19 พฤษภาคม 2547 07:09 น.

...เพราะความคิด...

พี่ดอกแก้ว

ลมกรรโชกโกรกไม้ไหวเอนร่าง 
นำเส้นทางเมฆใหญ่มาให้ฝน 
เสียงครืนครั่นคำรามอย่างร้อนรน 
ฟ้าสีหม่นหล่นสายคล้ายน้ำตา 

เสียงพรมพร่างร่างระรัวทั่วทุกทิศ 
ทำให้จิตยิ่งเหงาเศร้าหนักหนา 
ความเยือกเย็นจากละอองลมพัดพา 
ปลุกจินตาให้ย้อนไปก่อนกาล 

ภาพความหลังฝังไว้ได้พรั่งพรู 
ดั่งสายฝนหล่นสู่พื้นสถาน 
บรรยากาศฟาดหทัยให้แหลกราญ 
ทรมานคนผิดหวังให้คลั่งใจ 

ฝนสาดสายภาพเรียงรายแข่งกับฝน 
ความคิดผุดพรายตนจนหวั่นไหว 
ความฟุ้งซ่านพล่านจิตให้คิดไป 
ล้วนแต่ความหมองไหม้จนฝนซา 

ฟ้าเริ่มแจ้งแสงส่องผ่องผืนภพ 
เมฆทะมึนเลือนลบจากเวหา 
รัศมีรุ้งทอละออตา 
ใจสร่างซาจากเศร้าเคล้ากมล 

อะไรหรือคือผู้อยู่เบื้องหลัง 
ให้ต้องหลั่งน้ำตาคราเห็นฝน 
อะไรหรือคือผู้บังคับกล 
ฟ้าหลังฝนเปิดใจให้เบิกบาน 

คือความคิดติดข้องของสัญญา 
คิดต่างต่างนานาแล้วถักสาน 
บ่วงอารมณ์ให้จมกิเลสมาร 
ทำดวงจิตพิการอย่างง่ายดาย 

เพราะความคิดฟุ้งซ่านประธานใหญ่ 
หลอกให้ใจอ่อนแอแก้ไม่หาย 
เป็นทาสของอดีตไม่เสื่อมคลาย 
ความโศกเศร้าจึงกลายเป็นเพื่อนเกลอ 

ควรฝึกใจให้คิดผลิตค่า 
คือฝึกสร้างปัญญาอยู่เสมอ 
รู้ความจริงทุกสิ่งที่พบเจอ 
ไม่หลงเพ้อผูกไว้..ไม่จีรัง  . 				
18 พฤษภาคม 2547 11:52 น.

ความเคลื่อนไหว

พี่ดอกแก้ว

คลื่นเสียงกรูจู่โจมเข้าโหมจิต 
ระรัวฤทธิ์กังวานผ่านทรวงไหว 
กระหึ่มก้องกัมปนาทฟาดหัวใจ 
กระชากให้ไร้จุดหยุดอารมณ์ 

ความเคลื่อนไหวในจอภาพฉาบสีสัน 
แสดงบทบาทนั้นอย่างเหมาะสม 
ฉากดูหมิ่นเหยียดเย้ยเอ่ยคารม 
คมเฉือนคมดุเดือดเชือดวจี 

ฉากต่อสู้บู๊สะบั้นไม่พรั่นพรึง 
สิบต่อหนึ่งสู้ได้ไม่หลบหนี 
ฉากนางร้ายทะเลาะเข้าตบตี 
นางเอกหนีน่าสงสารร้าวรานใจ 

ฉากซาบซึ้งเสน่หาคราปลอบขวัญ 
พระและนางคู่นั้นเคียงชิดใกล้ 
เพลงประกอบหวานซึ้งตรึงหทัย 
ชื่นหัวใจคนดูอยู่หน้าจอ 

ฉากสุดท้ายความตายกรายมาเยือน 
จิตสะเทือนหลั่งน้ำตาอีกคราหนอ 
ความโศกเศร้าเคล้าภาพฉาบเสียงคลอ 
คือบ่วงล่ออารมณ์จมมายา 

แต่ละช่วงแต่ละฉากหากฉายซ้ำ 
ค่อยค่อยนำฟิล์มเลื่อนเคลื่อนองศา 
ทีละภาพทาบจอต่อสายตา 
อย่างช้าช้าก็จะเห็นเป็นภาพเดียว 

หาได้มีความเคลื่อนไหวในจอนั้น 
ความดุดันก็ไม่มีสักส่วนเสี้ยว 
ที่เห็นว่ารักกันมั่นกลมเกลียว 
แท้จริงเป็นภาพเดี่ยวที่ต่อกัน 

ความสืบเนื่องว่องไวในการฉาย 
ภาพทั้งหลายจึงเห็นเป็นเหมือนฝัน 
ให้อารมณ์คนดูนับร้อยพัน 
ตามบทนั้นบทนี้ที่แสดง 

หากปัญหาที่มีในชีวิต 
เพ่งพินิจดุจสไลด์ใส่สีแสง 
ทีละภาพจะพบความเปลี่ยนแปลง 
ลดความแรงอารมณ์ระทมทรวง 

ไม่ผูกเรื่องยืดยาวสาวความคิด 
รู้ถูกผิดแยกย่อยจากใหญ่หลวง 
ทีละจุดหยุดใจไร้ภาพลวง 
หลุดจากบ่วงสืบต่อก่อพิษภัย				
13 พฤษภาคม 2547 06:50 น.

สู่เป้าหมาย

พี่ดอกแก้ว

บนผืนทรายสีอ่อนสะท้อนแสง 
ความแห้งแล้งเด่นชัดถนัดหล้า 
คนเดินทางแรมรอนค่อนชีวา 
สอดสายตาหาไม้ให้ร่มเงา 

หมายหลบแดดแผดร่างห่างไอร้อน 
ที่กัดกร่อนผิวกายดั่งไฟเผา 
มีแต่เพียงสายลมที่บางเบา 
มาคลอเคล้าความหวังครั้งเดียวดาย 

กู่ก้องใจถามฟ้าเรียกหาฝน 
ให้ร่วงหล่นมาถึงสักหนึ่งสาย 
ชะล้างไอความร้อนเพื่อผ่อนคลาย 
ความทุรนทุรายในแผ่นดิน 

หวังให้ฟ้าปรานีมีน้ำใจ 
หวังให้คนเคียงใกล้ไม่โหดหิน 
หวังเมตตาจากใจให้ไหลริน 
อย่าสูญสิ้นดั่งทรายไร้ธารา 

กลางสังคมสงครามความแก่งแย่ง 
ยิ่งคุแรงด้วยไฟปรารถนา 
ต่างแผดเผาเชื้อไฟให้ได้มา 
ทรัพย์ชื่อเสียงเงินตราเพื่อเปรอปรน 

หาร่มเงาพักใจในสงคราม 
หานิยามน้ำใจอีกหลายหน 
หาไม้ใหญ่คลายร้อนผ่อนกมล 
หาต้นหญ้าสักต้นบนผืนทราย 

แม้นไม่พบสบหวังในครั้งนี้ 
ทางชีวียังคงทอดสู่เป้าหมาย 
แม้นรอบตนแห้งแล้งและเดียวดาย 
ชีพไม่วาย...ไม่สิ้นสุดหยุดเดินทาง 
				
11 พฤษภาคม 2547 13:34 น.

....ช่องว่าง....

พี่ดอกแก้ว

เคยผ่านโลกโชกโชนโดนแดดฝน 
เห็นมุมหม่นหมองหมางสว่างหวาน 
พบการฝึกจนเชี่ยววิชาชาญ 
ประสบการณ์พอกเพิ่มเติมตามวัย 

คือผู้ใหญ่ในวันนี้มีอายุ 
ได้บรรลุเกินกึ่งของช่วงขัย 
คือขุมคลังความรู้เอนกนัย 
เป็นกลุ่มคนกลไกของสังคม 

หากพื้นฐานคุณธรรมนำจิตกล้า 
จะถ่ายทอดวิชาเพื่องามสม 
หากพื้นฐานอธรรมนำนิยม 
จะเพาะบ่มอวิชชาพาเลวทราม 

ต่างถือเกณฑ์น้ำร้อนอาบก่อนใคร 
และถือวัยสูงกว่าให้น่าขาม 
จึงถกเถียงเรียงคำย้ำถ้อยความ 
ว่าควรตามคิดตนได้ผลดี 


วัยยิ่งเพิ่มเติมอัตตาอย่างหนาหนัก 
บ้างถามทักอวดอ้างสร้างศักดิ์ศรี 
บ้างตำหนิติกราดฟาดวจี 
บ้างถือตัวว่ามีปมเด่นดัง 

น้อยคนนักจักน้อมยอมลดตน 
ไม่เพ้อบ่นพูดพร่ำร่ำความหลัง 
มีน้ำใจไมตรีรี่ประดัง 
มุ่งปลูกฝังเยาวชนอย่างสนใจ 

สังคมปลดลดช่องของความว่าง 
ความไกลห่างจะชิดสนิทใกล้ 
เยาวชนกับคนที่สูงวัย 
เชื่อมสายใยงามงดลดอัตตา 
				
8 พฤษภาคม 2547 12:12 น.

คนทำงาน

พี่ดอกแก้ว

โหมแรงใจไม่กลัวระรัวจิต 
ขบความคิดเข้มแข็งและแรงกล้า 
โถมแรงกายมอบให้ด้วยศรัทธา 
หลั่งเลือดลงชะโลมหล้าไม่พรั่นภัย 

แม้นพบความรวดร้าวหนาวเหน็บจิต 
ไม่ครวญคิดเก็บครองความหมองไหม้ 
แม้นที่สุดเขาตีจากและพรากไป 
ไม่จดจำใส่ใจขอทำงาน 

คงสักวันเรือลำนี้จะมีค่า 
แล่นอยู่กลางธาราอย่างอาจหาญ 
แม้นกระทบคลื่นใจให้ร้าวราญ 
จะแล่นไปให้ผ่านน่านน้ำวน 

ขอใช้กายและใจในวันนี้ 
ล่องนทีลอยผ่านธารกุศล 
แม้นไร้มิตรสนิทข้างห่างกมล 
เหลือเพียงตนก็จะสู้กู้ฝั่งชัย 

ปณิธานคือนำลำนาวา
คุ้มครองผู้อ่อนล้าที่หลับใหล
ให้ถึงฝั่งข้างหน้าอย่างปลอดภัย
รักษาสัญญาใจไม่เปลี่ยนแปลง				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพี่ดอกแก้ว