กลอนข้อคิด

สองท่าน ผู้ยิ่งใหญ่

คนธรรมดา


ความรู้สึกของใจในตัวฉัน
หากเปรียบเป็นสีสันคงหลายสี
มีทั้งสุขสดใสในชีวี
อีกทั้งมีหมองหม่นทนระทม
มีคนผ่านเข้ามาหลายประเภท
แล้วแต่เหตุแต่ผลคนประสงค์
องค์ประกอบชั่วดีมีดำรง
ตามแต่ตรงต้องการอ่านใจเอา
หลายคนผ่านเข้ามาในชีวิต
ทั้งความคิดจิตใจ ยากใครเหมือน
บางคนให้ข้อคิด ติดตรึงเตือน
บ้างเป็นเพื่อน เป็นมิตร ชิดเชยชม
แต่ยังมีอีกสองท่านฉันรู้จัก
ท่านมอบแต่ความรักที่สดใส
ให้ทุกสิ่งที่ไม่เคยได้จากใคร
ท่านเป็นแต่ผู้ให้ไม่เคยทวง
ไม่เคยมีผลประโยชน์ร่วมกับฉัน
ท่านเป็นแต่ผู้สร้างสรรค์ไม่ห่างหาย
ไม่เคยทิ้งให้ฉันเดินเดียวดาย
ทั้งใจกายบอก แม่-พ่อ ขอเทิดทูน

ขอแค่ยังไม่ตาย

เชษฐภัทร วิสัยจร


ความล้มเหลวคิดให้ดีมีแต่ได้
เหมือนเถลไถลหลงทางอยู่กลางป่า
ยิ่งเจ็บใจยิ่งจดจำเป็นธรรมดา
ยิ่งรู้ค่าทางที่หลงเคยงงกัน
ให้เปรียบเทียบทางที่ถูกผูกความคิด
ให้ตั้งจิตปรับมุมมองต้องมุ่งมั่น
สิ่งที่ฆ่าเราไม่ตายจงใช้มัน
มาสร้างสรรค์ชีวิตไว้ให้เติบโต
ผิดร้อยครั้งพันครั้งยิ่งสั่งสม
ยิ่งถูกข่มถูกด่า ถูกฮาโห่
ยิ่งกลบความไม่ดีขี้คุยโว
ความยโสไม่รุกล้ำมากล้ำกราย
ที่เราถูกเพราะเคยผิดคิดเสียก่อน
คำนวณย้อนประสบการณ์การแพ้พ่าย
เอาตัวรอดเอาไว้แค่ไม่ตาย
ยังไม่สายโอกาสหน้าฟ้าใหม่มี

หัวโบราณ(ver. โคลง)

windsaint


...ชิงสุกก่อนห่ามนั้น..............ไม่ดี
จงรักสงวนศรี.......................ศักดิ์ไว้
จงอย่าปล่อยใจนี้...................ใจง่าย
พิสูจน์รักที่ให้.......................รักแท้หรือลวง
...เขาหลอกควงล่วงเย้ย.........เชยควง
ลวงหลอกปลอกปลิ้นทรวง.....อกช้ำ
หมายคิดพิชิตล่วง.................เลยร่าง
หมายมาตรสวาทซ้ำ..............จะน้ำตาคลอ
...คิดล่อลวงย่างกร้ำ..............กรายกาย
หมายชิดเชยเนื้อทราย......….ผุดเพี้ยง
ผิวผาดผ่องผุดผาย...............เพียงผ่อง
ผิวผ่องใสขาวเกลี้ยง............หมายหล้อลวงนาง
...ระวังชายหนุ่มไว้...............ให้ดี
ชายหนุ่มนั้นหาดี.................ยากได้
ผู้คนสมัยนี้………………..ยากเชื่อ ใจนา
ลวงหลอกกลอกกลิ้งไซร้…ยากรู้ใจคน
…คลอเคลียโลมเล้าซบ……แอบอิง
มือโอบกอดกายหญิง………รุ่มร้อน
คลอเคลียชิดเชยชิง…………ชิมชอบ
เคียงชิดบิดกายซ้อน…………เร่งรู้เร่งรัก
…หญิงร้ายระร่านร้อน………ร่านตน
คงอยากได้ผัวจน…………….อดกลั้น ได้ฤๅ
ทำตัวร่านร้อนรน…………….เยี่ยงแรด
คงกระสันอัดอั้น…………….ปรี่เข้าหาชาย
…อยากเตือนนางให้ห่าง…….ตัวชาย
อย่าเร่งร้อนเสนอกาย………..ร่างเนื้อ
จะไร้ซึ่งความหมาย…………ใจง่าย
จะทอดทิ้งสิ้นเหยื้อ…………..เมื่อเจ้าไร้ค่า

นาิฬิกา ทางไกล และใจคน

สองตุลา


มีคำถามอยู่ในใจคิดไม่ออกจะมีใครช่วยบอกตอบได้ไหม
นาฬิกา ระยะทาง หรือหัวใจ
เพราะอะไรทำไมต้องร้างลา
ระยะทางที่ไกลใช่เหตุผล
หัวใจคนต่างหากคือปัญหา
หากมั่นคงแต่ไหนแต่ไรมา
ให้เวลาพิสูจน์ระยะใจ
มีคำถามเอาไว้เป็นข้อสอบ
ใครช่วยตอบให้หายคลายสงสัย
ว่าเหตุผลเพราะเวลาที่เปลี่ยนไป
หรือเหตุผลเป็นเพราะใจคนเปลี่ยนแปลง

ความสุขข้างล่าง...มีได้ไม่ยากเย็นนัก

เสี้ยว


ถ้าโกรธกับเพื่อน...มองคนไม่มีใครรัก
ถ้าเรียนหนักๆ...มองคนอดเรียนหนังสือ
ถ้างานลำบาก...มองคนอดแสดงฝีมือ
ถ้าเหนื่อยงั้นหรือ...มองคนที่ตายหมดลม
ถ้าขี้เกียจนัก...มองคนไม่มีโอกาส
ถ้างานผิดพลาด...มองคนไม่เคยฝึกฝน
ถ้ากายพิการ...มองคนไม่เคยอดทน
ถ้างานรีบรน...มองคนไม่มีเวลา
ถ้าตังค์ไม่มี...มองคนขอทานข้างถนน
ถ้าหนี้สินล้น...มองคนแย่งกินกับหมา
ถ้าข้าวไม่ดี...มองคนไม่มีที่นา
ถ้าใจอ่อนล้า...มองคนไม่รู้จักรัก
ถ้าชีวิตแย่...จงมองคนแย่ยิ่งกว่า
อย่ามองแต่ฟ้า...ที่สูงเกินตาประจักษ์
ความสุขข้างล่าง...มีได้ไม่ยากเย็นนัก
เมื่อรู้แล้วจัก...ภาคภูมิชีวิตแห่งตน

คารวะคุณูปการ...คนโง่โง่

แทนคุณแทนไท


“คนฉลาด” คิดแต่กลัวเอาตัวรอด
คุณจึงอยู่เยี่ยมยอดปลอดภัยผอง
คุณซ่อนซุกสุขกระไรในกระดอง
คุณเมียงมองจ้องกำไรไว้ทุกครา
ยามภัยมาคุณซุกร่างแอบข้างหลัง
หวาดระวังมิให้ออกมานอกหน้า
สยบพร้อมยอมแพ้แก่ชะตา
เพราะรู้ว่าจะมีคนดิ้นรนแทน
เขาเป็น “คนโง่โง่” ไร้แง่เงื่อน
เขาเห็นทุกข์ของเพื่อนนับเรือนแสน
เขามีใจรับรู้ไม่ดูแคลน
เขายอมแอ่นอกรับกับพิษภัย
“คนฉลาด” ฉลาดรู้ดูทางลม
ถ้าเขาล้มก็เหยียบย่ำซ้ำเติมใส่
ถ้าเขาชนะก็ดี๋ด๋ามาร่วมใจ
ร่วมประโยชน์ฉลองชัยไม่เคยอาย
เขาโง่เง่าในสายตาคนฉลาด
แต่องอาจในวิถีมีความหมาย
เขารู้เท่ารู้ทันว่าอันตราย
แต่เสี่ยงตายด้วยสำนึกระลึกรู้
บ้านเมืองไม่อับจนเพราะ “คนโง่โง่”
ที่กล้าขืนยืนโต้ออกต่อสู้
“คนโง่โง่” ต้องเจ็บตัวเต็มประตู
“คนฉลาด” จึงได้อยู่อย่างร่มเย็น!
ในสถานการณ์คับขันหรือเกิดปัญหาขึ้นในสังคม เรามักจะพบคนสองกลุ่มใหญ่ๆเสมอ
กลุ่มหนึ่งโถมตัวอุทิศตนเข้ามารับผิดชอบแก้ไขปัญหา
ขณะอีกกลุ่มหนึ่งนั่งดูอยู่ห่างๆเพื่อรอเวลารับผลประโยชน์

บ่นออกเฟซ

สีอำพัน


..มานั่งคิดสิทธ์อะไรไปสอนสั่ง
จึงต้องนั่งวางท่าทำหน้าเฉย
ช่างมันซะใช่ธุระปล่อยละเลย
ผลลงเอยเพื่อนเที่ยวพาลประจานตน
..ภาษิตไทยน้ำใสจึ่งไว้นอก
ดังท่านบอกห้ามพูดร้ายขยายผล
หยุดป่าวร้องฟ้องเรื่องร้ายทำลายตน
หมั่นฝึกฝนสิ่งใดควรล้วนเรื่องดี
..ละเรื่องลบหยุดสาวใส้ให้กากิน
คำติฉินหรือควรคู่คิดดูถี
มีใครบ้างเห็นใจเล่าเจ้าคนดี
หยุดซะทีเลิกเล่าขานประจานตัว
..วันหนึ่งใดต่อไปในวันหน้า
เรื่องวันนี้จะพาส่งผลชั่ว
โพสต์เรื่องดี ส่งเสริมดีมีแก่ตัว
พร่ำบ่นมั่ว พ่นทุกยามงามหน้าเอง

" ชีวิตนี้....ดีเพื่อครู " (วันครู 2555)

อ.วรศิลป์


ได้ยินข่าว ครูจากไป ใจหายวาบ
เพื่อนโทรฯ แจ้ง ให้ทราบ เมื่อเช้านี้
หมดเรี่ยวแรง แข้งขาอ่อน ลงทันที
โศกทวี น้ำตานอง ปริ่มสองตา
ข้ายกมือ ประนม เสมออก
หมายจะยก ใจไปสู่ ครูนั้นหนา
ครูผู้เป็น เช่นบิดร และมารดา
ทั้งชีวา ข้าได้ดี ก็ที่ครู
รอยไม้เรียว วันเก่า ยังจำได้
คำสอนใจ ครูพร่ำบอก คอยกรอกหู
ให้อดทน และตรงเที่ยง เยี่ยงตราชู
รู้อดสู ละอายใจ ไม่ทำเลว
ชีวิตข้า เคยตกต่ำ ถลำลึก
ใคร่ครวญนึก วันที่ตน พ้นปากเหว
แม้ใครใคร จะตราหน้า ข้าคนเลว
ครูเปรียบเปลว แสงธรรม นำพ้นมา
ครูฉุดข้า ขึ้นมา จากกองขยะ
เศษสวะ ขยะสังคม คนหยามหน้า
ครูใส่ใจ ครูให้รัก ให้เมตตา
จนวันนี้ ข้าเชิดหน้า สู้ตาคน
ตั้งใจไว้ ปีใหม่ ได้หันกลับ
เพื่อไปกราบ เท้าครู อีกสักหน
วันคืนเดือน เคลื่อนไป ใจร้อนรน
ได้ยินเสียง ครูอีกหน เมื่อไม่กี่วัน
*****************
อนิจจา ครูของข้า ไม่อยู่แล้ว
จิตแน่แน่ว ขอส่งครู สู่สวรรค์
ชาติหน้ามี ศิษย์คนนี้ ขอพบกัน
สัญญามั่น " ชีวิตนี้....ดีเพื่อครู "

