5 กุมภาพันธ์ 2548 23:05 น.

หมา(หัว)เน่า

แก้ว กรุงเก่า

ล่องลอยอย่างอ้อยอิ่ง          สงบนิ่งมานานวัน
ยื้อแย่งแมลงวัน                ต่างพากันมายินดี
  
ใครพบประสบพักตร์        ก็ชะงักและเดินหนี
สำทับว่าอัปรีย์                   บ้างทำท่าจะอาเจียน

ลอยผ่านหน้าบ้านใคร        เขาด่าไล่ไม่อยากเขียน
เสียงบ่นยังวนเวียน           และต่อว่าสารพัน

เล่าขานเมื่อกาลก่อน          เฝ้าบ้านนอนตอนกลางวัน
คืนค่ำจะแข็งขัน                 เป็นยามเฝ้าให้เจ้านาย

จดจำคอยสำเหนียก            เจ้านายเรียกจะรีบกราย
ภักดีจนตัวตาย                   กตัญญูรู้คุณคน

วันก่อนเป็นหมาเก่ง           เขาเพ่งเล็งประโยชน์ผล
หมา(หัว)เน่าเจ้าต้องทน       อย่าครวญคร่ำ...จงทำใจ				
30 มกราคม 2548 19:49 น.

ในห้วงคำนึง

แก้ว กรุงเก่า

พลันความคิดพล่านพลุ่งสะดุ้งตื่น
ในค่ำคืนงดงามดั่งความฝัน
แสงเดือนเพ็ญแจ่มกระจ่างเหมือนกลางวัน
ท่ามแสงจันทร์ใจเราเหงาชอบกล

หอมไม้ป่าอบอวนชวนซาบซ่าน
ดงกันดารตื่นใจให้ฉงน
อยากหยุดวันคืนสุขซ่อนซุกซน
สัปดนไว้ประดับสัปดาห์

เล่ห์รตีลีลารดาดาษ
พิศวาสหวามจิตน่าอิจฉา
เพียงเพ่งภาพที่ถวิลจินตนา
เสน่หาฤาร้างไปห่างเรา

หลงเพลิดเพลินเดินไปกลางไพรพฤกษ์
ในยามดึกโดดเดี่ยวให้เปลี่ยวเหงา
แมกไม้เหมือนม่านคลุมตะคุ่มเงา
ผ่านใหล่เขางดงามไปตามทาง

ถึงอกเขากลมกลึงตะลึงพิศ
ชะงักนิดนวลเนินไม่เดินห่าง
ออกอายเอียงเลี่ยงลงไปตรงกลาง
ท้องทุ่งกว้างเดินหลีกคงอีกไกล

เห็นเนินผาหญ้ารกปกคลุมเข้า
เป็นโขดเขางามตาน่าสงสัย
มีรอยเคียวเกี่ยวถากเห็นรากไทร
มีร่องใหลแอ่งน้ำจึงข้ามมา

ยามกระหายได้แรงจากแหล่งน้ำ
สดชื่นยามดื่มกินถวิลหา
จวบจนสายแสบแสงแดดแยงตา
คือห้วงคำนึงก่อนจะมาเป็น...ปลาเค็ม				
29 มกราคม 2548 18:29 น.

คิดถึงมาก...รู้ไหม

แก้ว กรุงเก่า

สายลมเย็นพลิ้วไหวล้อใบหญ้า
ราวกับว่าทวงถามความคิดถึง
ลมพัดแผ่วพรมพรำห้วงคำนึง
ใครคนหนึ่งไกลห่างยังจดจำ

กับสิ่งที่มีค่าส่งมาให้
กำลังใจคำคมอารมณ์ขำ
หลายเรื่องราวงดงามด้วยน้ำคำ
ให้ดื่มด่ำอิ่มอาบกำซาบใจ

อยากจะขอบคุณคืนสักหมื่นครั้ง
ไม่สมดังสิ่งดีดีเธอมีให้
อกอึดอัดคั่งค้างอยู่ข้างใน
จำเจียมใจเจียมคำทนกล่ำกลืน

จึงขอส่งบทกลอนวอนลมฝาก
คิดถึงมาก...รู้ไหม...ข่มใจฝืน
ลมหนาวเยือนเตือนคำในค่ำคืน
ได้แต่ยืนฝากจันทร์จูบขวัญแทน				
28 มกราคม 2548 23:19 น.

คอย

แก้ว กรุงเก่า

คืนฝนพรำฉ่ำฟ้าครวญหาน้อง
เฝ้าร่ำร้องไฝ่ฝันคืนยันรุ่ง
ลืมกลิ่นโคลนสาบควายหลงใหลกรุง
ยามท้องทุ่งขาดเจ้าเหงาชอบกล

คราหน้าฝนอย่างนี้เมื่อปีก่อน
เคยแนบนอนน้องนางกลางสายฝน
เจ้าหยาดเยิ้มยวนตางามน่ายล
กลางสายชลร่วมบรรเลงเพลงรักเรา

ฟังเสียงฝนไพเราะดังเปาะแปะ
พื้นดินแฉะเพิ่มนิยามของความเหงา
ชะเง้อมองรอเก้อไม่เจอเงา
เหมือนอกเราถูกฟ้าฟาดแทบขาดใจ

ยังคงคร่ำครวญหาเวลานี้
ไม่รู้ว่าคนดีอยู่ที่ไหน
เหมือนรอคอยลอยคอกลางหม้อไฟ
เสียง กบ ในหม้อต้มยำยังคร่ำครวญ				
26 มีนาคม 2564 09:43 น.

ทะเลครวญ

แก้ว กรุงเก่า

ค่ำคืน คลื่นครวญ ชวนเศร้า
แสงเงา กระจ่าง ฝั่งฝัน
คืนคลื่น ครวญคร่ำ รำพัน
จากกัน แสนช้ำ ลำเค็ญ

หนาวเหน็บ น้ำค้าง กลางทะเล
ว้าเหว่ ดวงใจ ใครเห็น
อ้อมกอด เดือนดาว หนาวเย็น
ซ่อนเร้น รักร้าง กลางใจ

ค่ำคืน อาบลม ชมดาว
ทุกคราว ใจฉัน หวั่นไหว
คนเดียว คอยดู อยู่ไกล
แม้ไม่ อยู่ใน สายตา

ทะเล ฟูมฟาย ฟองคลื่น
ดึกดื่น อาลัย ไห้หา
คร่ำครวญ รวดร้าว กล่าวลา
ซบหน้า สะอื้น  กับ...ผืนทราย				
Lovers  0 คน เลิฟแก้ว กรุงเก่า
Lovings  แก้ว กรุงเก่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้ว กรุงเก่า
Lovings  แก้ว กรุงเก่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้ว กรุงเก่า
Lovings  แก้ว กรุงเก่า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้ว กรุงเก่า