คิดว่าฝันไป...

คีตากะ

        อดีตคือสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้ว...อนาคตคือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง...ปัจจุบันคือสิ่งที่กำลังดำเนินต่อไป...แต่มีคนกล่าวว่าอดีต ปัจจุบัน และอนาคตคือห้วงเวลาที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมๆ กันอยู่ทุกขณะ...แม้ข้าพเจ้าจะยังงุนงงกับปัญหาเหล่านี้และยังคงไม่มีเวลาไปคิดค้นอะไรเกี่ยวกับความต่อเนื่องของเวลาในแบบซ้อนทับกันในแนวดิ่งซึ่งมันอาจไม่ใช่เป็นแบบในแนวเส้นตรงเหมือนกับที่ข้าพเจ้าเคยเรียนมาและทุกๆคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทฤษฏีที่ดูเหมือนจะอธิบายเรื่องราวของเวลาได้ดีที่สุดน่าจะเป็นของไอสไตน์ แต่พอข้าพเจ้าไปหาตำราของเขามาอ่านกลับยิ่งงวยงงมากขึ้นไปอีก ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโลกและไม่อยากครุ่นคิดถึงมันมากนัก จนอยากลืมไปว่าอนาคตของโลกต่อไปจะเป็นเช่นไรพร้อมกับการหลับตาลงพักผ่อนลืมเรื่องราวทุกอย่างให้สิ้น...คุณอู๋พลันมาหาข้าพเจ้าในวันหนึ่ง...
                         คุณอู๋เป็นชาวไต้หวันที่มาลงทุนเปิดบริษัทในประเทศไทยนับเวลากว่า ๑๐ ปีมาแล้ว หลายครั้งที่ข้าพเจ้ามีโอกาสได้เข้าไปช่วยงานที่บริษัทผลิตน้ำมันพืชจากปาล์มของคุณอู๋ เมื่อถูกร้องขอ เราก็เป็นเสมือนพี่น้องกัน เรารู้จักกันผ่านเพื่อนๆ ที่ช่วยแนะนำให้ คุณอู๋ขับรถจากกรุงเทพฯมาพบข้าพเจ้าที่จังหวัดกาญฯในวันหนึ่งอย่างเร่งด่วน เมื่อพูดจาต้อนรับตามมารยาทแล้วคุณอู๋ก็เริ่มต้นเข้าประเด็น....
         คุณคงจะพอทราบข้อมูลจากท่านอาจารย์มาบ้างแล้ว ผมจะไม่อ้อมค้อม คุณอู๋กล่าว ผมพยักหน้า คุณอู๋กล่าวต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า
          ผมได้เดินทางไปที่ไต้หวันและเข้าไปดูงานก่อสร้างอุโมงค์ของพวกเขา คนไต้หวันเขาตื่นตัวกว่าพวกเราเยอะ เขาจัดทำอุโมงค์เสร็จตั้งแต่ ๒ ปีที่แล้ว และบางส่วนกำลังมีการก่อสร้างเพิ่มเติม งานค่อนข้างเร่งด่วน ผมพยักหน้าเพื่อเป็นการตอบรับ 
        นักวิทยาศาสตร์ไต้หวันคำนวณว่าตัวเลขของระดับความสูงที่ใช้ในการก่อสร้างอุโมงค์อยู่ที่ความสูง ๑๐๐ เมตรจากระดับน้ำทะเล จึงจะปลอดภัย ประเทศไต้หวันเป็นเกาะซึ่งพวกเขาต้องเผื่อตัวเลขไว้สูงๆ เพื่อความปลอดภัยมากกว่าที่อื่นๆ  คุณอู๋กล่าวเสริม
          ประเทศไทยก็ติดกับทะเล ข้าพเจ้าออกความเห็น
         ใช่ นั่นเองผมจึงคิดว่าผมจะใช้ตัวเลขเดียวกันกับที่ไต้หวัน ผมเปิดแผนที่พบว่าภาคอีสานเกือบทั้งหมดใช้ได้ ส่วนภาคเหนือต้องเริ่มต้นที่จังหวัดอุตรดิตขึ้นไปจึงจะปลอดภัย คุณอู๋อธิบายและกล่าวต่อ
         ผมพอจะมีพื้นที่สำหรับขุดอุโมงค์แล้ว ขาดก็แต่ความรู้ด้านเทคนิคเกี่ยวกับการดำเนินงาน 