คืนค่ำ-คร่ำคึ

ภัคพล


ท่ามกลาง..ความมืดและความเงียบ
อากาศ..เย็นเชียบคืนเหน็บหนาว
ท้องฟ้า..ใสเเสงแห่งเดือนดาว
ชนชาว..หลับใหลในนิทรา
บนถนน..ไร้รถ บด-บิด-ขับ
แต่กลับ..กลาดเกลื่อนซึ่งคุณค่า
เศษสิ่ง..เหลือใช้ โภชนา
หากรวม..คงใหญ่กว่าโลกทั้งใบ
"คุณลุง" ท่านหนึ่งเปี่ยมซึ่งหวัง
หมายประทัง..ชีวารอดตายได้
ค่ำคืนเงียบแม้ลมหนาวมาต้องวัย
เอาใบไม้..ห่มร่างวางทับตัว
ลุงไม่ใช่..ขอทานข้างถนน
ลุงไม่ใช่..โจรปล้นหรือคนชั่ว
ลุงไม่ใช่..ภูตผีที่ต้องกลัว
ลุงไม่ใช่..ผู้เย้ายั่วมั่วโลกีย์
ของทุกอย่าง..ลุงเเทบไม่ต้องซื้อ
อาหาร..ทุกมื้ออยู่ทุกที่
ล้นถัง..ที่เขาทิ้งลุงได้ฟรี
ค่ำนี้..กิน-เที่ยว-หา สาสมใจ
"ไม่ต้องห่วง..เพราะพรุ่งนี้มันไม่แน่
มีเกิด-แก่..มีโรคา มีตักษัย
อยู่ไป..ใช้ไป..กินไป
ขาดสิ่งใด..ถามลุงได้..เผื่อลุงมี"
๔ พฤจิกฯ๕๕
.ภัคพล  คำหน้อย.

ข้อคิด วันวาเลนไทน์

zilver


วันไหนไหนก็เป็นวันแห่งความรัก
ควรห้ามหักอย่าให้สมอารมณ์หมาย
ต้องหักห้ามห้ามกายให้ใจเป็นนาย
ไม่ว่าชายหรือหญิงนั้นควรหมั่นตรอง
วาเลนไทน์วันหวานวันเคียงคู่
ต่างได้อยู่สุขร่วมกันแค่เราสอง
มีความสุขสมดังใฝ่ดังใจปอง
นาทีทองนาทีหวานชื่นบานทรวง
คุณค่าแห่งหัวใจใช่วันนี้
แต่อยู่ที่ความใส่ใจที่ใหญ่หลวง
ให้ทุกวันเป็นรักแท้ใช่รักลวง
อย่าให้บ่วงห้วงตัณหามาครอบงำ
วาเลนไทน์ตามความหมายของชายหญิง
คือรักจริงที่คงมั่นแสนเลิศล้ำ
กระซิบรักในส่วนลึกความทรงจำ
รักคือคำที่ควรย้ำพร่ำทุกครา

ย้อนรอย

din


เมื่อใบไม้ปลิดปลิวละลิ่วหล่นให้เกลื่อนก่นลงดินดังสิ้นค่า
เพียงลมโบกโกรกหวิวพัดพลิ้วมา
ก็ลับตาหายวับกับสายลม
เปรียบดังเช่นสัจจธรรมค้ำุจุนอยู่
เพื่อเรียนรู้ความชื่นความขื่นขม
โลกมีเกิดมีดับสลับปม
มีรื่นรมย์...สุข,เศร้า...เคล้าคละกัน
เคยถูกแดดลูบโลมชะโลมต้อง
อีกละอองฝนสาดจนหวาดขวัญ
ขาดน้ำใจพอเพียงเลี้ยงชีวัน
ใบไม้พลันซวนซบลงกลบดิน
แล้วใบไม้ใบสุดท้ายก็กรายจาก
เหลือเพียงรากหยั่งใจให้ถวิล
เพียงต้นกล้าต้นใหม่ได้ยลยิน
มิรู้สิ้นบรรจบทวนทบรอย

จุดไต้ต่อไฟ

กวีปกรณ์


จุดไต้ต่อไฟเติมเชื้อเพลิง
เปลวร้อนเร่งระเริงเรืองสว่าง
สะท้อนเงาพาดบนถนนทาง
อย่าหวังเพียงจันทร์กระจ่างร้างอุ่นไอ
แท้ม่านดำดึกดื่นยังหมื่นดาว
ยังพร่างพราวระยับกลับพริบไหว
บ้างบอดลับดับปลงมืดลงไป
ที่ยังเหลืิอบอกใบ้ให้หนทาง
คือคบไฟส่องพื้นกลางคืนค่ำ
กางแผนที่งามล้ำบนฟ้ากว้าง
อาจบางทีจันทร์คล้อยที่ลอยคว้าง
บอกชั่วยามความต่างหว่างเวลา
ดับคบเพลิงก่อไฟในกลางค่ำ
ท้นทบทวนความจำอันล้ำค่า
แต่ละหนึ่งก้าวย่างที่สร้างมา
หลงตนสร้างอัตตาเสียเท่าไร
จันทร์ยังรู้ซ่อนตนให้พ้นเช้า
ประสบการณ์ปลายเท้าทั้งเก่าใหม่
ล้างแล้วล้มตัวนอนท่ามฟอนไฟ
พรุ่งนี้จะอย่างไรตามแต่กรรม
>

คำว่า รัก และ ขอโทษ

อัญชิตา


คำว่ารัก ช่างง่ายนัก จักเอื้อนบอก
คำว่ารัก ที่ลวงหลอก ชอกช้ำไหม
คำว่ารัก หากไม่รัก จริงจากใจ
คำว่ารัก บอกออกไป ไร้คนฟัง
คำขอโทษ ช่างยากนัก จักเอื้อยเอ่ย
คำขอโทษ โกรธยังเฉย-เมยใช่ไหม
คำขอโทษ หากไม่คิด ติดที่ใจ
คำขอโทษ บอกออกไป อภัยกัน

๐ ซากชีวิต ๐

แก้วประเสริฐ


๐ ซากชีวิต ๐
๐ สิ่งผูกพันใฝ่ฝันพลันคลาดเคลื่อน
ดุจเสมือนเพื่อนยามมีเปรมปรีดิ์สันต์
พอทุกข์ยากเพื่อนหายมลายพลัน
แสงแห่งวันดับไปคล้ายลบเลือน
๐ ประดุจรักดูไปคล้ายเมฆหมอก
แสนจะหลอกดุจเงาดั่งเย้าเฉือน
คิดหลงใหลพาลพบประสบเชือน
เปรียบเสมือนดวงใจไล้ความงาม
๐ หลากชีวิตคิดไปยิ่งให้หมอง
ที่เรืองรองบรรจบสิ่งพบหยาม
ล้วนที่เหลือฝากไว้คล้ายนิยาม
จะลุกลามแทรกซ้อนดุจย้อนใจ
๐ ธรรมชาติสร้างไว้ในพอเพียง
มักหลีกเลี่ยงเบี่ยงเบนเน้นสุกใส
แต่พอคลุกเคล้าแล้วแป้วภายใน
สิ่งเหลือไว้คือซากกากประเด็น
๐ นี่แหละหนอชีวิตคิดปั่นป่วน
ที่เฝ้าล้วนสิ่งปลอมย้อมสู่เหม็น
เหลือได้รับคงไว้คล้ายพลิกเย็น
ถ้ายิ่งเข็นพลันพบบรรจบกลวง
๐ อันมนุษย์นั้นชอบไว้ในสิ่งหอม
แมลงวันตอมสิ่งเน่าเฝ้าแหนหวง
วาบหวานนี้คล้ายกันนั้นเล่ห์ปวง
ผันเป็นบ่วงสอดคล้องต้องใจเอา
๐ ความโง่เขลาของใจให้วนเวียน
แล้วแปรเปลี่ยนปนสุขยิ่งทุกข์เฝ้า
มวลสัตว์โลกชอบไว้ในมอมเมา
เหม็นคลุกเคล้าก็หอมย้อมเล่ห์กล
๐ อย่าเห็นเรื่องเล็กน้อยคอยหมั่นคิด
หวังลิขิตอย่างไรเปรียบคล้ายขน
ล้วนแปรเปลี่ยนขาวดำย้ำปะปน
หลากหลายชนแห่งชีวีเช่นนี้เอง.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐

สิ่งนั้น

Lunatic


สิ่งนั้นตรวนข้าขังยังคุกลับ
สิ่งนั้นจับข้าปลิดอิสระ
สิ่งนั้นช่างร่ำรวยด้วยราคะ
โภชนะชั้นดีของปีศาจ
รยางค์โยงแน่นตรึงถูกรึงรัด
ศตวรรษบ่วงกรรมกระหน่ำสาด
กรรมปางใดทวงมาขุ่นอาฆาต
วิปลาตงันงงในวงกต
ลมหายใจเลี้ยงซากกากชีวิต
เสียจริตใบ้บ้าน่าสลด
แผดเสียงร้องโหยหวนชวนระทด
โพล่งสบถถ่อยต่ำคำอุบาทว์
อันความหวังไร้สิ้นดินแดนดิบ
เขี้ยวคมกริบตรงหน้าดารดาษ
พร้อมเข้ากัดคอเค้นเข่นพิฆาต
ยุรยาตรเยื้องกรายหมายโลหิต
จมดิ่งดำมืดมนต้องทนทุกข์
ใครช่วยปลุกจากฝันอันเบือนบิด
สิ่งนั้นมีแสนยามหาฤทธิ์
ผลาญพิชิตตัวตนข้าป่นดับ
ทรมานหนาวเหน็บแลเจ็บปวด
เกร็งขมวดมัดกล้ามยามขยับ
จำเนียรกาลผ่านมาข้าซึมซับ
ก้มหัวรับทุกข์ท้อมรคา
สิ่งนั้นตรวนข้าขังยังคุกลับ
สิ่งนั้นจับข้าพันกับตัณหา
สิ่งนั้นช่างมากพิษอวิชชา
อนิจจาสิ่งนั้นเป็นฉันเอง

สำนวน : ขนหน้าแข้งไม่ร่วง

หนังสือ


หมายถึง : คนมั่งมี จ่ายแค่นี้ไม่ทำให้เดือดร้อน
เมื่อมั่งมีควรทำบุญบ้าง.. อย่าหวง
ขนหน้าแข้งไม่ร่วง.. ดอกหนา
ตอนเที่ยวเตร่และสังสรรค์.. เฮฮา
ไม่เคยเห็นเสียดายเงินตรา.. บ้างเลย
การทำบุญ-ให้ทาน ทำให้เรามีความสุขอีกแบบ

ทางเลือก

บุญพร้อม


สถานการณ์ยากยั้ง             ใจคน
ด้วยหลายหลากคละปน       แผกบ้าง
คิดเห็นต่าง จำนน                 ย่อหยุด เถิดพ่อ
ใช่คิดแต่  จะล้าง                   ต่างล้วน   เป็นไท
กติกามีอยู่นั้น                    ควรมอง
มิใช่คิดยึดครอง                     บ่นบ้า
มัวเมามิไตร่ตรอง                  ผลส่ง วิบัตินา
พาประเทศอ่อนล้า                ยากก้าว  เดินไกล
เขียนมาก็ใคร่ร้อง              เชิงเรียน
ด้วยศักดิ์ของผู้เขียน             ยังต่ำต้อย
หากเพราะห่วงจึงเพียร        ประดิษฐ์
หาถ้อยคำมาอ้าง                   ฝากไว้   ให้ตรอง