ฟ้า..เคียงดิน..!

สาวบ้านนา

T0013_0003_01.jpgTAMCOC%20-%20Rice%20field.jpgttf.JPG001.jpgDSC05135.JPG
ตะวันสีส้มอมแดงแปร๊ดดวงโตเท่ากระด้งฝัดข้าว
กำลังค่อยๆผลิโผล่แย้มยิ้มพริ้มเพรา
นวลนภาสีหวานระเรื่อๆละมุนๆอุ่นละไม
ด้วย..
สายแสงเรืองรองผ่องพรายพราว
ดั่ง..
เรียวรุ้งจากอ้อมอกอุ่นอรุณรัศมี
ออกมาทายทักดงตาลแลนาทอง
ทั่วทั้งผองพสุธาไท
ในวันมหามิ่งมงคลนี้
วันปิติงามวันปิติใจวันแสนยิ่งใหญ่
วันหลอมรวมขวัญกำลังใจพลังศรัทธาใจ
ของคนไทยทั้งแผ่นดิน
ทุกถิ่นที่ทุกธุลีหล้า 


ให้ทุกข้าพระบาท
ได้น้อมรำลึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
อันหาที่สุดมิได้
และ...
ได้ถวายความจงรักภักดี
ด้วยการสร้างสานสมานฉันท์กุศลสามัคคี
ทำความดี ความงาม ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
*พระพ่อหลวงแห่งชาติ*
ธ.ผู้ประดุจเทพยุรยาตรลงมาดับแล้งไร้ร้อนเข็ญ

วันที่..
สาวนาตื่นมาแต่ย่ำรุ่ง
ด้วยเสียงปลุกของดุเหว่าไพร
พร้อม..
กับเสียงไก่ขันเทือน
กับเดือนดวงหวานแอร่ม
กับ
ดาวนับแสน ล้านดวง 
ที่ยังมิยอมลาล่วง


พร้อมพลี....
โปรยปรายสายเพชรกระพริบพราว
เพื่อ..
ถวายพระพรชัยมงคล
ในท่ามสายลมหนาวแลหมอกนวล  
อวลโอบมาด้วย
กรุ่นกลิ่นแก้ว
จำปีจำปา มะลิซ้อน มะลิลา
พุดซ้อน พุดลาภา กุหลาบป่ากอใหญ่
บริสุทธิ์ใสด้วยหยาดละอละอองน้ำค้าง
ที่กำลังพร่างพรมกลางกลีบอ่อนหวานของ
บัวตระการในบึงใหญ่
รอสายแสงแรกแห่งอาทิตย์อุทัยในรุ่งวัน
อันคือ..
วันแห่งมงคลปิติเกษมเปรมปรีย์
ไปทั่วหล้า...


วันที่...
เทพเทวาทุกชั้นฟ้า
ผองชนทั้งโลกหล้า
ต่างพากันน้อมเกล้า
เฝ้าตั้งมโนน้อมอธิษฐานจิต 
ถวายพระพรทิพย์ธรรม
ถวายสร้อยน้ำค้างคำ เทิดพระเกียรติสดุดี
หัวใจดวงนวลดวงทองของสาวนา
อันแสนผ่องผุดประดุจดาวพระศุกร์ใส
ที่..
กำลังจรัสไสวประดับฟ้ามิยอมพรากลา
พร้อมเคียงข้างสาวนา..
ก่อไฟหุงข้าวหอมแก่นจันทร์
และ..
เตรียมต้มยำทำแกงอันรสเลิศ
เพื่อ..ไปวัด 
จัดสำรับอย่างเรียบง่ายงดงาม
ลงในตะกร้าสานลายพิกุลละเมียด


ไม่ลืม..
ลงสวน เก็บนวลมะม่วงมหาชนก
ที่กำลังออกลูกดกเต็มต้น
บนกอกิ่งที่พากันทิ้งพวงพร้อยห้อย
ระย้า ราวมะม่วงสวรรค์ให้ฝันถึงมิปาน
มะม่วง..ที่สาวนาเพียรหาสายพันธุ์
มาปลูก ค่อยๆทะนุถนอมในอ้อมไพร
เพราะ..
ศรัทธาในชื่ออันแสนเป็นมงคล
และ..
หลงใหลในสีสันวันกลายใกล้สุกทอง


สาวนา...
ค่อยๆพายเรือ ไปในบึง
ทำตัวราวภู่ผึ้งภมร 
หากทว่า..
มิใช่...
หวังเพียงร่อนมาดอมดม
ฤาเพียงมาผสมพรมจูบดูดดื่มละอองเกสรหวาน
แล้วผ่านพราก..
สาวนาลอยเรือในท่ามดงละออช่อชันแห่ง
วังวนบึงบัวบาน
เพื่อ..
เลือกเด็ดบัวดอกงามที่สุดในสายใจ
เพื่อนำไปเป็นพุทธบูชา สมค่าควร
ข้าขอขมานะเจ้าดอกไม้ที่มามองหมายเจ้า
ก่อนได้คลึงเคล้ามากมวลภุมรินทร์มาบินตอม
ดอมดมจนสิ้นหวาน
ต้องรานโรยร่วงไร้ประโยชน์...


สาวนาแหงนเงยมองดูฟ้า
ที่ช่างงามมลังเมลืองมหัศจรรย์นัก
กับฟ้า..วันนี้..
ที่แสนสวยด้วยสีแปลก
ราวเทพยดามาแต้มแต่ง


หัวใจสาวนา..
กำลังร่ำไห้กับสายน้ำรักนิรันดร์ระริน
ด้วยถวิลถึงความกตเวทิตาคุณต่อผืนดิน
ต่อ..
ร่มรัตน์..ร่มฉัตรจักรีวงศ์
มิรู้สิ้นไปตราบกาล
และ..
จักนานเนาตามติดไปทุกภพชาติ
ให้สาวนาได้เกิดมาเป็นข้าพระบาท
ในแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง แผ่นดินไท
ที่จักหาที่ไหนในโลกหล้ามาเสมอเสมือน


ราตรี..นี้..
ท่าม..
แสงเทียนทอง
จากสายใจไทย 
สายใยรักภักดีของพสกนิกร
ที่..
จักรัดร้อยรวมใจกันเป็นหนึ่ง..
ซึ่ง..
คงโชติช่วงผ่องพราวพราย
ราวสายเพชรพร่าง..สว่างไสวนับหลายล้านดวง
ประดุจดั่ง..
รวงดาวดารารายหมายพลีพร้อมน้อมเกล้า
ถวายพระพรชัยมงคล
ทั้งมหาสกลจักรวาล


สาวนาก้มกราบกรานศิระ
ขอให้
*พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง
ทรงเป็นพระมิ่งขวัญฉัตรเพชร
ปกเกล้าป้องเกศผองชนคนไทย
ให้ดำเนินชีวิตอย่างรู้พอเพียง
ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
ดำรงธำรงตนอยู่ในคุณธรรมความดี
ให้..
แผ่นดินนี้ยังร่มเย็นเป็นสุข
ให้..
ทุกความแตกแยก..เภทภัย 
สิ้นหายไปจากแผ่นดิน
ด้วยพระมหาบารมีบุญ
อันหาที่สุดมิได้...


และ..
สำหรับหัวใจดวงทองของสาวนา
หวัง..
คนไทยทั้งหล้า
คงจักรอได้พบรอยแย้มพระสรวล
หากเราทั้งมวลรู้รักสามัคคี
และ..
รู้มีเมตตาอภัยเอื้อโอบไมตรี
เพียรพลีพร้อมใจกันทำความดีถวาย
เพื่อเริ่มต้นใหม่
รู้รักษาสถาบันชาติศาสน์กษัตริย์
อัน..คือความยิ่งใหญ่เกินใดเปรียบประมาณ...!
.....................................

1208775762.jpgpicture%5C99255210315.JPGthe-rice-field.jpg1247752094.jpgp11604742.jpg				
comments powered by Disqus
  • ปรางทิพย์

    5 ธันวาคม 2552 13:37 น. - comment id 1070975

    ธ ดั่งฉัตรมณีศรีแผ่นดิน
    
    เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของคนไทยคือ
    ความจงรักภักดีแด่สถาบันพระมหากษัตริย์
    ปรางภูมิใจที่ได้กล่าวถึง พระกรณียกิจ
    ที่พ่อของแผ่นดิน มอบให้แด่ปวงชนชาวไทย
    
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    29.gif29.gif29.gif16.gif16.gif16.gif
  • ครูกระดาษทราย

    5 ธันวาคม 2552 15:36 น. - comment id 1070985

    king.gif
    สมมุติเทพไท้             เสด็จมา
    สถิตคู่ ณ อาณา                เขตแคว้น
    องค์ภูมิพลราชา                ดุจพ่อ
    หาบ่มีใดแม้น                   เปี่ยมด้วยคุณธรรม
    
         โครงการพระดำริล้วน  นำเจริญ
    เสด็จเยี่ยมชนเผชิญ        ยากไร้
    อุปสรรคใดเกิน                พ่อช่วย
    ธ ก่อ ธ สรรค์ให้               ไม่เว้นใครใคร
    
         ดั่งโพธิ์ทองแก่ข้า       ปวงไทย
    พาร่มเย็นกายใจ             โอบเอื้อ
    ปกป้องผองโพยภัย          หายห่าง
    นอยู่พอเพียงไซร้             พ่อชี้นำทาง
    
         แปดสิบสองผ่านพ้น     ชนมา-  ยุเฮย
    เป็นมิ่งขวัญประชา           ราษฎร์ท้น
    ขอพรพระเทวา                ดลท่าน
    ทรงพระเจริญล้น              ตราบทั้งหทัยกาย
    
         ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
          ข้าพระพุทธเจ้า ครูกระดาษทราย
    
  • เสมอจุก

    5 ธันวาคม 2552 18:09 น. - comment id 1071006

    ทรงพระเจริญ
  • สาวบ้านนา

    6 ธันวาคม 2552 09:46 น. - comment id 1071105

    m0001_b.jpgroses-in-bloom-01.jpg6a00c22522420bf21900e398bd7f510001-500pimahachanok3.jpgricefield2.jpg2005092815454743254325.jpgsapa_1_04.jpg
    แทนสร้อยหยาดน้ำค้างคำ
    ด้วยแสนซาบซึ้งใจ
    น้องครูกระดาษทราย
    น้องปรางทองในปองใจพี่สาวนา
    น้องเสมอจุกเสมอใจ..ที่รักยิ่ง
    ......................................
    คล้องมาลัยขวัญนิรันดร์รัก
    แทนพรภักดิ์พรมงคลกุศลศรี
    อธิษฐานจิตแด่มิ่งมิตรซึ้งไมตรี
    ให้คนดีน้องทั้งสามงามดวงใจไปตราบกาล...
    
    
    
    
    36.gif16.gif
  • สาวบ้านนา

    6 ธันวาคม 2552 10:09 น. - comment id 1071109

    IMG SRC=http://www.cmadong.com/imageupload/data/image/kahjy0-4aaa3e.jpg>
    
    attachment.php?attachmentid=80946&stc=1&picture%5C169255212702.jpg2005092815454743254325.jpg001575.jpg
    ......................................
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif93925-106.jpgแฝกฝันฝากหอม...
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song283.html
    (ลาสาวแม่กลอง)
    
    
    
    ฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายวันแล้ว
    น้ำเริ่มเจิ่งนองไปทั่วทุ่ง
    เสียงกบเขียดพากันร้องระงมด้วยความเบิกบานสราญใจ
    ข้าวในนาก็ระบัดใบเขียวใสระย้าย้อยห้อยรวงเริ่มผลิที่รอเกี่ยว...
    
