21 พฤษภาคม 2549 08:40 น.

แมงเม่าเริงไฟ

โฉบเฉี่ยว

.        วัยวุ่นรุ่นเริ่มต้น        แตกสาว
รูปร่างเรือนกายพราว           เพริศพริ้ง
เนินเนื้อนุ่มเนียนขาว           ควรค่า   ครองเอย
หนุ่มแก่แร่มากลิ้ง                  กลอกเกี้ยวเที่ยวตาม
          ระเริงเหลิงโลกเร้า    รื่นรมย์
ระรื่นชื่นเชยชม                   ชิดเชื้อ
จิตใจใฝ่อารมณ์                    จมสู่    อยู่เอย
ตะเลิดหลงโลกเอื้อ                เหยื่อหญ้าโคกิน
         กองเพลิงเริงร่ายไหม้     ไฟเผา
หลอกล่อแมงเม่าเมา                 มอดม้วย
สีแสงแหล่งลวงเอา                  เข้าย่าง  ยับเอย
หลายร่างร่วงลงด้วย                คลั่งไคล้กองเพลิง
         โลกเร้าเย้ายั่วให้           ไหลหลง
เสพสุขสู่สมคง                            ก่อกล้า
เกลือกกลั้วมั่วตัวลง                  ร่วมร่าง  นางเอย
เนื้ออ่อนหล่อนคือหญ้า              ยอดพร้อมยอมตัว
          ยับยั้งรั้งเหนี่ยวไว้           ใคร่ครวญ
เหลิงพลาดพลั้งลงอวน               โอบล้อม
ติดกับจับเนื้อนวล                     นั้นง่าย สบายเอย
ล้วนเฒ่าเฝ้ารอน้อม                    แนบเปลื้องปลดกาม
           เสนอตัวมั่วเฒ่าหิ้ว          หาเงิน
เรือนร่างเจ้าเขาเพลิน                เพราะค้า
เพื่อครั้งค่าล่วงเกิน                    เก็บเที่ยว  เชียวเอย
หมดแย่ยอมแก้ผ้า                     แลกคว้าค่าตัว
            รุ่งโรจน์โชติช่วงเชื้อ     เหลือหลาย
ลามลุกร่างเรียงราย                      เร่าร้อน
หลงล่อหลอกมากมาย                   แมงเม่า  มอดเอย
ตัวใหม่มาพาป้อน                      หย่อนเชื้อเหยื่อเพลิง				
19 พฤษภาคม 2549 11:38 น.

คลื่นสังหาร

โฉบเฉี่ยว

.......จะเรียบเรียงเรื่องราวมาเท้าความ       
เอาเมื่อยามยานยนต์ชนสะท้อน
เซถลาไถลเถือกเสือกกระดอน                 
 ปะทะท่อนขอนขวางตามทางไป
     แล้วพลัดตกตามกันหลายคันเนื่อง              
ลงบ่อเหมืองเขื่องโขอันโตใหญ่
เป็นเหมืองร้างค้างคามานานไกล                
อยู่ใกล้ใกล้กับถนนเลยพ้นทาง
      เสียงเอะอะกระหึ่งตะลึงร้อง               
รถคะนองล่องน้ำคะมำขวาง
เอียงทะโร่โผเขยื้อนกระเทือนซาง              
กระทบข้างโขกมั่วจนหัวงอม
      เมื่อลูกเล็กเด็กแดงโดนแรงอัด                  
แม่คว้าฟัดรัดเข้าเอาอกคร่อม
กลัวจะถูกลูกแย่แม่ไม่ยอม	                    
กอดถนอมน้อมหัวใช้ตัวบัง
     รถกระแทกกระทบขอนกระดอนเด้ง         
 แม่ก็เกร็งกันแขนไว้แน่นปั๋ง
อย่าให้ถูกลูกน้อยคอยระวัง	                    
ใช้อกอังหลังแค่นไม่แน่นใน
    ถึงแม้นกลัวตัวสั่นไม่ลั่นเสียง                    
แม้รถเหวี่ยงหกคะเมนเอนไปไหน
เดี๋ยวลูกน้อยพลอยตระหนกจะตกใจ          
แม่จะไม่ส่งเสียงเพียงคอยกัน
      ประคับประคองป้องภัยด้วยใจรัก              
 คราวนี้หนักเหลือคณามาคับขัน
จะคุ้มภัยให้ไม่หยุดสุดชีวัน	                    
เพียงลูกขวัญนั้นรอดปลอดภัยพอ  
       น้ำประดังถั่งโถมโหมเข้าใส่             
รถก็ไหลรวนเรเซหาบ่อ	
แม่เห็นว่าท่าไม่ดีมัวรีรอ	                   
อย่างไรหนอขอหนีต้องปรี่ออก
          มือหนึ่งคว้าแขนลูกเหมือนผูกแน่น          
มือหนึ่งแล่นรีบเร่งเกร็งทั้งศอก
ดึงสลักผลักประตูดูข้างนอก	                   
น้ำกระฉอกตอกหน้าเข้าหาตัว
          ผงะหลังรั้งประตูสู้ต้านน้ำ	                   
ปากก็พร่ำพูดไปให้ก้มหัว
สั่งลูกน้อยกลอยใจอย่าได้กลัว                  
แต่ว่าตัวกลัวแย่ไม่แพ้กัน
           ลูกยังงงสงสัยอะไรแน่	                   
ทำไมแม่มาฉุดยื้อยุดฉัน
นี่จะให้ไปไหนที่ใดกัน	                  
น้ำทั้งนั้นมันบ่าเข้ามาแรง
     แม่ชะงักพักหนึ่งคำนึงคิด	                  
ต้องทำจิตใจข้าให้กล้าแกร่ง
หากรถพลิกผกผันพลันตะแคง                 
แล้วมาแหยงอยู่นี่หนีอย่างไร
    รถก็ไหลไปเรื่อยไม่เฉื่อยช้า                    
มองดูหน้าลูกน้อยคอยไม่ไหว
ด้วยความรักปักแน่นแสนห่วงใย             
คิดทำใจให้สู้ต้องอยู่รอด
      ตั้งสติเตือนตนทนเพื่อลูก	                    
ถึงผิดถูกอย่างไรอย่าใจถอด
อยู่มีหวังนั่งตายต้องวายวอด	                  
หนีอาจรอดหลบเลี่ยงต้องเสี่ยงเอา
         น้ำหนุนขึ้นค่อนรถไม่ลดละ              
คลื่นปะทะกระหน่ำใหญ่ยิ่งไหลเข้า
รถโคลงเคลงคลอนเคลื่อนเลื่อนไม่เบา       
โครงเขย่าขยับสั่นกระทั่นแทก
       แม่หวาดหวั่นวิงวอนขอพรพระ                   
โปรดอย่าละทิ้งขว้างทุกอย่างแหลก
เป็นที่พึ่งถึงเวลาโปรดมาแทรก                  
อย่าต้องแตกตกตายในนที
       เดชะบุญหนุนนำกระทำสร้าง                   
โปรดนำทางช่วยให้ได้ไปถึงที่
ให้รอดพ้นภยันตรายใดใดมี                    
ขอชีวีอย่าสลายในสายธาร
      ดึงลูกมาคว้าร่างแนบข้างตัว	                    
พลันโผล่หัวหันหน้าจะฝ่าผ่าน
คลื่นซัดสาดเสียงซู่อยู่ละลาน	                    
ระลอกฉานพล่านพลุ่งคลุ้งคลุ้งมา
      แม่สะท้านต้านแรงตะแคงข้าง                  
 ลูกกอดร่างรัดแน่นด้วยแขนขา
ตาหลับปี๋ปากสั่นหวั่นอุรา	                    
น้ำซัดหน้าพาสำลักคักคักไอ
    แม่ตัดใจไม่คร้ามยามนี้แล้ว	                    
ถีบร่างแผล็วพรวดหลุดน้ำฉุดไหล
ด้วยกำลังแรงส่งจมลงไป	                     
กลั้นหายใจว่ายจ้ำหวดน้ำตี
      กระทุ่มถีบมือเท้าเร่าเร่าเร่ง	                    
มือหนึ่งเกร็งกอดไว้ไม่หลุดหนี
หัวผลุดโผล่โผถลาตามวารี	                    
ชลธีโถมซัดพัดเชี่ยวกราก
       ลูกตกใจคลายมือแม่ยื้อยุด            
ไม่มีหลุดไหลไปในน้ำหลาก
เหลือแขนเดียวเทียวว่ายตะกายวาก          
น้ำกระชากลากปลิวลิ่วลิ่วไป
    จะยืนหยัดยันพื้นก็ลื่นหลุด	                     
ถูกแรงฉุดชักพาถลาไหล
จะเกาะเกี่ยวเหนี่ยวรั้งยั้งอะไร                 
ก็พลัดไพล่พลาดหวิดไม่ติดมือ
     ประเดี๋ยวดำทำท่าเหมือนว่าจม                  
ชั่วครู่ข่มขืนกายโผล่ว่ายปรื๋อ
ส่วนลูกน้อยแนบข้างไม่ครางหือ                 
กินน้ำอื้อเอือกอักตาหลักลอย
     ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเข้ามาเยือน      
มันมาเหมือนเตือนคิดจิตท้อถอย
กำลังแรงเรื่อยลดหมดทยอย	                  
ความหวังพลอยค่อยค่อยหายสลายลง
      นางนึกถึงที่พึ่งรำพึงหา	                    
จะพึ่งพาพยามตามประสงค์
จึงตั้งจิตอธิษฐานวอนวานองค์                   
พระผู้ทรงศักดิ์สิทธิ์เรืองฤทธา
     ขอเทวะพระพรหมท้าวยมราช                  
คุณอำนาจเหนือสิ้นทั้งดินฟ้า
โปรดจงช่วยด้วยพระกรุณา	                   
ทรงเมตตาข้านี้หนีรอดไป
   โปรดพิทักษ์รักษาข้าแม่ลูก	                    
อย่าให้ถูกน้ำซัดถึงตักษัย
โปรดขจัดปัดเป่าบรรเทาภัย                     
บันดาลให้ไม่มอดม้วยช่วยด้วยเทอญ
         พอสิ้นสุดหยุดจิตอธิษฐาน              
น้ำยังพล่านพลุ่งไหลไม่ติดเขิน
แม่ดิ้นรนทนเมื่อยเหนื่อยเหลือเกิน         
ใจยับเยินยิ่งยวดปวดร้าวราน
     แต่ที่คิดคั่งค้างไม่ว่างเว้น	               
ด้วยเหมือนเป็นปานประหนึ่งถึงประหาร
หากลูกรักจักตายต้องวายปราณ              
มันทรมานผลาญไหม้เหมือนไฟรน 
       แม้นเลือกได้ให้แม่มาตายแทน             
ไม่หวงแหนห้ามหักแม้ซักหน
จะยินยอมพร้อมให้ในบัดดล                 
 เพื่อลูกพ้นภัยร้ายแม่ตายเอง
        แต่ครานี้นั้นหนักลูกรักเอ๋ย         
ไม่มีเลยลอยร่างอยู่คว้างเคว้ง
ความหวังดับอับปางร้างวางเวง                
แม่รีบเร่งไล่คว้าหาไม่มี
         จะสิ่งใดให้จับมันลับหาย	                     
จะเวียนว่ายสายชลกระสนหนี
ก็ไม่เห็นแห่งใดในวารี	                     
จะเป็นที่เกี่ยวเกาะจำเพาะเลย
       เรี่ยวแรงแม่มาถอยคอยจะหมด               
แสนสลดหดห่อหนอลูกเอ๋ย
นี่อะไรลูกนิ่งไม่ติงเลย	                   
ทำไมเฉยเฉื่อยอยู่หรือดูดาย
       นางยกร่างลูกน้อยคอห้อยพับ                   
หมายว่าหลับลืมหลงเดี๋ยวคงหาย
ฝืนอัดอั้นกลั้นจิตไม่คิดตาย	                   
ใจสลายละลายสูญอาดูรแด
        ความโศกเศร้าเข้าสุมกลุ้มรุมสิ้น    
กระแสสินธ์ไสส่งเหมือนลงแส้
รุมกระหน่ำซ้ำซัดเสียอัดแอ	                     
จนย่ำแย่ยับเยินอยู่เกินทน
       หมดอาลัยตายอยากลำบากแสน               
ให้เคืองแค้นพสุธาทั้งฟ้าฝน
มาเมินเฉยชิงชังไม่ฟังคน	                    
น้ำสุชลท้นทั่งหลั่งไหลริน
         คลื่นคะนองฟองฟ่องละล่องลอย       
กระฉอกฝอยฟุ้งพล่านละลานสิ้น
กระแสสาดซัดหาซ่าซ่ายิน	                   
เหล่ากรวดหินดินโคลนโดนพัดพา
      น้ำเชี่ยวกรากหลากไหลอยู่ไม่หยุด           
กิ่งไม้หลุดฉุดเลื่อนเคลื่อนถลา
ซากสิ่งของล่องลิ่วพลิ้วพลิ้วมา                   
ขยะหญ้ายุ่งเหยิงกระเจิงตัว
        สองแม่ลูกถูกน้ำกระหน่ำซัด           
จวนเจียนจัดจมลงคงแต่หัว
อยู่ปริ่มปริ่มประหน้าดูน่ากลัว                   
แม่มองทั่วหาที่เผื่อมีทาง
       สายตาเห็นเป็นต้นไม้ไม่ไกลนัก             
อีกซักพักจักใกล้อยู่ไม่ห่าง
เขม่นมองจ้องไปตาไม่วาง	                    
ใจเต้นผางทางรอดอาจปลอดภัย
       เกิดความหวังพลังฟื้นใจชื้นขึ้น                 
จนบึกบึนมุ่งมั่นไม่หวั่นไหว
คือหนทางนางคิดพินิจไป	                    
ต้องเหนี่ยวไว้ให้มั่นจับทันที
       แล้วกะเก็งเล็งจ้องประคองตัว                    
มือเท้ารัวเร่งใหญ่กลัวไหลหนี
ตะกายฝ่าฟ่องไปในวารี	                      
กะพอดีที่หมายไม้ต้นเดียว	
        นางคำนึงรำพึงว่าพระมาช่วย         
คงไม่ม้วยมีไม้มาให้เหนี่ยว
เราคงพ้นภัยร้ายได้เลยเชียว                   
ลูกรอเดี๋ยวได้แน่แม่พาไป
      นางทุ่มเทพลังเท่าทั้งหมด	                    
ทรหดอดกลั้นดั้นด้นใหญ่
ด้วยเรี่ยวแรงแห่งความหวังกำลังใจ         
จนจ่อใกล้ไม้ต้นจะชนนาง
        ตาจับจ้องมองเขม้นจนเห็นชัด      
ให้ถนัดจัดท่าปะทะขวาง
มุ่งหมายว่าถ้าปะทะกะตรงกลาง                  
ตัวจะค้างร่างคาค่อยคว้าเกาะ
       ใจหวั่นหวั่นหวาดหวาดกลัวพลาดหลุด        
น้ำจะฉุดเฉไฉไม่พอเหมาะ
จะลอยไหลเหลื่อมล้ำไม่จำเพาะ                  
ไม่พ้นเคราะห์คราวนี้มีแต่ตาย
     จึงตั้งจิตจดจ่อรอจะจับ	                   
ให้ติดหนับเหนี่ยวเอาเป็นเป้าหมาย
จะเกี่ยวกอดเกาะมั่นไม่พลันคลาย            
สิ่งสุดท้ายเท่านี้ที่มีมา
       พลันปะทะถูกพลักกระอักจุก         
แขนกระตุกแต่ยังมือรั้งคว้า
กระแสเชี่ยวเฉียวฉุนหนุนพัดพา             
รุนแรงกล้าบ่าไหลไม่มีเบา
      ต้นไม้ค้ำน้ำต้องเป็นช่องแฉก                   
เมื่อกระแทกกระทบชนต้นเขย่า
ฉุกกระหุกดุกดักจักจับเอา	                    
น้ำเร่าเร่าเข้าซัดตัวอัดดัน
     ให้ร้าวรวดปวดแสบแทบทิ้งปล่อย             
หนามใหญ่น้อยคอยแยงแทงไม่อั้น
โอ้ หนักหนาสาหัสฉกาจฉกรรจ์                 
ลูกก็พลันพลัดหลุดน้ำฉุดไป
         แม่ใจหายคล้ายว่าดั่งฟ้าฟาด	                    
ศีรษะขาดปาดเชือดหลุดเลือดไหล
พลันร้องกรีดหวีดตระหนกสุดตกใจ          
เห็นไหวไหวในน้ำอยู่ตำตา
      เหมือนเป็นมือน้อยน้อยคอยกวักเรียก      
อย่างกับเพรียกเรียกให้แม่ไปหา
เหมือนชักชวนเชิญอยู่คู่ลูกยา                 
อย่ามัวช้ามาซีเดี๋ยวนี้เลย
      แม่เมื่อเห็นเช่นนั้นแทบทันที                  
ผลักร่างปรี่ปล่อยไม้หลุดไปเฉย
นางมุดดำคลำคว้าเป็นปลาเลย                 
แล้วไม่เคยเงยโงโผล่ร่างอีก
       อนิจจาลาลับไม่กลับแล้ว              
ไม่คลาดแคล้วความตายทำลายฉีก
ถึงเวลาจับฆ่าเหมือนผ่าซีก	                    
ไม่อาจหลีกเลี่ยงหลบจุดจบคน
        ก็ทำไมไม่รู้ให้อยู่มี	                    
แล้วย่ำยีย่อยยับจนดับพ้น
ได้เวลามาพอดีซักกี่คน	                    
ที่จะค้นตนพบจบความจริง
        มีที่สุดอยู่ไหนเพื่อให้หา	                    
หมดเวลามากมายกับหลายสิ่ง
ความเป็นอยู่ยับยั้งรั้งประวิง	                    
ให้ต้องวิ่งเวียนว่ายตะกายตาม
         หมดเวลาลงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้	                   
ไม่ได้อยู่ดูเห็นเหมือนเว้นห้าม
ต้องจำจากพรากไปในซักยาม                  
พ้นจากความเป็นอยู่ไปสู่ตาย
       โอ้อาลัยเหลือล้นต้องพ้นพราก                  
มาจำจากญาติสนิทมิตรสหาย
ที่เขารักจักช้ำพร่ำฟูมฟาย	                   
ไม่มีคลายความเศร้าเอาเสียเลย
        กาลเวลามาทำลายให้หายหรือ         
คงแค่คือความคิดที่จิตเฉย
แต่เมื่อไรได้นึกตรึกอย่างเคย                 
ไม่พ้นเผยภาพครั้งยังฝังใจ ฯ
        ในฉับพลันทันทีมีคลื่นยักษ์              
โถมทะลักอักโขทั้งโตใหญ่
กระหน่ำซ้ำย่ำยีทุกที่ไป	                    
กระทั่งไม้ไหวคลอนถึงถอนโคน
        กวาดทุกอย่างขวางหน้าพาไปหมด             
บรรดารถบดไปกับไม้โค่น
 กระฉอกฉานซ่านซัดพัดกระโจน             
ปะทะโดนโยนโยกน้ำโกรกแรง
      อึงคะนึงหึ่งห่าเหมือนบ้าคลั่ง                   
ปะทุพลังดั่งพิโรธโกรธกำแหง
ทำลายล้างราบคาบปราบทั้งแปลง              
ทั่วทุกแห่งหายนะทะลายพัง 
       โอ้แม่ลูกหลงใหลอยู่ในน้ำ              
แม่เที่ยวดำคลำหาพาขึ้นฝั่ง
ลูกหมดลมจมร่างร้างชีวัง	                    
แม่ก็ยังคลั่งคว้าควานหาไป
    ก็แค่เพียงพยายามด้วยความรัก                
ที่ประจักษ์แจ้งจริงกว่าสิ่งไหน
แม้แม่เองอาจแย่รู้แก่ใจ	                    
แต่ก็ไม่ชักช้ากล้าช่วยลูก
      ความรักอื่นหมื่นใดในโลกหล้า                
ไม่เท่าค่าความสัมพันธ์ที่ขันผูก
ของความรักที่แม่มีแก่ลูก	                    
เมื่อก่อปลูกผูกพันจนวันตาย
       ด้วยความรักชักพาให้มาทำ                    
แม้เจ็บช้ำลำบากยากเหลือหลาย
แม่พยายามดำคว้าหาลูกชาย                   
ไม่เสียดายชีวิตไม่คิดกลัว
   แต่ความรักฤาจักหยุดฉุดความตาย          
หมดความหมายหมดค่าน่าส่ายหัว
หมดอำนาจหมดพลังมารั้งตัว	                     
มันมืดมัวหมดหวังหมดทางเลย
       ก็เพียงเสี้ยวส่วนหนึ่งที่พึงเห็น                
ความตายเป็นปราการต้านไว้เฉย
มันขื่นขมล้มล้างเหมือนอย่างเคย             
โอ้อกเอ๋ยเอาไปหมดไม่งดใคร ฯ
       วิปโยคโลกร้ายด้วยภัยคลื่น           
มากินกลืนโกรธเกรี้ยวกัดเคี้ยวใหญ่
สองแม่ลูกถูกกระแสแห่หอบไป               
ติดอยู่ใต้ไม้ทับร่วมกับรถ
        ด้วยกำลังแรงกล้าของห่าคลื่น                  
เมื่อร่างขืนขัดขวางเหมือนยางหด
ทั้งถูกอัดยัดยันทั้งดันบด	                    
เลือดสดสดหลั่งไหลไปเป็นทาง
        น้ำปั่นป่วนม้วนวนปนด้วยเลือด                
กระแสเดือดดั่งวิถีแห่งผีสาง
เที่ยวไล่ล่าคร่าชีวิตปลิดเป็นบาง              
แล้วกวาดล้างล้มล่มถล่มทลาย
      ร่างแม่ลูกถูกลากกระชากฉุด                  
 แยกชิ้นหลุดไหลป่วนบางส่วนหาย
ทั้งรถของกองซากล้วนมากมาย                
กระแสร้ายรวบยับเหมืองรับเอา......				
17 พฤษภาคม 2549 11:38 น.

