หิ่งห้อยน้อยใจ

 บทที่ 6 ป่าเปรี้ยวจี๊ด  

ถึงทางเข้าป่าเปรี้ยวจี๊ด หมีอ้วนก็ดึงขลุ่ยสีเงินออกมา แต่ตนเองเป่าขลุ่ยไม่เป็นจึงหันไปหาพรรคพวก
เอาไงดีล่ะ ข้าเป่าขลุ่ยไม่เป็นนี่นา
หนูหิ่งฯ บินเข้าไปใกล้บอกเคล็ดลับว่า 
เอาขลุ่ยเคาะต้นไม้ตรงทางเข้าป่าสามครั้ง แล้วจึงเป่า
เจ้าหมีทำตาม วิ่งไปเคาะขลุ่ยกันต้นไม้ใหญ่สามครั้ง ก่อนจะยกขลุ่ยจรดริมฝีปาก ยังไม่ทันที่จะเริ่มเป่า หมีอ้วนก็รู้สึกเหมือนเคลิบเคลิ้มในภวังค์ 
เสียงดนตรีจากแดนไกลแว่วเข้ามาในหู บทเพลงแห่งความว่างเปล่าได้เริ่มบรรเลงขึ้น... เวลาผ่านไปแค่ห้านาที 
แต่กลับยาวนานในความรู้สึกของผู้ที่รอคอย เมื่อบทเพลงจากขลุ่ยเงียบลง ป่าเปรี้ยวจี๊ดที่เต็มไปด้วยความเปรี้ยวและสีสันแสบตา 
ก็ค่อย ๆ จางลงจนกลางเป็นสีเขียวครึ้มของป่าแบบทั่ว ๆ ไป  หมีโกโก้มองป่าเปลี่ยนสีอย่างตกตะลึง และหันมาร้องเรียกเพื่อน ๆ 
เร็วเข้า...เรามีเวลาเพียงแค่สามชั่วโมงเท่านั้นนะที่จะฝ่าออกไปจากป่านี้ได้
หนูลิ ตวัดเสียงเขียว 
ฮึ...ข้าไม่ไปด้วยหรอกนะ ข้าเบื่อพวกเจ้าเต็มทีแล้ว อยากไปก็ไปกันเองแล้วกัน 
พูดจบหนูลิก็ผละหนีไป ทิ้งไว้แค่สามชีวิตคือ หมี กระต่ายหมูเตย และพรานหิ่งห้อยฯ  ทั้งสามมองหน้ากัน 
ตกลงเข้าไปในป่าที่เงียบสนิทเพราะต้องมนต์แห่งเสียงเพลง ขณะที่เดินดุ่ม ๆ กันอยู่นั้น เจ้ากระต่ายยักษ์ก็อดสงสัยบางอย่างไม่ได้ เอ่ยถามหิ่งห้อยว่า
พี่หิ่งฯ เทพธิดาเชอร์เบต ดุไหม แล้วทำไมถึงมาอยู่ในป่าเปรี้ยวจี๊ดนี่ล่ะ
หิ่งห้อยน้อยใจ บินมาเกาะที่หูกระต่าย พลางกระซิบกระซาบตอบ 
เทพธิดาเชอร์เบต ไม่ดุหรอก แต่ชอบจิก กัด แขวะ แซว แบบเจ็บ ๆ คัน ๆ เท่านั้นเอง พวกเจ้าเข้ามาในป่านี้ตอนนางหลับใหลน่ะดีแล้ว 
ขืนโดนเทพธิดาเชอร์เบตแกล้งเอาล่ะก็ บรึ๋ยย...ข้าไม่อยากพูดถึง รีบเดินเหอะ เวลามีไม่มาก
พรานตัวจ้อยตัดบท และบินไปข้างหน้าเพื่อนำทาง... 
ทั้งกระต่ายทั้งหมี วิ่งตามพรานหิ่งน้อย  เจ้ากระต่ายอ้วนตะโกนถาม (หอบๆ) ไปพลาง
"แล้วนี่เราต้องไปอีกไกลมั้ย หนูหิ่ง"
"ไม่ไกลหรอกหมูเตย"  
หิ่งน้อยตอบโดยไม่หันมา  
"ระยะเวลาคนเดินก็ประมาณชั่วโมงเดียวเท่านั้นแหละ  แต่ถ้าเป็นพวกเจ้าก็อาจจะสองชั่วโมงนะ"
แต่ผู้กล้าทั้งสามเดินทางไปได้เพียงยี่สิบนาที หมีพี่โก้ก็ร้องขึ้น
"เอ๊ะ นี่เรากลับมาที่เดิมนี่ !!!!" 
"แย่ล่ะ ข้าลืมไป ถึงป่าจะหลับใหล แต่กลอุบายนั้นไม่เคยหลับ ป่าแห่งนี้นอกจากจะเปรี้ยวจี๊ดแล้ว ยังวกวนยิ่งกว่าเขาวงกตร้อยเท่าอีกด้วย"
พรานหิ่งห้อยฯ ร้องบอกกับตัวเอง แต่ได้ยินชัดเข้าไปในรูหูของหมี(อะ)โกโก้และหมู เอ๊ย...กระต่ายหมูเตย
"โฮ...แงๆๆๆ ไม่เอา ข้ายังไม่อยากตายในป่าเปรี้ยว ๆ ข้าชอบของหวาน ๆ ใครก็ได้ ช่วยด้วย ฮือๆๆๆๆ"
กระต่ายกับหมี ต่างร้องไห้โฮประสานเสียง จนหนูหิ่งฯ ต้องเอามืออุดหูเพราะรำคาญ  ทันใด ก็มีหญิงสาวในชุดกรุยกรายปรากฏร่างตรงหน้า เธอไม่ได้ยืน แต่ลอยอยู่
"ใครมาร้องไห้กระจองอแงแถวนี้"
ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกายแสงสีแดง   ...มันเป็นสีแดงที่หม่นหมองแฝงด้วยความเศร้าสร้อย...
หมีพี่โก้หยุดร้องไห้ทันที น้ำตาที่ย้อยจากข้างแก้มยุ้ยๆ หยดแหมะลงบนเข่า  ตาชื้นๆ ตี่ๆ ที่ตอนนี้ดูบวมๆ (พยายาม) 
เบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึงในความงามของหญิงสาวในชุดกรุยกรายเจ้าของตาแดงเศร้าคู่นั้น
"ทะ... ทะ... ท่าน... เป็นใคร... (ทำไมสวยจัง)"
"ข้าครือเทพธิดาเชอร์เบ็ตจี๊ด  หรือทั่นจะเรียนข้าว่าเฟิร์นซ่าก็ได้นะ"
"เอ่อ...ท่านมีแฟนหรือยัง   ข้า ข้า เอ่อ คือ" 
เจ้าหมี(อะ)โกโก้พูดอย่างแผ่วเบา ในขณะที่สายตายังคงจ้องมองเทพธิดาอย่างเหม่อลอย  
"อ่อ เหตุที่ท่านร้องไห้นั้นเพราะยังไม่มีแฟนล่ะสิ" 
เทพธิดาเชอร์เบ็ดจี๊ดหัวเราะเอียงอาย พลางคิดในใจว่าเจอหมีเจ้าชู้เข้าให้แล้ว แต่คิดไปแล้วก็ตัวกลมเต็มไม้เต็มมือดีหรอกนะ
พี่หมีเดินเข้าไปใกล้ ถือวิสาสะจับมือเทพธิดาเชอร์เบ็ตจี๊ดมากุมไว้ แถมยังเบียดตัวเข้าใกล้ จนเกือบเป็นกอด และพูดกับนางว่า
"ถึงคุณจะไม่มีใครอยู่เคียงข้างในบรรยากาศแสนเหงานี้ แต่ถ้าคุณมีผมอยู่จะไม่เหงาแน่นอน"
หิ่งน้อยกะกระต่ายหมูเตยทำตาโตเท่าไข่ห่านมองหมีพี่โก้อย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าเจ้าหมีโก้จะเป็นได้ถึงเพียงนี้ 
แล้วพยายามคิดว่าเหตุใดหนูลิจึงมีท่าทีปั้นปึ่งหมั่นไส้พี่หมีตลอดเวลา หรือว่าพี่หมีโก้แอบไปทำเจ้าชู้กะหนูลิเข้าตอนไหนที่พวกเขาไม่เห็น
"แต่เดี๋ยวก่อน หิ่งว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วนะหมูเตย คิดดูดิป่าหลับเพราะเทพธิดาเชอร์ฯ หลับ
แล้วนี่จะมีเทพธิดาเชอร์ได้ไงทั้งที่ป่ายังหลับอยู่ หรือว่าเป็นกลลวงของป่าอีกเนี่ย? 
เพื่อถ่วงเวลาพวกเราไม่ให้ออกจากป่าได้ทันเวลาสามชั่วโมงแล้วพวกเรา 
พวกเราก็ ก็ ก็จะต้องเปรี้ยวตายอยู่ในป่านี้" 
กระต่ายชื่อหมูได้ยินก็สะดุ้งตกใจตาที่โตเป็นไข่ห่านอยู่แล้วก็โตมากขึ้นกว่าเก่าจนแทบถลนออกมา
"ม่ายยยยยย ม่ายยยยยนะ ม่ายยยยยยย หมูไม่ยอมเปรี้ยวตายในป่านี่แน่หิ่งน้อย โอ้ม่ายยยยยยยยยย" 
เจ้ากระต่ายโวยลั่น
"เราต้องรีบหาทางแก้ไขนะหมูเตย ว่าแต่ตอนนี้ยังคิดไรไม่ออกฟร่ะ แต่ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมง 
ตอนนี้นายหมีโก้กำลังไร้สติยั้งคิดเราต้องทำให้เขาคิดได้ก่อน หมูเตยช่วยคิดด่วน หิ่งคิดไรไม่ออก"
หมูเตยกลอกตาไปมา ที่จริงก็ยังคิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน แต่เห็นพี่หมี(อะ)โกโก้พยายามเบียดกระแซะสาวลึกลับที่ลอยได้
และอ้างตัวว่าเป็นเทพธิดาจี๊ดแล้ว ก็ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด
"ตาพี่โก้ต้องตกอยู่ในมนตร์สะกดแน่เล้ย"  
พึมพำกับตัวเอง แล้วก็วิ่งเข้าชาร์จ ชนห่วงยางนิ่มๆ ของพี่โก้ จนกระเด็นล้มกลิ้งไปทั้งสองคน
"อูยยย..ยยยย" 
พี่หมี(อะ)โกโก้ ครางหลังจากพยายามดันน้องกระต่ายหมูเตยที่กลิ้งล้มทับตัวเองอยู่
"น้องกระต่าย ทำร้ายพี่ทำไมครับ" 
พี่หมีลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า
"หรือว่า....น้องกระต่าย จะแย่งเทพธิดาเชอร์เบ็ตไปจากพี่หมี"
"ไม่ใช่นะ พี่หมี ไม่ช้าย หมูเปล่า..."  
กระต่ายยักษ์ลุกขึ้นมาร้องเสียงหลง  
"พี่หมีคิดดูให้ดีๆ นะ เทพธิดาเชอร์เบ็ตตอนนี้นอนหลับอยู่ ก็พี่โก้เป็นคนเปล่าขลุ่ยสีเงินเองนี่นา จำไม่ได้เหรอฮะ  
แล้วนั่นจะเป็นเทพธิดาเชอร์เบ็ตได้ยังไง  แถมเรายังต้องออกจากป่าให้ได้ภายในสองชั่วโมงนี้ด้วย 
ไม่งั้นถ้าเทพธิดาเชอร์เบ็ตตัวจริงตื่นขึ้นมาล่ะก็ มีหวังเปรี้ยวตายอยู่ในป่านี้แน่ๆ เลย" 
"จริงนะ ไม่คิดจะแย่งจริงๆนะ" 
แม้ว่าน้องกระต่ายจะปฏิเสธอย่างหนักแน่น แต่พี่หมียังไม่วายมองด้วยสายตา หวาดระแวง
"ส่วนเรื่องเปรี้ยวตาย พี่หมีเชื่อว่า ความรัก ชนะทุกสิ่ง" 
พี่หมีพูดก่อนจะหันกลับไปมองหญิงสาวด้วยสายตาหวานเชื่อม  กระต่ายน้อยเกาหัวแกรก  
ดูเหมือนความรุนแรงจะไม่อาจคลายมนตรามัดใจ(หมี)ผู้ชายชื่อ(อะ)โกโก้ได้  หมูเตยยังพยายามชี้แจงแสดงเหตุผล
"แต่พี่โก้ฮะ  เทพธิดาตัวจริงน่ะ ตอนนี้หลับอยู่นะฮะ  เทพธิดาตัวนี้อะ ปลอมแน่ๆ ฮะ หมูฟันธง"
แต่หมีพี่โก้ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ยังคงเดินเข้าไปหาสาวลึกลับที่อ้างตัวว่าเป็นเทพธิดาเชอร์ฯ 
"ตายล่ะเอาไงดีฟระเนี่ย? แม่นาคาจ๋าทำไรซะอย่างสิ เฮ้อตายแล้วตาครุฑก็ไม่อยู่แล้วใครจะเป็นล่ามให้ได้ฟระนั่น?" 
กระต่ายหมูเตยมองตามพี่โก้อย่างเป็นห่วง แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำยังไง ร้องเรียกแม่นาคารัดเกล้าให้ช่วยแต่ก็ไม่วายยืนบ่นอยู่ตัวเดียว
"เทพธิดาเชอร์เบ็ตสุดสวยครับ"  
หมีพี่โก้พูดเสียงสั่นๆ  
"คุณอยู่คนเดียวคงจะเหงา แล้วก็เบื่อๆ  เราไปเดินเล่นกันเถอะครับ  ทิ้งพวกนี้ไว้ที่นี่แหละ น่ารำคาญจริงๆ... โอ๊ยยยยย"
แสงมณีสีส้มบนดวงตาของแม่นาคบนรัดเกล้าเปล่งประกายวาบขึ้น หมีพี่โก้ยกสองมือขึ้นกุมหัวร้องโอดโอย
"โอ๊ย เจ็บๆๆ  เจ็บแล้วจ้า กลัวแล้วจ้า โอ๊ยๆๆๆ"
ยังไม่ทันสิ้นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของพี่หมี(อะ)โกโก้ ควันสีขาวก็ลอยออกจากปากของพี่หมี 
และก่อนที่พี่หมีโก้จะล้มลงกระต่ายหมูก็กลิ้งหลุนๆ มาคว้าตัวไว้ได้ก่อนแล้วแบกร่างไร้สติของพี่หมีออกวิ่งนำหน้าไป 
หิ่งน้อยบินตามไปติดๆ จนกระทั่งวิ่งวนกลับมาอยู่ที่เดิม สาวลึกลับผู้อ้างตัวหัวเราะเสียงแหลมประหนึ่งเยาะเย้ยผู้บุกรุก 
หญิงสาวหรี่ตา แสยะยิ้ม ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหา 3 ชีวิตที่วิ่งหนีกันจนเหนื่อยแทบหมดแรง
แต่แล้วกลับเป็นฝ่ายของหญิงสาวลึกลับนั่นเสียเองที่ต้องกรีดร้องเสียงหลง เมื่อกระต่ายหมูเตยยกกระจกวารีขึ้นมาเป็นเกราะกำบังทั้งที่ยังตัวสั่นงันงกคิดว่าคงจะไม่รอด
แสงสว่างวาบเจิดจ้าของกระจกสาดฉายปกคลุมไปจนทั่วป่าเปรี้ยวจี๊ดและวูบหายไปพร้อมร่างของหญิงสาวผู้มาดร้ายตนนั้น 
"อ๊ะ! นั่น ดูนั่น หมูเตย ทางเปิดแล้ว" 
เสียงร้องของหนูหิ่งทำให้กระต่ายหมูค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากหลังกระจก ตาที่หลับปี๋ทั้งข้างค่อยๆ หรี่ขึ้นมาทีละข้าง เพื่อแอบดูลาดเลา 
จริงด้วย รอบบริเวณเป็นป่าสีซีดๆ ที่พวกตนเดินหลงอยู่เป็นนานสองนาน แต่มีช่องแคบๆ ที่เป็นป่าสีสันสดใสดูชุ่มชื้นกว่าป่าหลับใหลที่เห็น 
"สงสัยนางมารตัวตะกี้คงคอยเฝ้าไว้ไม่ให้มีใครได้เจอทางออกเป็นแน่ เพราะแม่นั่นยืนอยู่ตรงนั้นตลอด" 
กระต่ายหมูสันนิษฐาน
"อย่าพูดมากเลยหมูเตยรีบปลุกพี่หมีแล้วเดินทางต่อเถอะเวลาไม่มีมากนัก เกิดทางปิดไปแล้วแม่นั่นโผล่มาอีกจะซวยกัน" 
หิ่งเตือน   หมีพี่โก้ตื่นขึ้นมาสะลึมสะลือสะโหลสะเหลตามหมูเตยและหิ่งน้อยไปอย่างไม่ค่อยมีสตินัก สัตว์ทั้งสามเดินไปจนเกือบจะถึงทางออกอยู่รอมร่อ 
แต่ทันใดนั้นสีเขียวสดของผืนป่าก็เริ่มจัดจ้าแสบตาขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับมีเสียงหาว + บิดขี้เกียจเปรี้ยวจี๊ดก้องไปทั้งป่า
"แย่แล้ว"  
หนูหิ่งร้อง  
"นี่เราวิ่งกันจนครบสามชั่วโมงแล้วเหรอเนี่ย เป็นไปได้ยังไง  เทพธิดาเชอร์เบ็ตตัวจริงตื่นแล้ว"
"พวกเราทางนี้" 
เสียงที่ดังขึ้นประหนึ่งเสียวสวรรค์ หนูลิที่ทุกคนคิดว่าหนีไปแล้วนั้น เข้ามานำทางทุกคนไปยังทางออกที่ใกล้ที่สุดก่อนที่ทุกตัวจะต้องเสียวฟันจนตาย
				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน