้ซักอย่าง
 คือแหวนมณีนาคาตอนนี้ใหญ่จนใส่หัวท่านเข้าไปได้ก็จริง แต่ครบ 3 วันเมื่อไหร่ มันจะหดเล็กลงตามเดิม 
คือเท่านิ้ว แต่มันจะไม่หลุดจากหัวท่านหรอกนะ มันจะบีบหัวท่านจนระเบิดคาแหวนไปอย่างนั้นแหละ โฮ่ๆๆ"
ตาเฒ่าใจร้ายบอกสัตว์น้อยทั้งสองแล้วก็หัวเราะชอบใจใหญ่
"จ๊าก" 
หมีหุ่นโอ่งร้องด้วยความตกใจกล้วว่าถ้าถูกแหวนบีบหัวหน้าที่ไม่หล่ออยู่แล้วจะยิ่งแย่ไปหรือเปล่าหนอ  
"ไปกันเถอะหมูเตย" 
จึงหันมาชักชวนน้องกระต่ายชื่อหมูอย่างทันที 
"ข้าไม่เชื่อท่านหรอก !!!" 
กระต่ายยักษ์ตะโกนลั่น
ผู้เฒ่าพีทจังมองไปที่ต้นเสียงแล้วหัวเราะร่า 
ก็ตามใจถ้าเจ้าไม่เชื่อ รอคอยวันสมองไหลได้เลย
ทั้งหมีและกระต่าย(หมู)หันมองหน้ากันอย่างชั่งใจ สุดท้ายก็ตอบรับเสียงอ่อย
"ก็ได้ พวกข้ายอมไปที่ผานาคาอัคคี แต่ว่าการผ่านป่าเปรี้ยวจี๊ดนี่สิเป็นปัญหาใหญ่ พวกข้าจะทำยังไง"
เฒ่าพีทหัวเราะ หึหึ พลางลูบเคราแพะของตัวเองเบาๆ อย่างครึ้มอกครึ้มใจ
"เทพธิดาเชอร์เบตนั้นได้ชื่อว่า ไม่เคยหลับใหล ถ้าเจ้าอยากจะฝ่าไปได้โดยที่ไม่เสียวฟันจนลงไปชักดิ้นชักงอล่ะก็...  
จงไปหาขลุ่ยสีเงินให้พบ เมื่อถึงทางเข้าป่าเปรี้ยวจี๊ด ก็จงเป่าขลุ่ยนั้นด้วยเสียงเพลงแห่งความว่างเปล่า  
เพียงเท่านั้น เทพธิดาเชอร์เบต ก็จะหลับใหลราวต้องมนต์ ความเปรี้ยวจี๊ดของป่าทั้งป่าจะหายไป  
แต่พวกเจ้าต้องรีบหน่อย เพราะว่ามนต์สะกดนี้จะออกฤทธิ์เพียงแค่ 3 ชั่วโมง 
ถ้าครบกำหนดแล้วยังไม่สามารถผ่านออกไปได้พวกเจ้าก็จะโดนเทพธิดาเชอร์เบต สาปให้เปรี้ยวตายอยู่ในป่านั่นแหละ !!!"
จบคำ ชายเฒ่าพีทจังก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังประหนึ่งฟ้าผ่า แต่เป็นฟ้าผ่าลงกลางกบาลของสองคู่หูนั้น ในความรู้สึก... 
"แล้วเราจะไปหาขลุ่ยสีเงินได้ที่ไหนล่ะท่าน" 
พี่หมีพูดด้วยความร้อนใจ
"เห็นรูปเครื่องหมายถูกสีเขียวในแผนที่มั้ย ขลุ่ยสีเงินถูกเก็บรักษาไว้ที่นั่น"  
หนูลิพูดเสียงเป็นงานเป็นการ
"แล้วที่นั่นคือที่ไหน" 
กระต่ายหมูเตยถามขึ้นบ้าง
"ที่นั่นคือ ป่าแห่งความวังเวง" 
หนูลิพูดอีก
"แล้วที่นั่นน่ากลัวมั้ย" 
พี่หมีถาม
"ไม่มีอะไรในป่านั้นน่ากลัวเท่าความวังเวง" 
หนูลิพูดด้วยเสียงติดรำคาญ 
"ความวังเวงมันคืออะไรอะพี่โก้"  
กระต่ายน้อยหันมาทำตาใสซื่อ
"มันคือความเงียบฉี่ไงน้องหมู"  
พี่หมีตอบ
"งั้นก็ไม่น่ากลัวอะดิ"  
กระต่ายน้อยกระโดดลิงโลด เล่นเอาแผนที่เกือบกระเด็น  
"งั้นพรุ่งนี้เรารีบไปกันเลยนะ ตอนนี้หมูง่วงแล้วล่ะ"
"เดี๊ยววว..วว อย่าเพิ่งไปนอน" 
เฒ่าพีทซังรีบทักขึ้น ก่อนที่สองคู่หูจะพร้อมใจกันเดินไปหาที่นอน
"อาไรอีกง่ะ ข้าง่วงแล้ว" 
กระต่ายหมูเตยพูดไปหาวไป
"เพื่อความชัวร์ ข้าแถมตัวช่วย ข้ากลัวพวกเจ้าจะพลาด"
"ของแถมเหรอ!!!!" 
พี่หมีและน้องกระต่ายประเสียงกัน ความง่วงน้อยลงไปกว่าครึ่ง
"ถ้าเจ้าอยากจะไปให้ถึงขลุ่ยอย่างง่ายๆ ก็ต้องหาผู้นำทางให้เจอ"
หนูลิบอกอีก
"ผู้นำทาง ใคร" 
สองเสียงกล่าวพร้อมกัน
"ไม่รู้ แต่มีคนเรียกเขาว่า หิ่งห้อยน้อยใจ"
"และแน่นอนว่า"  
ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เสริมขึ้น  
"หนูลิหลานข้า จะร่วมไปดูแล (ควบคุมความประพฤติ) ของพวกท่านทั้งสองด้วย โฮ่ๆๆ"
"เฮ๊ย! ปู่ ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนี่" 
คราวนี้เป็นหนูลิที่ส่งเสียงโวยวายมา  ปู่นะปู่ ไหนบอกว่าแค่หลอกให้เจ้าสองตัวนี้ไปไง ไหงถึงได้มาเหมารวมเราไปด้วยนะ 
"ท่านปู๊ ท่านไม่รักข้าแล้วเหรอ ท่านจะให้ข้าตรากตรำเดินทางไกล  ข้าไปแล้วจะมีใครดูแลท่าน" 
เจ้าลิเอาขาหน้า เอ๊ย แขนเกาะปู่พีทซังคร่ำครวญ แล้วปล่อยโฮฮฮฮ 
พ่อมดชั่วร้ายพีทซุงกระซิบกับหลานสาวคนสวย  
"จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป เจ้าลิน้อย  เจ้าก็ออกจากปราสาทไปด้วยกัน 
พวกมันจะได้ตายใจว่าไม่มีอันตราย แต่เจ้าจะไปกับพวกมันถึงแค่ไหนก็อีกเรื่องนึง ใครจะมาบังคับเจ้าได้ล่ะจริงมั้ย"
แล้วก็หันมาประกาศเสียงดัง
"เอาล่ะ ท่านทั้งสองจงไปนอนหลับพักผ่อนกันให้สบาย เพราะอาจจะเป็นคืนสุดท้าย... เอ้อ... 
หมายถึงที่ได้ค้างคืนในปราสาทของข้า  พรุ่งนี้จะได้เริ่มออกเดินทางแต่เช้า"

  โปรดติดตามตอนที่ 2.... เมื่อหนูหิ่ง ฯ ลอก  "^ ^" และจัดหน้าเสร็จ อิ ๆ ๆ ๆ 				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน