18 กันยายน 2552 16:19 น.
				
												
				
								พี่ดอกแก้ว
		
					
				
เมื่อจุดยืนยึดรากความยโส 
ความดื้อก็ใหญ่โตเป็นต้นขวัญ 
มีกิ่งก้านกระด้างไปด้วยกัน 
ปวงใบนั้นหนาหยาบเพราะอวดดี 
มีลมมาแรงหนักก็หักโค่น 
เพราะไม่โอนอ่อนตามยามหลีกหนี 
ความทะนงทำลายสิ้นชีวี 
เราต่างรู้เรื่องนี้กันมานาน 
ทั้งที่รู้เราก็อยู่อย่างไม้นั้น 
แล้วชีวันก็ไร้สุขสนาน 
ความทะนงปิดประตูตัดสะพาน 
ไม่สื่อสารอ่อนน้อมถ่อมศักดา 
หยิ่งผยองในตนจนผู้อื่น 
ไม่กล้ายื่นไมตรีจนแน่นหนา 
เกรงกระทบความกระด้างสร้างระอา 
ปล่อยคนกล้าให้เสรีวิถีตน 
ทั้งที่รู้เราก็อยู่อย่างอวดกล้า 
มีเรื่องราวเข้ามาหลายครั้งหน 
ยึดถิ่นฐานไม่ถอยสู้อดทน 
แต่ไม่ก่อเกิดผลในด้านดี 
ทั้งที่รู้เราก็อยู่อย่างไม้แก่ 
ไม่แยแสคำเตือนเบือนหน้าหนี 
ยึดในความสามารถที่ตนมี 
ไม่รู้ชี้ข้อแนะนำหรือคำใคร 
ทั้งที่รู้เราก็อยู่อย่างประมาท 
เพราะเราขาดปัญญามาช่วยไข 
ว่าอ่อนน้อมนั้นคือกุศลมัย 
หาได้พ่ายแพ้ใครเมื่อถ่อมตน 
				
			 
			
				8 กันยายน 2552 07:51 น.
				
												
				
								พี่ดอกแก้ว
		
					
				
เขาสรรเสริญเหลือเกินกับการให้ 
ใครต่อใครจึงสละละหวงแหน 
เที่ยวอุดหนุนต่อผู้ที่ขาดแคลน 
บางครั้งทำเหมือนแม้นยัดเยียดกัน 
ในการให้ผู้ให้ไม่หวังผล 
อนุเคราะห์ผู้คนเพื่อสร้างสรรค์ 
แม้นพบความเหนื่อยยากไม่รำพัน 
ให้ทานนั้นด้วยพยายามยิ่งกำลัง 
ในการให้ไม่ใช่เหมือนหมายทิ้ง 
ระบายสิ่งของเหลือใช้ในหนหลัง 
เป็นการให้ที่ด้อยค่าปราศพลัง 
เห็นเป็นของรุงรังไม่ไยดี 
ในการให้ควรให้อย่างเหมาะกาล 
บำเพ็ญทานสมสนองครองสุขศรี 
ให้ในสิ่งที่ผู้รับเกิดยินดี 
หรือเป็นที่ต้องการเพราะจำเป็น 
ในการให้ควรใฝ่ใจอย่างเปรมปรีดิ์
ภายหลังใจไม่มีความเคืองเข็ญ 
เมื่อนึกถึงใจไม่ทุกข์และร่มเย็น 
และไม่เห็นเป็นภาระการดูแล 
ในการให้ไม่สุดโต่งเกินพอดี 
มีความอยากของตนนี้เพิ่มกระแส 
เกิดเรื่องราวยุ่งยากตามเป็นแพ 
ผู้รับอาจขาดแค่เพียงนิดเดียว 
ในการให้มีเงื่อนไขที่สละ 
คือเพียรละสิ่งหวงแหนไม่แลเหลียว 
เกิดประโยชน์แก่ผู้รับอย่างกลมเกลียว 
ทุกส่วนเสี้ยวแห่งการให้ไม่ไร้บุญ