เบบี้ดรีม (Baby Dream)

Khanittha

เบบี้ดรีม (Baby Dream)

                ปี ค.ศ. 1998 มีการแข่งขันกันทางด้านวิทยาศาสตร์หรือทางโบราณคดีมากมายของหลายๆประเทศ เช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้มีการส่งพวกเขาทั้ง4คนมาที่ สามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแมสซาซูเซต ของประเทศสหรัฐอเมริกา นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังที่สุดของยุคนี้คือ ออทริค ที่มีอายุเพียง 26 ปีเท่านั้นแต่ความอัจฉริยะของเขานั้นเกินคน และเขายังมีพรสวรรค์วิเศษดังได้รับมาจากพระเจ้า คือการที่ดวงตาของเค้านั้นสามารถมองทะลุผ่านสิ่งต่างๆได้ ออทริคถูกสั่งให้มาที่สามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือด้านความพิศวงศ์และมีความลึกลับที่สุดในโลก เมื่อใครได้เข้าไปในนั้นแล้วจะไม่มีวันออกมาได้ เค้าถูกส่งตัวไปที่นั่นในเช้าอีกวันหลังจากที่เค้าได้รับคำสั่งจากหัวหน้า ให้เก็บข้อมูลและหลักฐานของลูกแก้ว เพื่อที่จะทำให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของเค้ามีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก ฉันตื่นลืมตาขึ้นมาหลังจากที่ได้หลับไปนาน ตอนนี้ฉันก็ถึงสามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์แล้ว มันเป็นป่าดงดิบที่น่ากลัวมากเท่าที่ฉันเคยพบมา ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่มีข่าวลือเกี่ยวกับลูกแก้วว่าสามารถจะขออะไรก็ได้ แต่เมื่อได้เข้าไปในป่าลึกขนาดนั้นก็คงไม่มีอะไรจะขอนอกจากขอให้ออกจากที่นั่นแหละ ฉันก็ได้แต่บ่นพึมพำอยู่คนเดียว  เมื่อฉันลงเรือมาก็เจอผู้ชายทั้งสามคนยืนรอฉันอยู่

“นี่นายคนนั้นหน่ะ ออทริครึเปล่า” ลาตินตะโกนถามออทริคด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“ใช่ ทำไมหรอ พวกนายรอฉันอยู่รึไง”

“ก็ใช่นะสิ นายคิดว่าฉันจะมายืนรอใครในที่แบบนี้ ถ้าใช่ก็รีบๆตามมาซะ”

แค่ฉันพบเจอกับนายคนนี้ก็รู้สึกไม่ถูกชะตาด้วยซะแล้ว นี่เค้าจะพูดดีๆกับฉันเลยไม่ได้รึไงนะ พวกเราทั้งสี่คนเดินเข้าไปในป่าพร้อมกันโดยที่ไม่มีใครยอมคุยกับใครเลยสักนิดนึง นี่พวกเขาอมอะไรกันอยู่นะทำไมไม่พูดะไรกันเลย

“นี่ พวกนายจะไม่คิดแนะนำตัวเองกันเลยหรอ”

“ฉันชื่อ โทนี่และนั้นบอสตันน้องชายของฉัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

เมื่อโทนี่แนะนำตัวเองเสร็จ ก็ไม่มีใครคิดจะคุยกันเหมือนเดิม ทุกคนเดินไปข้างหน้าโดยที่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่จดข้อมูลและเก็บหลักฐานงานวิจัยของฉันเพียงเท่านั้น

“นี่ ออทริค นายเป็นจะนั่งจดและถ่ายรูปอีกนานไหม ที่นี่มีอะไรน่าสนใจรึไง เห็นนายกกระตือรือร้นจังนะ”ลาตินถามฉันด้วยใบหน้าที่เป็นมิตรขึ้นเยอะ กว่าตอนแรกที่เค้าทักฉันคงเป็นเพราะเค้าหงุดหงิดที่ฉันมาสายสินะ

“ที่นี่ก็มีอะไรน่าสนใจอยู่นะ แต่ก็น่ากลัวฉันมาที่นี่เพื่อทำการวิจัย แล้วนายหล่ะมาทำไมหรอ”

“ฉันมาที่นี่เพื่อมาศึกษาทางโบราณคดีเรื่องลี้ลับหน่ะ ว่าที่นี่มีอะไรน่ากลัวรึเปล่า แล้วสองพี่น้องหล่ะ นายยังเด็กอยู่เลยมาทำไมหรอ”

“จริงๆก็ไม่อยากมาหรอกนะ ถ้าไม่ต้องมาหา...” โทนี่รีบเอามือปิดปากบอสตันทันทีทั้งๆที่เค้ายังพูดไม่จบ ฉันกับลาตินก็หันมามองหน้ากันด้วยความงง

“ไม่ได้หาอะไรหรอกครับ พวกเรามาทำรายงานหน่ะ ที่นี่น่าสนใจดี” โทนี่ตอบด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดี ถึงแม้เค้าจะดูไม่มีอะไร แต่ใครจะเชื่อหล่ะ ก็ที่นี่ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้านะ และก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรักความสะดวกสบายมากกว่าการที่จะมาลำบากลำบนอยู่ที่นี่ แต่ยังไงพวกเขาเป็นเด็กคงไม่มีผลอะไรต่องานของฉันมากนักหรอกนะ แต่ฉันก็สงสัยนะว่าทำไมพวกเราทั้งสี่คนต้องมาด้วยกันทำไมไม่แยกกัน ฉันก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ พวกเรายังคงเดินทางต่อไปโดยที่ก็ยังไม่รู้ว่าพวกเราจะไปไหน สักพักนึงโทนี่ก็หันมาหาพวกเราด้วยสีหน้าตกใจว่า ทุกคนหาที่หลบกันเร็ว มีหมีกำลังจะมาทางนี้ ฉันก็งงนะแต่ก็ทำตามเพื่อความปลอดภัยทุกคนหาที่หลบกันสักพักหมีก็วิ่งมาด้วยท่าทางที่โหดร้าย แล้วมันก็จากไป พวกเราก็ออกมาจากที่ซ้อนตัวกัน

“นี่โทนี่นายรู้ได้ไง ว่าจะมีหมีมาทางนี้ ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรด้วยซ้ำ”ฉันถามโทนี่ด้วยความสงสัย

“ฉันไม่รู้ว่านายจะเชื่อรึเปล่านะ แต่หูของฉันสามารถได้ยินทุกสิ่งถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ได้ยิน มันเป็นสิ่งที่ติดตัวฉันมาตั้งแต่เกิด บอสตันน้องชายของฉันก็มีนะ บอสตันวิ่งเร็วมากเค้าสามารถไปได้ในทุกที่ที่เค้ารู้จักและอยากไปเพียงแค่นึกเท่านั้น มันเป็นความวิเศษของพวกเรา” ฉันอึ้งมากที่พี่น้องสองคนนี้มีความวิเศษคล้ายๆกับฉัน

“ทุกคนสงสัยไหมว่าทำไมพวกเราต้องมาที่นี่และมาเดินทางร่วมกัน จริงๆแล้วฉันเองก็มีพลังที่วิเศษเหมือนกันนะ ฉันสามารถควบคุมสายน้ำได้ตามที่ใจต้องการ ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือเก่าแก่ของคุณปู่ที่เป็นนักโบราณคดีเหมือนกัน มันเขียนเอาไว้ว่า เมื่อเทพแห่งธาตุทั้งสี่พบกันในที่อันลึกลับ จะเกิดเป็นสิ่งที่วิเศษ นายหล่ะ ออทริคนายมีอะไรที่วิเศษไหม” เรื่องราวทั้งหมดนั้นออกมาจากลาติน เขาถามฉันด้วยสิหน้าที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

“ใช่ ฉันมี ฉันสามารถมองทะลุผ่านได้ในทุกสิ่งที่ต้องการ” เมื่อฉันพูดจบทุกคนก็เงียบและลาตินก็บอกให้พักก่อน บอสตันอาสารับหน้าที่ไปหาอาหารด้วยความว่องไวของเค้า ส่วนลาตินก็ไปหาน้ำ ส่วนฉันกับโทนี่ก็ช่วยกันก่อฝืน นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วที่เราเดินทางกันมา พวกเรากินอาหารและพูดคุยกันอย่างสนิทสนมอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเราหัวเราะและมีความสุขเมื่อจบการเฮฮาทุกคนก็ต่างเข้าเต้นและนอน ไม่มีใครเฝ้าเวรเพราะที่นี่ไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากสัตว์ป่า เมื่อทุกคนหลับกันหมดฉันก็นั่งเขียนรายงานการวิจัยของฉัน จนถึงตอนนี้ฉันก็เชื่อได้ว่าเหตุผลของทุกคนที่มาที่นี่ต้องเป็นลูกแก้ววิเศษนั่นแน่ฉันเผลอหลับคางานวิจัย รุ่งเช้าเมื่อฉันตื่นก็เห็นลาตินกำลังยืนมองลำธารที่อยู่ใกล้ๆฉันจึงเดินเข้าไป

“ไง ตื่นแต่เช้าเลยนะ นอนไม่หลับหรอ”

“อือ ใช่ แปลกสถานที่น่ะ”สีหน้าของลาตินเต็มไปด้วยความเศร้า

ฉันอยากจะถามนะแต่จะเป็นการวุ่นวายมากเกินไป พอสายๆหน่อยพวกเราก็พากันเดินต่อไป พวกเราเดินทางกันไปเรื่อยๆจน 2 เดือนผ่านไปพวกเรารักและสนิทกันมาก มีอะไรก็ช่วยเหลือกันตลอด พวกเราผูกผันกันจนฉันเองก็ลืมความสงสัยในตัวพวกเขาไปหมดแล้วว่าพวกเขามาที่นี่ทำไม จนฉันเดินไปเตะอะไรบางอย่างมันลักษณะเป็นลูกๆและเรืองแสง นั่นแหละใช่แล้วมันคือลูกแก้ววิเศษที่ใครๆต่างก็เล่าลือ ทุกคนสะดุ้งตัวพร้อมกัน

“พวกเราขอลูกแก้วนั่นได้ไหม ลาติน ออทริค” โทนี่และบอสตันมีสีหน้าที่เศร้าและร้องขอออกมา

“ไหนพวกเธอบอกว่ามาทำรายงานไง ลูกแก้วนั่นต้องเป็นของฉัน”ลาตินพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมต่างจากทุกที

“พวกเรามาที่นี่เพื่อมาหาลูกแก้ว พวกเราไม่ได้มาทำรายงาน พวกเราตามหามันเพื่อจะขอพร พวกเราอยากให้พ่อและแม่ของพวกเรากลับมารักกันและกลับมาดูแลพวกเรา ทุกวันนี้พวกเราถูกทิ้งอยู่ที่บ้านแค่สองคนพร้อมกับมรดก พวกเราอยากได้ครอบครัวกลับคืนมา”

“ฉันก็มาที่นี่เพราะลูกแก้ว ฉันจะขอพรให้คุณปู่ของฉันหายจากโรคร้ายที่เป็นอยู่ตอนนี้ ตอนนี้ปู่ของฉันอยู่ไอซียู ฉันไม่มีทางยอมให้ปู่ของฉันเป็นอะไรเป็นแน่” ลาติน โทนี่ และบอสตันทางก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดฉันเองก็อึ้งกับเหตุผลต่างๆของพวกเขา เหตุผลของพวกเขาดูเสียสละ แต่พวกเขาลืมไปแล้วสินะ ว่าพวกเขาไม่มีทางออกจากที่นี่ได้ “พวกเรามาไกลเกินกว่าจะขอสิ่งเหล่านั้นแล้วไม่ใช่หรอ วันและเวลาที่ผ่านมาพวกเราผกผันกันมากนะ ถ้าพวกเราจะมาขอสิ่งแบบนั้นพวกเราขอให้ออกจากที่นี่ได้ ไม่ดีกว่าหรอ เอาละลูกแก้วนี้ฉันจะทำลายมันเอง” ทุกคนกำลังจะวิ่งเข้ามาห้ามฉันแต่มันก็ไม่ทัน เมื่อฉันทุบลูกแก้วลงไปกับพื้น ก็มีแสงสว่างมากๆจนไม่สามารถลืมตาได้ เมื่อฉันลืมตาอีกที ก็พบว่าฉันอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันกำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ และมี ลาติน โทนี่และบอสตันกำลังเล่นๆอยู่ข้างๆเตียงของฉัน

“ว่าไงน้องชายตื่นละหรอ” พวกเขาเรียกฉันแบบนั้น แน่สิ ก็ฉันยังเป็นทารกอยู่นี่หน่า พวกเขาทั้งสามเป็นพี่ชายของฉันและไม่มีพลังวิเศษอะไร นอกจากความรักที่พวกเขามีให้กัน เรื่องที่เกิดขึ้นช่างเป็นฝันที่ดีสำหรับพวกพี่ชายของฉันเสียจริง

 

comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน