กลอนอวยพร

สุขสันต์วันเกิดแด่คอนพูทน

ห้าเจ้าจอม


“สุขล้นใจ”ไมตรีจิตมิตรอักษร
ขออวยพรวันเกิดประเสริฐศรี
จงร่ำรวยสินทรัพย์นับทวี
สิ่งใดดีควรค่าได้มาครอง
สุขภาพแข็งแรงใจแกร่งกล้า
พร้อมฟันฝ่าเรื่องร้ายหายหม่นหมอง
สิ่งใดปักรักชอบได้ครอบครอง
เป็นเจ้าของดวงจิตชีวิตงาม
ร่ายพจน์ศิลป์จินตนาน่าหลงใหล
คว้าครองชัยชนะทุกสนาม
ฟ้อนพจีทุกแห่งหนคนติดตาม
เลื่องลือนามด้านอักษรกลอนขลังคม
จงเจริญก้าวไกลในหน้าที่
มิตรไมตรีเกื้อหนุนไออุ่นห่ม
มวลญาติมิตรนับร้อยคอยชื่นชม
เทพพลิ้วพรมรอยบุญมาหนุนนำ
สุขสันต์วันเกิดพราวเพริศฝัน
ทุกคืนวันสดใสใจชื่นฉ่ำ
ขอพรายพริ้มยิ้มสู้อยู่ประจำ
เรียงร้อยคำพรฝากจากเจ้าจอม

อาลัย พี่เป้า

กวี


...ไก่จ๋า...
ได้ยินไหมว่าเสียงใคร
คือเสียงของร้องไห้
คล้ายคล้ายชายเจ้าน้ำตา
เสียงนี้คือเสียงคนปวดอุรา
จึงร้องเรียกเพรียกหา ไก่จ๋าหลบหน้าไปไหน... ......... สิ้นพี่เป้า เคล้าเพลง บรรเลงรัก สายัณห์พัก กายหนาว ยาวเชียวหนอ ขอสวรรค์ ชั้นสุข บุกมารอ เสียงลำคอ ใครเล่า เท่าสายัณห์ ....... พอทราบอายุขวัญตา น้องเอยพี่มานั่งทำตาปลิบปลิบ น้องอายุสามสิบ สามสิบทำไมยังสวย...........โหยโหย โรยริน สิ้นนักร้อง เสียงกึกก้อง กำปะนาท หวาดหวิวหวั่น ยอดรักเรียง เคียงคู่ อยู่ด้วยกัน เชิญสุขสันต์ สุขคติ รวิไว...เทอญ... ..... ..กวีชาวบ้าน

เฉลิมชนม์มหาราชินี

คอนพูทน


๏ อมรปุระศุภฤกษ์เรื้อง               สวัสดิ์ราย  สวรรค์รา
จรูญสะพร่างบรรเจิดพราย            อร่ามพร้อย
พิไลชมสุริเยศฉาย                    ตระการช่อ  ชอบแล
เปรมกระชุ่มวารพิลาสช้อย            หน่อเชื้อละมุนฉม  ฉัตรเนอฯ
 
๏ อินทร์พรหมเทพประสิทธิ์เพี้ยง   ไสวพร  พราวนอ
งามวิจิตรเกียรติกำจร                  กระจ่างฟ้า
อภิลักขิตสมัยสลอน                   พิพัฒน์ตลอด  ปิติแล
เจริญยิ่งมงคลระย้า                    แชล่มเหย้าพสกสยาม  ยินเลยฯ
 
๏ ระบือนาม “สิริกิติ์”น้อม             ราชินี  ประชาเนอ
ขจรเกริกวงศ์จักรี                       กระเดื่องก้อง
อัครศิลป์มิ่งเฉลิมศรี                   ทิพย์เสก  พิเศษรา
ขวัญคู่ปรเมษฐ์คล้อง                  จุ่งครั้นสนานคราว  เคียงนอฯ
 
๏ พราวสกาว “สิริกิติ์”เกื้อ            ขจายไกล  ก็ดี
หอมประทิ่นนครังไทย                 แอร่มแท้
พิมานสรวงปลั่งนิรัติศัย                เถิดประสบ  เกษมนา
สวาสดิ์เหล่าประดับระยับแล้          ผ่องสล้างพระชนม์เฉลิม  จรัสเลยฯ
 
๏ เจิมศรีไตรรัตน์ไซร้                  ประจงสาน  พิศุทธิ์เนอ
ประณตกราบบังคมกราน              สง่าแก้ว
ทิศานุทิศศักดิ์สิทธิ์สถาน             โปรยเถิด  พรเทอญ
ประเสริฐเลิศกษัตรีย์แล้ว              เปี่ยมล้นบวรหลาย  ถวัลย์แลฯ
 
๏ ถวายพระพรบรมนาถแพร้ว         เจริญเพลิน  ประไพรเฮย
โชติช่วงพระบารมีเชิญ    

สดุดีครูกวีฝั่งธน

สองตุลา


สดุดีครูกวีศรีอักษร
สดุดีครูกลอนบวรศิลป์
สดุดีครูอักษรพรพระอินทร์
สดุดีกลอนกวินทร์ถิ่นอัปสรา
ทั้งนิราศบทละครกลอนภาษิต
เนรมิตจิตรบรรจงส่งภาษา
บทนิทาน บทเห่กล่อม บทเสภา
ถ่ายทอดมาค่าสำเนียงแค่เพียงจินต์
สดุดีครูกวีศรีอักษร
ชื่อขจรบวรฤทธิ์วิจิตรศิลป์
สดุดีกวีตระกลวิมลศิลปิน
สี่แผ่นดินล้วนชูค่าสง่างาม
สุนทรีศรีสุนทรบวรกวินทร์
สุนทรภู่ครูศิลป์ถิ่นสยาม
สุนทรลักษณ์อักษราค่างดงาม
สุนทรความสดุดีกวีไทย

-- สุนทรภู่รำลึก --

Jackie


๏ ยี่สิบหก มิถุนาฯมาบรรจบ
ขอน้อมนบอภิวาทปราชญ์อักษร
เป็นเอกในใต้ฟ้าอาภากร
เกริกกำจร "สุนทรภู่" ครูกวี..๚

๏ สวรรค์ส่งลงมาเป็นอาลักษณ์ สานสลักถักกลอนอักษรศรี เรียบเรียงร้อย ถ้อย พจน์ บท วลี ฝากวจีลีลาคู่ธานินทร์..๚ ๏ กาพย์ กลอน โคลง โยงฉันท์ สรรลิขิต เลิศประดิษฐ์ไหววาดด้วยศาสตร์ศิลป์ มรดกหวงแหนคู่แผ่นดิน ร่วมสืบสานกานท์กวิน แผ่นดินไทย.๚ ๏ สำนวนคำล้ำค่าภาษาศาสตร์ กลอนนิราศหยาดพจน์งามสดใส เรื่องวิโยคโศกเหงาความเศร้าใจ จารึกไว้ในบทพจนา..๚ ๏ คือตำนานกานท์บวร "สุนทรภู่" บรมครูผู้ร้อยสร้อยภาษา เอกกวีที่ประสิทธ์วิทยา ประดับหล้าฟ้าไทยไว้นิรันดร์..๛

อสงไขยกัลป์

คีตากะ


ฝากความคิดถึง....คำนึงหา
แหวกข้ามฟ้าอากาศดาดาษหน
หมายส่งถึงหัวใจใครหนึ่งคน
แม้ท่วมท้นเกินกว่าเธอเข้าใจ
ฝากความห่วงหา....อาทรจิต
แพร่ทุกทิศลอยลมพรมพลิ้วไหว
ถึงตกหล่นลับเร้นมิเป็นไร
ยังดีได้มอบส่งห่วงคงคลาย
ฝากความรักไป....ในอากาศ
แม้เธออาจมิเข้าใจในความหมาย
แต่อย่างน้อยหัวใจได้ระบาย
ถึงห่างหายระหว่างทางก็ช่างมัน
ฝากบทกลอนมา....นภากาศ
ใจแทบขาดคิดถึงจึงเสกสรร
มาดหมายเธอตระหนักในสักวัน
อสงไขยกัลป์ยังรักจักเฝ้ารอ.....

จดหมายถึง พี่มาก

cicada


เขียนที่บ้านพระโขนง..ข้างโลงผุ
วัน-เดือนลุหลายปี ก็ที่ผ่าน
ส่งถึงคนชื่อมาก..จากไปนาน
คนที่บ้านเฝ้ารอ..จนท้อใจ
 
ตั้งแต่กลิ่นลำดวนยังหวนหอม
ดอกพยอมเคยบานคุ้งบ้านใต้
มาบัดนี้ลำดวนเจ้า ก็เฉาไป
ต้นผักไห่รกคลุมสุมเป็นแนว
 
จะฝากบอกพี่มาก..นากคิดถึง
แม้น้อยหนึ่งมิส่งข่าว..สาวกินแห้ว
นากก็คอยถามข่าวนกเค้าแมว
ลืมนากแล้วหรือไร..จึงไร้วาจา
 
เขียนที่บ้านพระโขนง..ข้างโลงเก่า
ให้โศกเศร้าขื่นใจ..ไม่เห็นหน้า
นั่งคอยที่หัวสะพานใครผ่านมา
บอกพี่มากด้วยหนา.....ว่านากคอย..ย..ย..ย..

สุขสันต์วันสงกรานต์

ครูพิม


 
ลมเหมันต์ผ่านล่วงพ้นห้วงหนาว
วาระคราวคิมหันต์นั้นมาถึง
ดอกความดีคลี่บานผ่านรำพึง
ช่วยฉุดดึงลูกหลาน..คืนบ้านนา
ร่วมสืบทอดวิถีที่อบอุ่น
ร่วมสายบุญร่วมสร้างสรรค์ร่วมหรรษา
ร่วมสายน้ำร่วมสายใยสายศรัทธา
ร่วมธารารวมแก่นทั้งแผ่นดิน
จากบ้านไกลมานานถึงวันกลับ
คนรอรับกลับเรือนเหมือนถวิล
ซื้อของฝากฝากให้น้ำใจริน
ซบไอดินก่อเกิดกำเนิดกาย
วันปู่ย่าตายายและแม่พ่อ
ตั้งตารอสายเลือดที่ห่างหาย
มีคำสอนเตรียมพร้อมไว้ล้อมกาย
สุขสบาย...เพราะถ้อยคำ ..แนะนำทาง
 กลับคืนรังสู่อ้อมใจปลอดภัยนั้น
ให้คืนวันหรรษาก่อนฟ้าสาง
สุขใดเล่าเท่าพร้อมหน้าข้าวปลาวาง
ใจเปราะบาง...นั้นหนอ...เฝ้ารอคอย 
ร่วมสืบสานสายใยในวันนี้
ประเพณีของไทยมิเสื่อมถอย
สาดสายน้ำ บริสุทธิ์ดุจฝนปรอย
ร่วมฝากรอย...ประทับขวัญ...วันสงกรานต์
 

หอมแม่วันสงกรานต์

แก้วประภัสสร


ผ่านอีกปีดีดักกระอักกระอ่วน
เฮาอยากม่วนโฮแซวแถวข้าวสาร
ชาวฝรั่งชอบเย็นเล่นสงกรานต์
อีกลูกหลานเหลนโหลนทะโมนไพร
ต่างหลั่นหล้าฮาเฮเทกระจาด
เอาน้ำสาดลูบจับแทนหลับไหล
ตาไม่ต้องมองกันมันนานไป
แตะแขนไหล่ใบหน้าสารพัน
คือวันหยุดสุดหรรษาพาสนุก
ไม่ต้องลุกกดไล้ท์ในเฟสฉัน
แต่แนะนำนิ้วอิ่มไปจิ้มกัน
ตรงเอวนั้นให้หัวเราะเสนาะไป
ปีนี้ไร้คาถาเอามาฝาก
แต่มีคำจากปากขอฝากไว้
จะสาดน้ำสาดโคลนโยนอะไร
ขออย่าได้ล่วงเกินจนเพลินเลย
อยากจะหอมแก้มใครขอให้หยุด
แล้วรีบรุดหาหนึ่งซึ่งเฉลย
แทนคาถาเกินเทียบจะเปรียบเปรย
แก้มแม่เอยหอมนักประจักษ์ใจ
***สุขสันต์วันสงกรานต์ทุกท่านค่ะ

วิศวรูป

คีตากะ


มีพักตร์พรายพรั่งดั่งเดือนดาวมีขนงก่งราวดั่งรุ้งสาย
มีเนตรดั่งตะวันนับพันราย
มีโอษฐ์ดั่งคล้ายทิฆัมพร
มีเกศดั่งเขาเมรุราช
มีทนต์ดั่งหิมวาตสิงขร
มีฉวีดั่งสีศศิธร
มีกรดั่งศรพระนารายณ์
มีกรรณดั่งห้วงมหรรณพ
มีบาทดั่งพิภพพร่างเฉิดฉาย
มีทรงดั่งเทพพรรณราย
มีอุระดั่งคล้ายห้วงสกล
มีเสียงดั่งเสียงอสุนีบาต
มีถ้อยดั่งปราชญ์เปี่ยมโกศล
มีลักษณ์ดั่งแสงสุวิมล
มีจริตแลยลยิ่งจับใจ...

รูปลักขณา...

คีตากะ


 รูปลักขณาสูงส่งดังหงส์เหิน
เยื้องย่างเดินหิมวาเวหาหาว
แต่ดวงจิตคิดชั่วเกลือกกลั้วคาว
เฉกเพชรพราวร่วงตมจมราคี
ถึงทรลักษณ์พักตราเพียงกาต่ำ
ล้วนรูปชั่วตัวดำคล้ำราศี
แต่จิตทรงสิกขาปัญญามี
ยังอาจดีกว่าหงส์เล่นลงโคลน
ล้วนไตรลักษณ์อนัตตาภควาตรัส
รูปจำรัสฤาชั่วล้วนหัวโขน
หากจุดไฟหทัยดวงให้ช่วงโชน
ย่อมพรากโยนทวิลักษณ์จักรมณีย์
อนึ่งคบแต่พาลลาญบัณฑิต
อาจชีวิตฉิบหายกลายบัดสี
ไม่ฟังธรรมท่านเอ่ยเผยพาที
ย่อมราคีขลาดเขลาเปล่าปัญญา
เพียงภพหนึ่งชาติหนึ่งพึงสั้นนัก
มัวหลงรักเนื้อหนังในมังสา
ซึ่งทรุดโทรมเสื่อมไปในชรา
ถึงมรณามาดหมายทุกกายมี
เพียงเวรกรรมนำพาเมื่ออาสัญ
เสวยสวรรค์ฤานรกตกเป็นผี
จะสายเกินแก้ไขให้กลายดี
ถึงโศกีไปก็เปล่าเขาเมินมอง
มัจจุราชจะยิ้มเยาะเพราะโมหา
มนุสสาล้นนรกอกไหม้หมอง
หลงกามคุณมีห้ามาเนืองนอง
จนก่ายกองเรือนจำกรรมพาจร
นฤพานพิมานแมนแดนเกษม
ล้วนปรีดิ์เปรมสุโขสโมสร
สุดอาณานภากว้างร้างใครจร
กลับแรมรอนอเวจีคดีกรรม
มีชีวิตวุ่นวายมากมายเรื่อง
เลยเปล่าเปลืองเพลาพาถลำ
ลืมพากเพียรภาวนารักษาธรรม
จึงมืดดำมัวจิตพลาดผิดการ
หลงรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส
สุดหยั่งวัดคะเนได้ในสงสาร
ล้วนเกิดตายมายมากยากประมาณ
เกลื่อนกลบฐานพสุธาให้อาลัย
ท่านเปรยเปรียบกองกระดูกทุกภพชาติ
แห่งองค์นาถโพธิสัตว์ทัดไศล
ว่าขนัดแน่นแผ่นผืนดินดื่นไป
หมายเข็มไชไม่อาจมีที่แทงลง
ชลนามหาศาลปานสมุทร
หาสิ้นสุดโทมนัสสลัดหลง
ทุกข์เท

มายากระจก...

คีตากะ


อาณาเขตโรงงานโอฬารล้ำ
ถนนทำเลียบตึกลึกสุดแสน
ด้านหนึ่งเป็นกระจกป้องปกแทน
ล้วนหนาแน่นลำบากยากกล้ำกราย
ทางคดเคี้ยวยิ่งนักสุดจักหยั่ง
มีผนังหลังคามาสุดสาย
หน้าประตูสู่ตึกลึกเบื้องปลาย
คือจุดหมายปลายทางต่างรุดไป
ถึงประตูเข้าตึกผนึกแน่น
กระจกแผ่นบานหนึ่งซึ่งสวยใส
คนภายนอกห้ามผ่านทำการใด
คนภายในรู้รหัสสลัดกลอน
บานประตูจะเปิดเกิดเพียงครู่
เพียงพอผู้หนึ่งผ่านดาลไถ่ถอน
วันหนึ่งนกหลงทางหว่างสัญจร
มันบินร่อนพลัดมาฝ่าเผชิญ
นกคู่สองลืมตัวมัวพร่ำพรอด
หมายหลุดรอดทางกระจกระหกระเหิน
พบประตูทางเข้าที่เขาเดิน
มันบินเพลินชนกระจกตกมาตาย
คู่รักมันตามมาหาจนพบ
เห็นซากศพนอนนิ่งยิ่งใจหาย
พลันร้องเรียกฉุดดึงตัวพึ่งตาย
แต่ร่างกายแน่นิ่งยิ่งร้อนรน
คนผ่านมาพอดีที่เกิดเหตุ
สุดสังเวชเหตุการณ์พานฉงน
กระจกใสลวงตาพานกชน
ส่วนอีกตนบินหายกับสายตา
เปรียบโลกนี้มีชีวิตให้คิดนัก
ชนจมปลักภาพลวงล่วงสังขาร์
ล้วนวุ่นวายหลายหลากมากมายา
จนชีวาล่วงลับอัประมาณ
เห็นกงจักรเป็นบัวมัวคว้าไขว่
แต่สิ่งใดได้ไปในสงสาร
ตกบ่วงบุญบ่วงบาปตราบเท่านาน
ยากก้าวผ่านเวรกรรมที่ทำมา
พระสุคตศรีมุนีพลีชีวิต
ทรงอุทิศเทิดธรรมย่ำตัณหา
แหวกข้ามพ้นสงสารด่านกามา
ด้วยปัญญารู้แจ้งสำแดงองค์
เผยนิพพานพ้นทุกข์คือสุขเลิศ
หยุดการเกิดการตายมากมายหลง
สุขอื่นใดไม่เที่ยงเพียงปลดปลง
อย่างายงงไตรภพเป็นศพนอง.
..

เพชร

เชษฐภัทร วิสัยจร


“เพชรอย่างดีมีค่าราคายิ่ง
ยื่นให้ลิงจะรู้ค่าราคาหรือ”
คนตาดีมีปัญญาย่อมหารือ
ลิงคงยื้อแย่งแตงมัวแข่งกัน
เป็นจริงบ้างเท็จบ้างในบางที่
ตามแต่มีประโยชน์แฝงการแข่งขัน
รสนิยมบุญเก่าบ้างในบางวัน
กรรมเก่ากั้นดลบันดาลการคิดครวญ
ปราชญ์เห็นปราชญ์รู้ดีว่านี่ปราชญ์
ผีเห็นผีไม่มีพลาดประกาศสวน
โจรรู้จังหวะปล้นโจรทบทวน
สาวหน้านวลเมคอัพดูรู้กันดี
ต่อให้เพชรมากคุณค่าราคายิ่ง
อยากให้ลิงต้องดูกาลสถานที่
เมื่อมีกล้วยมีแตงแย่งตบตี
เพชรคงไม่ต่างจากขี้วิ่งหนีกัน

โคลงสุภาพและกาพย์สินธุมาลี

เชษฐภัทร วิสัยจร


บ่องตงโคลงสี่ต้อง..........ตรวจทาน
คือบับเอก-โทฐาน.........คิดสร้าง
หากทิ้งเอก-โทพาล.........พาเงิบ
เธอหยั่มมายกอ้าง.........ออกร้องว่าโคลง
โยงความเก่าแก่บ้า...........จุงเบย
ลืมพวก-เอกโทเฉย........ชิมิน้อง
กาพย์สินธุมลีเคย...........เห็นช่ะ
นั่นแหละที่เตงร้อง.........เรียกอ้างโคลงเขียน

แด่...นางฟ้า

เปลวเพลิง


เสียงร้องไห้จ้าละหวั่น-นั่นใครหนอ?
น้ำตาคลอแก้มใส-น่าใจหาย
มิต้องกลัวหรือหวั่นภยันตราย
อยู่กับยายยายจะเลี้ยงกล่อมเกลี้ยงชนม์
ยายก็แค่คนจน-คนเก็บขยะ
เนื้อตัวคละกลิ่นคลุ้งทุกขุมขน
บ้านซ่อมซ่อคือหลักพักสกนธ์
แต่จะดลรักหุ้มคลุมแก้วตา
คนจนจนยากไร้ในทรัพย์สิน
ช่วยชีวินเพียงหมายมาดปรารถนา
ทารกน้อยลอยเมฆขาวสกาวฟ้า
ความเดียงสายังมิรู้อยู่ที่ใด
แม้แม่เจ้าไม่รักประจักษ์จิต
ยายจะชุบชีวิตนิมิตใหม่
ให้เติบโต  เพลิดเพลิน  เจริญวัย
เป็นผู้ใหญ่ที่ทรงศักดิ์รักซื่อตรง
“เจ้าดอกไม้สีขาวพราวผืนหล้า
เป็นคนดีในวันหน้าอย่าใหลหลง
ยามเทียนทองของยายละลายลง
ขอเจ้าจงหลอมหล่อรักต่อไป
จริง-ถึงแม้จนทรัพย์พาอับค่า
แต่ขออย่าอับจนกุศลใส
มีชีวิตอย่าหมายทำร้ายใคร
มีหัวใจหลั่งจิตคิดกรุณา”
ยายนอนพักกายใจอยู่ในห้อง
น้ำตานองชื้นไปทั้งใบหน้า
ยินลูกหลานที่ยายเลี้ยงกล่อมเกลี้ยงมา
เรียกยายว่า “นางฟ้า” ประจำใจ
...................................................
แด่...นางลัว เซียะหยิง
หญิงชราผู้เป็นนางฟ้าของเด็กๆ
เธอเก็บเด็กที่ถูกทอดทิ้งกว่า ๓๐ คน
จากถังขยะบริเวณถนนต่างๆในจินฮัว
มณฑลเจ้อเจียง โดยมีอาชีพหาเลี้ยงชีวิต
เพียงแค่เก็บขยะเท่านั้น
ปัจจุบัน นางลัวป่วยหนักด้วยโรคไตวาย
และกำลังจะตาย.....
ขอบคุณรูปภาพข้อมูลจาก www.postjung.com

หยุดขายหยุดฆ่าเอางาช้าง

ป๋อง สหายปุถุชน


ตัวสูงใหญ่ใช้เวลามาเป็นโขลง
เดินเล็มโป่งหญ้างามตามแนวไพร
อยู่หากินแนวป่าคนทำไร่
ช้างหลงไปเก็บกินพืชพันธุ์ไม้ที่คนทำถางไร่ปลูกพืชพันธุ์
ทั้งสับปะรดอ้อยมันกล้วยเคลือใหญ่
ช้างเก็บกินอิ่มหนำเดินจากไป
เข้าพงไพรในป่าพนาสันต์ช้างไม่เพิ่มจำนวนจวนลดลง
ก็เพราะคงตายไปใช่อาถรรพ์
คนหวังงาไปขายต้องล้มมัน
ตัดเอางาช้างพลันต้องสิ้นใจมีข่าวฆ่าแม่ช้างหวังเอาลูก
ซุ่มยิงถูกกลางหัวแม่ช้างใหญ่
ค่อยๆซุดร้องสั่งก่อนล้มไป
ให้หนีไกลคนชั่วก่อนตัวตายลูกช้างเห็นแม่ล้มเดินซมซาน
พวกคนพาลใจชั่วยังมิวาย
ตัดเอางาจับลูกช้างเดินรากหาย
เอาไปขายนายทุนได้ราคา

ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมาเบียร์

เชษฐภัทร วิสัยจร


ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมาเบียร์
หน้าละเหี่ยตาละห้อยคอยถามหา
เห็นขวดเหล้าขวดใหญ่ไม่นำพา
เห็นขวดเบียร์รีบคว้าหาเพื่อนชิม
ลองกินเบียร์ผสมเหล้าเอาให้หนัก
เพราะใจรักแอลกอฮอลขอให้อิ่ม
จนของขึ้นเขียนธีสิสคิดมุขพิมพ์
งานเสร็จยิ้มอยู่คนเดียวเปรี้ยวจริงเอย
หน้า / 36  
ทั้งหมด 609 กลอน