เจ็บปวดนักใช่ไหมใจที่ล้า ที่ผ่านมาหัวใจแตกสลาย มอบความรักหวังดีและไว้ใจ เขายังไม่รู้สึกอิ่มและเพียงพอ ให้ระบายออกมาในวันนี้ ให้เต็มที่หากใจนั้นร้องขอ จะเกิดจากอะไรเป็นต้นตอ แต่ล้วนก่อให้เกิดความทุกข์ใจ อยากให้เธอเข้มแข็งกว่านี้นะ ไม่ว่าจะสถานการณ์เป็นแบบไหน เลิกหวั่นกลัวไม่ว่าปัญหาใด เริ่มต้นใหม่ก้าวไปสู่ปลายทาง อย่าเพิ่งท้ออ่อนแอและท้อถอย ลบเลือนรอยที่เคยต้องหมองหมาง ในวันนี้ทำใจเดินสายกลาง แล้วก้าวย่างข้ามผ่านทุกข์ในใจ จับมือฉันคนนี้ให้แนบแน่น เป็นปึกแผ่นไปด้วยกันเข้าใจไหม ที่ผ่านมาล้มแล้วก็ปล่อยไป ลุกขึ้นได้ด้วยหัวใจของตัวเอง
เมล็ดพืช งอกงาม ตามป่าเขา กลางลำเนา อุดม ชุ่มโชกฝน ต้นจึงโต ตระหง่าน ต้านลมบน เปรียบเช่นคน เกิดกาย เติบใหญ่มา มีนที ไหลเลาะ เซาะตลิ่ง ละลิ่ววิ่ง ล้นหลาก จากภูผา ทั้งกัดกร่อน จนเห็น เป็นธารา พสุธา จึงแตก แยกจากกัน ไม้โตใหญ่ ยังโอน โค่นลงน้ำ ลอยในลำ คงคา ถึงอาสัญ แม้ยืนต้น บนตลิ่ง ยิ่งนานวัน ไม่คงมั่น ต้องถึง ซึ่งเอวัง เมื่อเปรียบคน เมื่อครา อายุมาก ความหลายหลาก มีแท้ แต่หนหลัง พอเวลา ล่วงไป ไม่จีรัง ก็ใกล้ฝั่ง เช่นไม้ ริมสายธาร เงาไม้ใหญ่ ก่อนนี้ มีคุณค่า กิ่งก้านหนา ร่มเย็น เป็นสถาน ที่พึ่งพิง ของสัตว์ป่า มาช้านาน ต้นใช้งาน เมื่อโค่น โดนทำลาย เมื่อเดือนปี ผ่านไป ชีพใกล้ดับ พอนั่งนับ วันวัย แล้วใจหาย ทำอะไร ไว้บ้าง ก่อนวางวาย เร่งขวนขวาย ตอนนี้ .. มีเวลา
อยากตัดใจปล่อยวางจากทางโลก ละสุขโศกที่มีหนีให้พ้น ความวุ่นวายหลากหลายในสกล สร้างสับสนเวียนเกล้าไม่เข้าใจ มีทั้งปราชญ์และครูอยู่ไม่น้อย ต่างเรียงร้อยถ้อยคำจำไม่ไหว ขัอปลีกย่อยก็แยกแตกกันไป เหมือนจะใบ้บอกกันมีฉันเธอ ฉันต้องดีเลิศเลอกว่าเธอแน่ เธอสิแย่ต่ำต้อยด้อยเสมอ หากวันใตฉันด้อยน้อยกว่าเธอ ก็อย่าเผลอให้เหยียบเสียบก็เอา อยากตัดใจปล่อยวางเอาอย่างพระ ไม่วายจะข้องจิตผิดหรือเปล่า เห็นแต่ธรรมองค์สัมพุทธที่หยุดเรา หลงมัวเมาเนื้อแท้ แค่ แต่งปรุง
ซ้ายยกซ้ายด่าขวาว่าขูดรีด ซ้ายจึงกรีดถ้อยคำย่ำเหยียบหยัน ซ้ายปลุกซ้ายให้ล้มขวาสารพัน ซ้ายด้นดั้นต้านสมุนทุนนิยม ซ้ายขวาซ้ายสลับท่าขวาซ้ายขวา ซ้ายวางท่ากรรมกรถือค้อนข่ม ซ้ายหาเคียวเกี่ยวข้าวเรื่องราวระดม ซ้ายเล่าเรื่องเก่าล้มขย่มทุน ซ้ายขายเรื่องเล่าเก่าเอาทอดตลาด ซ้ายกราบขวาบ้าอำนาจเป็นทาสสมุน ซ้ายเป็นขวาขวาเดินห้างช่างชุลมุน ซ้ายโกยเงินว้าวุ่นลุ้นเหนื่อยจริง ซ้ายไม่อาจแยกขวาว่าเด็ดขาด ซ้ายก็พลาดโดนนายทุนจุ้นจ้านสิง ซ้ายตั้งตนเป็นเจ้าเข้าช่วงชิง ซ้ายก็ยิ่งกลายเป็นขวามากกว่าใคร
อารมณ์ดี...มีรอยยิ้ม พริ้มบนหน้า ส่งแววตา หน้าสดใส ให้สุขสันต์ อารมณ์ร้าย...คล้ายโกรธใคร ได้ทั้งวัน ไม่สรวลเส เฮสันต์ กันกับใคร อารมณ์เลว...เหมือนเปลวไฟ ไหม้ทุกอย่าง ใครกีดทาง มาขวางกั้น มันเผาไหม้ อารมณ์คน...มันก็เคลื่อน เหมือนเลื่อนไป เร็วทันใจ ไม่ทันเปลี่ยน เวียนหมุนพลัน อารมณ์ร้อน...ก่อนจะเย็น เหมือนเป็นบ้า ใครพูดมา หาเสียงใด ไม่ขบขัน อารมณ์เย็น...เป็นเช่นนี้ ดีทั้งวัน มีแต่เรื่อง เฟื่องขำขัน พลันเฮฮา อารมณ์คุณ...คุ้นว่าเป็น เช่นแบบไหน ดีหรือร้าย คล้ายเลวร้อน ค่อนหนักหนา อารมณ์ไหน...ใคร่ควรรู้ คู่ปัญญา และรู้ว่า อารมณ์ไหน ควรใคร่เป็น
เก็บเล็กผสมน้อยค่อย ๆ เก็บ เอาซุกเหน็บพกห่อพอถูไถ เก็บเล็กผสมน้อยค่อยเก็บไป จากเล็กน้อยเป็นมากมายด้วยใจทน อภัยเล็กอภัยน้อยหมั่นคอยให้ ฝึกฝนใจฝึกฝนจิตคิดกุศล อภัยเล็กอภัยน้อยจากใจตน ย่อมส่งผลสุขสงบพบไมตรี ความดีเล็กความดีน้อยค่อย ๆ สร้าง เปรียบปูทางสู่เมืองแมนแดนสุขี ความดีเล็กความดีน้อยค่อย ๆ ทวี เป็นรังสีเกราะหุ้มคุ้มชีพเอย
+++++++++++++++++++++ เคยถาม ตัวเอง บ้างรึเปล่า ว่าชีวิต คนเรา จะยืนยาวแค่ไหน หากเวลา ของวันนี้ หมดลงไป เช้าวันใหม่ ยังเหลือไหม วันเวลา เคยทำ อะไร ผิดไว้กับใคร กล้าขอโทษ เขาไหม หรือไม่กล้า เก็บคำขอโทษไว้ ผ่านไปกับเวลา จนวันหนึ่ง คงหมดปัญญา ไปขอโทษใคร ++++++++++++++++++++++
เห็นครอบครัวซาเล้งข้างถนน พ่อแม่ลูกเวียนวนกันค้นหา เก็บขยะไปขายได้เงินมา แค่พอเลี้ยงชีวาไปวันวัน แล้วทำไมตัวฉันต้องท้อถอย มีคนอีกไม่น้อยด้อยกว่าฉัน คนที่มีปัญหาสารพัน มีมากมายใช่ฉันเพียงคนเดียว.
ขออำไพคุณหนุ่มสาวคราวหลานลูก ที่ลุงผูกอักษรเป็นกลอนสาร เพราะอยู่ยง ปลงได้ คงไม่นาน จะเขียนอ่านเรื่องรักชักอายใจ ได้แต่พล่ามคำฝากหลากข้อคิด หวังในจิตผ่อนกรรมที่ทำไว้ ถึงจะอ่อนเรื่องเขียนก็เพียรไป ก็ด้วยใจมันรักอยากจะทำ เลือกเอาที่ดีมีประโยชน์ ที่เป็นโทษเหลือไว้ให้คนพร่ำ ใช้เป็นข้อกำหนดไว้จดจำ ว่าจะทำต้องชัดและจัดเจน ขยับมาอีกนิดเพื่อชิดใกล้ แล้วจะได้คนแก่ไว้แหย่เล่น แหย่ยังไงก็ได้ถ้าแหย่เป็น จะได้เห็นของฝากแน่ไว้แก้---จน
ครอบครัวหนึ่งลูกมักทะเลาะกัน สารพันมีปัญหาไปทุกเรื่อง แม้ความเล็กความน้อยก็โกรธเคือง เถียงต่อเนื่องทะเลาะกันเป็นประจำ มาวันหนึ่งพ่อคิดจะสอนสั่ง ให้มานั่งพร้อมหน้าพูดสอนพร่ำ หยิบแขนงไม้ไผ่มาหนึ่งกำ เพื่อหวังนำมาสอนลูกทุกคน แจกแขนงไม้ให้คนละอัน แทนความพันผูกรักหวังให้ผล ใช้แขนงไม้นั้นแทนตัวตน ในกมลแทนความรักมีต่อกัน พ่อบอกให้ลูกทุกคนหักไม้ไผ่ แล้วก็ได้เห็นแขนงทุกอันนั่น อย่างง่ายดายไม้หักลงฉับพลัน เปรียบไม้นั้นเป็นตัวใครตัวมัน พ่อให้หักอีกครั้งไม้ทั้งกำ ทุกคนทำไม่ได้อย่างมุ่งมั่น พ่อบอกว่าอยากให้เปรียบเทียบกัน เห็นไหมนั่นสามมัคคีแล้วแข็งแรง แล้วสอนลูกว่าการอยู่ร่วมกัน จะคงมั่นรวมกันช่วยให้แกร่ง ต้านศัตรูและผองภัยดั่งกำแพง ยากจะแบ่งแยกเราแตกกันไป นิทานนี้ต้องการจะสอนสั่ง รวมพลังสามัคคีเราอยู่ได้ หากแตกความสามัคคีแล้วไซร้ ชาติไหนไหนอยู่ไม่ได้แม้หนึ่งคน
เพียงตัวเลขสมมุติมนุษย์ตั้ง หมุนตามหลังเรื่องราวเข็มยาวสั้น เป็นตัวแทนแห่งกาลผ่านคืนวัน ที่ผ่านผันทุกเวลาทุกนาที เมื่อครบรอบครบเวลาเพิ่มอายุ เพื่อผ่านลุวันวัยไม่อาจหนี เกิดมาเพื่อเพิ่มอายุลุวันปี จนเป็นผีหมดอายุลุล่วงพ้น แต่เริ่มต้นจนหมดสิ้นชีวินจบ รู้ถ้วนครบทุกการณ์ผ่านแดดฝน เก็บเกี่ยวทุกเรื่องราวคราวเป็นคน นำเตือนตนเตือนใจในทุกครา เมื่อยังมีลมหายใจในวันนี้ จงมุ่งมั่นทำดีมีคุณค่า เมื่ออายุล่วงผันวันตายลา คนศรัทธารุ่นหลังยังเชิดชู
ยังมีคน มากมาย ในโลกนี้ ทนโศกี คับแค้น แสนสาหัส ผจญกับ ปัญหา สารพัด อัตคัด ขัดสน จนวันวายเด็กส่วนหนึ่ง บอบช้ำ แต่กำเนิด ผู้ให้เกิด ทิ้งขว้าง หนีห่างหาย ต้องกำพร้า หน้าเซียว อยู่เดียวดาย ซังกะตาย อับจน สิ้นหนทางบ้างพิการ ซ้ำซ้อน นอนง่อยเปลี้ย เจ็บละเหี่ย เพลียใจ ไม่ซาสร่าง ชีวิตเจ็บ ทุรน บนเส้นฟาง พร้อมอับปาง จบเห่ ทุกเวลาอนิจจา เพื่อนร่วมโลก ผู้โชคร้าย ชะตาคล้าย ถูกสาป มีบาปหนา หวังเพียงใคร ไยดี ชุบชีวา ช่วยเยียวยา บาดแผล มีแก่ใจคนร่ำรวย เนียรทุกข์ สุขวิศิษฏ์ เคยแบ่งจิต เอื้อเฟื้อ เกื้อกูลไหม กรุณา สักนิด คิดห่วงใย ช่วยเขาให้ บรรเทา จากเศร้าตรม โปรดแสดง น้ำใจ อย่าได้ช้า ซับน้ำตา แก้ไข คลายขื่นขม ช่วยเหลือเด็ก ด้อยโอกาส ขาดรื่นรมย์ เท่าประเทือง สังคม สั่งสมคุณ สร้างกุศล จุนเจือ เผื่อภพหน้า ธรรมสัมมา จะย้อน อาทรหนุน เกิดเป็นคน มุทิตา แผ่การุญ ย่อมได้บุญ เสริมชีวาตม์ ทุกชาติไป
เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว ผ่านเรื่องผ่านราวมามากมาย ความสุขความทุกข์อันหลากหลาย สุดท้ายก็ล่วงผ่านพ้นไป เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว ยังมีเรื่องราวของวันใหม่ ตราบที่ยังมีลมหายใจ เรื่องราวใหม่ใหม่ยังมีมา เส้นทางชีวิตที่ทอดยาว สองเท้าย่างก้าวมุ่งเดินหน้า บทเรียนวันเก่าคือตำรา เตือนก้าวเดินหน้าอย่างระวัง ระวังการย่ำซ้ำรอยเดิม อย่าฮึกเหิมเกริมอย่าคลุ้มคลั่ง รู้ใช้สติคุมกำลัง กันการพลาดพลั้งอย่างตั้งใจ สุดท้ายจุดหมายเมื่อไปถึง ได้เป็นที่หนึ่งอย่างผ่องใส เชิดหน้าชูคอด้วยพอใจ ก้าวผ่านเส้นชัยอย่างทรนง
ความรู้สึกของใจในตัวฉัน หากเปรียบเป็นสีสันคงหลายสี มีทั้งสุขสดใสในชีวี อีกทั้งมีหมองหม่นทนระทม มีคนผ่านเข้ามาหลายประเภท แล้วแต่เหตุแต่ผลคนประสงค์ องค์ประกอบชั่วดีมีดำรง ตามแต่ตรงต้องการอ่านใจเอา หลายคนผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งความคิดจิตใจ ยากใครเหมือน บางคนให้ข้อคิด ติดตรึงเตือน บ้างเป็นเพื่อน เป็นมิตร ชิดเชยชม แต่ยังมีอีกสองท่านฉันรู้จัก ท่านมอบแต่ความรักที่สดใส ให้ทุกสิ่งที่ไม่เคยได้จากใคร ท่านเป็นแต่ผู้ให้ไม่เคยทวง ไม่เคยมีผลประโยชน์ร่วมกับฉัน ท่านเป็นแต่ผู้สร้างสรรค์ไม่ห่างหาย ไม่เคยทิ้งให้ฉันเดินเดียวดาย ทั้งใจกายบอก แม่-พ่อ ขอเทิดทูน
ท่ามกลาง..ความมืดและความเงียบ อากาศ..เย็นเชียบคืนเหน็บหนาว ท้องฟ้า..ใสเเสงแห่งเดือนดาว ชนชาว..หลับใหลในนิทรา บนถนน..ไร้รถ บด-บิด-ขับ แต่กลับ..กลาดเกลื่อนซึ่งคุณค่า เศษสิ่ง..เหลือใช้ โภชนา หากรวม..คงใหญ่กว่าโลกทั้งใบ "คุณลุง" ท่านหนึ่งเปี่ยมซึ่งหวัง หมายประทัง..ชีวารอดตายได้ ค่ำคืนเงียบแม้ลมหนาวมาต้องวัย เอาใบไม้..ห่มร่างวางทับตัว ลุงไม่ใช่..ขอทานข้างถนน ลุงไม่ใช่..โจรปล้นหรือคนชั่ว ลุงไม่ใช่..ภูตผีที่ต้องกลัว ลุงไม่ใช่..ผู้เย้ายั่วมั่วโลกีย์ ของทุกอย่าง..ลุงเเทบไม่ต้องซื้อ อาหาร..ทุกมื้ออยู่ทุกที่ ล้นถัง..ที่เขาทิ้งลุงได้ฟรี ค่ำนี้..กิน-เที่ยว-หา สาสมใจ "ไม่ต้องห่วง..เพราะพรุ่งนี้มันไม่แน่ มีเกิด-แก่..มีโรคา มีตักษัย อยู่ไป..ใช้ไป..กินไป ขาดสิ่งใด..ถามลุงได้..เผื่อลุงมี" ๔ พฤจิกฯ๕๕ .ภัคพล คำหน้อย.