    
    
    สาวนา 
    ตั้งใจจะปลูกกระท่อมใหม่สักหลัง
    ที่เปิดโล่งเป็นโถงเรือนว่างๆ
    
    ไว้สำหรับสอนเด็กๆแถวบ้าน
    ให้อ่านเขียนและวาดภาพ
    พร้อมทั้งเป็นโรงเล่านิทาน
    
    มีหนังสือที่รับบริจาคมา
    เพื่อจะพัฒนาให้เยาวชนคนที่ขาดการศึกษา 
    ได้มีเวลาค้นคว้า
    และ...
    เรียนรู้โลกกว้างทางไกลที่ไปไม่ถึง
    ด้วยการปลูกฝังให้รักการอ่าน 
    ที่คือหน้าต่างโลก ประตูโลก
    จะทำให้คนเต็มคน มีปัญญา 
    พารู้ทันเท่ามิเฝ้าตกเป็นเหยื่อโศก..สิ้นสุขทุกข์วนในสังคมเทียมเทียม...
    
    
    
    และ...
    สาวนาเตรียมสอนธรรมะพื้นฐานแบบง่ายๆ
    ที่คงยังดีกว่าหายใจไปวันวัน
    ได้สร้างสรรสังคมชนบท
    ให้แสนงดงาม...ตามแบบอย่างพุทธศาสนิกชนที่ดี
    
    ที่จักเป็นผู้ให้ ไร้ร้องขอ
    อย่างมีเมตตาธรรม
    แด่เพื่อนมนุษย์ที่ร่วมเกิดเจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
    
    อย่างรู้ว่าวันเวลาแห่งชีวิตนั้นแสนสั้นนัก
    จะทำอะไรที่ประเสริฐแสนดีพลีได้เพื่อผองชน...ก็จงรีบทำ
    
    ไม่เว้นแม้กระทั่งกับสัตว์
    ที่เปรียบประดุจดั่งเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยาก
    ที่ยอมเหนื่อยยาก...ลากแอกแบกคันไถ..คู่ใจมาแสนนานวัน
    
    
    และ
    ในดวงใจใสใสของสาวนานั้น...
    ก็แสนสงสาร..*เจ้าวัวควายเพื่อนยาก*
    ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนหลังคาจากที่ผุพังให้เสียทีเดียวพร้อมกันเลย
    
    เพราะฝนตกทีไรก็รั่วซึม
    สาวนา..
    จึงคิดจะมุงด้วยหญ้าแฝก 
    
    เป็นหญ้าแฝกหอม
    หรือที่เรียกว่าหญ้าแฝกลุ่ม หญ้าแฝกบ้าน
    สาวนาขอแรงเพื่อนๆมาช่วยกันเกี่ยวหญ้าแฝก
    ที่ขึ้นอยู่ริมคันนา
    กันดินทะลายที่สาวนาตั้งใจปลูกไว้รายรอบ
    
    
    
    ตามกระแสพระราชดำริ
    *ของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...*
    
    ที่สาวนาเคยอ่านพบ
    และ..
    เพียรนำมาลองปฎิบัติจนได้ผลตาม
    อย่างแสนน่าภาคภูมิใจ...
    ตามที่พระองค์ท่านได้ทรงพระราชดำรัสเอาไว้ว่า...
    
    "เราจะสร้างของดีซ้อนบนของเลวนั้น 
    ต้องสร้างผิวดินใหม่ขึ้นมา 
    เมื่อหญ้าแฝกเจาะดินลงไปแล้ว
    จะนำดินที่มีอาหารลงไป
     เวลาน้ำฝนชะมาจากภูเขา ชะใบไม้มาติดหญ้าแฝก 
    ดินจะเพิ่มขึ้น แล้วก็ดินเลวจะเป็นดินดี" 
    
    
    
    *พระองค์ท่านหวังเห็นภาพอนาคตธรรมชาติอยู่รอด 
    ปวงประชาพึ่งพาตนเองได้ *
    
    และด้วยพระปรีชาญาณและพระวิสัยทัศน์
    ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
    ที่ทรงริเริ่มพัฒนาพื้นที่ห้วยทราย
    จนปรากฏผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน 
    
    รวมทั้งแนวพระราชดำริทั้งปวง
    ที่ได้พระราชทานไว้ 
    
    ซึ่งมีใจความสำคัญ
    ในการสร้างความรู้รัก สามัคคี 
    และ
    การร่วมมือร่วมใจกันของหน่วยงานต่างๆ 
    โดยมีผลประโยชน์สูงสุดตกอยู่แก่ประชาชนเป็นสำคัญ 
    
    ส่งผลทำให้ประชาชนมีความ 
    "พออยู่ พอกิน" สามารถ "พึ่งพาตนเองได้" 
    มีชีวิตความเป็นอยู่ 
    ที่สอดคล้องสัมพันธ์กับทรัพยากรธรรมชาติ 
    และสิ่งแวดล้อมในลักษณะที่
     "ประชาชนอยู่รอดและธรรมชาติอยู่รอดด้วย" 
    
    
    
    ซึ่งการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาแห่งนี้ 
    ถือได้ว่าเป็นมิติใหม่ของรูปแบบการบริหารจัดการ 
    
    ที่สมควรจะนำไปประยุกต์ใช้ปฏิบัติ
    ในการพัฒนาพื้นที่ชนบทอื่นๆ ของประเทศต่อไปได้อย่างดียิ่ง 
    และ
    ความสำเร็จดังกล่าว
    ได้สร้างความปลาบปลื้ม
     และพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างมาก 
    
    ดังจะเห็นได้
    จากก่อนที่จะเสด็จพระราชดำเนิน กลับกรุงเทพมหานคร
     
    ได้มีพระราชกระแสกับเจ้าหน้าที่ 
    ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ 
    ที่ส่งเสด็จ ณ พระราชราชวังไกลกังวล ความตอนหนึ่งว่า 
    "สิ่งที่ทำไว้ที่ห้วยทราย 
    นับว่าประสบความสำเร็จดีมาก 
    ต้องบันทึกเอาไว้เป็นทฤษฎีหรือตำรา...ฉันปลื้มใจมาก*
    
    
    
    
    *ทฤษฎีใหม่นี่ หลักสำคัญอย่างหนึ่ง
     คือหน้าฝน หน้าทำนา น้ำฝนจะทิ้งช่วง
    ไม่มีที่ไหนฝนไม่ทิ้งช่วง ฝนทิ้งช่วงเสมอ 
    
