เคยไหม ใคร่เร่ง เวลา ให้รุด เดินหน้า ไวไว เคยไหม รุ่มร้อน ดุจไฟ อยากถึง จุดหมาย ในบัดดล เคยไหม อยากฉุด เวลา ให้เดิน ช้าช้า สักหน หวังตัก ตวงสุข ใส่ตน ก่อนที่ จะพ้น ผ่านไป เคยไหม ใคร่ย้อน เวลา ผ่านมา แล้วหวน คืนได้ ทั้งที่ รู้อยู่ แก่ใจ เป็นไป ไม่ได้ ย้อนเวลา ชีวิต ทุกวัน คนเรา ว่างเปล่า หรือเปี่ยม คุณค่า ทุกคน ล้วนมี เวลา สมบัติ ล้ำค่า เท่ากัน พินิจ คิดดู เป็นไร พึงใช้ เวลา เพื่อสร้างสรรค์ หรือหาย ใจทิ้ง ไปวันวัน คิดกัน ก่อนหมด....เวลา
เมื่อ ตอนเด็กชอบใจไม้กะดก ข้างหนึ่งยกอีกข้างตกกะดกได้ ต้องสมดุลย์จึงเด่นเล่นสบาย ไม่วุ่นวายตามถ่วงเพราะห่วงกัน หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดใจไม่ซื่อ ไปยึดถืออีกฝ่ายใช่พวกฉัน กะโดดละผละไปอย่างฉับพลัน เจ้าไม้นั้นย่อมกะดกตกอย่างแรง ไม้กะดกเปรียบหมายคล้ายตาชั่ง มีสองฝั่งสองข้างกระจ่างแจ้ง ตั้งตราชั่งตรงไว้ไม่ตะแคง เรื่องขัดแย้งย่อมลดหมดไปเอง
รักกันใหม่ๆอะไรก็ดี เชิญชมชวนชี้วจีขับขาน โลกช่างสดใสหัวใจเบิกบาน สุขสมสำราญทุกาลเวลาหญิงชี้ดูนกวิหคผกผิน ชายว่านกบินหมดสิ้นกังขา หญิงชี้นกพลัน อุ๊ย นั่นคือปลา ชายตามกานดาอ๋อปลาจริงๆ เพราะรักจึงยอมจึงพร้อมทุกอย่าง ความรักจัดวางเข้าข้างชายหญิง แม้นน้ำต้มผักพอรักแอบอิง ก็หวานเสียยิ่งหยดน้ำตาลใด ฝ่ายใดเคืองขุ่นทำวุ่นทำงอน อีกฝ่ายเว้าวอนมางอนง้อได้ กระเซ้าเย้ายิ้มถึงปริ่มหัวใจ ข้าวมันปลาใหม่สดใสร่าเริง แต่พอรักจางทุกอย่างก็แย่ รักที่ว่าแน่กลับแปรยุ่งเหยิง โลกที่สดใสเป็นไฟลุกเพลิง กระเจิดกระเจิงกระจัดพลัดพราย ถ้อยคำอ่อนหวานมิคลานเข้าหู ไอ้ อี มึง กู พรั่งพรูหลากหลาย ซากรักหักพังอยู่ซังกะตาย น้ำตาลกลับกลายจืดชืดฝืดคอ ....รักกันใหม่ๆอะไรก็ดี แม้นผ่านหลายปีรักนี้ยังก่อ ผลิดอกออกใบสดใสลออ รักยังแตกกอมิง้อวันวัย อย่าปล่อยให้รักถูกหักถูกผลาญ เป็นรักพิการผ่านอายุขัย หวานอมขมขื่นกล้ำกลืนกันไป นอนกอดกองไฟ...ผลาญใจร้อนรน....
เหม่อมองฟ้าน้ำตาเอ่อรินไหล อยากถามฟ้าว่ามีใครเหงาเหมือนฉัน ความรู้สึกยากจะบอกแสนจาบัลย์ ได้แต่เหงาเศร้าทุกวันเมื่อไม่มีเธอ ชีวิตฉันคงสิ้นหากไร้เธอเคียงข้าง คงอ้างว้างเดียวดายไร้ความหมาย อยากจบชีวิตตรงนี้ อยากจะตาย สิ้นรักร้าย ให้มลายไปกับเธอ แต่ยังมีคนที่หวังในตัวฉัน หวังสักวันให้ฉันนั้นอยู่เพื่อเขา คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ของตัวเรา ที่คอยเฝ้า คอยห่วง อยู่ทุกครา แล้วเธอหล่ะที่พบเจออย่างตัวฉัน จะคิดสั้นอีกไหม เมื่อไม่มีเขา จะคิดถึงคนที่รักในตัวเรา หรือจบชีวิตเศร้าๆ เพราะเขาเลย จงคิดเถิดคิดซักนิด เมื่อผิดหวัง เราก็ยังยืนหยัด ไม่ขัดสน ก็แค่เพียงความรักคนหนึ่งคน ที่ผ่านพ้นไปตามกาลเวลา ขอให้เริ่มต้นใหม่ในวันนี้ เหมือนกับที่ฉันเริ่มไม่ท้อถอย มองข้างหลังดูคนที่เฝ้าคอย อย่าท้อถอย สู้ต่อไปจงหยัดยืน
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๕ อรุณฤกษ์ เบิกฟ้า คราปีใหม่ จงสดใส สิ้นทุกข์ สุขเสริมศรี สู่ก้าวใหม่ ก้าวมั่น วันเริ่มปี มุ่งคิดดี ทำดี มีโชคชัย มีสติ มั่นไว้ ไม่หลงผิด มีปัญญา รู้คิด จิตผ่องใส รู้หน้าที่ เพื่อสังคม ชมชื่นใจ สามัคคี กันไว้ ปีใหม่มา กระต่ายไป งูใหญ่มา พาดีขึ้น ให้ราบรื่น ชื่นบาน งานก้าวหน้า ให้กิจการ ค้าขาย ได้ราคา ให้เงินตรา มีใช้ ไปทั้งปี ให้เข้มแข็ง แรงดี มีคนรัก ให้ยศศักดิ์ ก้าวไป ในหน้าที่ ทำสิ่งใด ถูกโฉลก ล้วนโชคดี ให้สุขสม สุขศรี ปีใหม่เทอญ อาจารย์ฐปกรณ์ โสธนะ (ลุงรอง)
ฉันไม่รู้ตัวฉันมีสองเพศ ถูกอาเพศเป็นชายให้อ่อนหวาน เกิดมาหล่อและสวยดั่งวิมาน ในร่างกายชายชาญของฉันเอง ฉันยอ่อนโยนเกินกว่าชายแท้ๆ ฉันอ่อนแอไม่ชอบการข่มเหง ฉันไม่ชอบแสดงออกดั่งนักเลง ที่จะเป็นจุดเด่นในสั่งคม มีคำถามจากเพื่่อนที่สงสัย เหตุไฉนเกิดเป็นชายไม่อวดเก่ง ฉันเป็นตัวตัวของตัวฉันเอง ไม่จำเป็นต้องเด่นเหมือนใครๆ ฉันเป็นชายที่รักความอ่อนหวาน ถูกกล่าวขานผิดธรรมเนียมเป็นไหนๆ จะชายแท้หญิงเทียมแล้วอย่างไร อยู่ที่ใจใช้เพศเป็นสำคัญ ถ้าเลือกได้ใครจะเลือกเกิดผิดเพศ อณาเขตจำกัดขนาดไหน ถูกสังคมดูถูกก่าวใครๆ ลองเปิดใจมองเราให้เข้าที เรานี้หรือเขาว่าวิปริต เป็นโรคจิตไม่มีอะไรดี อยากถามว่าใครกันที่แสนดี หรือเศรษฐีมั่งมีด้วยเงินตรา จงมองที่คุณค่าก่าวที่เห็น ที่ผมเป็นอย่างนั้นอย่าสงสัย อันความรักความชอบเกิดจากใจ ใช้อยู่ที่เพศกายใคร่ควรมอง จะเพศไหนอย่างไรก็น่ารัก ถ้ารู้จักทำตัวไม่หม่นหมอง จำเป็นหรือต้องแคร์สายตามอง เป็นครรลองปิดกั้นตัวตนเรา
รัก รัก รัก คำนี้ที่พูดมาเพียงวาจาหว่านล้อมระรื่นหู พี่รักน้องจริงไหมไตร่ตรองดู คำรักชูแต่มิเคยจะแสดง คำว่ารักมิใช่เพียงแค่ลมปาก พูดผ่านซากร่างกายน้องย่อมแสลง ใจไม่เต้นเพราะชาชินการสำแดง ใยพี่แกล้งให้น้องเจ็บเพราะวาจา การนิ่งเฉยนี่หรือคือความรัก การหน้าหักหน้างอตอนมาหา อยู่ต่อหน้ามิเคยพูดเอ่ยวาจา แม้นสายตามิเคยมองจะดูแล มือเคยจับก็ผลัดทิ้งไสเสือกส่ง แก้มอนงค์ที่เคยหอมมิแยแส มิเคยพาไปโรงหมอยามอ่อนแอ ไม่แม้แต่จะกล้าพูดนี่แฟนเรา ควรแล้วเหรอการกระทำและคำพูด ใช่หรือสูตรความรักอันแสนเขลา คำว่ารักมิใช่ใส่ใจเอา ฉะนั้นเราจะรักกันไปทำไม
นิทานเก่า เล่ามา ตาจำได้ เรื่องเกิดใน ปางบรรพ เมื่อวันก่อน มีลูกวัว ลูกควาย ในดงดอน ยังวัยอ่อน อยู่เหมือน เป็นเพื่อนกัน ดูลูกวัว นั้นเล่า ขาวสะอาด แต่ประหลาด แตกต่าง ที่หางนั่น เพราะตรงปลาย ดำสนิท ผิดแผกพันธุ์ ถูกเย้ยหยัน จากควาย สหายตน ทั้งตัวเจ้า ขาวขน จนสดใส เหตุอันใด ปลายหาง ช่างหมองหม่่น ไม่น่านะ จะมี สีดำปน เมื่อเยี่ยมยล มิงาม ตามตำรา ทุกวันเฝ้า เซ้าซี้ เรื่องสีหาง แล้วมันช่าง สงสัย กระไรหนา วัวรำคาญ ครั้นพบ หลบทุกครา ยังตามมา ค่อนขอด ตลอดทาง ลูกวัวกล่าว เจ้าควาย สหายข้า ไยจึงมา มองแต่ แค่สีหาง ทั้งตัวข้า ขนขาว เจ้าละวาง ที่แตกต่าง จากเจ้า มิเข้าใจ จงหันมอง ตัวเจ้า เอาสักหน่อย พบสีขาว สักน้อย นั้นหาไม่ ดูสิ่งที่ ดีบ้าง เป็นอย่างไร เมื่อมองใคร ให้คิด สักนิดนึง ขรัวตา
บทกวีนำเสนอเพื่อรำลึก ก้าวสู่ ๒๔ ปี ...สืบ นาคะเสถียร เรื่องที่ ๑ " คู่รักอมตะ " รักแท้..ที่มีให้ ในโพรงไม้ซบไออุ่น คาบเหยื่อมาเจือจุน อย่างเนื่องหนุนไม่เหนื่อยหน่าย เมียลูกผูกรักมั่น เหยื่อป้อนปันปากโพรงไม้ เร้นลับบินนับไกล รังปลอดภัย ไม่เคยท้อ หัวเเรงแห่งครอบครัว ใจเกินตัวหัวอกพ่อ รักแน่ จริงแท้หนอ แม่ลูกรอ พ่อกลับมา วันใด.. พ่อไม่กลับ ถูกคนจับ หายลับหน้า บ้านโพรงก็โล่งตา ลูกเมียลา ตายตามไป รักแท้ ..ที่โลกเห็น ป่าลับเร้นเป็นไปได้ นกเงือก เทือกพงไพร รักยิ่งใหญ่..คนอายจัง ! น่าสลดสุดหดหู่ หัวนกหรู.. อยู่ผนัง ฆ่าเขาตายใจร้ายจัง แขวนหัวตั้งช่างทารุณ.. แขวนหัวท่าน..เช่นนั้นบ้าง คงหมดกร่าง เหมือนดังหุ่น สังเวชกิเลสหนุน นกมีคุณ ..การุณเทอญ !! ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ... นกเงือกเป็นนกผัวเดียวเมียเดียว จะมีการเกี้ยวพาราสี เมื่อตัวเมียเข้าไปอยู่ในโพรง จะทำความสะอาดแล้วเริ่มปิดปากโพรง ด้วยวัสดุต่าง ๆ เช่น ดิน เปลือกไม้ ตัวเมียจะผสมวัสดุเหล่านี้กับมูลของมันเอง เมื่อปิดปากโพรงจึงเหลือเพียงช่องแคบ ๆ ตัวเมียจะขัง ตัวอยู่ภายในเพื่อออกไข่เลี้ยงลูก ตัวผู้จะทำหน้าที่ดูแลตัวเมียและลูกโดยส่งอาหารผ่านทางปากโพรง นกเงือกจะมีส่วนหนังเปลือยเป็น สีฉูดฉาดอยู่บ้าง เช่น บริเวณคอ ขอบตา มีขนตายาว ขาสั้น ชอบกระโดด ลิ้นสั้น จึงกินอาหารโดยจัดอาหารให้อยู่ที่ปลายปากแล้วโยน กลับลงคอไป
ด้วยหัวจิตหัวใจในตัวเจ้า อะไรเล่าทำเขลาเจ้าน้องเอ๋ย ฆ่าเขาแล้วเจ้าได้อะไรเลย โลกทั้งใบดับเฉยในพริบตา จะโกรธแค้นเคืองขุ่นกรุ่นอาฆาต จนมิอาจดับได้หรือไรหนา พบเจอกันต้องบั่นทอนกายา ให้วอดวายแล้วอย่ามาเจอกัน ฆ่าเขาแล้วเจ้าได้อะไรเล่า ชีวิตเจ้าก็เหมือนสุดสิ้นหวัง อนาคตวูบดับลับพินพัง แม่พ่อนั่งโศกเศร้าเคล้าน้ำตา หนึ่งชีวิตดับสิ้นจากอกแม่ จากรักแท้ที่มีมากล้นฟ้า อิสระอีกชีวิตสิ้นราคา มิอาจพ้นข้อหานำพาไป
สถาบันครอบครัวหัวใจมนุษย์ คงจะหยุดเติบโตโอ้อนาถ ความรักใช่ครองคู่อยู่วิวาท หากพลั้งพลาดสาดโคลนโยนทันที มีคู่ครองไม่รักมักไม่รอด ขาดรักจอดจบกันหันหน้าหนี สร้างปัญหาสังคมทับถมทวี ลูกไม่มีพ่อแม่ดูแลใจ ใครขวางเขาว่าบ้าน่าสมเพช แสนสังเวชตามกันฝันสดใส ไร้ศีลธรรมมีภูมิต้านทานใจ ตามกันไปสังคมล้มละลาย คล้ายมนุษย์คงใกล้อวสาน เพราะลูกหลานทำตนจนใกล้สาย รักสนุกสูญพันธ์กันวอดวาย ครอบครัวรุ่นสุดท้ายชายหญิงไทย
ชายชรา ผมขาว แก่คราวปู่ นั่งพักอยู่ โคนฉำฉา พฤกษาใหญ่ เล่าอดีต ก่อนเก่า ตอนเยาว์วัย จาระไน เหตุการณ์ สิ่งพานพบ เด็กหลายคน ห้อมล้อม น้อมสดับ มุ่งซึมซับ สาระ โดยสงบ เสียงผู้เฒ่า จำนรรจ์ กล่าวครันครบ ย้อนทวนทบ ประสบการณ์ อันผ่านตา สมัยปู่ ยังเด็ก เล็กอยู่นั้น พนาสัณฑ์ คือแหล่ง แห่งภักษา มีส่ำสัตว์ พืชพันธุ์ ยันหยูกยา คนกับป่า ผูกพัน เหมือนกันชน ไม่วิตก ขัดเคือง เรื่องดินฟ้า อยากทำนา ทำไร่ ล้วนได้ผล ฤดู รู้กำหนด หมดกังวล ใช่วิกล เบี่ยงเบน เช่นยุคนี้ ห้วย,หนอง,คลอง สะอาด ปราศมลพิษ ปลาสลิด ช่อน,ดุก มีทุกที่ กุ้ง,หอย,ปู อุดม สมบูรณ์ดี สายนที เลี้ยงหล่อ ก่อชีวิน มองท้องทุ่ง ยามเย็น เห็นกระสา ฝูงอีกา โพระดก นกขมิ้น เอี้ยง,ขุนทอง สาลิกา ลงหากิน นกท้องถิ่น อีกมาก ที่จากจร ปัจจุบัน มิเป็น เช่นนั้นแล้ว ไร้วี่แวว เกษมศานต์ เยี่ยงกาลก่อน สรรพสัตว์ มากมาย วายม้วยมรณ์ ความเดือดร้อน ดาหน้า มาก่อกวน เพราะมนุษย์ โค่นไม้ ไม่เกรงโทษ หิวประโยชน์ บีฑา ป่าสงวน ฝนฟ้าจึง วิปริต ผิดแปรปรวน ทุกสิ่งล้วน วอดวาย ในมือคน เสียงปู่เฒ่า สะเทือน เหมือนปวดร้าว แจงเรื่องราว สาธก ยกเหตุผล จนตะวัน ลับตา ฟ้ามืดมน จึงจำนน หลับไป ใต้ร่มไม้ กลุ่มเด็กน้อย หันหน้า ปรึกษากัน รออีกวัน รุ่งทิวา จะมาใหม่ แม้ตะขิด-ตะขวง คิดห่วงใย แต่หักใจ ใกล้ค่ำ จำกลับ
เธอคือนามสำเภาเจ้าพาณิชย์ รู้ประสืทธิ์วิทยานาวาสาร รู้ลิขิตคิดธรรมลำนำธาร รู้แตกฉานงานการงานสังคม ใบระบัดศตวรรษปักษ์สนปก อร่ามกนกหกทิศสฤษดิ์สม พ่อชุมพรขจรพรายขจายพรหม ฤาโลกชม สมสมญา พระนคร
หรีดหริ่งเรไรยามรัตติกาล ดาริกาดาษดารเกลื่อนฟ้า จันทร์เสี้ยวสาดส่องทั่วพสุธา ปุยขาวเมฆาลอยเหนือพนาวัน กบอึ่งแซ่ซ้องร้องอึงมี่ ระริกระรี้ดี๊ด้าจ้าละหวั่น ต่างออกชมเชยชื่นแสงนวลจันทร์ ชุมนุมกันร้องรำอย่างสำราญ ค่ำคืนแห่งความสุขหฤหรรษ์ สารพัดสัตว์พันธุ์ล้วนขับขาน ธรรมชาติอุดมสร้างแต่บรรพกาล เย็นซาบซ่านชื่นจิตนิจนิรันดร์ ขณะสัตว์บรรเลงเพลงกล่อมโลก มนุษย์กลับเศร้าโศกอย่างมหันต์ ไยมัวทุกข์ไม่สุขเช่นสัตว์กัน มาเชยชื่นชมจันทร์กันสักครา มัวคร่ำเคร่งงานการจนหนักหัว หมกมุ่นตัวอยู่กับการแสวงหา หลงลาภยศสรรเสริญเพลินเงินตรา หลงลืมค่าว่าเป็นคนเหนือสัตว์ใด เสียงเครื่องแอร์ราคาแพงมันหนวกหู ฟังเสียงจิ้งหรีดดูสักคราวใหม กล่อมเธอหลับนิทราหวานบานฤทัย เสียงอื่นใดจะสุขเท่าเจ้าแมลง อีกทีวีเครื่องใหญ่ของเธอนั้น หรือจะสู้จันทร์เสี้ยวที่สาดแสง ดูทีวีเครื่องใหญ่ราคาแพง ไม่เท่าดูจันทร์แสงสราญตา ไม่ต้องควักเงินหมื่นให้ลำบาก ไม่ต้องยากลำบากซื้อเที่ยวเสาะหา แค่ย่ำเดินจากตึกไม้ชายคา แหงนมองฟ้าดวงจันทราจะรอเธอ
สิบแปดหลักน้อมนำจำให้ได้
ตรองด้วยใจแล้วลองทำทุกคำสอน
เตือนสติด้วยรักทุกวรรคตอน
เปรียบดังพรจากสวรรค์ท่านบอกมา
หนึ่งเลยหากอยากมีรักที่ยิ่งใหญ่
จงหมั่นสร้างแรงใจให้ยิ่งกว่า
พร้อมจะเสี่ยงกับสุข-ทุกข์ทุกเวลา พิสูจน์ค่าให้เนื้อคู่อยู่เคียงกัน และถ้าอยากทำอะไรให้สำเร็จ อย่าได้เข็ดกับที่พลาด-อย่าหวาดหวั่น ใจต้องกล้าเสี่ยงสู้อยู่ทุกวัน แล้วเปลี่ยนความกดดันสร้างสรรค์เป็น เมื่อเสียใจเพราะชีวิตเธอผิดพลั้ง คล้ายหมดหวังสิ้นหนทางอย่างที่เห็น เสียขวัญแล้วเสียไป-ลองใจเย็น อย่าให้เสียทุกประเด็นเป็นบทเรียน เคารพตนเองได้ย่อมให้ผล เคารพคนอื่นได้ไม่แปรเปลี่ยน ฝึกแบกความลำบากอย่างพากเพียร ที่ผิดเพี้ยนพลาดท่าต้องกล้ารับ เมื่อไม่ได้สิ่งใดที่อยากได้ อาจไม่ใช่โชคชะตาพาตกอับ แต่เพราะบุญรอจังหวะเข้าประทับ พอกลายกลับเป็นโชคลาภ-แทบกราบเท้า ห้าให้เรียนรู้กฏหมดทุกข้อ เพื่อจะขอแหกกฏบทเก่าเก่า ให้เหมาะกาลเทศะภาวะเรา ไม่ใช่เอาแต่กฎมากดคน อย่ายกเรื่องเคืองโกรธแค่เล็กน้อย มาเที่ยวคอยบั่นทอนใจให้ปี้ป่น มิตรภาพมันยิ่งใหญ่-ทนได้ทน พูดแล้วผลไม่เข้าท่าก็อย่าทำ เมื่อรู้ตัวว่าผิดคิดแล้วพลาด อย่าขี้ขลาดหลงตามความตกต่ำ ค้นเหตุผลแล้วบอกใจให้หลาบจำ แล้วคอยย้ำให้ลองใหม่ตั้งใจดู ลองโดดเดียวให้เป็นให้เห็นจิต แล้วฝึกคิดตามครรลองไม่ต้องหรู ไตร่ตรองความกราดเกรี้ยวอันเกรียวกรู ฝึกรับรู้ลมหายใจไว้ทุกวัน ความเปลี่ยนแปลงเกิดให้เห็นเป็นของแน่ ขอเ
สิ่งนั้นตรวนข้าขังยังคุกลับ สิ่งนั้นจับข้าปลิดอิสระ สิ่งนั้นช่างร่ำรวยด้วยราคะ โภชนะชั้นดีของปีศาจ รยางค์โยงแน่นตรึงถูกรึงรัด ศตวรรษบ่วงกรรมกระหน่ำสาด กรรมปางใดทวงมาขุ่นอาฆาต วิปลาตงันงงในวงกต ลมหายใจเลี้ยงซากกากชีวิต เสียจริตใบ้บ้าน่าสลด แผดเสียงร้องโหยหวนชวนระทด โพล่งสบถถ่อยต่ำคำอุบาทว์ อันความหวังไร้สิ้นดินแดนดิบ เขี้ยวคมกริบตรงหน้าดารดาษ พร้อมเข้ากัดคอเค้นเข่นพิฆาต ยุรยาตรเยื้องกรายหมายโลหิต จมดิ่งดำมืดมนต้องทนทุกข์ ใครช่วยปลุกจากฝันอันเบือนบิด สิ่งนั้นมีแสนยามหาฤทธิ์ ผลาญพิชิตตัวตนข้าป่นดับ ทรมานหนาวเหน็บแลเจ็บปวด เกร็งขมวดมัดกล้ามยามขยับ จำเนียรกาลผ่านมาข้าซึมซับ ก้มหัวรับทุกข์ท้อมรคา สิ่งนั้นตรวนข้าขังยังคุกลับ สิ่งนั้นจับข้าพันกับตัณหา สิ่งนั้นช่างมากพิษอวิชชา อนิจจาสิ่งนั้นเป็นฉันเอง