นิราศสิงคโปร์ (ตอนที่๒)

เปลวเพลิง

วันที่เจ็ดยามเช้าช่างหนาวจัด              
เรามีนัดทานอาหารกันพร้อมหน้า
เวลาหกจุดสี่ห้านาฬิกา                  
มาพร้อมกันตรงเวลาทุกทุกคน
    
เริ่มชีวิตเวียนไปไม่แตกต่าง              
รถเบาบางแล่นท่องท้องถนน
พอแดดเริ่มเพิ่มแสงแรงอำพน            
หลากผู้คนคับคั่งหลั่งไหลมา
เหมือนยามเช้าที่เห็นเช่นทุกเช้า                 
เวลาเร้าชีวีทุกทีท่า
เร่งทำงาน สรรเสริญเผ่าเงินตรา           
เฉกมหานครใหญ่ในปฐพี
ครั้นพอได้ฤกษ์งามยามเหมาะเจาะ         
รถแล่นเลาะจากเมืองรุ่งเรืองศรี
ธารเวลาผ่านหายหลายนาที              
จรลีถึงนครางามตาตรู
เมืองปุตราจาย่า โอ่อ่าพร่าง              
เป็นศูนย์กลางการเมืองเรืองรองหรู
มัสยิดโสภีสีชมพู                      
ยิ่งยงอยู่อย่างตระหง่านโอฬารลักษณ์
    
อัน ปุตราจาย่า นามานี้                       
ความหมายดีเหลือเชื่อเมื่อประจักษ์
เจ้าชายแห่งความสำเร็จ เด็ดยิ่งนัก         
สวยสลักหินอ่อนประอรเคียง
แต่กว่าสร้างสำเร็จเสร็จสิ้นได้             
ต้องอาศัยงบประมาณบนความเสี่ยง
ทุนทรัพย์เลี้ยงหล่อไม่พอเพียง            
ถูกเลื่อน เลี่ยง ออกไปอีกหลายปี
เดี่ยวนี้นั้นใหญ่โตมโหฬาร               
เป็นหนึ่งด้านการเมืองเฟื่องเต็มที่
บ่งบอกว่าก่อนรุ่งรุจดุจรพี                
ย่อมต้องมีอุปสรรคขวางหลักชัย
   
มะละกาเมืองมรดกโลก                       
เกลียวคลื่นโบกซัดท่าชลาศัย
ประวัติศาสตร์เรื่องราวแสนยาวไกล         
กว่าวิไลเจริญรัฐเช่นปัจจุบัน
เข้าเยี่ยมชมมหาวิทยาลัย                
เอ็มเอ็มยู แหล่งใหญ่ ณ ที่นั่น
เด่นมัลติมีเดียเป็นสำคัญ                
พร้อมผลักดันก้าวหน้าสู่สากล
พบเพื่อนใหม่-มาลีคลี่พวงแก้ม           
ริมปากแย้มเผยใจไม่ตกหล่น
ภาษาอังกฤษเรารู้น้อยด้อยเกินทน         
พูดได้ปนไถถู งูงู ปลาปลา
   
โบสถ์สีแดงแบบชิโนโปรตุกี๊ส             
พิมพ์ประณีตซึ่งล้วนควรศึกษา
โปรตุเกสคราวครองมะละกา             
สร้างสถาปัตยกรรมพำนักพิง
     
แล้วไม่นานฮอลันดาเข้ามายึด             
ปรับ-ประพฤติ เปลี่ยนใหม่ไปทุกสิ่ง
จากเวียงวังสิ้นสลายความพรายพริ้ง      
เป็นสุสานศิลายิ่งใหญ่เกรียงไกร
    
ตั้งท้าทายดินฟ้าดูโดดเด่น                
ณ เขาเซ้นต์พอลฮิล ทิวไศล
ป้อมปืนใหญ่ เอฟาโมซ่า ขวางหน้าไว้        
นุสนธิ์ให้เซ้นต์ฟรังซีสเซเวียร์
     
ซากปรักโบราณสุสานหิน                 
เคยระบิลกลับอาดูรด้วยสูญเสีย
เมื่อหมดสิ้นฤทธา ล้าและเพลีย                 
ให้ละเหี่ยอัตลักษณ์ศักด์ศรีตน
   
แนวพลิ้วไหวคลื่นเห่ทะเลกว้าง           
แลเวิ้งว้างยืดยาวจรดหาวหน
โอ้ช่องแคบมะละกา-เรามายล            
กว้างใหญ่จนเกินกว่าจะจารึก
รถเคลื่อนที่ต่อไปอย่างหน่วงหนัก          
เข้าโรงแรมที่จะพักในยามดึก
ห้วงเวลายาวนานในสำนึก               
ผ่านทั้งตึก ทั้งป่า สารพัน
    
นภดลสิ้นแสงสุริยะ                     
โจโฮบารู-เราจะพักที่นั่น    
เป็นเมืองด่านชายแดนแสนสำคัญ          
ก่อนด้นดั้นเยือนประเทศสิงคโปร์
     
พรุ่งนี้แล้วเราจะเยือนเพื่อนบ้านใหม่        
แอบดีใจหรุบหรู่อยู่มากโข
และแอบกลัวตัวตรอมร่างผอมโซ          
เพราะของโก้ ราคาแพง อาจแกล้งเอา
     
แต่เถอะน่า-ค่อยไว้ไปสัมผัส             
เมื่อจำกัดเงินใส่ในกระเป๋า   
คืนนี้ฝากอำลาฟ้าเบาเบา                
พรุ่งนี้เช้าอรุณจรัส-สวัสดี
...............................................
วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕  เดินทางวันที่สอง				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    30 พฤศจิกายน 2555 09:58 น. - comment id 1251888

    อิอิ ไปเที่ยวไหนก็ติดตรงบทสุดท้ายนี่แหละค่ะ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน