ต่างความรู้ต่างความคิดต่างความฝัน ต่างมุ่งมั่นต่างอดทนต่างฝึกฝน ต่างแข่งขันต่างแกร่งแย่งต่างดิ้นรน ต่างสับสนต่างครุ่นคิดต่างจิตใจ มีสมองมีมือมีแข้งขา มีเวลามีความหวังมีไกลใกล้ มีพลังมีดวงดาวมีทางไป มีสายใยมีความรักมีผูกพัน ก้าวต่อก้าวก้าวต่อไปถึงที่สุด ก้าวเร่งรุดก้าวเร่งรีบก้าวล้มนั่น ก้าวที่ดีก้าวรอบคอบก้าวฟ่าฟัน ก้าวที่มั่นก้าวค่อยค่อยก้าวดีดี พักผ่อนได้พักก่อนเถิดพักสักครู่ พักลองดูพักไตร่ตรองพักทุกที่ พักเก็บแรงพักเติมใจพักสักที พักวันนี้พักวันไหนพักเพียงพอ เพียงแค่คิดเพียงแค่ฝันเพียงเพื่อสร้าง เพียงเดินทางเพียงศึกษาเพียงเติมต่อ เพียงสามารถเพียงเคียงคู่เพียงอยากรอ เพียงเกิดก่อเพียงสืบสานเพียงหวังเอง วันข้างหน้าวันไหนวันนี้หรือ วันนั้นคือวันสดใสวันเราเก่ง วันแห่งฝันวันแห่งสุขวันครื้นเครง วันที่เล็งวันที่ได้วันหมายปอง สุขทั้งกายสุขทั้งใจสุขล้ำยิ่ง สุขเสียจริงสุขสันต์สุขฉลอง สุขเพราะรู้สุขเพราะคิดสุขเรืองรอง สุขเป็นของสุขตัวเราสุขที่ดี.
สถาบันครอบครัวหัวใจมนุษย์ คงจะหยุดเติบโตโอ้อนาถ ความรักใช่ครองคู่อยู่วิวาท หากพลั้งพลาดสาดโคลนโยนทันที มีคู่ครองไม่รักมักไม่รอด ขาดรักจอดจบกันหันหน้าหนี สร้างปัญหาสังคมทับถมทวี ลูกไม่มีพ่อแม่ดูแลใจ ใครขวางเขาว่าบ้าน่าสมเพช แสนสังเวชตามกันฝันสดใส ไร้ศีลธรรมมีภูมิต้านทานใจ ตามกันไปสังคมล้มละลาย คล้ายมนุษย์คงใกล้อวสาน เพราะลูกหลานทำตนจนใกล้สาย รักสนุกสูญพันธ์กันวอดวาย ครอบครัวรุ่นสุดท้ายชายหญิงไทย
ทางด่วนยาวสุดตั้ง.......ตาเห็น เหรียญบาทหายากเย็น..........อย่าค้น ดั่งมนุษย์หัดบำเพ็ญ...........การศึก ษาเนอ นักปราชญ์กวีรวยล้น..........ยากแท้อย่าหา In the long super-..............highway, Don't look for one baht , say,..........as a coin. Among human who play,.................eat, and love, it will be a void........................to find rich poets.
ฝักน้อย เคยฟูมฟัก ด้วยความรัก และห่วงใย คืนวัน ที่ผ่านไป เกิดเยื่อใย ให้เมล็ด ฝักน้อย แก่ชรา ที่ทำมา บัดนี้เสร็จ เปิดอ้า ให้เมล็ด สายลมเด็ด ล่องลอยบิน สัญชาตญาณ ของชีวิต ที่ลิขิต มิรู้สิ้น งอกเงย จากพื้นดิน หวนคืนถิ่น ดินดังเดิม เมล็ดพันธุ์ เจ้าลอยไกล เจ้าอย่าได้ คิดฮึกเหิม บรรพบุรุษ ณ จุดเริ่ม คือผู้เติม ให้ชีวิต คิดบ้าง อย่างผู้ฉลาด คิดเยี่ยงปราชญ์ รู้ถูกผิด ที่มา ของชีวิต ใครลิขิต...ควรแทนคุณ
กลิ่นกุหลาบแรกแย้มแต้มสีสัน ให้โลกนั้นน่าอยู่ดูสดสวย เป็นความหอมหวานชื่นรื่นระรวย คล้ายหนทางวางด้วยกุหลาบพรม เพราะสิบสี่กุมภาฯนั้นมาถึง เป็นอีกหนึ่งวันรักจักสุขสม คือเรื่องจริงหญิงชายในสังคม เฝ้าภิรมย์ชมรักสมัครใจ คล้ายวันเกิดเปิดรักสมัครเล่น จึงได้เห็นหนุ่มสาวเมาหวั่นไหว ตระกองกอดฟัดเหวี่ยงเรียงกันไป วาเลนไทน์ทุกปีมีให้ดู ชายบอกหญิงจริงแท้แน่ในรัก จึงตวงตักเก็บไว้ไม่อดสู เหมือนบทเรียนเขียนอ่านผ่านมือครู ให้โลกรู้ว่าโก้โอ้อวดตาม หญิงเชื่อใจยินยอมพร้อมมอบให้ ทั้งคุณค่ากายใจเกินไถ่ถาม ด้วยความรักคำนี้ในนิยาม หลงวาบหวามความสุขแฝงทุกข์ตรม วาเลนไทน์สอนรักประจักษ์แล้ว เห็นวี่แววล้มครืนต้องขื่นขม เพียงชั่วครู่ชั่วยามตามอารมณ์ เขาเพาะบ่มแล้วพรากเอาจากไป กลีบกุหลาบบอบช้ำมีซ้ำซาก ง่ายหรือยากแน่แท้เร่งแก้ไข ค่านิยมความหวังสังคมไทย สลดใจรักแท้แค่เสียตัว
เมฆหม่น ผ่านพ้นไป แสงรำไพ เฉิดฉายส่อง เวหา อ่ารงรอง อาบสีทอง ผ่องทันใดดั่งคน พ้นรันทด หายสลด พลันสดใส ปัญหา น่าห่วงใย กลับแก้ไข ได้ทันที ชีวี ที่ล้ม,ลุก หลอมรวมทุกข์ และสุขศรี สำแดง แห่งโลกีย์ ไร้วิถี ทางจีรังธรรมดา โลกามิส ห้ามท้อจิต ยามผิดหวัง มานะ แก้ประทัง ดีกว่าชัง นั่งโทษใครวันนี้ มีทุกข์ครัน อาจสุขสันต์ เมื่อวันใหม่ อิ่มหนำ คือกำไร เลิกฝักใฝ่ ในราคีกอบกู้ สู้ชีวิต สุจริต ไม่คิดหนี สะสวย ด้วยกรรมดี จนหรือมี อยู่ที่ใจ
เวิ้งฟ้าตะวันฉายไกลสุดตา พงพนากว้างใหญ่ส่องฉายแสง พืชพันธุ์ไม้พงไพรฟ้านวลแดง ทั่วทั้งแปลงเติบใหญ่ให้ร่มเงาแสงรำไรส่องผ่านลานโคนต้น บ้างออกผลแตกหน่อริมโคนเขา สัตว์น้อยใหญ่อาศัยนอนแนบเนา มนุษย์เราทำลายป่าไม้งามทั้งไฟป่าเผาผานกันวอดวาย ไม้ล้มตายสัตว์สูญหายดูรุกราม ป่าไม้แห้งดินแล้งดูเสื่อมซาม ก็เพราะความเห็นแก่ได้ของใครกันดูช้างป่าออกหากินพืชไร่ คนถางไถป่าไม้กันทุกวัน ตัดเตียนโล่งทำลายใช้เลื่อยหั่น ขุดโค้นฟันปลูกพืชไร่เลื่อนลอยจนมีข่าวอื้อฉาวคนกับช้าง เดินสวนทางช้างป่าต้องล่าถอย ต่างต้องกินต้องอยู่ป่าริมดอย ป่าเหลือน้อยช้างป่าออกหากินรุกแนวป่าเข้าไปทำไร่สวน ป่าไม้จวนสูญไปเหลือแต่ดิน ช้างอดหิวต้องออกระลานถิ่น ฝนหลั่งรินดินโคลนฟังทลาย
ประวัติศาสตร์เขียนเชียร์ผู้ชนะ เพื่อที่จะหาผู้รับสนับสนุน เลือกเรื่องดีตัวมาอ้างสร้างบุญคุณ เรื่องสถุลของตัวคิดแต่ปิดบัง คนไม่รู้ประวัติศาสตร์ที่ชาติสร้าง คล้ายตาบอดหนึ่งข้างแล้วคลุ้มคลั่ง แต่คนตาบอดสองข้างสร้างเกลียดชัง คือคนฟังประวัติศาสตร์แค่ข้างเดียว
เป็นดอกไม้..สายสวาทมิขาดสิ้นแม้จะบิ่นไปบ้างบางดอกหนอ หากแลดูรู้ค่ามาเป็นกอ ก็ยังพอมองเห็นเช่นไม้งาม เห็นสองนิ้วชูไว้คือใบ้หวย...อะจื๋ย...บ่แม่น...แต่งใหม่ๆ...555 เห็นสองนิ้วชูไว้คือใบ้บอก รักจะพอกพูนเพิ่มเสริมหลากหลาม เป็นน้ำเลี้ยงจรรโลงทุกโมงยาม คือความงามพร้อมพรักประจักษ์ใจ อะจร้า้...ตามนี้ค่ะ เชื่อหัวไอ้เรืองเต๊อะ...ฮ่า.. ถึงอ่อนด้อยเชิงรักหักสวาท หากอย่าขาดศีลธรรมนำนิสัย เป็นเหมือนโล่ปกป้องคุ้มครองใจ แม้ผู้ใดพบเห็นเป็นยินดี ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ ควรสดใสขาวผ่องอย่าหมองสี ทั้งเจ็ดวันเจ็ดสีสิยิ่งดี จะเกิดศรีสวัสดิ์ขจัดจน อิอิ... เหมือนแม่แก้วแววหวานน้ำตาลรั่ว ไม่ต้องจั่วต้องจับรับเห็นผล เมื่อวันก่อนนอนตื่นชื่นกมล เห็นหน้าตนใสผ่องต้องตะลึง ชมตัวเอง....55555 อันทีจริงเขียนเล่นเป็นสนุก อย่าไปทุกข์หลากเรื่องเฟื้องสลึง เป็นยาจกไม่ท้อก็พอพึง ขอก้นบึ้งจิตใจให้งดงาม -------สุขสวัสดิ์วันหยุดกันทุกท่านค่ะ................... @ แก้วประัภัสสร @ 14 กรกฏาคม 2556
*โลกเรานับยากพ้น อคติ พูดส่อเสียดดำริ อวดอ้าง กวีเอกหยุดตำหนิ เถิดพี่... ความรักจักสรรค์สร้าง มิตรแท้ ฤา เทียม *บ้านกลอนแสนอ่อนด้อย กลอนกาพย์ โคลง-ร่าย-ฉันท์ มิทราบ ปวดร้าว เห็นเซียนก่นคำจาบ จ้วงนัก.. หลายครูเหยียดหยันห้าว หักล้างจินตนาการ *พันทิปเซียนโคตรแล้ว นึกชม ไยแถลงอาจม อยู่ได้ ควรหยุดหว่านคารม สักพัก นาครู เพราะจิตผมมอดไหม้ จากถ้อย หยามหยัน *ขอโทษครูผู้กล้าและสามารถ ใช่บังอาจเตือนใครหาใช่ที่ เป็นแค่คนฝึกเขียนเรียนกวี ยังมีจุดบกพร่องแอบข้องใจ *หากกลอนกานต์ผ่านหูมิชูรส ขออย่าจดจำมา...ว่าไม่ไหว ด้วยเนื้อหาสาระ ก็ กระไร แต่งไปไม่ได้ความ อย่าหยามเลย *แต่เพราะเห็นคำด่าสารพัด ปฏิวัติดีไหม....ไม่อยากเฉย พันทิปเหมือนหัวเราะมาเยาะเย้ย ล่ะโธ่เอ๋ย ไม่อยากยุ่ง...มุ้งการ...กลอน *ขอเหล่าเซียนเลิกบ้า ปาระเบิด ไยต้องเปิดประเด็นเป็นอุทาหรณ์ thaipoem รู้เห็น เช่นขั้นตอน ชาวบ้านกลอน ไม่ชอบ ตอบตามตรง *อยากจะด่า จะว่า อย่ามายุ่ง ในเรื่องมุ้ง บ้านกลอน...วอนอย่าหลง ที่ของใคร อย่าขืน มายืน งง หากประสงค์มาดี...มีที่นอน
คอเดียวกันคุยกันนั้นสนุก ต่างเสริมมุขกันไปได้สรวลเส เรื่องจิ้งจกตุ๊กแกก็ฮาเฮ คลายว้าเหว่ ชื่นชมนิยมกัน เรื่องจริงจังไม่เอาเขากลัวคุก ไม่สนุกควรวางไม่สร้างสรร ใครจะเป็นจะตายช่างหัวมัน คนหัวรั้นไม่พุทโธว่าโง่เอง คนละคอคนละอย่างต่างความคิด จะถูกผิดครวญใคร่ให้เหมาะสม อย่าเพิ่งด่วนว่าความตามนิยม จะเป็นปม คอยรั้ง ครั้งต่อไป
เมื่ออิจฉา ก็พา ขอบตาร้อน จะกินนอน นั่งลุก สุขมันหนี ให้ร้อนรุม กลุ้มใจ ไปทั้งปี เห็นเขามี ยิ่งอยากได้ให้เท่าทัน เขามีรถ ก็อยากมี ให้ดีกว่า ของเธอต้อง ด้อยค่า กว่าของฉัน ใครทำเด่น เกินหน้าข้าต้องกัน จะโรมรัน ทุกทาง ถ้าขวางตู อะไรที่ สังคม นิยมเล่า เชื่อว่าเรา รู้ดีกัน มันต้องหรู คนที่ปลง ยากยิ่ง หรือนิ่งดู มาคิดหลู่ ทับกัน ฉันไม่ยอม ความอิจฉา ริษยา จึงมาเกิด ผิดที่เปิด รับกัน มันจึงพร้อม บุกทำลาย กายใจ ให้ตรมตรอม เพราะตัวยอม เป็นทาส เลยพลาดไป
ปริญญาการเรียนเขียนอ่านนั้น ถ้าขยัน ตรองตรึก หมั่นฝึกฝน อาจรู้ครบจบฟ้าจบสากล เท่าที่ยลเห็นได้ในตำรา และเราอาจนึกผยองพองขนนัก ว่ารู้จักทุกสิ่งจริงนักหนา ใครเถียงเรา-เราซัดเต็มอัตรา “ข้าเรียนมาลึกซึ้งถึงแก่นใน ทฤษฎีเขาอ้างไว้อย่างนั้น จะดื้อดันเป็นอื่นชื่นไฉน ข้าศึกษาจากแหล่งจนแจ้งใจ จึงแกร่งไกรนานาวิชาการ” เฮ้อ! แต่เมื่อผจญโศกโลกภายนอก กลับช้ำชอกร้าวอุราน่าสงสาร โลกเอยโลก ใหญ่โตมโหฬาร เราหาอ่าน รู้ไม่ครบ ไม่จบเอย
พ่อ,แม่รัก ลูกนี้ กว่าชีวาตม์ ต่างมุ่งมาด ทำดี ถึงที่สุด ลูกผิดพลาด เพียงใด ไม่ประทุษ เร่งรีบรุด บูรณะ ช่วยประทังดูพยัคฆ์ ทมิฬ ใช่กินลูก กลับพันผูก มุทุตา ห่วงหน้า-หลัง คอยปกป้อง อาพัทธ์ ระมัดระวัง เพียรสอนสั่ง เยี่ยงมนุษย์ ดุจเดียวกันลูกเข้าใจ พ่อ,แม่ สักแค่ไหน ว่าห่วงใย ลึกซึ้ง จึงกวดขัน หวั่นเกรงลูก หูเบา มิเท่าทัน อาจหุนหัน บุ่มบ่าม ตามเล่ห์กลลูกเชื่อเพื่อน ง่ายดาย คล้ายหัวอ่อน พ่อ,แม่สอน กลับโกรธา ว่าขี้บ่น คือปัญหา หนักใจ ของหลายคน ต้องกังวล ทนแก้ แม้ยากเย็นเพียงลูกลูก กตัญญู รู้จักคิด ย่อมวิศิษฏ์ แสนสุข พ้นทุกข์เข็ญ แม้นลูกเขลา หลงผิด คิดไม่เป็น ก็เหมือนเวร-กรรมแผดเผา น่าเศร้าใจวันใดลูก นิราศ ขาดพ่อ,แม่ ใครจะตาม เหลียวแล บ่มแก้ไข ที่พ่อ,แม่ อุตส่าห์ จาระไน ล้วนหวังให้ ลูกลูก เดินถูกทาง
ความจริงมีอยู่รู้กันทั่ว ก็ยังมั่วยืนยันนั่นไม่ใช่ ชักแม่น้ำทั้งห้าว่ากันไป ตามแต่ใจท่านคิดประดิษฐ์เอา ให้มีเงื่อนมีแง่แล้วแต่คิด เกิดพลั้งผิดจดจำนำไปเล่า กว่าจะแก้ไขได้ให้เรื่องเบา ก็ทำเอาเดือดร้อนไปค่อนเมือง หากถามใจทุกไทยใครก็ภักดิ์ แย่งกันรักชอบกลจนมีเรื่อง ข้ารักมากกว่าใครในบ้านเมือง ให้เขาเคืองหมั่นไส้ได้ทุกวัน
สามสาวรุมเหยียบน้อง.........ลูกหมา
อึ้งตกใจคาตา......................แตกอึ้ง
หรือเป็นคลิปโฆษณา.............เขาจัด ฉากฤา
ใครจะใจร้ายทึ้ง...............ถีบน้องหมาลง
ปลงด้วยเป็นยุคสร้าง............แสวงหา
อัตลักษณ์ใหม่เด็กพา............เพื่อนพ้อง
อยากเด่นอยากดังคา.............คับคั่ง
อยากเกิดถึงกับต้อง..............ฆ่าน้องหมาโชว์
คุยโวทุนมนุษย์แกล้ง............อวดกัน โพสเฟสบุคประชัน.............ชาติได้ สวย-หล่อ-เก่ง-ฮา ฉัน..............อวดยาก กระนั้นฤา เลยอยากอวด-โหด-ไว้.............ว่าน้องแน่เสมอ