ในความรู้สึก

โฉบเฉี่ยว

.    เขม่นมองจ้องฟ้านภากาศ
เห็นผงาดผินผกวิหกเหิน
เด่นสง่าน่าชมภิรมย์เพลิน
ชวนสรรเสริญสีสันอันงามตา
       ฉวัดเฉวียงเยี่ยงพญามหาหงส์
ทั้งทรวดทรงบ่งศักดิ์ประจักษ์ฟ้า
ส่งเสียงเสนาะเพราะพริ้งยิ่งลีลา
จับอุราลึกซึ้งตราตรึงใจ
         เหมือนต้องมนต์ดลจิตไม่คิดอื่น
มนัสชื่นชมชิดพิสมัย
ชะเง้อดูโดดเด่นเห็นแต่ไกล
พอนกใหญ่ใกล้เข้าเฝ้าแต่มอง
        บินลงเลียดเฉียดลัดถนัดเห็น
ก็ให้เป็นปลาบปลื้มลืมตัวจ้อง
ฉวีวรรณสุวรรณผ่องละอองทอง
อร่ามรองเรืองจำรัสมนัสเอม
         ช่างงดงามวามแววแพรวพรรณราย
จรัสฉายฉวีสุกปลุกเกษม
จำเริญจิตติดฤดีให้ปรีดิ์เปรม
อำไพเหมหงส์ฟ้าประภาภรณ์				
14 พฤษภาคม 2549 18:40 น.

ใจสลาย

โฉบเฉี่ยว

.     สนธยาเย็นย่ำแล้ว          แก้วตา
ลมเอื่อยเฉื่อยฉิวพา              พัดต้อง
หอมชื่นรื่นนาสา                 ผกาดอก ออกเอย
แม้นแม่แท้นวลน้อง            แน่งน้อยกลอยฤทัย

      เรียมร้างห่างอกโอ้         อาดูร
จุกเจ่าเฝ้าพอกพูน                เพิ่มเศร้า
คลอเนตรเหตุหายสูญ         สายสวาท อนาถเอย
เพียงนั่งหวังแต่เจ้า              จักคล้อยคืนเรือน

      เคยเคียงเพียงพักใกล้     แก้มทอง
หอมกลิ่นรินละออง            อกชื้น
ต้องตกอกกลัดหนอง          นองเนตร เทวษเอย
สะทกสะท้านสะอึกสะอื้น  สลดเศร้าเหงาซึม

      ลมเอยเคยรักร้าง            บ้างไหม
ยากนักจักทำใจ                    เจ็บแท้
ลมด้วยช่วยบอกไป              ปลอบแต่ แม่เอย
ให้เหือดเงือดโกรธแก้          กอบกู้คู่คืน

      ดาวเดือนเคลื่อนเด่นฟ้า  รารอ
งามปลั่งเปล่งแสงลออ         อาบหล้า
เพราะรักนักวอนขอ             ครั้งหนึ่ง พึ่งเอย
ช่วยชักรักน้องข้า                 เลิกแค้นเคืองคลาย

      เหน็บหนาวดาวรับรู้       ดูซี
แสนปวดรวดร้าวฤดี            รักร้าง
แย่ยับทับท่วมทวี                  ทุกข์เทวษ
เพ้อพูดพร่ำเพรียกค้าง           คร่ำไห้ละห้อยครวญ
 
     มองห้องหมองหม่นแท้   ทรมาน
เหงาเงียบเชียบวิญญาณ         ชอกช้ำ
เจียนขาดปราศลมปราณ        เปลี้ยอก สะทกเอย
ยิ่งคิดยิ่งยอกย้ำ                      ยับห้วงทรวงสลาย				
13 พฤษภาคม 2549 09:43 น.

วิหกเหิน

โฉบเฉี่ยว

.     วิหกเหินแหวกห้อง................เวหา
ลิ่วลิ่วลัดลิบมา..........................มุ่งใกล้
บ่นเพ้อเหม่อหม่นตา................หน้ามุ่ย  เมินเอย
เรื่อยเรื่อยล่องลอยไร้................รับรู้เรื่องราว
   เอื่อยเอื่อยเฉื่อยเชื่องช้า..........เฉยเมย
เซื่องเซื่องซึมขรึมเงย.................โงกหน้า
แว่วแว่วว่ามาเลย.....................รออยู่    ดูเอย
พูดพร่ำร่ำเรื่องล้า.....................เรียกซ้ำย้ำคำ
    หวิวหวิววาบว่างเวิ้ง............วังเวง
เปลี่ยวเปล่าเหงาเศร้าเอง..........คั่งค้าง
อมทุกข์ถูกข่มเหง....................ห่อเหี่ยว  ใจเอย
ฟุ้งเฟื่องเรื่องรักร้าง..................เลิกแล้วอำลา
   น้ำตาพร่าพรากค้าง...............ครวญคราง
ฝักใฝ่ไม่ปล่อยวาง...................ว่างเว้น
ตะเลิดเปิดเปิงปาง....................ปั่นป่วน
ปากบ่นก่นเครียดเค้น...............คลั่งคล้อยน้อยใจ
   หมองหมางนางคิดขึ้น..........คราใด
ขมขื่นสะเทือนใจ....................จิตร้าว
ผัวรักหักอกไป .......................ได้ใหม่ แม่เอย
ตั้งจิตคิดแดด้าว.......................ดับดิ้นสิ้นวาย
   โจนโถมถลาร่างล้ม .............ร่วงลง
ชีวิตคิดปลดปลง.....................ปลิดสิ้น
สงบจบเรื่องหลง.....................รักล่ม
กระโดดตึกตกดิ้น...................ดับม้วยมรณา				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโฉบเฉี่ยว
Lovings  โฉบเฉี่ยว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโฉบเฉี่ยว
Lovings  โฉบเฉี่ยว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโฉบเฉี่ยว
Lovings  โฉบเฉี่ยว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงโฉบเฉี่ยว