          เช่นอะไรครับ ข้าพเจ้าถามด้วยความสงสัย
          วิธีการขุดเจาะ เครื่องจักรเครื่องมือต่างๆ เพราะผมไม่มีความรู้ทางด้านนี้ คุณอู๋ตอบและกล่าวต่อไปว่า
           การจะจ้างคนอื่นทำทั้งหมดก็จะต้องใช้งบประมาณลงทุนสูงจนเกินไป เราต้องประหยัดที่สุด ข้าพเจ้ารู้สึกขบขันในใจ เพราะทราบดีว่าคุณอู๋ขึ้นชื่อเรื่องนี้เป็นที่สุด บางทีคำว่าประหยัดอาจใช้กับคุณอู๋ไม่ได้น่าจะเป็นขี้เหนียวมากกว่า ข้าพเจ้าครุ่นคิดในใจ
           ผมรู้ว่าคุณทำงานเกี่ยวกับเหมืองแร่ ซึ่งน่าจะมีความรู้มากกว่าผมในเรื่องนี้ อย่างน้อยก็แนะนำให้รู้จักกับผู้เชี่ยวชาญด้านการขุดเจาะในบริษัทของคุณ คุณอู๋กล่าวแกมขอร้อง
           ผมรู้จักอยู่คนหนึ่ง ชื่อพี่ชาญ ทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายเหมืองแร่ อยู่กับการขุดเจาะ ระเบิดมากว่า ๒๐ ปี แต่ไม่รู้ตอนนี้จะว่างหรือเปล่า คุณอู๋มากระทันหันไม่ได้บอกก่อน แต่บ้านของพี่ชาญอยู่ไม่ไกลจากนี้ นี่ก็มืดค่ำแล้ว เดี๋ยวผมจะลองไปเรียกที่บ้านดู คุณอู๋รอสักครู่ ข้าพเจ้ากล่าวพร้อมกับลุกเดินออกไป
ข้าพเจ้าพบพี่ชาญกำลังนั่งซดเหล้าอยู่หน้าบ้านกับเด็กนักศึกษาฝึกงานอยู่พอดี เลยขอเวลาแกสักครู่หนึ่ง ทั้งที่รู้ว่าบรรยากาศไม่ค่อยเหมะสมเท่าไหร่ แต่โชคดีที่แกยอมมาด้วย พี่ชาญมาถึงโต๊ะนั่งหน้าบ้านข้าพเจ้าพร้อมกับกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง ข้าพเจ้าแนะนำให้รู้จักกับคุณอู๋ก่อนจะเริ่มเรื่องเจรจา
           ถ้าเป็นพื้นหินหรือภูเขาหิน ผมพอจะแนะนำให้ได้ แต่ถ้าเป็นที่ๆเป็นดิน อันนี้ผมไม่เชี่ยวชาญครับ พี่ชาญกล่าวภายหลังจากทราบเจตนาการมาของคุณอู๋
          ผมไม่มีความรู้เรื่องธรณีเสียด้วย เอาแบบนี้นะกันขอเวลาผมไปสำรวจก่อนว่าพื้นที่เป็นหินหรือดิน แล้วผมอาจจะมาขอความช่วยเหลือจากคุณ คุณอู๋กล่าว
         ยินดีครับ พี่ชาญตอบด้วยอาการมึนเมาเล็กน้อยจากฤทธิ์สุรา คุณอู๋สอบถามอีกสองสามเรื่องก่อนที่พี่ชาญจะขอตัวกลับไปดวนเหล้าต่อเพราะเดี๋ยวจะขาดความต่อเนื่อง ก่อนที่อารมณ์ของแกจะไม่ดีไปกว่านี้ คุณอู๋เข้าใจสถานการณ์ดีจึงไม่ซักถามอะไรมาก
         คุณอู๋คิดว่าจะสร้างอุโมงค์แบบไหน ข้าพเจ้าเริ่มซักถามด้วยความสงสัย
         เงื่อนไขของเราก็คือว่า หนึ่ง อุโมงค์จะต้องอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่า ๑๐๐ เมตรขึ้นไป เพื่อป้องกันน้ำทะเลท่วมถึงเมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลายหมด ซึ่งคาดว่าน่าจะประมาณ ๗๐ เมตร ถ้ารวมน้ำแข็งทั้งขั้วโลกเหนือและใต้ คุณอู๋หยุดเล็กน้อยจึงกล่าวต่อ
         ประการที่สอง จะต้องขุดให้ลึกกว่า ๓-๖ เมตรหรือ ๑๐ เมตรจากผิวดินเพื่อป้องกันก๊าซพิษจากทะเล มลพิษทางอากาศต้องไม่สามารถซึมเข้าไปสู่ภายในอุโมงค์ได้ ไม่อย่างนั้นทุกชีวิตจะอันตราย 
          แล้วเราจะไม่ขาดออกซิเจนเพื่อหายใจหรือครับ ข้าพเจ้าตั้งคำถาม
           เราจะต้องผลิตอากาศใช้เอง บทเรียนจากดาวอังคาร พวกเขาใช้เครื่องมือที่ทันสมัยกว่าเราในการอาศัยอยู่ใต้ดิน ก่อนที่ก๊าซพิษจะทำอันตรายพวกเขาในเวลาเพียง ๒ เดือน บางส่วนได้อพยพลงสู่ใต้ดินได้ทัน ซึ่งเป็นเพียงมนุษย์ที่รอดแค่ ๕ เปอร์เซนต์เท่านั้น สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่สูญพันธุ์ในทันที ทั้งที่ก่อนหน้าหายนะจะเกิด ได้มีการเตือนเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีใครรับฟังหรืออาจจะฟังแต่ก็ไม่มีใครเตรียมพร้อมอย่างจริงจัง  คุณอู๋หยุดเล็กน้อยก่อนจะอธิบายต่อว่า
             การอาศัยอยู่ใต้ดินเป็นเรื่องยากของมนุษย์ที่มีความสะดวกสบายทางวัตถุในยุคที่เทคโนโลยี่อำนวยความสะดวกถึงจุดสูงสุด ภายหลังจากที่มนุษย์ดาวอังคารบางส่วนหนีลงสู่ใต้ดินได้ทันก่อนช่วงเวลา ๒ เดือนแห่งการทำลายล้าง พวกเขาพบกับอุปสรรคมากมายตามมาทำให้พวกเขาลมตายมากขึ้นจาก ๕ เปอร์เซนต์ จึงเหลือเพียง ๐.๒ เปอร์เซนต์ในเวลาต่อมา
           เพราะอะไรครับ ข้าพเจ้าถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
          มีแก๊สบางส่วนรั่วเข้าไปในอุโมงค์ที่พวกเขาขุดเอาไว้ บางส่วนขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม และบางส่วนไม่สมารถปรับตัวได้ทันกับการที่ต้องอาศัยอยู่ใต้ดิน ผู้ที่เหลือรอดบางคนจึงต้องขุดลึกลงไปอีกเรื่อยๆ บางส่วนก็เจอกับดินถล่ม คุณอู๋ถอนหายใจก่อนจะกล่าวต่อว่า
         ส่วนผู้ที่เหลือรอดจริงๆ ค่อนข้างฉลาดกว่า พวกเขาขุดอุโมงค์เตรียมไว้ในที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง ลึกอย่างต่ำ ๓ เมตร และอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำใต้ดิน 
           ทำไมถึงต้องขุดใกล้กับแหล่งน้ำใต้ดินหล่ะครับ ข้าพเจ้าสอบถาม
            เพราะพวกเขามีอุปกรณ์ที่ทันสมัยสามารถแยกก๊าซออกซิเจนที่ใช้ในการหายใจจากน้ำใต้ดิน คุณคงพอจะทราบว่า น้ำประกอบด้วยไฮโดรเจน ๒ อะตอมกับออกซิเจน ๑ อะตอม นั่นเองทำให้พวกเขามีออกซิเจนเพียงพอที่จะใช้ในการหายใจ คุณอู๋อธิบาย
            เราก็เช่นเดียวกันต้องมีอุปกรณ์สำหรับผลิตออกซิเจน ประการถัดมาคือ จะต้องติดตั้งเครื่องฟอกอากาศเพื่อป้องกันก๊าซพิษรั่วซึมด้วย อุโมงค์ต้องเป็นระบบปิดน้ำและอากาศจะรั่วซึมเข้าไปไม่ได้ แต่เราก็จะต้องเตรียมการณ์ไว้ป้องกัน โดยจะต้องขุดดินทำเป็นอุโมงค์ ๒ ชั้น เพื่อป้องกันน้ำท่วมชั้นล่าง เราก็ยังอาศัยอยู่ชั้นบนได้ แต่ผมคิดว่าจะติดตั้งปั๊มเพื่อสูบน้ำเอาไว้หลายๆตัวเหมือนกับระบบของรถไฟฟ้าใต้ดินเอาไว้ด้วย คุณอู๋กล่าว
             คุณอู๋จะใช้น้ำมันหรือไฟฟ้าจากไหนครับ เพราะปั๊มน้ำก็ต้องใช้ไฟฟ้าหรือเชื้อเพลิง ข้าพเจ้าถามแทรกก่อนที่คุณอู๋จะอธิบายต่อ
              แน่นอนผมคิดว่าข้างบนผมจะติดตั้งแผ่นโซล่าเซล(พลังงานแสงอาทิตย์) เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์เอาไว้ด้วย หรือไม่ก็ติดกังหันลมเพื่อปั่นไฟใช้ภายในอุโมงค์ให้เพียงพอ แต่ต้องมีการวางระบบสายไฟและระบบท่อทางต่างๆให้ดี ส่วนการซ่อมบำรุง อาจจะต้องจัดเตรียมชุดป้องกันก๊าซพิษและถังออกซิเจนเพื่อใช้ในเวลาอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าข้างบนเกิดขัดข้าง ซึ่งจะได้ศึกษารายละเอียดต่อไป คุณอู๋อธิบายเสียยืดยาว
             จากข้อมูลก๊าซพิษ มีเทนที่จะผุดจากทะเล มันจะใช้เวลากว่า ๑๐ ปีในการปนเปื้อนอยู่ในอากาศ ซึ่งแน่นอนมันติดไฟได้ แค่เพียงฟ้าผ่าครั้งเดียว ก๊าซมีเทนจะติดไฟระเบิด มันจะมีอานุภาพเทียบเท่ากับระเบิดนิวเคลียร์ทีเดียว บนผิวโลกจึงอันตรายมาก แต่พวกเราอยู่ใต้ดินจะไม่มีปัญหา ปัญหาคือเราจะอดทนอยู่ใต้ดินเป็นเวลาถึง ๑๐ ปีได้หรือเปล่าจะต้องตุนเสบียงทั้งอาหารและน้ำดื่มเท่าไรจึงจะพอ แต่ถ้าเราอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำใต้ดินก็จะช่วยเรื่องน้ำดื่มได้ แต่อาหาร เราคงต้องคิดหาวิธีปลูกพืชผักกินเอาเอง
            ภายในใต้ดินคงไม่มีแสงอาทิตย์ พืชจะโตบโตได้หรือครับ ข้าพเจ้าถามต่อ
            นั่นคือปัญหาอีกข้อหนึ่ง ชาวดาวอังคารสามารถผลิตดวงอาทิตย์ใช้เองได้ ทำให้พวกเขาสามารถปลูกพืชผักกินเองสบาย แต่เทคโนโลยี่ของมนุษย์เราอาจยังไม่ถึงขั้นนั้น เราต้องมาช่วยกันคิดอีกเยอะ เรายังพอมีเวลา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ผมจะใช้อุโมงค์ที่ประเทศไต้หวันเป็นแบบอย่าง เพราะเขาพัฒนากว่าเราเยอะ ถ้าติดปัญหาตรงไหนผมจะบินไปดูงานเอง คุณอู๋ทำท่าเหมือนใช้สมองครุ่นคิด เสียงพูดคุยเงียบหายไปพักใหญ่ ก่อนที่ข้าพเจ้าจะตั้งคำถามทำลายความเงียบขึ้น
             ผมจะช่วยอะไรได้บ้างครับ
             คุณต้องช่วยประสานงาน แล้วผมจะติดต่อกลับมาอีกที วันนี้ต้องขอบคุณคุณมากที่ช่วยแนะนำข้อมูลและช่วยแนะนำคุณชาญให้ผม ผมคิดว่าอนาคตอาจจะขอความช่วยเหลือจากเขาก็ได้ คุณอู๋กล่าว
             เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว ข้าพเจ้ากล่าว
                               คุณอู๋จากไปพร้อมกับความมืดของค่ำคืนที่ยาวนาน ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อใด แต่ตอนเช้าตื่นขึ้นมาเพื่อจะที่ไปทำงานตามตามปกติ ยังคิดไปว่าเรื่องราวเมื่อคืนนี้ เป็นเพียงความฝันเท่านั้น คงเพราะกินมากมากไป นอนดึกไป ขยะในสมองก็เลยเยอะจนเก็บเอามาฝันเป็นเรื่องเป็นราว...เฮ้อนี่แหละน้า...มนุษย์
				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน