บทเรียนราคาแพง
สายลมหนาวพัดมาเยือนแต่ต้นปี 6 ตอนเปิดเทอมพอดี ลมกรรโชกแรงต้นจามจุรีหน้าอาคารเรียนพลิ้วไหวตามแรงลม ใบร่วงเกรียวกราว เด็ก ๆ วิ่งไล่ใบ้ไม้อย่างสนุกสนาน
หน้าหนาวดูเหมือนจะสายเร็วกว่าปกติ เจ็ดโมงเช้าแล้วอากาศยังมืดสลัวอยู่เลย นักเรียนบางคนมาไม่ทันเข้าแถวเคารพธงชาติตอนสองโมงครึ่ง แรก ๆ ครูเวรก็ให้บำเพ็ญประโยชน์ เก็บเศษกระดาษ บ่อยเข้าก็ให้ทำความสะอาดห้องน้ำ รดน้ำต้นไม้ ไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องโดนทำโทษด้วยไม้เรียว แม้กฎหมายจะห้ามไม่ให้ครูใช้ไม้เรียว แต่บางครั้งก็ต้องเห็นใจครูบ้าง
ไม้เรียวสร้างอนาคต
ครูบางคนยังท่องจำสมัยตอนเรียนชั้นประถม
เควี้ยว .. ขวับ
เสียงไม้เรียวดังแหวกอากาศในตอนสายของเช้าวันหนึ่งหลังจากที่เด็กเข้าชั้นเรียนแล้ว
เป็นการลงโทษเด็กนักเรียนที่มาสายเป็นประจำหลังจากใช้วิธีอื่นไม่ได้ผล
ครูเสรียังจำได้ตอนที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อน เช้าวันหนึ่งมีงานเร่งด่วนที่ต้องส่งอำเภอเขาจึงเขียนคำศัพท์ลงบนกระดานแล้วให้เด็กนักเรียนถือไม้เรียวออกไปชี้อ่านทีละคนให้เพื่อนในห้องอ่านตาม นับเป็นเทคนิควิธีการอย่างหนึ่งที่เด็กแต่ละคนจะได้อ่านทีละหลายเที่ยวเป็นการฝึกให้นักเรียนอ่านออกโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้พออ่านเสร็จก็ยังให้เด็กคัดไทยลงสมุดเป็นการฝึกคัดลายมือไปด้วย ซึ่งวิธีการดังกล่าวดูเหมือนจะไม่มีแล้วในสมัยนี้ เด็กจึงลายมืออ่านไม่ออก
เด็กที่อ่านได้อ่านคล่องก็ไม่มีปัญหา แต่สำหรับสมคิดเขาเป็นเด็กที่อ่านไม่ได้เขียนไม่ออกจึงถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา
เส มี ยน
สมคิดก็อ่าน เส มี ยน ตามที่เพื่อนบอกทั้งที่จริงมันอ่านว่า เสมียน
เฮ เสียงร้องของเพื่อนดังขึ้นพร้อมกันอย่างสนุกที่ได้ล้อเลียนเพื่อน เสียงมันดังเสียดแทงเข้าไปทิ่มหัวใจสมคิดอย่างที่ไม่มีใครรู้ เขาหน้าแดงด้วยความอับอายขายหน้า
บอกเพื่อนดี ๆ
ครูเสรีเงยหน้าขึ้นมองเด็กพลางร้องเตือน
แผ-นก (แผนก)สมคิดอ่านตามเพื่อนอีกครั้งเมื่อมีเสียงดังมาจากเพื่อนข้างหลังห้อง
เสียงเฮ ของเพื่อดูเหมือนจะดังขึ้นกว่าเดิมและสนุกกว่าเดิมด้วยซ้ำ และมันเหมือนกับเอามีดเข้าไปกรีดยังดวงใจของสมคิดเป็นครั้งที่สอง
สุดแสนจะอับอาย สมคิดหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม สุดที่ใครจะคาดคิดสมคิดฟาดไม้เรียวที่อยู่ในมือลงบนกระดานเสียงดังสนั่น ฝุ่นชอล์กบนกระดานปลิวฟุ้งไปทั่วหน้าห้อง สมคิดถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น สองมือหักไม้เรียวเป็น 2 ท่อนและขว้างไปยังกลางห้องเรียนตามเสียงเฮนั้น เพื่อน ๆ หลบกันแทบไม่ทัน เขาเอามือปาดน้ำตาและเดินร้องไห้ไปนั่งฟุบอยู่ที่โต๊ะส่งเสียงสะอึกสะอึ้น
ภายในห้องนั้นเงียบกริบ เพื่อนทุกคนตกใจจนพูดไม่ออก และคงรู้แล้วว่าพวกตนผิดที่แกล้งเพื่อน
ครูเสรีตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มันเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เขาเจอ และถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดที่ไม่มีสอนแม้ในมหาวิทยาลัยที่ไหนในโลกนี้
การที่ทำให้คนอื่นขายหน้านั้นถือเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต
ครูเสรีท่องจนขึ้นใจ
สุรศรี
10 พฤศจิกายน 2552 16:15 น. - comment id 109784
เคยเป็นค่ะ ตอนเรียนภาษาอังกฤษปีหนึ่ง อ่านผิดเองค่ะไม่มีใครแกล้ง อ่าน iron เป็น lion นักศึกษาสาวอดีตนักเรียนทุน AFS 2คนหัวเราะเสียงดังลั่นห้อง อายจังค่ะ ได้แต่หน้าแดงก้มหน้าลงกับโต๊ะ แต่ท่านดร.ที่สอนไม่ยอมค่ะ เทศนาเพื่อนสองคนนั้นยกใหญ่ นี่เป็นเหตุให้พูดภาษาอังกฤษไม่เก่งค่ะ

11 พฤศจิกายน 2552 08:29 น. - comment id 109793
ทุกสิ่งเรียนรู้ได้ครับ
ไม่รู้ย่อมไม่ผิด
ลองพลิกวิกฤตเป็นโอกาสสิครับ
ผมว่าไม่ยากเลย
คนที่ล้มแล้วลุกสู้ยืนอยู่ได้
และนำชัยให้ตนคนนั้นเก่ง
เช็ดน้ำตาแล้วแล้วหัวเราะเยาะเสียเอง
ข้านี่เก่งฉันนี้แน่....ไม่แพ้ใคร
ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