    ฝนทิ้งช่วงทำให้เกษตรกรเดือดร้อน 
    น้ำที่เก็บตุนเอาไว้ให้เป็นการสม่ำเสมอ
     regulate แปลว่าทำให้สม่ำเสมอ ได้น้ำสม่ำเสมอไม่ล่มจม'' 
    
    
    
    เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดินในแปลงไม้ผลและไม้ยืนต้น 
    ปัจจุบันแม้ว่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยที่ตกในแต่ละปี 
    จะมีปริมาณเท่าๆ หรือใกล้เคียงกัน
    
     แต่
    เกษตรกรก็มักประสบปัญหาภัยแล้ง
    หรือภาวะพืชที่เพาะปลูกขาดแคลนน้ำเป็นประจำ
    ก่อความเสียหายแก่เกษตรกร 
    และเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก*
    
    
     *การแก้ไขปัญหา
    ภาวะพืชขาดแคลนน้ำในพื้นที่เกษตรน้ำฝน 
    จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการ
    ในการเก็บรักษาความ ชุ่มชื้นไว้ในดินได้อย่างยาวนาน
     แต่
    เท่าที่ผ่านมาตราบปัจจุบัน
    ความชุ่มชื้นเกษตรกรส่วนใหญ่ในเขตพื้นที่เกษตรน้ำฝน
    ยังคงเพาะปลูกติดต่อกันมาโดยมิให้ได้มีมาตรการ
    ในการช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นในดินเลย..*
    
    
    
     *ดังจะเห็นได้จากการที่ฝนตกลงมา
    ก็ปล่อยน้ำฝนเป็นจำนวนมาก
    ไหลบ่าออกจากพื้นที่ลงสู่แม่น้ำลำคลอง 
    ซึ่ง
    นอกจากจะเป็นการสูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์แล้ว 
    
    น้ำฝนที่ไหลบ่า
    ยังจะกัดเซาะและพัดพาหน้าดิน
    ซึ่งมีปุ๋ยและธาตุอาหารพืชที่สำคัญให้สูญเสียไปอีกด้วย 
    
    การปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดิน
    สำหรับปลูกไม้ผลก็ใช้หลักการเดียวกัน 
    ทั้งนี้วิธีการและรูปแบบการปลูกหญ้าแฝก
    ขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นที่
    ที่เกษตรกรสามารถเลือกใช้รูปแบบหนึ่งตามความ เหมาะสม.*
    
    
    (http://www.chaipat.or.th/journal/dec98/thai/huaysai.html)
    
    ***********************************
    
    
    
    สาวนา...
    จึงเตรียมหุงหาอาหารแต่เช้า
    เพราะวันนี้คงยุ่งทั้งวัน 
    
    ต้องเตรียมการณ์ให้พร้อม
    สาวนาต้องการให้หลังเสร็จงาน
    ที่ทุกคนต่างมีน้ำใจ
    จะได้มีเวลาพบปะสังสรรค์กัน
    
    สาวนาจะได้แสดงฝืมือทำกับข้าวอันแสนลือลั่น
    ว่าฝืมือสาวนานั้น..*ราวแม่ครัวหัวป่าก์*
    ที่ใครไปใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ 
    อย่างให้จำจดไปเลยทีเดียวและรับรองจะ
    *ไม่ผิดหวังในรสชาติอย่างแน่นอน...*
    
    
    
    สาวนา...ผู้หญิงหัวใจสะออน
    จึงเปิดเพลงจากวิทยุฟังยามอยู่ในกระท่อมครัว
    กับฟ้าสลัวเลือนลาง
    กับใจดวงดายเดียวอ้างว้าง
    และ
    น้ำตาสาวนาก็พร้อมจะพร่างจะรินทันที
    เมื่อได้ยินเสียงเพลง..
    *มหาอมตะนิรันดร์กาล*นี้ที่หวานแว่วมาจากลำโพง
    .................
    
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song283.html
    ลาสาวแม่กลอง....พนม นพพร-โอภาส ทศพรอ๊อด
    
    
    สิ้น แสงดาว ดุเหว่าเร่าร้อง
    จากสุมทุมลุ่มน้ำแม่กลอง
    พี่จำจากน้องคนงาม
    แว่วหวูดรถไฟ พี่แสนอาลัย สมุทรสงคราม
    คงละเมอเพ้อพร่ำ คิดถึงคนงามที่อยู่แม่กลอง
    ราช การทหารเรียกใช้
    ลูกน้ำเค็มโอ้ทัพเรือไทย
    ฝึกเตรียมเอาไว้คุ้มครอง
    พี่ต้องขอลาจากแล้วแก้วตาลาถิ่นแม่กลอง
    คงหวนมาหาน้อง คนสวยแม่กลองคอยพี่กลับมา
    เมื่อ สงกรานต์งานวัดบ้านแหลม
    เคยเที่ยวชมกับโฉมแฉล้ม เมื่อคืน ค่ำแรมเมษา
    สรงน้ำร่วมน้อง ปิดทองพระ ปฎิมา
    อธิษฐานรักอยู่คู่ฟ้า หวังเกิดมา ร่วม ใจ
    ป้อม พระจุลไกลบ้านห่างน้อง
    เมื่อฝนมาฟากฟ้าคะนอง ได้ยินถึงน้องหรือไม่
    พี่ส่งสัญญาฝากฟ้าครวญมาจากห้วงหัวใจ
    คือเสียงครวญหวนไห้
    ทหารเรือไทยยังห่วงแม่กลอง...
    ...........
    
    
    
    เพลงนี้
    อ้ายร้องให้สาวนาฟังยามฟ้าสาง
    
    ยามที่ฟ้า....
    ยังพรายพร่างด้วยสายหมอกหยอกรวงข้าวใหม่ในนาหอม
    กับพวงพะยอมคลี่กลีบกรายกลิ่นเกสร
    กับเสียงอ้อนวอนเว้า...ขอรักรักรัก
    กับแสงดาวเดือนรำไรที่เป็นประจักษ์พยาน
    ในท่ามเลือนลางม่านเมฆ
    กับมวลดอกไม้ไทยร่ายเสกมนต์หวาน
    
    กับเสียงม่านฝนพร่าง..พรมพรำสร้างบรรยากาศให้แสนรัญจวนใจ
    และกับในยามที่พงไพรแว่วหวานด้วยเสียงดุเหว่าร้อง
    
    เพียงไม่มีเสียงหวูดรถไฟประกอบก็เพียงนั้น
    แต่....
    ก็ทำให้หัวอกหัวใจสาวนากระจุยกระเจิง
    ระเริงไปด้วยความสุขซ่านหวานซึ้งในอ้อมอกอุ่นของอ้าย
    ผู้ที่สาวนารักแสนรัก
    ที่ชอบขอหนุนตักสาวนา
    และรักเสียงเพลงสาวนาเป็นชีวิตจิตใจ...
    
    
    
    ยามนั้น
    อ้ายจะเชยปรางสาวนาหอมหอมหอมแบบบในหนัง
    แล้วจะกระซิบรำพันคำรักออดอ้อน
    ให้สาวนาระทวยอ่อนในวงแขน
    
    ที่ยินดีพลีทุกสิ่งแสนหวงให้อ้ายได้ด้วยภักดีอย่างมิต้องลังเล
    เพราะ
    อ้ายคือผู้ชายคนดีคนเดียวในชีวิต
    ที่เข้ามาเกี่ยวจิตเกี่ยวใจเกี่ยวชีวิตสาวนา
    ที่
    สาวนายินดีพลีร่างใจให้ตราบจนชั่วฟ้าดิน
    และจะถวิลไปตราบชั่วฟ้า..กัลปาวสานต์เลยทีเดียวเชียว..
    
    ..............
    
    
    สาวนาลงไปเด็ดพริกสวน กระเพราป่า มะเขือพวง
    ตั้งใจจะแกงให้หอมเลย
    และ
    เด็ดผักบุ้ง ตำลึง ฟักแฟงแตงกวาใส่ตะกร้ามาพร้อมกัน
    เผื่อจะทำแกงจืด และน้ำพริกไว้สำหรับอีกมื้อ
    
    
    ไหนจะผลไม้สารพัน
    ที่กำลังห้อยย้อยผลดกไปทั่วทั้งสวนริมท้องร่อง
    
    
    ที่สาวนาแบ่งพื้นที่ตามทฤษีใหม่
    ที่ให้มีทั้งสวนสมุนไพร 
    และขุดบึงเลี้ยงปลา
    ไว้ได้ทำอาหารกิน และประทังชีวินแต่พอเพียงเพียงพอ
    แบบชาตินี้
    จะไม่มีวันเสี่ยงกับการจะต้องอดตายอีกแล้ว
    
    เพียงคนไทยทุกคนมี
    *พระขวัญแก้ว
    *พระเจ้าแผ่นดินภูมินทร์ภูมิพลมหาราชา*
    คอยชี้แนวทางให้เกษตรไทยทั่วฟ้าดิน 
    ในแผ่นดินธรรมผืนดินทองนี้
    
    ที่พระนามของพระองค์ราวกับสวรรค์เสกลงมา
    ให้ธำรงพระปรีชาเป็นดั่งขวัญหล้าพระขวัญเกล้าแห่งผองชนชาวไทย
    พระผู้มากพระเมตตาล้นน้ำพระทัย
    ผู้มีพระการุณยคุณยิ่งใหญ่แด่ผู้ทนทุกข์ยาก
    ที่..
    ธ..ทรงเป็นดั่ง*พลังแห่งแผ่นดิน*ดั่งพระสมญานาม
    อย่างยากยิ่ง
    ที่จะหาพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในหล้าโลกได้เทียมเท่า..
    ..............
    
    
    
    สาวนา..
    เก็บเงาะพวงแดงลูกโต แตงโมกลมเขียว  
    แตงไทย...ที่ตั้งใจจะทำน้ำกะทิหอมมันราดให้อร่อยเป็นของหวาน มื้อเย็น
    
    แล้วไหน...จะยังมีมะละกอสุก กล้วยหักมุก 
    กล้วยเล็บมือนางที่กำลังกางฟ้อนอ่อนละออจากเครือเหลืองละมุน
    
    ไหนจะยังไม่พอ
    ยังมี...*ชมพู่เพชร*
    ที่หวานแสนหวาน
    เพิ่งเด็ดสดฉ่ำ
    ที่ได้พันธุ์มาจากเมืองน้ำตาลเพชรบุรี
    และ..
    นานหลายปีถึงสูงใหญ่ใบดกเขียวและได้เด็ดชิม
    
    มีมะม่วงมันส์พันธุ์...เขียวเสวยแสนอร่อยหลายร้อยลูก
    ห้อยย้อยเขียวเรียวพวงพราว ที่สาวนาเด็ดมาจนเต้มตะกร้าเลย
    
    
    
    และนั่น...
    สาวนาเห็นพี่ทอง...ค่อยๆย่องมาคนแรก แหวกกอข้าวมาแต่เช้า
    
    พี่ทองบอก
    *ขอมาฝากท้อง*กับฝืมือสาวนา
    และจะได้มาปรับเตรียมพื้นที่รอเพื่อนๆ
    ที่จะพากันมาร่วมแรงสามัคคีชุมนุม
    
    
    
    สาวนาจึงดีใจ
    รีบเข้าครัวไปจุดไฟก่อฟืนหุงข้าวหอมใหม่
    และ
    ปล่อยให้พี่ทองและเพื่อนพ้องที่กำลังจะตามมา
    ได้พากัน
    ทักทายกันเสียงขรม...
    
    ก่อนที่
    จะช่วยกันคนละไม้ละมือรื้อเรือนเก่า
    และมุงหลังคาด้วย แฝกตับ 
    ที่สักพักสาวนาจะเป็นลูกมือคอยช่วย
    ด้วยความลุ้นระทึก
    ที่จะได้เห็นผลงานอันแสนน่าชื่นใจเสียไม่มีแล้ว...
    
    
    
    ใจดวงแก้วดวงทองดวงธรรมอันผ่องผุด
    จึงแสนสุขพิเศษในยามนี้
    
    ที่จำต้องแอบคลี่ยิ้มหวานหวาน
    อย่างบานเบิกใจอย่างสราญใจ....ไปกับสายลมแสงแดด
    และ.ให้
    ใจดวงดีที่ระทมตรมตรอมเพราะคิดถึงอ้าย..
    ค่อยทุเลามิเหงาเงียบ..อีกต่อไป.....
    ................................
    
    
  • สาวบ้านนา

    6 ธันวาคม 2552 10:36 น. - comment id 1071112

    Faag1.jpgkahjy0-4aaa3e.jpg3.JPGv101.jpgm122591.jpgpost-344-1229176982.jpgflowerrs.jpg101381256
  • ปรางทิพย์

    6 ธันวาคม 2552 10:46 น. - comment id 1071123

    พี่พุดคะ
    ปรางอ่านเมนท์ของพี่แล้ว มองเห็นภาพเลยค่ะ
    นั่นคือความฝันของปรางค่ะ  เพราะตอนนี้
    ฝันกำลังก่อเป็นรูปร่างทีละน้อย  ปรางกำลัง
    เก็บเล็กผสมน้อย  เพื่อเป็นทุนรอนสำหรับ
    อนาคต  สิ่งที่ปรางคิดจะทำคือ ให้ความรู้
    ช่วยเหลือชาวบ้าน และเด็ก ๆ แต่ปราง
    จะเน้นไปที่คนชรา  
    หลังคาหญ้าแฝกหอมที่พี่พุด คิดจะมุง
     ใหม่ให้วัวควาย  แปลกจริง ๆ เหมือนกับ
    สิ่งที่ปรางเพิ่งวางโครงการไปว่า จะเลี้ยงวัว
    เพื่อเป็นแนวทางให้ชาวบ้าน 
    
    อ่านบทความของพี่พุดแล้ว เหมือนกับ
    พี่พุดมานั่งในความฝันร่วมกับปรางเลยค่ะ
    น่าอัศจรรย์ ยิ่งกระไร
    ด้วยรักพี่พุดเป็นที่สุดค่ะ
    16.gif16.gif36.gif36.gif36.gif
  • สาวบ้านนา

    6 ธันวาคม 2552 11:23 น. - comment id 1071128

    m119475.jpg1147971298.jpg20081026_3593e06e2d6708fe2950lm5QBB8Ccthp3.jpg50905d7b2216bfeL.jpg36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif
    พลี..
    แด่น้องนวลปรางทอง
    ในครองใจ ในปองใจ
    ของพี่สาวนา..พี่พุดไพร
    ไปนิรันดร์..ค่ะ
    
    มิสิ้นแสงดาว..!
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song198.html(ปรารถนา)
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4658.html
    (คิดถึงพี่ไหม)
    ....................
    
    
    
    
    ฝนทิ้งช่วงไปนาน..แล้ว...
    จนดินดานแตกระแหง..แล้งไร้ไปทั่วทุ่ง
    
    สาวนาเพิ่งลงแรง
    เก็บเกี่ยวข้าวพันธุ์แก่นจันทร์มาไว้ในยุ้ง
    และ
    ให้หอมทั้งข้าวใหม่ลอมฟางจรุงไปทั่ว...
    
    
    
    
    สาวนา
    กำลังใช้แม่ควายคู่ใจช่วยไถแปร
    
    ตั้งใจจะลงข้าวโพดหวาน
    พันธุ์ที่ไม่มีการตัดแต่งพันธุกรรม
    ที่วิทยากรด้านเกษตรกรรมเพิ่งอบรม
    และแจกพันธุ์ให้มาฟรี
    เป็นพันธุ์ใหม่ธรรมชาติ
    
    ที่คงฝากหวานพอกันกับมือคนเพาะปลูก
    ที่ใช้น้ำรักรดระริน 
    พลีหลั่งไว้ในผืนดินทองแผ่นดินเกษตรกรรมไทย..
    ณ..ที่แห่งงามไสวด้วยฟ้าฝน..เป็นใจ..
    
    
    
    สาวนา ไม่ค่อยสบายคล้ายๆภายในใจโหวงๆ
    และ
    คิดห่วงใยด้วยสมองใสๆซื่อๆแบบสาวนา
    เมื่อทราบจากใครใครว่าน้ำมันเริ่มแพงแสน
    
    
    
    แพงเสียจน อนาคตไม่ทราบว่า..
    คนไทยคนในเมืองกรุงเรืองรุ่งศิวิไลซ์
    
    เมืองที่วัตถุมากมายล้นไปทั่วทั้งเมือง 
    จะอยู่กันอย่างไร
    
    
    
    ที่ต่างพากันฝากชีวิต
    ที่แสนฉาบฉวยไว้ในมือระบบสังคมทุนนิยม
    
    ที่คงจะพังลงในชั่วพริบตา
    หากโลกหล้าไร้น้ำมัน
    
    ไม่ว่าเครื่องบินรถรา โรงงานอุตสาหกรรมนานา
    และ
    แม้นกระทั่งสถานบันเทิงเริงรมย์ให้เลิกหลงลงนรก
    คงต้องตรอมตรมพร้อมกันหยุดกิจการ ประหยัดน้ำมัน 
    ราวยามสงครามก็ไม่ผิด
    
    
    
    หากทว่าสำหรับชีวิตสาวนา
    ที่เดินสวนทางกลับกับใครๆ
    และโลกศิวิไลซ์นานมา
    คงมิเดือดร้อน
    
    สาวนา ไม่เคยใช้ไฟฟ้า
    
    
    
    มีเพียงแสงตะเกียงเคียงกระท่อมมาจนชิน
    มีเพียงเทียนทองทอ ในทุกยามที่ถวิลอยากจุด 
    เพื่อให้ความรู้สึกละมุนงดงาม
    ในยามกราบกรานนั่งสวดมนต์สมาธิเพียรภาวนา
    หน้าองค์พระพักตร์พระพุทธ อย่างรู้หยุดรู้พอ
    อย่างขอแค่ความสุขสงบงาม ณ กลางจิตกลางใจ
    
    
    
    สาวนา เคยถูกปรามาสว่า 
    ช่างคิดทำอะไรไม่เหมือนใครเอาเลย
    
    ใช่สิ..
    เพราะสาวนาคนนี้เกิดมากับแสงตะเกียง
    รักเสียงสายฝนพรำ
    รักธรรม ธรรมชาติ 
    
    รักสายแสงแห่งตะวันแรก
    ยามอรุณรุ่งอันแสนอบอุ่นอ่อนโยน
    
    
    
    ที่สาดสายอันโอบเอื้ออ่อนหวานอาบทาบทา
    ทั่วพรายผืนนา
    ดั่งพรมทองผ่องพิลาสพิไลผ่องผุด
    ให้ความงามพิสุทธิ์อย่างล้ำล้นใจ
    อย่างเลอค่าใจ 
    
    
    
    ที่แสนจะยิ่งใหญ่
    ให้รู้ค่าความงามธรรมชาติ
    ที่ฟ้าเบื้องบน ประทานให้มา
    
    ให้รู้สึกว่า ฟ้าช่างงามไสว
    ทำไม..
    และ
    ไยหัวใจ....ช่างแสนละไมละเมียดละมุนเสียเหลือเกินแล้ว
    
    
    
    ให้ใจดวงมิหวังเบียดเบียนโลกได้จรุงในทุกครา
    
    ยามย่ำรุ่ง
    น้ำค้างพร่างกรุ่นกลางกลีบเกสรดอกไม้
    ให้เรียวหญ้ารวงข้าวถูกไล้ด้วยเรียวหมอกหยอกเอิน
    ราวสาวอายเอียงเอียงอายยามต้องมือชายหมายรัก
    
    
    
    สาวนา ยังรักวิถีทุ่งวิถีธรรมชาติ
    ที่ดวงดอกไม้ไพร
    
    และ
    บัวกลางบึงยังค่อยๆแย้มกลีบใสบริสุทธิ์
    ค่อยๆผลิละออไหวหวาน
    แย้มตระการรอรับมวลหมู่ภู่ผึ้งภมร
    
    ให้ค่อยๆร่อนถลาเชยชม
     ดอมดมดูดดื่มอย่างระรื่นรมย์ 
    ให้ได้รับรสอันสดเกษมเปรมปรีย์
    ค่อยๆเป็นไปตามวัฎฎธรรมชาติ 
    
    
    
    ใช่...ดอกไม้เมือง
    ที่บางดวงดอก
    มิประเทืองประทับใจ
    ราวดอกไม้พลาสติกไร้ใจ
    
    คิดรีบปรุงรัก เร่าร้อน
    มิค่อยๆผลิหอมฝากค่า
    แบบค่อยเป็นค่อยไป
    
    จนต้องไหวครวญ
    ยามถูกขยี้หวานผลาญพร่า....
    ให้กลีบรักร่วงแหลกกระจาย...!!!!!!
    
    
    
    โพล้เพล้..แล้ว
    ตะวันสีไพลใหญ่เท่ากระดังฝัดข้าว
    มาลอยเหนือราวไพร 
    ดงไผ่กอ
    
    ให้สาวนานอนดูนกกระจาบบินกลับรัง
    พ่อ แม่ลูกคงทายทัก พากันร้องระงม
    
    
    
    สาวนา...
    เอนอิงร่างในกระท่อมไพรภาวนา
    ท่ามดงดอกลั่นทมหลากสีเหว่ว้า
    
    ที่พากันกรายกิ่งไหวมาริมหน้าต่าง
    มาแย้มเศร้าเฝ้าห่วงใยทักถาม
    ปานประหนึ่งสายลม...ที่ยังหวานระรินถวิลหา
    
    
    
    
    น้ำตาจากความปิติที่รักเงียบงามนิ่งงัน
    ชอบฝันดายเดียว...ราวโลกนี้ไร้ร้าง
    
    ช่างสงบสงัดชัดลึกให้รำลึกรู้  
    ราวในบึงใจ
    มีเพียงหยาดใสแห่งน้ำพระอมฤตธรรมที่ใสเย็นฉ่ำ  
    ให้ดื่มด่ำเอมอิ่มเอิบงามในดวงวิญญาณ ....ปานประมาณนั้น
    
    
    
    
    สาวนา...จุดตะเกียงทองเหลือง
    และ
    ให้แสงทองทาทาบอาบงามไปทั่ว
    
    
    ก่อนที่จะพาตัวไปริมคอกวัว..ควายที่ใช้ไถนา
    แสงสลัวสะท้อนโหนกน้อยให้ค่อยๆเอามือลูบไล้
    
    ให้..
    สาวนาจุดไฟไล่เหลือบยุงริ้นไร
    ให้หญ้าน้ำ และปลอบด้วยคำหวานเบาๆ
    *อ้ายคงกลับมาในไม่ช้า แล้วนะ...เจ้าสายน้ำ*
    
    *เราจะรอเขานะ 
    จนกว่าเขาจะตัดสินใจคืนหลังกลับบ้าน
    วิมานไพร วิมานวนา ของเรา*
    
    
    *วันที่เราสองคงจะมิเหงาใจอีกต่อไปนะ
    วันที่ฟ้าคงสว่างไสวกระจ่างจ้าจรัสราวเรียวรุ้ง
    ราวฟ้าหลังฝนหลังลมพายุพัดผันผ่าน
    
    และ
    วันที่เราจะมีกันและกันพร้อมหน้า
    ให้สาวนาซ้อนซบโอบร่างรักภักดีเอาไว้อย่างแนบแน่น
    แล้วขี่หลังเจ้ากรายทุ่งลุยนา
    
    มาครวญบทเพลงหวานแสนหวานบานเบิกใจ
    มาพรายนิ้วพลิ้วไหวพรมขลุ่ยยามเดือนเพ็ญ
    มาเดินเคียงไหล่ทุกเช้าเย็นดูผืนนาฟ้าสวย
    ดูลมระรวยล่องข้าวเบา *
    
