25 กรกฎาคม 2550 17:57 น.

คุณค่าภาษาไทย

เวทยา

...ทุกเส้นสายลายสือคือล้ำค่า
ทุกวาจาว่ากล่าวคือเล่าขาน
เป็นจารึกตกทอดตลอดกาล
เป็นตำนานคุณค่าภาษาไทย...

...อักขระศิลป์ศาสตร์ชาติสยาม
ลายอักษรงดงามตามสมัย
เอกลักษณ์โดดเด่นความเป็นไทย
ดำรงไว้คงอยู่คู่หมู่ชน...

...ภาษาไทยเป็น"ไท"มานานช้า
คู่แผ่นพื้นพสุธาทุกแห่งหน
เข้าซึมซาบสู่ทั่วทุกตัวคน
เป็นตัวตนฝังลึกในจิตใจ...

...จะรักษาประเทศทุกเขตคั่น
จะคงมั่นเอกราชแม้ชาติไหน
ภาษาศาสตร์ต้องอยู่คู่กันไป
เป็นรากใหญ่เหนี่ยวรั้งยั้งเผ่าพงศ์...

...แม้นไม้ใหญ่ไร้รากจะฝากฝัง
พลพลังกูลเกื้อฤๅเหลือหลง
แม้นภาษาบอบช้ำเกินดำรง
สยามคงหมดค่าเกินอาลัย...

...ใครจะรู้ชาติไทยสมัยนี้
ที่เพื่อนพ้องน้องพี่มีอาศัย
มีแผ่นพื้นยืนอยู่ทุกผู้ไป
เพราะภาษาสร้างไทยไว้ให้เรา...

...อย่านึกเพียงว่าของโบราณกว่า
อย่าไปฟังวาจาของใครเขา
ใครคนอื่นกล่าวหาปัญญาเบา
แม้นของเก่าแต่ของเราจะทำไม...

...ภูมิใจเถิดชาติอื่นหมื่นภาษา
ที่ดีกว่างามกว่าหาที่ไหน
นี่แหละหนาคุณค่าภาษาไทย
เก็บมันไว้ใส่ใจกว่าชั่วกัลป์...

ภาษาไทย ถ้าคนไทยผู้ใช้ภาษา ไม่เห็นค่าสำคัญ
แล้วจะให้ใคร มามองมันอีก
				
24 กรกฎาคม 2550 15:56 น.

มองฟ้า(อีกที)

เวทยา

ใส่เอาไว้2บท^-^
 
๏จันทราร่ำไห้...           
โศกอาลัยไปทั่วทุกท้องถิ่น     
จันทร์บนฟ้าก้มมองผองแผ่นดิน
คนบนดินแหงนมองจ้องพระจันทร์
 
นภาหมองจันทร์เจ้าก็เหงายิ่ง
ทั่วทุกสิ่งรำเพยเยาะเย้ยหยัน
พสุธาเลอะกิเลสสารพัน        
คงปล่อยมันวางจิตอนิจจา...



๏จันทร์เอ๋ยจันทรา      
แม้นมาดว่าจิตปองประคองหมาย      
ขอสนิทชิดแอบเอาแนบกาย      
แม้ตนตายวายสิ้นก็ยินดี      
 
อยากจักอยู่คู่กันกับจันทร์เจ้า      
เพื่อลบความเงียบเหงาข้างในนี่      
จนกว่าฝันฝังใจจะได้มี         
จนกว่าที่แจ่มจันทร์จะจืดจาง...				
24 กรกฎาคม 2550 15:48 น.

มองฟ้า

เวทยา

...ดวงเอ๋ยดวงดาว...       
ประกายพราวแสงทองประคองฟ้า  
จากค่ำคืนมืดมิดจิตชีวา          
เดือนดาราใฝ่ฝันยังมั่นคง       
 
ท่ามกลางฟ้ามืดมัวทุกทั่วทิศ   
พานความคิดติดใจให้ใหลหลง
พานตัวเอาเมามัวไม่ซื่อตรง    
จำใจปลงคงมั่นยังหวั่นเกรง...				
9 กรกฎาคม 2550 07:50 น.

...ลมเอย...

เวทยา

... ๏ลมเอยลมพัด
เจ้าโลมลัดล่วงล่องทำนองสาย
ค่อยปล่อยปลิวฉิวเฉียดเลาะเลียดกาย
ค่อยผ่อนคลายความเหงาตัวเราเอง...
 
...๏เจ้าพัดโบกโยกสยายที่ปลายหญ้า
เจ้าพัดพาความเศร้าเอาข่มเหง
ที่ร่ำร้องรุมเร้าเข้าบรรเลง
ที่วังเวงกลืนกล้ำครอบงำใจ...
 
... ๏ที่เวียนวนยลจิตให้สับสน
ที่ปานปนลนลานดั่งผลาญไหม้
มิได้รู้อื่นนั้นเป็นฉันใด
พานฤทัยเหยียบย่ำจวบค่ำคืน...				
4 กรกฎาคม 2550 07:52 น.

...เหงา...

เวทยา

๏โลมเอยโลมลัด...
เจ้าลมพัดโบกเบาเข้าพ้นผ่าน
สายลมโชยโปรยเรื่อยค่อยเฉื่อยนาน
เจ้าพัดพานความเหงาบรรเทาใจ

กลางค่ำคืนชื่นจิตสนิทมั่น
ที่เหน็บหนาวคาดคั้นจนหวั่นไหว
บรรยากาศปราศสิ้นชีวินใด
นภาลัยหม่นมืดจนจืดจาง

โอ้โลมเอยลมเบาเจ้าเป็นเพื่อน
จากชีวิตบิดเบือนที่หมองหมาง
กี่ความเหงาเฝ้าคอยต้องปล่อยวาง
ดวงชะตาบอบบางจวบร้างไป

เอยชีวิตกี่คืนได้ชื่นฝัน
ปานตะวันส่องหล้าเคยสดใส
ต้องตกอับอาภัพสดับใจ
จนเหลือไว้เพียงว่าหมดราตรี

อากาศหนาวเย็นไปทั้งใจข้า
กาลเวลายากเกินจะเดินหนี
ความอบอุ่นจิตใจคงไม่มี
ตราบตัวตนคนนี้จะกล่าวลา

โอ้คืนเอ๋ยเพียงเราเท่าที่อยู่
ไม่มีใครเคียงคู่ให้มองหา
ไร้ดวงเดือนดาชื่นอื่นนานา
เกินจะกล่าววาจาสดับใด

ใจที่ช้ำค่ำคืนยังมืดหม่น
ฟ้าสับสนสิ้นฝันอันสดใส
อากาศหนาวตอกย้ำถึงน้ำใจ
ความสุขใดตัวฉันมิมั่นมี

ยังร่ำร้องฟ้องฟ้าว่าใจดำ
ปล่อยความมืดครอบงำจนถึงที่
เพียงความเหงาเท่าเทียบเปรียบราตรี
จะราวีตามไปถึงไหนกัน

กว่าอรุณอุ่นหล้าจะกล้าแสง
คงหมดแรงเหนี่ยวรั้งจะยั้งหยัน
กว่าถึงวารพานพบสบตะวัน
คงเพียงความเงียบงันกว่าวันตาย

กว่าค่ำคืนเนิ่นนานจะผ่านพ้น
ทั้งตัวตนล้นลับดับสลาย
ที่โรมรันคั้นบีบจนชีพวาย
จนบั้นปลายสุดล้ำแห่งค่ำคืน...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเวทยา
Lovings  เวทยา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเวทยา
Lovings  เวทยา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเวทยา
Lovings  เวทยา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเวทยา