14 กรกฎาคม 2557 20:24 น.

เพราะคิดไม่ถึง

Parinya

เพราะอยูไกลคนดีสุดที่รัก
จึงยากจักหักใจไม่ห่วงหา
มิรู้อยู่อย่างไรยามไกลตา
มีบางคราอยากรู้อยู่กับใคร
ยามคืนค่ำรำพึงถึงเสมอ
มิเจอะเจอหลายวันยิ่งหวั่นไหว
คล้ายกับสายสัมพันธ์นั้นขาดใย
ความมั่นใจในกันถูกบั่นทอน
พยายามส่งจิตคิดให้ถึง
ได้เพียงพึ่งทอถักสานอักษร
เรียบเรียงถ้อยร้อยคำลำนำกลอน
เพื่อสะท้อนตอนจิตคิดงอแง
ไยเธอจึงเงียบหายเหมือนตายจาก
คนเพียรฝากคิดถึงจึงย่ำแย่
ความคิดถึงจึงพลอยถูกลอยแพ
คงเห็นแต่เวหาฟ้าไร้ดาว
คิดไม่ถึงจึงไกลเกินใจฝัน
ลอยแพไปวันวันกับสั่นหนาว
จะต้องนั่งสั่นรัวเพียงชั่วคราว
หรือยืนยาวหนาวต่อ ...ทรมาน
ที่ขอบฟ้าเรื่อราง ฟ้าสางใส
แต่หัวใจมืดตื๋อเหมือนดื้อด้าน
อักษรสร้อยร้อยรักยังดักดาน
อยู่กับการ "คิดไม่ถึง" ซึ่งร้อยเรียง
15 กรกฎาคม 2557 23:29 น.

เรื่องราวก่อนนอน

Parinya

ภาพบ้านไม้โบราณของบ้านสวน
ได้ย้อนทวนเวลามาให้เห็น
พอสิ้นแสงสุริยันตะวันเย็น
คือช่วงเป็นเวลาทองของหลาน-ยาย
ในความมืดกลางเถื่อนเรือนสลัว
ไฟแสงมัวดวงทองที่ส่องฉาย
หนุมาน สวาหะ เบญจกาย
ออกรำร่ายวับไหวอยู่ในตา
กากี นารีผล ทั้งคนธรรพ์
ต่างพากันยกโขยงตามโม่งป่า
สมิงพระรามไม่เหมือนใครในพารา
หัวกะโหลกผีกัดขาถึงคราตาย
กลัวความมืดของกลางคืนทั้งตื่นเต้น
เหมือนผีเร้นอยู่ตรงมุมตะคุ่มหาย
ภาพของนางเมรี ขี้เมามาย
ก่อนเธอตายหมายถวิลเป็นกินรี
เมื่อจะต้องมอดม้วยด้วยเจ็บช้ำ
คราครวญคร่ำกำสรด พระรถหนี
จึงตั้งจิตปรารถนามาทันที
(ชาตินี้เมรีตามพี่มา)
ชาติหน้าพี่จะต้องตามน้องไป
เมื่อยังเด็กวัยเรียนยายเวียนเล่า
ภาพเก่าเก่าเลือนลับกลับมาใหม่
พร้อมกับฟังเธอเล่าเรื่อง "สินไซ"
เหมือนย้อนวัยในวันอันลบเลือน
16 กรกฎาคม 2557 00:06 น.

แล้วไงยาย

Parinya

นอนไม่หลับหงุดหงิดเพราะคิดถึง
ใครคนหนึ่งหนักหน่วงด้วยห่วงหา
แม้ตาหลับกลับคล้ายเห็นสายตา
ยังมองมายิ้มยิ้ม...ริมที่นอน
ความคิดถึงตรึงจิตคิดสงสัย
ยามเราอยู่ห่างไกล...ใครนอนก่อน
หรือว่าเขายังเพียรนั่งเขียนกลอน
เพื่อออดอ้อนวอนเว้าแม่สาวใด
พยายามห้ามจิตมิคิดมาก
แต่ก็ยากจะห้ามความหวั่นไหว
กังวลจังยังมิหลับบังคับไย
นอนพลิกมาพลิกไป...ใจกังวล
ตาอยากหลับอย่างไรใจมิหลับ
พลิกกระส่ายกระสับกลับหลายหน
จันทร์ในตาฟ้าในใจ...ไยมืดมน
อาจจะต้องอดทนไปจนเช้า
หยิบโทรศัพท์มาอ่านกลอนตอนตีสาม
กลอนมีนาม "สินไซ" ย้อนวัยเก่า
อ่านจบจะนอนต่อก็เหมือนเมา
พอลางลางเลาเลา .."เขาทำอะไร"
เมื่อมิหลับก็เบื่อ...เหนือบังคับ
หยิบโทรศัพท์มานอนอ่านกลอนใหม่
กลอนที่อยู่ในมือชื่อ "สินไซ"
อ่านจบไปดูเวลาตีห้าแล้ว
"ภาพคุณยายเล่านิทานให้หลานฟัง
ย้อนมาอยู่ในภวังค์ ยังชัด แจ๋ว
มียักษ์ ลักผู้หญิง ยิ่งเหมือนแนว
ที่เคยนั่งตาแป๋ว....แล้วไงยาย ? "
(แล้วไงยาย  ยายจ๋าเล่าต่อค่ะ)
11 กรกฎาคม 2557 18:19 น.

เต็มที่มีให้เธอ

Parinya

มิอาจสรรคำใดที่ไพเราะ
อาจมิเหมาะเพราะเธอจะเก้อเขิน
มิอยากบอกพร่ำเพรื่อ "รักเหลือเกิน"
ยากประเมินประมาณว่าปานใด
บอกเพียงว่ารักเธอเสมอพี่
คำคำนี้ความจริงค่ายิ่งใหญ่
เกี่ยวข้องผ่องผุดบริสุทธิ์ใจ
คงเยื่อใยยืนยาวเท่าชีพยัง
ทั้งเป็นความผูกพันอันแน่นเหนียว
ด้วยมีเกลียวเกี่ยวข้องพี่-น้องขลัง
ทั้งศรัทธาล้นเหลือและเชื่อฟัง
มิคิดตั้งเงื่อนแง่...แค่สำออย
เธอจะพาบุกป่าหรือฝ่าหนาม
มีแต่จะพยายามตามต้อยต้อย
เพียงรู้สึกเกี่ยวดองเป็นน้องน้อย
เรียกใช้สอยได้ตามความจำเป็น
แต่มิเคยบังอาจคิดวาดหวัง
ให้เป็นจริงเป็นจังดังเคี่ยวเข็น
เป็นแค่ความซาบซึ้งซึ่งชื่นเย็น
เธอมองเห็นหรือไม่เห็น...ไม่เป็นไร
มิเสียขวัญวันที่อาจ...ขาดความหมาย
มิวุ่นวายหมายหวังตั้งเงื่อนไข
เธอก็เป็นอย่างเช่นที่เป็นไป
มิคาดหวังเยื่อใยจากใจเธอ
ความสุขนั้นเกิดอยู่ที่ผู้ให้
มิต้องได้ใดมอบตอบเสมอ
รู้สึกดีที่เกิดนั้นเลิศเลอ
ซึ่งอาจเจอเอ่อล้น...ใจตนเอง
10 กรกฎาคม 2557 20:02 น.

อินถวา

Parinya

อินถวา นามขนาน ตำนานเล่า
ธิดาเจ้า เมืองเชียงสมเชียงสา
นิสัยใจคอดีมีเมตตา
นางเลี้ยงลูกกุมภาไว้หนึ่งตัว
เป็นเพื่อนรักเพื่อนใคร่มิได้เว้น
ทุกวันต้องไปเห็นไปเล่นหวัว
ความสัมพันธ์แน่นหนักรักพันพัว
จนโตตัวเกินตุ่มอุ้มลงน้ำ
ขี่หลังสรงสนานมานานช้า
รักของคนและกุมภาน่าดื่มด่ำ
เก็บดอกบัวในสระเป็นประจำ
มีสุขล้ำอายุตกสิบหกปี
เย็นวันหนึ่งนางนั่งหลังกุมภา
ตามเรื่องอ้างนางถลาเอื้อมคว้าหวี
จึงเสียหลักหล่นร่วงห้วงนที
ดรุณี-หวีตกน้ำไปตามกัน
ความสัมพันธ์นานช้ามาถึงจุด
เป็นเรื่องสุดวิโยคโศกมหันต์
มันคิดช่วยอ้างาบคาบนางพลัน
แต่เกินกลั้นกลืนอนงค์ลงในท้อง
เพราะเป็นธรรมชาติมิอาจเลี่ยง
กุมภาเสี่ยงตัดสินใจหนีไปหนอง
ธิดาหายพระบิดาน้ำตานอง
กุมภาของบุตรีก็หนีไป
หลังคาดเดาเหตุการณ์ท่านตามหา
เจ้ากุมภาตัวดีอยู่ที่ไหน
สั่งทหารตามตะบึงถึงในไพร
พบมันอยู่หนองใหญ่กลางไพรวัน
จึงประกาศหาหมอปราบจระเข้
ซึ่งมากเล่ห์อาคมแข็งเก่งเข้าขั้น
หมอสามคนอาสามาปราบมัน
เริ่มประจันหมอสองนายก็วายชนม์
มันกดแพเอียงมาอ้าปากรับ
แล้วกลืนวับลงท้องไปสองหน
เหลือหมอหญิงหาวิธีที่แยบยล
ฉลาดล้นเป็นสตรีมีปัญญา
พุ่งฉมวกเมื่อกุมภาอ้าปากงับ
พอกลืนวับชีวินก็สิ้นท่า
ถูกผ่าท้องได้พบศพธิดา
กับสองศพหมอกุมภาแสนจาบัลย์
หนองน้ำนี้มีนาม "วังสามหมอ"
เจ้าเมืองผู้เป็นพ่อยังโศกศัลย์
นำศพของธิดาจากอารัญ
มาด้วยกันฝังไว้ใกล้ใกล้วัง
มีไม้งอกเป็นต้นบนดินกลบ
หอมตระหลบดอกสีขาวพราวสะพรั่ง
ขจรกลิ่นรินรื่นชื่นใจจัง
"อินถวา*" นามตั้ง แต่ครั้งนั้น
..................................................
* เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พุดซ้อน เป็นวรรณคดีพื้นบ้าน
ภาคอิสาน และเชื่อกันว่าดินแดนที่เกิดเรื่องนี้คือ
อำเภอ วังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟParinya
Lovings  Parinya เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟParinya
Lovings  Parinya เลิฟ 0 คน
  Parinya
ไม่มีข้อความส่งถึงParinya