10 กันยายน 2557 09:47 น.

เถื่อนสุข

Arm

ยามรุ่งสางดาวร่วงเกลื่อนราวป่า
แต่ภูผาสองฝั่งยังหลับใหล
เคลิ้มม่านหมอกหอมละมุนกับอุ่นไอ
น้ำค้างไล้ใบหญ้าอย่างอาทร

ฉันนอนหนุนตักพื้นบนผืนดิน
ฟังเสียงนกโบยบินผินสลอน
ร้องเป็นเสียงเรียงรายคล้ายบทกลอน
พร้อมปีกฟ้อนรำร่ายอวดสายธาร

ผีเสื้อแผ่แพรสยายเป็นหลายสี
ดอมมาลีดูดดื่มจนลืมหวาน
เล้าเกสรโลมกลีบเหมือนจีบจาร
สลักม่านดอกไม้เป็นลายใจ

เป็นเช่นนี้ทุกวารทุกยามเช้า
เหมือนเป็นเงามาประสบพบกันใหม่
นานาพันธุ์สรรพสิ่งที่สิงไพร
ดูสดใสเริงรื่นฉ่ำชื่นกาย

ตั๊กแตนเสียงหวานควานหาคู่
ทำจี๋จู๋~จู๋จี๋~เช้าถึงบ่าย
โน่นดอกหญ้าแทบจักสำลักตาย
เพราะว่าอายอารมณ์ที่สมปอง

หากมนุษย์หนีเมืองอันเรืองรุ่ง
เพื่อหมายมุ่งเถื่อนคามตามสนอง
คงสนุกสุขสันต์เช่นครรลอง
วิเวกพ้องของป่าดั่งอาจิณ				
28 สิงหาคม 2557 12:22 น.

มหาสงครามไตรทิพย์

Arm

สารบัญ

 ๑. นครธรรม์

๒. นครยักษ์

๓. มหาสงครามไตรทิพย์

 

---------------------------------

 

นครธรรม์

 

สุริโยแย้มแสงแจ้งจำรัส

ประกายชัดโชติช่วงสรวงสวรรค์

แหล่งเทเวศชาญศึกดึกดำบรรพ์

นครธรรม์ของเหล่าเทพเบาราณ

 

กำแพงเมืองเรืองเพชรแซมเก็จแก้ว

ตลอดแนวแน่นหนามหาสถาน

ยามแสงส่องสะท้อนย้อนพิมาน

จตุด้านเรืองรองยามต้องตา

 

น้ำตกทิพย์ทางด้านอุดรทิศ

นิรมิตความฝันให้หรรษา

เพียงยลน้ำตกไหลในอุรา

ดุจมัจฉาได้ธารสำราญใจ

 

สังเกตถ้ำอำไพใกล้น้ำตก

มีวิหคหลากสีร้องเสียงใส

ชื่อ"นกฆาค"จากฟ้าสุราลัย

เกาะไหวไหวเจื้อยแจ้วเจรจา

 

ปากสีทองผ่องนวลชวนหลงใหล

ขนเป็นไฟลุกเย็นเด่นสง่า

ปกคลุมหนังหลากสีอัคคีทา

คล้ายกิ้งก่าพรางตัวเมื่อกลัวตาย

 

มีพราหมณ์หนุ่มอาศัยในกระท่อม

ที่ห้อมล้อมด้วยไม้ใหญ่หลากหลาย

รักสันโดษโปรดถ้ำรู้ทำนาย

เทพมากมายพบปะเป็นประจำ

 

เมื่อท้าวเทพอมรสีห์ราชครองหาว

ทรงได้ยินเรื่องราวคราวระส่ำ

ว่าพราหมณ์หนุ่มปราดเปรื่องเป็นเรื่องนำ

ก็ทรงย้ำอำมาตย์ประกาศเชิญ

 

มาประชุมชาวเทพทหารหาญ

ว่าด้วยการสงครามให้พราหมณ์เหิน

เข้านครธรรม์มุ่งกรุงเจริญ

แก้ไขศึกคราเนิ่นมินานวัน

 

พราหมณ์หนุ่มถึงทูลเกล้าฯท้าวทรงยศ

บริบทนบน้อมท้าวจอมขวัญ

ขอเดชะองค์เทพพระเสพธรรม์

พราหมณ์โง่งันเขลาพร้อมเข้าน้อมกาย

 

มีอันใดฤๅท่านเรียกข้าเฝ้าฯ

เล่นทำเอาอกสั่นทั้งขวัญหาย

ข้ามิรู้สาเหตุต้นและปลาย

ยอมถวายเศียรให้หากใคร่ปอง

 

อย่าวิตกโศกเศร้าเจ้าพราหมณ์หนุ่ม

ข้าซุ่มสุมกองกำลังฝั่งละสอง

บูรพาเทพสวรรค์เกาทัณฑ์ทอง

อีกหนึ่งกองทิศประจิมรอเจ้าคุม

 

ข้าเล่นศึกครานี้ด้วยเหตุว่า

ปรปักษ์ยักษาราชาทุ่ม

สั่งพลเลวระยำนำประชุม

ข้างในขุมโสโครกหวังครองเรา

 

จึงเชิญเจ้าเข้าบุรินทร์ถิ่นเทพไท้

กำหราบไอ้ไพรียักษีเขลา

พร้อมอำมาตย์ศาสตราศึกษาเอา

ก่อนทิ้งเหย้าเข้าสู่การสงคราม

 

นครยักษ์

 

ทะเลทรายดินแยกแตกระแหง

ความแห้งแล้งปกคลุมขุมมีหนาม

หินสีแดงอาเพศทั่วเขตคาม

หากบุ่มบ่ามเข้าไปจักไร้ชนม์

 

ฟ้าสีแสดแผดจ้าเวลาค่ำ

เปลี่ยนเป็นดำมืดมิดทุกทิศหน

เมื่อกลางวันคล้ำหาวดาวมืดมน

จักหมองหม่นอกทรุดดุจหอกแทง

 

ไร้ต้นไม้ใบหญ้าสรรพสัตว์

กลิ่นคาวอัดเหม็นน่าขยักแขยง

โครงกระดูกเน่าสิ้นข้างหินแดง

ไร้แมลงสักตัวชั่วสิ้นดี

 

จักหาธารน้ำไหลหากใคร่เห็น

ก็คงเป็นภพอื่นมิใช่นี่

ทั่วทั้งแดนแผ่นดินถิ่นอัปรีย์

ฤๅจักมีดีได้สักนิดเดียว

 

แต่ยังคงมีผู้อยู่อาศัย

ถิ่นห่างไกลเกินคาดน่าหวาดเสียว

นครยักษ์น่าขยาดผู้ปราดเปรียว

มีแต่เขี้ยวไร้ฟันกระนั้นแล

 

ประชาชนยักษ์นั้นเรียก"ตันนุก"

ส่วนประมุของค์อธรรมเรียก"กำแข"

สองชนชั้นเป็นผู้คอยดูแล

เหมือนลูก,แม่รักใคร่ใจเดียวกัน

 

วันหนึ่งนั้นตันนุกคนสนิท

มิปกปิดกำแขแม่ยักษัน

ว่า ณ ที่ เมืองหลวงปวงเทวัญ

บนสวรรค์โสภาน่าภิรมย์

 

ทั้งมีน้ำตกทิพย์ยินเทพกล่าว

อยู่บนหาวทางอุดรวิเศษสม

สามารถแก้สิ่งร้ายให้น่าชม

เพียงขึ้นพรหมดูน้ำก็ฉ่ำกาย

 

จักได้เปลี่ยนเมืองหลวงเป็นสรวงใส

เหล่าตันนุกชื่นใจจักไร้พ่าย

จงเข้าตีสุราลัยให้วอดวาย

แล้วมุ่งหมายน้ำตกในปกครอง

 

เปลี่ยนจากความโสโครกเป็นผ่องศรี

ด้วยเหตุนี้ว่ายอดควรฉลอง

ฝึกตันนุกทุกค่ำให้ช่ำชอง

แล้วตีกลองร้องศึกผนึกพล

 

ยังมีสัตว์แปลกประหลาดมิคาดฝัน

ชื่อนกฆาคกระนั้นอันน่าสน

มันผิดเพี้ยนจากโลกมนุษย์คน

นกมีขนเป็นไฟบรรลัยกันต์

 

แต่เป็นไฟเย็นยะเยือกเหมือนเทือกเขา

ที่สูงเท่าเทียมฟ้าน่าสุขสันต์

นกประหลาดของเทพทวยราชัน

ท้าวอมรสีห์ฯนั้นชั้นอัมพร

 

ฝ่ายกำแขเห็นชอบจึงมอบสิทธิ์

ให้ตันนุกคนสนิทเฝ้าฝึกสอน

เหล่าตันนุกทั้งหลายก่อนราญรอน

สู่นครธรรมาสุราลัย

 

มหาสงครามไตรทิพย์

 

ย้อนขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเวหา

ถึงเทวาพราหมณ์หนุ่มซุ่มแก้ไข

จักคลายกลสงครามหวังห้ามภัย

ดูจักไร้หนทางเหมือนอย่างเคย

 

คิดในใจองค์เทพให้เราเฝ้า

ทิศประจิมเมืองเก่าโอ้เราเอ๋ย

หากละทิ้งปุระหรือละเลย

คงต้องเกยเศียรไว้บนไม้ยาว

 

จึงประดิษฐ์อุบายหวังกายรอด

กลชั้นยอดปลอดภัยตนหายหนาว

ดูตำราอ้างบ่วงกลดวงดาว

เสนอท้าวเทพอมรสีห์ราชเรือง

 

ขอเดชะองค์เทพผู้สูงส่ง

ด้วยพระองค์เก่งกาจทั้งปราดเปรื่อง

ข้าพเจ้านอนคิดอยู่เนืองเนือง

จึงผูกเรื่องเบื้องหน้าว่ามีชัย

 

จากตำราดาวฤกษ์เมื่อเบิกฟ้า

เมื่อองค์เทพกล่าวท้าศัตรูไหน

จักมิต้องอันตรายร้ายใดใด

จงเชื่อใจตนเองอย่าเกรงกลัว

 

ทรงรอดาวยามใกล้สุริยะ

ถ้าทรงปะอาเพศฟ้าสลัว

แต่ถ้าทรงมีชัยฟ้าไร้มัว

จงแต่งตัวเยี่ยงแม่ทัพรับศัตรู

 

ครั้นถึงครามหาทัพสรรพยักษา

ณ เบื้องหน้านครธรรม์ลั่นกลองขู่

ทหารเทพพร้อมพรักก็พรั่งพรู

เตรียมจักสู้กู้พักตร์จากยักษ์เลว

 

องค์ท้าวเทพอมรสีห์ฯออกกล่าวท้า

เรียกกำแขยักษามาจากเหว

ชี้นิ้วด่ายืดอกเท้าสะเอว

ให้ดูเปลวไฟรุกอย่างชุกโชน

 

"อุเหม่เจ้ายักษ์โสโครกสกปรก

ร่างซกมกเหม็นเน่าแต่งคล้ายโขน

เขี้ยวเหนอะหนะหมองศรีมีแต่โคลน

จักให้ข้าอ่อนโยนหรือรบกัน"

 

"โถองค์ท้าวเทพอมรฯไท้มีชื่อ

ดูกระเหี้ยนกระหือรือจะห้ำหั่น

ข้ากำแข,ตันนุกจักปลุกควัน

พร้อมฟาดฟันบั่นเศียรสั่งสอนซ้ำ"

 

องค์ท้าวเทพถือกริชหวังปลิดชีพ

กำแขหนีบป้องปัดซัดถลำ

ได้จังหวะตระเตรียมพระแสงคลำ

ก็ฟันย้ำพระพักตร์จักปลิดองค์

 

แต่ทรงหลบได้ทันประหวั่นเนื้อ

หวังฆ่าเสือยักษ์ห่ามตามประสงค์

จึงพลาดท่ากระนั้นมิมั่นคง

กำแขส่งวิญญาณสู่ชาญนคร

 

เทพทหารชาญศึกเกิดนึกหวั่น

ทั้งหมดพลันหลบหนียักษีก่อน

เวลานั้นยังมิได้จักราญรอน

ก็พ่ายแพ้ซ้ำซ้อนต้องจรไกล

 

มิทันหนียักษ์หาญสังหารหมด

น่าสลดหมดหวังเทพตักษัย

เหลือพราหมณ์หนุ่มผู้เดียวเกือบเอี่ยวไฟ

รอดมาได้ในที่สุดยุทธวิธี

 

เพราะพราหมณ์นั้นคือยักษ์มิศักดิ์สูง

เปรียบนกยูงแปลงเป็นกาหมดราศี

เพื่อหวังได้ครองสรวงปวงธานี

ชื่นชีวีตันนุกก็สุขใจ

 

สั่งกำแขอ้างว่าเป็นกษัตริย์

แล้วเตรียมจัดทัพยักษ์อย่าสงสัย

ข้าขึ้นฟ้ายุแหย่แพร่บรรลัย

หวังเทพไหม้สูญยับดับวิญญาณ์

 

เมื่อทำตามแผนข้าในกระดาษ

จักสามารถยึดสรวงห้วงหรรษา

ถึงวันที่เราได้ชัยกลับมา

จักเปลี่ยนหน้าประวัติหาวเท่านิรันดร์

 

ว่ามิมีเทพใดในพิภพ

ผู้สยบคือยักษ์เจ้าสวรรค์

เป็นผู้ครองเมืองสวยด้วยชั่วกัลป์

คนจักฝันถึงข้าถ้าขอพร

 

...อวสาน...

27 สิงหาคม 2557 12:13 น.

ความรักมีสีอะไร

Arm

เมื่อขาบครามเขียวแสดแผดสีรุ้ง น้ำเงินแดงพวยพุ่งฟุ้งสีเหลือง เป็นวิถีสู่สวรรค์อันรองเรือง ที่จรัสแสงเบื้องบุพบรรพ์ อันดารารายหาวที่พราวฟ้า ประหนึ่งว่าแสงจะส่องให้สุขสันต์ สะท้อนโสมโลมหล้าอัศจรรย์ หฤหรรษ์หรรษาก็ครานี้ เหมือนความรักมักประกายสีหลายหลาก สัจวากย์โบราณเมื่ออ่านสี ต่างแตกต่างต่างแตกจำแนกมี ก็สุดที่จะเข้าใจในความรัก บ้างเฉิดฉายพรายแพรวเหมือนแก้วใส บ้างระทมหม่นไหม้ใจกระอัก บ้างตายด้านบ่มิคลายเสียดายนัก บ้างก็ไม่รู้จักในรักจริง ถ้าความรักของเธอเสมอเหมือน กับดาวเดือนเคลื่อนหายดั่งหลายสิ่ง ฉันก็คงพร่ำพรอดถูกทอดทิ้ง ให้หยุดนิ่งดิ่งเหวสู่เปลวเพลิง
26 สิงหาคม 2557 08:20 น.

กาพย์เห่เรือ ยอพระเกียรติ

Arm

๏ เรือลอยล่องเพริศแพร้ว      นารายณ์ฯ

พลอยเก็จเพชรหลากหลาย    เทียบไท้

งามสง่าเด่นกำจาย             ธเสก สรรค์แฮ

รูปสัตว์หัวโขนใช้                 ยิ่งริ้วปลิวไสว ๚

 

๏ ภูวไนยบพิตรเจ้า             ภูมิพล

ยอพระเกียรติคำรณ             ประพัฒน์กว้าง

เถลิงศกพระชนม์                แปดสิบสี่ ปีเฮย

ปวงราษฎร์นบน้อมสร้าง        เกียรติเจ้ากษัตรา ๚ะ๛

 

 

๏ งามเรืองามเมื่อสินธุ์          ไหลรวยรินถิ่นสายชล

มากหมู่ผู้กองพล                 ช้าลวะเห่เสน่ห์เรือ

๏ ลอยล่องท่องท้องน้ำ         ดูชื่นฉ่ำสำราญเหลือ

ลิ่วลิ่วปลิวพร้อมเครือ            สดับก้องเสียงกังวาน

๏ พู่ห้อยระย้าย้อย               ไกวตามสร้อยร้อยขับขาน

ชื่นชมสมสำราญ                 พระผ่านฟ้าเกียรติคุณ

๏ "สุพรรณหงส์"ลอย            ตะวันคล้อยเป็นรอยบุญ

แสงสาดพบน้ำหนุน             สะท้อนเนตรวิเศษตา

๏ "นารายณ์ทรงสุบรรณ"       ลอยกระชั้นชิดข้างหน้า

ปลิวลมสมราชา                 พระที่นั่งสง่างาม

๏ "อเนกชาติภุชงค์"            ประดับธงทิวสยาม

หลังคาเหมือนอาราม            ทองสว่างกระจ่างจินต์

๏ "อนันตนาคราช"              ดูองอาจวาดลายศิลป์

ลอยตามอย่างระบิล             นาคเจ็ดเศียรเขียนลายทอง

๏ เรือ"เอกไชยเหินหาว"        ลิ่วลมราวคราวน้ำนอง

พลเรือต่างช่ำชอง               ฝีพายพร้อมเพรียงทุกคน

๏ เรือ"เอกไชยหลาวทอง"      พลโห่ร้องพ้องสายชล

กระหึ่มเสียงอึงอล                แลไพเราะเสนาะกรรณ

๏ เรือ"ครุฑเหินเห็จ"เปรียว     ลัดเลาะเลี้ยวเอี้ยวเสกสรรค์

ว่องไวดุจแสงอัน                สาดส่องพื้นคลื่นสาคร

๏ เรือ"ครุฑเตร็ดไตรจักร"       รอยสลักสักอักษร

ลายไทยใส่ลงลอน              ทั้งสองข้างของตัวลำ

๏ "พาลีรั้งทวีป"                 ดูเหมือนรีบเร่งถลำ

เส้นลายเหมือนร่ายรำ           ขุนกระบี่สีเขียวพราว

๏ เรือ"สุครีพครองเมือง"        นามลือเลื่องแลหาญห้าว

พื้นเรือสีดำวาว                   หัวกระบี่มีสีแดง

๏ "กระบี่ปราบเมืองมาร"         งามตระการทุกแขนง

กระบี่ขาวสำแดง                  บนหัวโขนแอ่นอาจอง

๏ "กระบี่ราญรอนราพณ์"         ลอยขนาบใกล้เรือหงส์

ปราดเปรียวลำมั่นคง             สง่างดยศบอกลาย

๏ "อสุรปักษา"                    ไหลเอื่อยมาท่ากำจาย

นกเขียวเปรียวธารสาย           หลังขบวนชวนพิศดู

๏ "เรือดั้งหนึ่งและสอง"          ท่าผยองลำพองคู

เรื่อยเรื่อยเอื่อยเอื่อยชู            ความโสภากระบวนยาน

๏ "เรือดั้งสามสี่ห้า"               ลอยล่องมาหาขนาน

เส้นตรงประสงค์ปาน              แถวทำเนียบเพียบศาตรา

๏ "เรือดั้งหกครัดเคร่ง"           จังหวะเก่งบรรเลงมา

ฉิ่งกรับประทับท้า                  ดั่งฆ้องลั่นคั่นนที

๏ "เรือดั้งเจ็ดและแปด"           ผ่านแสงแสดตอนแผดสี

เหมือนหนึ่งซึ่งนารี                นั่งสองข้างช่างน่าชม

๏ "เรือดั้งเก้าและสิบ"             เห็นลิบลิบลอยตามลม

"เรือดั้งสิบเอ็ด"สม                ทหารแกร่งแข่งขันกัน

๏ "สุรวายุภักษ์"                   บนเป็นยักษ์ล่างปักษัน

เหมือนเทพมาเสกครัน            เวทย์มนต์ขลังเรือว่องไว

๏ เรือ"ทองขวานฟ้า"นั้น          เหมือนสวรรค์เสกไสว

สวยงามอร่ามไกล                 มีกระจกประดับทอง

๏ เรือ"เสือทะยานชล"            เรือ"คำรณสินธุ์"ผยอง

ลอยเด่นน่านน้ำกอง              "ทองบ้าบิ่น"ลอยตามมา

๏ "เรือดั้งสิบสอง"เพรียว          ทั้งปราดเปรียวเชี่ยวตรึงตรา

"เรือดั้งสิบสาม"ท้า                "สิบสี่"เข้าประชิดรอย

๏ เรือดั้งสิบห้า"ขาน               แต่เบาราณไม่มีถอย

แข็งแรงดุจเพชรพลอย            กระทบฝั่งยังไม่จม

๏ "เรือดั้งสิบหก"เลื่อง            "เรืออีเหลือง"ลอยผสม

มูลเห่คลอพรม                  ชลมารคอยู่ปากทาง

๏ "เรือดั้งสิบเจ็ด"ชิด              แสงอาทิตย์ทอกระจ่าง

เฉกรุ้งพุ่งแนวพราง                เรืออำไพวิไลจริง

๏ "เรือแซง"ทั้งเจ็ดลำ            ลอยเคียงค้ำนำเรือสิงห์

"เรือดั้งสิบแปด"ชิง                ลอยขึ้นหน้าสง่างาม

๏ เรือเสือ"เรือแตงโม"            ตระการโสภาอร่าม

เสนาบังคับตาม                    อยู่ด้านท้ายออกลายเงา

๏ มีคนให้สัญญาณ                ใกล้ทหารงานถือเส้า

นายเรือเอื้อบรรเทา                คอยบอกสั่งดังบัญชา

๏ "เรือดั้งสิบแปด"แกร่ง           ลอยสำแดงแจ้งพระบา-

รมีกษัตรา                           องค์ประมุขคลุกเสียงคลอ

๏ "เรือดั้งสิบเก้า"รี่                "เรือดั้งยี่สิบ"มารอ

วิจิตรสัมฤทธิ์ยอ                    พระเกียรติธภูวไนย

๏ "เรือดั้งยี่สิบเอ็ด"                ดูสำเร็จเด็ดเดี่ยวใจ

พวกพลผลเกรียงไกร              ขยันพายตามสายลม

๏ "เรือดั้งยี่สิบสอง"                มีนายกองจ้องมองข่ม

ทหารจึงเกลียวกลม                รับห้าไฮ่พัลวัน

๏ "เรือตำรวจทั้งสอง"              ลอยตามกองเรือหลวงลั่น

หลายสิบลิบลิบครั้น               "เรือกรมวัง"หน้าขบวน

๏ ทั้งหมดห้าสิบสอง               ลอยเต็มท้องสายชลหวน

ตระการผ่านผองมวล               ยอพระเกียรติกษัตริย์ไทย

๏ วิจิตรศิลป์สร้างสรรค์            สถาบันชั้นผู้ใหญ่

ประชาแสนสุขใจ                   กล่าวอวยชัยทรงพระเจริญ

๏ ทรงเป็นร่มโพธิ์ฉัตร             นามประพัฒน์น่าสรรเสริญ

บารมีล้นพ้นเกิน                    เจ้าอยู่หัวจอมราชัน ๚ะ๛

15 สิงหาคม 2557 11:10 น.

เรือเคว้งวังเวงใจ

Arm

ลอยล่องลอยเรือน้อยลอยลำเดี่ยว
ลอยเปล่าเปลี่ยวเดียวดายชมทรายขาว
คลื่นกระแทกแบกคลื่นอายหมื่นดาว
โคลงเคลงราวร้าวเพชรเก็จระเมียร
กระเพื่อมน้ำน้ำกระเฉาะกระเฉาะฉาน แผ่นกระดานแตกสะบั้นกระสันเสี้ย ค่อยค่อยจมจ่อมน้ำน้ำวนเวียน ดาษเดียรเศษไม้คล้ายเศษใจ
ทั้งหางเสือกราบแคมเคียงสมอ เพราะจมจ่อพื้นเพทะเลใหญ่ ปะการังซังซากรากดอกไม้ ถูกทับให้วายวอดตลอดกาล
แสงอาทิตย์ยามเช้าเข้าไม่ถึง คงประหนึ่งโลกาอวสาน เหมือนคนเศร้าเหงาทรวงทั้งดวงมาน คงระรานความรู้สึกจนสึกไป
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟArm
Lovings  Arm เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟArm
Lovings  Arm เลิฟ 0 คน
  Arm
ไม่มีข้อความส่งถึงArm