กลอนข้อคิด

ภาพมายา

รงค


ในบางครั้งบางคราวหลงทางผิด
ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อลืมนึกถึง
อดีตกาลผ่านไปไม่รำพึง
เสียดายซึ่งเวลาที่พลาดไป
เพราะมัวหลงงมงายสิ่งสวยงาม
จึงมองข้ามวิถีด้วยหลงใหล
ภาพมายาเย้ายวนชวนติดใจ
ก้าวตามไปไร้สติและทิศทาง
สร้างตัวตนจนเกินจะหยุดยั้ง
มัวแต่หวังอนาคตสุดขัดขวาง
ระเริงร่ารับไว้มิอำพราง
สมดั่งอ้าง ช้างขี้ขี้ตามมัน(ช้าง)
มัวสร้างภาพมายาให้ตัวตน
คอยเปรอปรนความสุขแสนเพ้อฝัน
จึงเห็นผิดเป็นชอบอยู่นิรันดร์
ไร้ทางกั้นให้พ้นจากทุกข์ภัย
เมื่อมาถึงปลายทางความเป็นจริง
แล้วทุกสิ่งปรากฏเกินรับไหว
มายาภาพลวงตาพาเกินไกล
ผลนั้นไซร้น่ากลัวอย่ามัวเพลิน
อย่ามัวหลงระเริงความฟุ้งเฟ้อ
เมื่อเจอะเจอจะลำบากใช่ผิวเผิน
อย่าหลอกใจตัวตนจนยากเกิน
เพียงเพลิดเพลินชีวิตติดสังคม
มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
อย่าประมาทอนาคตอันสุขสม
เตือนสติรอบคอบไว้ชื่นชม
ค่านิยมฟุ้งเฟ้ออย่าเผลอทำ
อันช้างขี่ขี่ตามช้างอย่างเขาว่า
อนิจจามนุษย์สุดแสนขำ
ตัวกระจิดฤทธิ์ใดใครชี้นำ
จึงคอยซ้ำชีวิตให้ผิดไป
เตือนสติตนเองก่อนจะสาย
ความวุ่นวายฟุ้งเฟ้อควรแก้ไข
ความพอเพียงเยี่ยงอย่างมีถมไป
เมื่อทำได้สุขเกษมแสนเปรมปรีด์

หม้อดินใบร้าว

ครูกระดาษทราย


ชายชาวอินเดียแบกหม้อดินไว้บนบ่า
สะดุดตาสองใบช่างต่างสัณฐาน
หม้อใบหนึ่งสวยงามวาวแวววาว
อีกใบกลับมีร้อนร้าวราวราคี
หม้อใบดีบรรจุน้ำเต็มถึงบ้าน
แสนสำราญภูมิใจในศักดิ์ศรี
หม้อใบร้าวเติมเท่าไรไหลทุกที
กลับถึงที่เหลือเพียงครึ่งจึงเศร้าใจ
หม้อใบร้าวร้าวราญรำคาญจิต
รู้สึกผิดกล่าวขอโทษโกรธฉันไหม
ทำให้ท่านแบกหม้อน้ำไกลแสนไกล
แต่กลับได้น้ำน้อยนิดผิดพลาดจัง
ชายผู้แบกหม้อน้ำย้ำสอนว่า
อย่าโศกาน้อยจิตคิดผิดหวัง
สังเกตไหมดอกไม้ข้างทางงามจัง
เฉพาะฝั่งที่ฉันนั้นแบกเธอ
มวลมาลีสีสดใสจึงได้ผล
เก็บไปให้นายยลอยู่เสมอ
เพราะวารีที่รินไหลไปจากเธอ
ดอกไม้จึงเลิศเลอและตระการ
ฟังหม้อดินใบร้าวแล้วน้องพี่
ค่ำคืนนี้นิทราพาฝันหวาน
มีความสุขสวัสดีราตรีกาล
ให้สำราญยามตื่นสดชื่นเอย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เราเองมีคุณค่าในตัวดีพอ  ถ้าไม่เปรียบเทียบกับคนอื่นมากเกินไป  ถ้าคิดว่าสิ่งที่ไม่ดีก็พยายามแก้ไขทำให้มันดีขึ้น  มันอยู่ที่ความตั้งใจต่างหาก ผลที่ออกมาไม่ใช่คำตอบแห่งชัยชนะของชีวิต
จุดมุ่งหมายและความตั้งใจของเราต่างหาก คือคำตอบที่แท้จริง

ลูกรำพัน

อ.วรศิลป์


ท่ามกลางผู้คนมากมายในชุดดำที่เดินขวักไขว่
ชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งสงบนิ่งอยู่ที่มุมศาลา
บนตักของเขามีเด็กน้อยผู้หนึ่งหลับอยู่
ดวงตาบอบช้ำและแดงก่ำซุกซ่อนอยู่หลังแว่นดำที่เขาสวมใส่
ริมฝีปากปิดสนิท  ไร้ซึ่งสุ้มเสียงเสวนากับผู้คน
ท่าทีขึงขังและเงียบขรึมทำให้มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยทักทาย
หลายคนกระซิบกระซาบและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา
ท่ามกลางเสียงอึกทึกและโกลาหล
ภายในจิตใจของชายหนุ่มกลับสงบนิ่ง
ภาพอดีตพรั่งพรูอุบัติในความทรงจำ
ชายหนุ่มพึมพำพูดกับพ่อของตนเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณของพ่อจะมอดไหม้
เป็นเถ้าธุลีในอีกไม่กี่อึดใจ
*****************
จำได้เมื่อวัยเยาว์             เคยปวดร้าวไม่เข้าใจ
เคยคิดเคยสงสัย              พ่อทำไมไม่รักฉัน
น้ำเสียงและแววตา          ทุกครั้งคราช่างดุดัน
พ่อเรียก...ฉันตัวสั่น         งกเงิ่นพลันหวาดหวั่นกลัว
ผิดนิดหรือผิดหน่อย         ไม้เรียวคอยกระหน่ำหัว
เจ็บช้ำไปทั้งตัว                ริ้วรอยทั่วเพราะไม้เรียว
เข้มงวดเสียทุกอย่าง         จะก้าวย่างต้องคอยเหลียว
เสียงดังแค่นิดเดียว         ก็โกรธเกรี้ยวจนถอดใจ
ใช้งานฉันทุกสิ่ง               ต้องรีบวิ่งช้าไม่ได้
พลาดผิดของเสียหาย        พ่อบ่นได้วันทั้งวัน
โธ่เอ๋ย  อนิจจา                 ฉันเกิดมาทำไมกัน
ในเมื่อไม่รักฉัน               แล้วไยกันให้เกิดมา
บังคับและเคี่ยวเข็ญ         ทั้งเช้าเย็นให้ศึกษา
ท

ดาว

ลักษมณ์


Vorasak SagornJune 8 via mobile
ดื่มด่ำดึกดื่นดาวดั่งรู้สึก
ดำดิ่งลึกลงสู่ใจที่ไหวห่วง
อนันตจักรวาลอันกลางกลวง
ทะลุล่วงเอกอมฤตธรรมอำไพ
จับเอาห้วงจักรวาลอันเวิ้งว้าง
ออกมาวางเข้าหว่างดาวพราวสุกใส
เวิ้งว่างอยู่กึ่งกลางหาวที่ยาวไกล
มีเพียงใจที่ไปถึงซึ่งปลายทาง
ดาว
Unlike ·  · Share

ดาวดึงส์

ลักษมณ์


ดาวดึงส์
.
สวรรค์ทุกฝั่งฟ้า
ดังพยาน
.
นรกคือสุสาน
ป่าช้า
.
ดาวดึงส์ดั่งพิมาน
ความสุข
.
ความทุกข์ในใจข้า
ดุจห้วงอเวจี

ขิงกะข่า ข้ากะเอ็ง !

ศรีสมภพ


คือเรื่องจริงขิงก็รา  ข่ายังแรง
ต่างตะแบงแย่งยื้อถือตนเหนือ
พริกแกงที่กลมกล่อมพร้อมจะเชื่อ
รสคงเบื่อ เมื่อขิงข่ากล้าหักหาญ
รสขิงแรง ..แข่งกะข่า ข้าต่างแน่
ไม่ยอมแพ้ปล่อยวางรสต่างต้าน
แย่งกันแรงแข่งขันกันจนบาน
แย้งขนาน ไม่คลุกเคล้าเข้าเนื้อใน
หากขิงข่า..สามัคคี ไม่มีแฝง
พร้องสำแดง รสชาติไม่ขาดไข
คงถูกปาก ถูกลิ้นคนกินได้
รสชาติจริง ยังนิ่งใน..ได้รสแกง
ขิงเจ้าข้า ! ข่าเจ้าเอ๋ย เคยเคียงข้าง
แกงหลายอย่าง ไม่ห่างกันร่วมปันแบ่ง
หากขิงข่าไม่แตกกันตะบันตะแบง
คงเป็นแกงอร่อยเลิศประเสริฐศรี..
แกงเขียวหวาน แกงเผ็ดผัด รสจัดจ้าน
มีขิงข่า มาเสริมสานผ่านวิถี
หากสองฝ่ายไร้คุณค่าสามัคคี
แกงรสดี จะมีได้ อย่างไรกัน !!
คือเรื่องจริง..  อาจไม่จริงที่นิ่งอยู่
ต่างรวมหมู่ กู่ความชอบก่อม็อบปั่น
ขิงไม่ราข่ายังแรงตะแบงตะบัน
โศกนิรันดร์ มันยังรอ ..นะพ่อเอย.. !
ขิงกะข่า ข้ากะเอ็ง ..บรรเลงรุก
ประเทศทุกข์ สนุกกันมันส์จริงเหวย
เอาชนะคะคานกันอย่างเคย
บทลงเอย..สุดสังเวช ประเทศไทย !
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
พธม.ประกาศร่วมม็อบเสธ.อ้าย
พธม.ใต้ ประกาศร่วมม็อบเสธ.อ้าย ขณะที่ 'นพดล' ชี้
ตั้งเป้าล้มรัฐ-แช่แข็งปท. แค่คิดก็ผิดแล้ว ด้านเลขา สมช.หยันม็อบ
ไม่ถึง 5 หมื่น   ส่วน 'มท.2' หวั่นมือที่สามป่วน
'ตท.10'   ปูดทหารรอบกทม.ทั้งแปดริ้ว-ชลบุรี-กาญจน์
ส่งเป็นการ์ดม็อบ 'เสธ.อ้าย' ด้าน'นายพลคอสเมติก'
เกณฑ์ทหารผ่า

ดอกไม้น้อยและเด็กตัวจ้อย

เสี้ยว


อ่อนแสนอ่อน อ้อนอาบลม พรมอุ่นแดด
รังสีแผด แดดอาบทุ่ง รุ่งพฤกษา
แลทิวข้าว พราวกระจ่าง กลางสายตา
เด็กน้อยมอง ว่าช่างใหญ่ เกินตาชาย
เลยลองเหลือบ ก้มลงมอง ตรองตรงขอบ
ก็นึกชอบ ดอกเล็กเล็ก นี่ไฉน
ไม่ต้องทอด มองยาว สาวตาไกล
เจ้าอยู่ใกล้ ข้าได้เอื้อม ดอมเด็ดดม

ทำดีทุกวัน สวรรค์อยู่ในใจ

อนงค์นาง


ตื่นเช้าแต่ละวันฉันตั้งจิต
ว่าชีวิตวันนี้ยังมีหวัง
กำลังใจต่อสู้คู่พลัง
กายใจยังสัมพันธ์กันด้วยดี
คิดพูดทำกรรมใดใจผ่องแผ้ว
คงไม่แคล้วสุขจริงทุกข์วิ่งหนี
ศีลห้านั้นทำเถิดประเสริฐดี
ทุกชีวีปลอดภัยไม่ร้อนรน
มีปัญหาอะไรแก้ไขก่อน
อย่าใจร้อนวู่วามถามเหตุผล
ไม่เข้าข้างตนเองข่มเหงคน
นิ่งอดทนไว้บ้างอย่างเมตตา
ไม่คิดร้ายต่อชาติศาสน์กษัตริย์
จงยืนหยัดกตัญญูรู้ศึกษา
ทำการงานให้ดีมีวิชา
ผู้ด้อยกว่าช่วยเขาเราได้บุญ

พฤษภาโศก

ไหมแก้วสีฟ้าคราม


เรียบเรียงร้อยถ้อยวลีไมตรีมอบ
เพื่อปลุกปลอบทุกข์ท้นคนขวัญหาย
พฤษภาอำลาโศกโบกทักทาย
มวลดอกไม้หลายสีสามัคคีกัน
วอนทุกฝ่ายไม่หมายโทษหายโกรธแค้น
สร้างปึกแผ่นแดนไทยให้เฉิดฉัน
ร่วมแรงใจแน่นเหนียวเกลียวสัมพันธ์
สืบสานฝันแผนปรองดองประคองไทย
รวมพลังหลั่งล้นคนสร้างชาติ
เลิกอาฆาตแดงเหลืองเรื่องหลงใหล
ร่วมร้องเพลงรวมเนื้อเชื้อชาติไทย
เริ่มต้นใหม่ลืมให้หมดเป็นบทเรียน

มองตัวเอง

Jennie


คนที่น่าสงสาร
ไม่ใช่คนหูหนวก ตาบอด เป็นใบ้
แต่กลับเป็นคนตาดี หูดี พูดได้
ที่ไม่ยอมมอง ไม่ยอมรับฟัง และไม่ยอมพูด
ในสิ่งที่ควรเห็น ควรได้ยิน และควรพูด ต่างหาก
นวลศิริ เปาโรหิตย์
จากหนังสือ ค้นหา

ลูกกูดี...ขี้กูหอม

อิทิตย์


อันชื่อเสียงเงินทองกองตรงหน้า
แลกยศถาพาศักดิ์อันบาตรใหญ่
แยกชนชั้นสูงต่ำกลางร่ำไป
เส้นกูใหญ่จะทำไมใครกล้าคาน
แค่ไม้ซีกริจักงัดซุงต้น
มึงแค่คนต่ำต้อยร้อยสังขาร
ก็มีแบ๊คตัวโตอันโอฬาร
ย่อมสำราญไร้ผิดลิขิตพาล
อันลูกกูข่มขืนกำแหงข่ม
อยากดอมดมเมียใครได้ผสาน
ฤาลูกใครสวยสดกดกายนาน
ผิดมิคร้านหลุดรอดไป่กลัวเกรง
ยอมอยู่ใต้อำนาจอันบาตรเขื่อง
ยอมขายเรื่องศักดิ์ศรีลี้ข่มเหง
ให้กูรอดกูพ้นกูนักเลง
กูได้เบ่งใครล้มช่างหัวมัน
น่าอนาถความคิดสติอ่อน
ศีลธรรมนอนถับถมดูขำขัน
เอาตัวรอดกอดอำนาจยศถากัน
ศักดิ์ศรีนั้นความเป็นคนเสื่อมถอยลง
ยินคำพูดดูดสติได้สลด
สังคมหดเสื่อมสิ้นน่าสารสง
คุกมีไว้ ขังหมา ขี้เรื่อนปลง
อีกหนึ่งบ่ง คนจน ไร้ทางเดิน
อันกูรวยเงินทองอำนาจส่ง
กฏหมายคงไร้หมายมิขัดเขิน
ทุกวันนี้ตัวกูต้องเผชิญ
ความเจริญเหยียบย่ำธรรมจรรยา
พระท่านว่า
"ต่อไป  คนจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัว  ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก  ไร้ศีลธรรมจรรยา"
ใครจะทำไม ??

ชีวิตเธออาภัพจริงจริงหรือ?

เปลวเพลิง


“เฮ้อ!ชีวิตอาภัพจริงพับผ่า”
โชคชะตากำหนดแต่หมดหวัง
ไม่เคยสมปรารถนาสักคราครั้ง
มีแต่นั่งรันทดหมดอาลัย“อยากฉลาดปราดเปรื่องเหมือนอย่างเขา
เรากลับเบาปัญญาไปซะได้
มุมานะไม่รู้จะทำกระไร
โลกไยไพปลอกปลิ้นเกินดิ้นรนเห็นเขามีทองคำเส้นล้ำค่า
อวดล่อใจล่อตาจ้องถลน
เขาจบเอก  จบโท  โก้เหลือทน
เราสิหม่นหมองเปลี่ยวเพียงเดียวดาย”“นี่เธอจ๋า
ก็เวลาส่วนใหญ่เธอใช้หาย
ไปกับการอุดอู้นั่งดูดาย
ซังกะตายหน่ายเหนื่อยเรื่อยทั้งวันฉันเห็นเขาขยันทุกวันนะ
ไม่เคยจะรีรอขอผัดผัน
เหมือนอย่างที่เธอทำเป็นสำคัญ
แล้วเธอจะมารำพันไปทำไมฉันเห็นเขาไม่ได้รวยตั้งแต่เกิด
เพียงแต่เลิศมานะมั่นอันยิ่งใหญ่
สู้งานหนักเป็นหลักยึดตามพฤตินัย
ไม่รอใครกำหนดบทชีวาเธออาภัพหรือไม่ฉันไม่รู้
ลองคิดดูฉันเตือนนะเพื่อนจ๋า
เผื่อวันใดเธอตระหนักขึ้นสักครา
จะรู้ว่าเธอนั้นไม่ได้อาภัพ”

แสงสว่างชีวิต

ยาแก้ปวด


อยู่บนดอยคอยฟ้ามาหุ้มห่ม
รอฟ้าลมสั่งมาพาถึงฝัน
ผีฟ้าเจ้าปัดเป่าหมู่เฮากัน
ผีฟ้านั้นสั่งสอนแต่ก่อนมา
ผูกวิญญานหมู่เฮากับต้นไม้
จะแตกหน่อก่อใบในภายหน้า
ทุกต้นไม้ที่เฮาปลูกฝังมา
คือวิญญาปลูกสร้างจากหัวใจ
หลับตาเถิดลองฟังเสียงของป่า
นกหริ่งหรีดแว่วมาได้ยินไหม
เสียงต้นไม้พัดหวิวปลิวลมไป
ได้ยินไหมธรรมชาติที่เราลืม
แสงเสียงสีเมืองกรุงรุ่งวิไล
นวัตกรรมไฉไลที่เขาปลื้ม
ความเจริญก้าวหน้าพากันลืม
มัวแต่ปลื้มสิ่งกรวงลวงหลอกมา
ไฟสว่างบางดวงอยู่บนดอย
เพียงต้นเดียวแม้น้อยก็มีค่า
เพราะอย่างน้อยส่องทางสว่างพา
แต่มีค่าส่องสว่างกลางฝูงชน
แล้วคุณหล่ะเจอไหมไฟสว่าง
ที่เปิดทางให้เห็นทุกแห่งหน
เปิดให้เห็นชีวิตค่าของคน
มีตัวตนบนโลก..เพื่ออะไร..!!
บทส่งใจ
" ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่การเรียนรู้
แต่มันอยู่ที่เรานำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับมวลมนุษย์ด้วยกัน"

มณีนพรัตน์

คีตากะ


มณีรัตน์ประภัสสรสะท้อนแสง
ล้วนเสียดแทงนัยน์เนตรวิเศษสี
ค่าครองเมืองหายากลำบากมี
อัญมณีล้ำค่าอ่าอำไพ
เพชรดา มรกต งดงามเด่น
นิล โกเมน มุกดา พาหลงใหล
บุษราคัม ทับทิม พริ้มประไพ
เพทายไซร้ ไพฑูรย์ จำรูญตา
งามเพริศแพร้วแก้วเก้าเนาวรัตน์
แจ่มจำรัสเลิศเลอชนเพ้อหา
เสี่ยงชีวีพลีกายหมายได้มา
ด้วยรู้ค่ารัตนะไม่ละเพียร
แต่ไก่กาวานรเทียวจรเล่น
พานพบเห็นจินดาพาส่ายเศียร
กลับทิ้งขว้างวางไว้ให้ดาษเดียร
แสนอิดเอียนเมินหน้าอิดหนาใจ
เปรียบคำปราชญ์แจ้งธรรมน้อมนำสัจ
ย่อมขจัดทุกข์จางสว่างไสว
แต่ชนพาลกลายเมินเดินห่างไกล
ด้วยดวงใจมืดมิดจิตหมองมัว...

ดินฟ้าอากาศไม่อำนวย

บุญพร้อม


ดินฟ้าอากาศไม่อำนวย
ฝนไม่ช่วยมีแต่แล้งมาแกล้งซ้ำ
หญ้าก็แห้งเหี่ยวตายคล้ายดังกรรม
คอยฝนพรำจนแล้วแววไม่มี
เห็นกระถางไม้ดอกออกสะพรั่ง
อยากจะหยั่งรากบ้างก็อ้างสี
แล้วถอนทึ้งดึงไปไม่ใยดี
อ้างไม่ดีไม่สวยปลูกป่วยการ
เห็นหญ้าไม่ควรคู่ดูต้อยต่ำ
คอยตอกย้ำทุกครายามว่าขาน
บ้านเมืองเราจึงแยกจนแหลกราญ
เพราะคิดอ่านกันเช่นนี้   แล้วดีใจ

จะทนทุกข์ที่ทุกข์ท้นทุกหนไป เพื่อจะไม่ลืมรักนี้ และที่รัก...

คืนแรมสามค่ำหน้าร้อน


ไม่ได้โกรธโทษใครมาหลายปี
ไม่เคยมีที่จะหวง ..อภัยให้
วันนี้โดนรักเศร้าแผดเผาใจ
อยากอภัยแต่ยังติดอยู่นิดนึง
เขาว่าถ้าเรารักใครมากพอ
ไม่ทดท้อ มากน้อยไปไม่ห้ามหึง
อภัยได้ อภัยหมดปลดบึ้งตึง
แปลกใจจึง ทำไมไม่อภัยนาง
ทบทวนจิตคิดไปให้วนวก
ติดพงรกในจิตคิดหมองหมาง
ก็ทั้งห้วงดวงใจเรา ไม่เบาบาง
ไม่เคยวางหรือว่างรักสักเสี้ยวใจ
กระไรเลยคนเคยรักมาหักลด
ร้าวรันทดเจ็บจนซึ้งถึงไหนไหน
กอดความเจ็บ เก็บความจุกทุกข์ทรวงใน
เพียงอภัย.. ใจที่เศร้าก็เบาลง
ถามใจ.. โกรธทำไมให้สิ้นสุข
ปล่อยให้ทุกข์ป่นใจเป็นเช่นผุยผง
ใจตอบ.. ยอมทุกข์ตาย วายชีพปลง
กลัวจะหลงลืมเลือนรัก ..หากอภัย
ขอทุกข์ใจไปทุกวันไม่ผันเปลี่ยน
กี่วันเวียนผ่านกี่วันไม่หวั่นไหว
จะทนทุกข์ที่ทุกข์ท้น ทุกหนไป
เพื่อจะไม่ลืมรักนี้ และที่รัก...

ตนเตือนตน...

คีตากะ


มาตรว่าฝุ่นในตาไม่พาหม่น
ทำสับสนทิศทางจนหมางหมอง
ฤาจักเขี่ยให้พรากจากครรลอง
จนแลมองเห็นความสัตย์จรัสเรือง
หากไม่ล้มฤาจักลุกปลุกปลอบขวัญ
ยืนหยัดมั่นอีกครั้งดั่งปราดเปรื่อง
ลับปัญญากล้าคมบ่มประเทือง
ทุกราวเรื่องแจ้งจิตประสิทธิ์พร
ถ้าความทุกข์รุกเร้าไม่เผาจิต
จนวิปลาสวิปริตคิดไถ่ถอน
ฤาเห็นเหตุเลศนัยได้สังวร
ดับทุกข์ร้อนผ่อนคลายมลายเลือน
แม้ใจเขลาเศร้าหมองครอบครองทั่ว
ไม่ทำมัวดวงแดแถเชือดเฉือน
ฤาแจ้งมรรคสลักจิตคิดพร่ำเตือน
ฝึกตนเหมือนดั่งปราชญ์สิ้นชาติภพ...