    
    
    มาดูเงาน้ำในลำธาร
    ยามพายเรือไปเก็บบัวบูชา
    
    ดูสาวนาอาบน้ำ
    ในท่ามดาวเดือนกระพริบล้อ
    
    มากอดหยอกล้อ ยามสาวนาหนาวเนื้อใช้เนื้อห่มให้หนาวคลาย
    มาร่ายบทกวี แสนงาม ในยามเข้าไต้เข้าไฟ
    
    
    
    มาหอมหัวใจรักภักดี  
    มาพลีเลือดและหยาดเหงื่อ 
    หลังสู้ฟ้าหน้าสู่ดิน ถิ่นพสุธาทอง
    เพื่อผองชนคนไทยได้มีข้าวกินได้อิ่มท้อง
     
    และ
    ราวให้ใจเราสอง
    ได้แสนปิติภาคภูมิราวอิ่มทิพย์ ในชีวิตนิดน้อยหนึ่งนี้
    
    ที่ยังมีชีวีแลร่าง
    ได้ฝากประโยชน์พลีแด่ผืนดินแม่มาตุภูมิ....
    
    
    
    
    สาวนา...น้ำตาคลอ เมื่อแหงนเงยเห็น ดาวประจำเมือง
    พร้อมกับได้ยินเสียงอ้ายคล้ายเคยฝากไว้....
    
    ..............
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4658.html
    คิดถึงพี่ไหม...
    
    คิดถึง พี่หน่อย นะกลอยใจพี่
    ห่างกัน อย่างนี้
    น้องคิดถึงพี่ บ้างไหม
    อย่าลืม อย่าลืม อย่าลืมสัจจา สัญญาที่ให้
    ว่าตัวห่างไกลหัวใจชิดกัน 
    คิดถึง พี่ก่อนน้องนอนก็ได้
    เมื่อยาม หลับไหล
    น้องเจ้าจะได้ นอนฝัน
    ข้างขึ้นเมื่อใดแก้วใจโปรดมอง
    แสงของนวลจันทร์
    เราสบตากัน ในแสงเรื่อเรือง
    คืนไหน ข้างแรม ฟ้าแซมดารา
    น้องจงมองหา ดาวประจำเมือง
    ทุกคืนเราจ้องดูเดือนดาว
    ทุกคราวเราฝันเห็นกันเนืองเนืองถึง
    สุดมุมเมือง ไม่ไกล
    คิดถึง พี่หน่อย นะกลอยใจเจ้า
    พี่ตรม พี่เหงา
    เพราะคิดถึงเจ้า เชื่อไหม
    ฝากใจกับจันทร์ ฝากฝันกับดาว
    ทุกคราวก็ได้ เราต่างสุขใจเมื่อคิดถึงกัน...
    ..........
    
    
    
    
    และ...
    ด้วยใจดวงดินดวงเดิมดวงดี
    
    นาทีนี้ 
    สาวนา ได้แต่รินน้ำตา 
    ได้แต่ฝากปรารถนาไปในบทเพลง
    ที่คือบทบรรเลงรักร่วมกันมา
    อย่างแสนหวานชื่นฉ่ำระหว่างเรา
    ในเงาอดีตนานปี....!!!!!!!!!
    
    
    ......................
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song198.html
    ปรารถนา...ทูล ทองใจ
    
    
    หากแม้นเลือกเกิด เองได้ 
    คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร
    ตามใจเขา ปรารถนา 
    แต่ตัวฉัน นั้นขอตั้ง สัจจะวาจา
    ถึงชาตินี้ ชาติหน้า ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ
    หากร้อนผิวกาย ใจระทม
    ตัวฉันยอมเลือกเกิดเป็นลม
    เฝ้าลูบชมเนื้ออ่อน ละมุน
    หากหนาวนัก ขอเอารัก วางไว้เป็นทุน
    ขอเกิดมา เป็นผ้าอุ่น
    เกิดเป็นหมอนหนุน สำหรับนาง
    อยากเกิดมาเป็น สีแดง
    แต้มแต่งสองริมฝีปากคุณ
    อยากเกิดเป็นแป้งหอมกรุ่น
    ลูบไล้เนื้ออุ่น สองปราง
    อยากเกิดเป็นสร้อยห้อยคอไว้
    อยากเป็นดอกไม้ที่ทัดหู
    อยากอยู่ร่วมหอ ไม่ห่าง
    จะขอเป็นแหวนสวมก้อย 
    เป็นกำไรสวมใส่มือน้อย 
    เกิดเป็นรอยรับบาทของนาง
    อยากแนบเนื้อ ขอเป็นเสื้อสวมใส่สรรพางค์
    ขอเกิดเป็นหมอนข้าง
    เพื่อนางนวลน้อง ได้กอดนอน...
    
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gifr5.jpgpost-26107-1223654131.jpg
  • อนงค์นาง

    6 ธันวาคม 2552 16:29 น. - comment id 1071189

    บ้านพี่พุด ดูน่าอยู่มากเลยนะคะ ชีวิตสาวบ้านนาแบบพี่พุด เป็นชีวิตที่น้องใฝ่ฝัน ว่าสักวันคงได้มีโอกาสใช้ชีวิตแบบนี้บ้าง เรื่องราวของพี่พุด น่าประทับใจมากมายค่ะ ขอให้พี่พุด มีความสุข มีสุขภาพแข็งแรงตลอดกาลนะคะ
    
    36.gif36.gif29.gif
  • โคลอน

    7 ธันวาคม 2552 14:40 น. - comment id 1071446

    29.gif29.gif29.gif11.gif36.gif11.gif
  • แก้วประเสริฐ

    7 ธันวาคม 2552 20:24 น. - comment id 1071628

    36.gif16.gif36.gif
    
        อยู่คนเดียวเปลี่ยวอุราเลยคอมเม้นท์มายัง
    สาวสวยแห่งบ้านนาครับ รักเสมอ
    
              16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • สาวบ้านนา

    30 มีนาคม 2553 09:09 น. - comment id 1116121

    http://www.thaipoem.com/forever/my_home.php

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน