ปลิดขั้วปลิวพริ้วล่วงร่วงบนทราย เปื่อยสลายตามกาลที่ผ่านผัน อากาศเย็นร้อนรุกทุกคืนวัน เร่งบีบคั้นทำลายกลายเป็นดิน เปื่อยผุพังไม่ยั่งยืนฝืนไม่ได้ สลายไปเปื่อยป่นจนหมดสิ้น กาลเวลาขย้ำกล้ำกลืนกิน ต้องพังภินท์เปื่อยป่นบนพื้นทราย กลางคืนที่เหน็บหนาวดาวเต็มฟ้า ส่องแสงจ้าสว่างต่างเฉิดฉาย หยาดน้ำค้างฉ่ำเย็นเซ็นกระจาย ระเหยหายเมื่อฟ้ารับตาวัน ดินชุ่มฉ่ำน้ำค้างที่พร่างพรม ยอดหญ้าล้อเล่นลมที่โลมผ่าน ทุกทุกสิ่งเคลื่อนไหวไปตามกาล ดั่งดนตรีขับขานแล้วจบลง ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปรไม่แน่นอน เป็นคำสอนให้ละโลภโกรธหลง อย่ายึดมั่นอัตตาว่ามั่นคง จักดำรงยั่งยืนฝืนอนิจจัง เป็นปรัชญาใบไม้ให้ข้อคิด ช่วยสะกิดตักเตือนเหมือนสอนสั่ง เกิดมาแล้วชีวิตนี้ไม่จีรัง ล้วนต้องพังแตกดับลับสิ้นไป ฯ
จะขอเล่าอัตชีวประวัติ โดยรวบรัดแต่ครั้งยังประถม เรียนได้เกรดสี่ตลอดยอดนิยม เรายิ่งสมอารมณ์หมายสบายแด เริ่มตั้งแต่ปอหนึ่งถึงปอหก พองขนยกตัวว่าข้าก็แน่ คิดว่าตัวเรานี้โชคดีแท้ เพราะพบแต่ความสำเร็จดุจเพชรพลอย พอมอต้นพากเพียรเข้าเรียนต่อ เราจะขอสู้สุดใจไม่ท้อถอย ก็ทุ่มแรงโถมให้มิใช่น้อย เกรดออกค่อยโล่งจิตขึ้นนิดนึง แล้วมอปลายเริ่มฤทธิ์ความผิดหวัง สอบตกครั้งแรกนี้มีแต่อึ้ง แรกแรกก็เศร้าสลดรันทดตรึง ดีที่รึงรัดใจเราไม่นาน มหาวิทยาลัยให้ขื่นขม รสซานซมผิดหวังดังประสาน แผลถลอกปอกเปิกพอเบิกบาน จึงมองการล้มเหลวต่างเปลวไฟ เปล่า-มิใช่ไฟผลาญย่านเคหา แต่คือไฟจุดให้กล้าเดินหน้าใหม่ ล้มแล้วเปิดโลกทัศน์เห็นชัด-ไกล มองอะไรละเอียดอ่อนกว่าก่อนเคย นับแต่นี้ต่อไปตั้งใจว่า จะล้มถ้าโอกาสเบียดมาเสียดเสย หากถามว่าอยากล้มไปทำไมเอย? ล้มเพื่อเย้ยหลักชัย...ก่อนได้มัน ......................................................... เขียนให้ตัวเองและให้ผู้อ่านทุกคนครับ
แล้วปีเก่า ก็แปรผัน สิ้นวันเก่า สุขทุกข์เคล้า วนเวียน เปลี่ยนสับสน มีเกิดแก่ เจ็บตาย ว่ายเวียนวน หัวใจคน วุ่นวาย ว่ายวนเวียน จะเอา อะไรแน่ แก่ชีวิต ถูกหรือผิด ยากแก้ เหตุแปรเปลี่ยน อดีตคือ ข้อกำหนด เป็นบทเรียน ความพากเพียร คือรอยต่อ ความพอดีชีวิตซึ่ง จะก้าวไป ในวันหน้า สร้างศรัทธา ด้วยรัก ด้วยศักดิ์ศรี อนาคต คือความหวัง ที่ยังมี ชีวิตนี้ มิย่อท้อ สู้ต่อไปถึงปีใหม่ จะเปลี่ยนใหม่ อีกหลายหน ถึงใจคน จะหมุนเวียน เปลี่ยนคนใหม่ ถึงน้ำตา จะไหลพร่าง อยู่ข้างใน ก็พอใจ ให้เป็น เหมือนเช่นเคย จะอยู่สร้าง ภาพฝัน รอวันดับ จะทนกับ สำเนียง เสียงเยาะเย้ย ซื่อบื้อบ้าง หยิ่งบ้าง อย่างเชยเชย มิขอเอ่ย คำพ้อ ต่อผู้ใดมอบความปรารถนาดี ให้ชีวิต โดยถือสิทธิ์ ฤกษ์ดี ขึ้นปีใหม่ ด้วยความรัก ความหวัง กำลังใจ พร้อมจุดไฟ ความฝัน วันนี้แล้ว ฯ สมยศ เปียสนิท
โลกไม่เคย สะดุด หรือหยุดนิ่ง พาทุกสิ่ง ไหลเลื่อน ได้เคลื่อนไหว ที่หมดแรง เสื่อมสลาย ก็ตายไป นั่นมิใช่ สิ้นเชื้อ คงเหลือดิน ให้พืชพันธุ์ นกกา ได้อาศัย ผลิตเส้นใย กันไป ไม่จบสิ้น จุดสุดท้าย ทุกอย่าง ย่อมพังภินท์ กลับเป็นดิน เหมือนเก่า ให้เราเดิน แค่นี้แหละ ชีวิต ใยคิดมาก มีพบพราก ทั้งนั้น ที่ฉันเห็น หนีไม่พ้น โลกกำหนด เป็นกฎเกณฑ์ ไม่โอนเอน เข้าข้าง อย่างกฎ…..เรา
มีลาภ ไม่รู้พอ ก็เสื่อมหมดมียศ ไม่รู้ยั้ง ก็พังสิ้นยั้งหยุด ก็สุดทาง ร่างฝังดินจะยิน อยากได้ ก็ไม่เจอ ยามชีพยัง ดึงยั้ง ระวังไว้ขืนปล่อยใจ ตามหวัง ระวังเก้อมัวทะนง หลงไหล คงได้เจอ แล้วจะเหม่อ หมองไหม้ ช้ำใจตัว ทางที่ดี ควรยั้ง ชั่งใจนิดที่ทำไป ถูกผิด คิดให้ทั่วเป็นเพราะเกรง นับถือ หรือว่ากลัวหรือว่ามั่ว เห็นเป็นทรัพย์ นับว่าดี เสื่อมใดใด ไม่ร้าย เท่าใจเสื่อมเป็นทางเชื่อม สู่อบาย ร้ายเหลือที่เป็นที่สุด แห่งร้าย พึงจะมี จึงควรหนี ควรหลบ อย่าพบเลย
ถ้าเลือดไหลมาไม่แดง ค่อยแช่งด่า ถ้าน้ำตาไม่ใสซึ้ง จึงเดียจฉันท์ ถ้าสุขใจไม่หัวร่อ ก็เกลียดกัน นี่เป็นคนกันทั้งนั้น คน คน คน คน ต้องการโอกาสแม้อาจผิด ในความคิดนั้นคลุมเครือเมื่อสับสน โลภ โกรธ หลง ไม่ปลงละ มีปะปน ยังไม่พ้นบรรลุธรรมย่อมทำไป โลกเราไม่กลมได้ในวันเดียว จนผู้เชี่ยว-ชาญส่องส่งและสงสัย กว่ายอมรับว่ากลมเป็นส้มไป ก็ต้องใช้หลายชีพเชียว ผู้เชี่ยวชาญ* ... ผู้เห็นต่างจากฉัน คือมันผิด อำนาจคิดแทนสมองจ้องประหาร ใครคิดไม่เหมือนฉัน มันคือมาร ต้องล้างผลาญพร่าชีวิต คิดแค่นั้น .. เรายังทำเช่นนั้นในวันนี้ ยังชีวีด้วยความเกลียดเหยียดหยามหยัน แล้วนี่เราจะไปได้แค่ไหนกัน ต้องฆ่าฟันกันหมดหรือ คือเส้นชัย คนถูกฆ่า.. ก็อาฆาตโดยญาติมิตร เมื่อคั่งแค้นก็สิ้นคิด วินิจฉัย เกลียดต่อเกลียดยิ่งเกลียดชังยิ่งฝังใจ เราเหลือหวังอะไร ในเกลียดชัง ลูกหลานเราก็เอาเข้าโรงเรียนเกลียด เรียนหยามเหยียดเรียนเก็บกด จงหมดหวัง เอาความเกลียดนี่แหละเป็นเช่นพลัง ให้สมสั่ง สร้างสังคมนิยมชัย กี่หนังสือประวัติศาตร์ไม่อาจเล่า กี่เรื่องเก่าไม่เคยฟังบ้างใช่ไหม ว่าที่ตายกล่นเกลื่อนคือเพื่อนไทย ที่ร้องไห้อึงอื้อก็คือ คน .. เราจะไปหนไหนในวันหน้า ปาดน้ำตา.. ฝ่าข้ามความสับสน หมอกควันคลุ้งพลุ่งพลั่งน่ากังวล จะฝ่ากลหนนี้ได้อย่างไรกัน * ฟังเพลง "กาลิเลโอ - การลิ้มลองอนาคต" ของ ศิลปินแห่งชาติ น้าหงา คาราวาน แล้ว เกิดอารมณ์ ผูกโยง กับเร
บ้าก็บ้าสิวะ..!!
คนดีๆ กับคนบ้า..หากว่ากัน
มันก็อยู่ ใกล้ๆกัน นั่นแท้หนอ..
ชอบแบบไหน ? เขาก็ว่าเราบ้าบอ
ฉะนั้นขอ เล่าความบ้า..อา ลองฟัง ! " บ้างาน " วันๆทำ จนค่ำมืด มีถมถืดหวังสองขั้น งานไม่ยั้ง " บ้ายศ " บ้าเครื่องแบบแถบตราตั้ง เลิกงานยังสวมใส่ไม่ถอดวาง ! " บ้าเงิน " เพลินนับแบ๊งค์ แม่งรวยจัด สารพัดสารพัน ฉันไม่ว่าง หาแต่เงิน เงินเงินเงิน จนเกินกลาง ถึงคราวตายไปแต่ร่าง..ช่างสมเพช ! “ บ้าบอล “ “บ้ามวย “ ..อยากรวยนั่น จ้องแต่จอ แทงไม่อั้นปั่นสะเด็ด “ บ้าหวย “ รวยแน่หนาน้ำตาเล็ด หวยออกเสร็จ ..โดนกินรวบควบกับหนี้ ! “ บ้าเหล้า “ เมาตลอดตอดแต่ก๊ง ตับแข็งคง มาเยือนไม่เบือนหนี “ บ้าสวย “ หมอช่วยเสริมเติมดูดี ปลอมทุกที่ ..แต่หนีวัยไปไม่พ้น ! “ บ้าอำนาจ “ ฉกาจนักหนักปัญหา มุ่งเข้ามา โกยโกงโยงเงินผล คอรัปชั่น กันเบ็ดเสร็จกิเลสล้น ทิ้งคนจนรากหญ้าอ้าปากรอ.!. “ บ้าเฟซ “ “ บ้าโพสต์ “ ..กดแต่ไล้ค์ เปลี่ยนรูปใหม่ใส่ความเห็นเป็นตัวพ่อ ไม่ยอมหลับยอมนอน ค่อนดึกรอ ใครเข้ามาอีกหนอ ? ขอคลิ๊กดู ! “ บ้าละคร “ ตอนหลังข่าวเฝ้าไม่หน่าย ชมนางเอกด่านางร้าย จนแสบหู “ บ้าการเมือง “ ก็ร้ายแรงแบ่งมึงกู ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน.. สุดงันงง ! “ บ้าตีแบด “ ..ก็บ้าหนักไม่พักยั้ง บอกเจ็บหลังยังตีมั่ว จนตัวโก่ง “ บ้าปั่น “ จักรยาน ปั่นทางโล่ง ช่างปลอดโปร่งใกล้หรือไกล..ไปโลดเลย ! จะคนดีหรือคนบ้า.. อย่าว่ากัน ชอบของใครของมัน นั
สุริยัน นั้นส่อง ต้องภิภพ หมายจะลบ พวกเรา เผาให้หมด แผ่รังสี สาดไป ไม่ละลด กะกำหนด วันตาย ให้มนุษย์ ร้อนแรงพา ป่าไม้ ไฟท่วมลุก กลียุค กล้ำกราย ใกล้ถึงจุด แผ่นดินไกว ไหวถล่ม เมืองจมทรุด กระชากฉุด ชีวา คนลาลับ พายุพัด จัดจ้าน สะท้านทิศ ฟ้ามัวมิด พิรุณ หมุนแปรปรับ เทเป็นสาย ธารา คณานับ ก็ถึงกับ ท่วมท้น จนจมมิด ที่เมืองหนาว ร้าวนะ หิมะหมก น่าวิตก ฤดูกาล มันผันผิด ธรรมชาติ รุนแรง มันแผลงฤทธิ์ ไม่มีสิทธิ์ หยุดยั้ง นั่งทนทุกข์ เกิดอะไร ขึ้นเล่า โลกเราน่ะ หรือว่าจะ สิ้นวัน สันติสุข โลกยับเยิน มากมาย มาหลายยุค ยากปรับปลุก พลิกฟื้น คืนให้ครบ ทำโลกเลอะ เปรอะป่น คนลืมหลง มินานคง ถึงขั้น เจอวันจบ ถึงมีจิต คิดหวน นั่งทวนทบ แม้บวกลบ คูณหาร ป่วยการคิด/font>
๐ ยามที่ต้อง ประสบ พบเรื่องหนัก ยามที่เจอ อุปสรรค และปัญหา ยามที่เรา ไร้สุข ทุกข์อุรา แหงนมองฟ้า แล้วจะมี กำลังใจ ๐ มองท้องฟ้า เมฆมัว สลัวหม่น อีกไม่นาน ลมบน ที่เคลื่อนไหว จะพัดพา เมฆหาย สลายไป ท้องฟ้าจะ แจ่มใส ได้อีกครา ๐ เปรียบชีวิต ยามนี้ ที่หมองหม่น ก็เหมือนเมฆ มัวมน ที่บนฟ้า อีกไม่นาน พ้นผ่าน กาลเวลา จะกลับมา แจ่มใส ได้เช่นกัน ขอให้เมฆหมอกในชีวิตทุกคน.. ผ่านไปโดยไว
พุทธองค์สอนสั่งยังจำมั่นใครสร้างกรรมคนนั้นย่อมรับผล การทำงานกระทบระหว่างคน ย่อมไม่พ้นเกิดกรรมที่ตามมา ต้องยอมรับผลกรรมที่บังเกิด ใช่ดีเลิศปุถุชนล้นคุณค่า ความถูกต้องยึดก่อนมานานช้า จึงต้องกล้าพินิจตัดสินใจ เมื่อกรรมชั่วทำไว้ไม่ยอมรับ สร้างเล่ห์กลสับปลับให้จับได้ มากโทสะโมหะนำมาใช้ ความรุนแรงมิใช่เป็นสิ่งดี ผลของกรรมทำเอาต้องเศร้าหมอง ผู้เกี่ยวข้องเกือบตายกลายเป็นผี เมื่อสร้างกรรมเป็นทุกข์ติืดคุกฟรี อนาคตไม่มีความรุ่งเรือง เมื่อฟ้าใหม่ชีวิตใหม่ได้บรรเจิด สิ่งที่เกิดปล่อยหายไปทุกเรื่อง เมื่อกรรมดีมีผลล้นประเทือง คงฟูเฟื่องงดงามตามเพรงกรรม
...ชิงสุกก่อนห่ามนั้น..............ไม่ดี จงรักสงวนศรี.......................ศักดิ์ไว้ จงอย่าปล่อยใจนี้...................ใจง่าย พิสูจน์รักที่ให้.......................รักแท้หรือลวง ...เขาหลอกควงล่วงเย้ย.........เชยควง ลวงหลอกปลอกปลิ้นทรวง.....อกช้ำ หมายคิดพิชิตล่วง.................เลยร่าง หมายมาตรสวาทซ้ำ..............จะน้ำตาคลอ ...คิดล่อลวงย่างกร้ำ..............กรายกาย หมายชิดเชยเนื้อทราย...... .ผุดเพี้ยง ผิวผาดผ่องผุดผาย...............เพียงผ่อง ผิวผ่องใสขาวเกลี้ยง............หมายหล้อลวงนาง ...ระวังชายหนุ่มไว้...............ให้ดี ชายหนุ่มนั้นหาดี.................ยากได้ ผู้คนสมัยนี้ ..ยากเชื่อ ใจนา ลวงหลอกกลอกกลิ้งไซร้ ยากรู้ใจคน คลอเคลียโลมเล้าซบ แอบอิง มือโอบกอดกายหญิง รุ่มร้อน คลอเคลียชิดเชยชิง ชิมชอบ เคียงชิดบิดกายซ้อน เร่งรู้เร่งรัก หญิงร้ายระร่านร้อน ร่านตน คงอยากได้ผัวจน .อดกลั้น ได้ฤๅ ทำตัวร่านร้อนรน .เยี่ยงแรด คงกระสันอัดอั้น .ปรี่เข้าหาชาย อยากเตือนนางให้ห่าง .ตัวชาย อย่าเร่งร้อนเสนอกาย ..ร่างเนื้อ จะไร้ซึ่งความหมาย ใจง่าย จะทอดทิ้งสิ้นเหยื้อ ..เมื่อเจ้าไร้ค่า
อารมณ์ดี...มีรอยยิ้ม พริ้มบนหน้า ส่งแววตา หน้าสดใส ให้สุขสันต์ อารมณ์ร้าย...คล้ายโกรธใคร ได้ทั้งวัน ไม่สรวลเส เฮสันต์ กันกับใคร อารมณ์เลว...เหมือนเปลวไฟ ไหม้ทุกอย่าง ใครกีดทาง มาขวางกั้น มันเผาไหม้ อารมณ์คน...มันก็เคลื่อน เหมือนเลื่อนไป เร็วทันใจ ไม่ทันเปลี่ยน เวียนหมุนพลัน อารมณ์ร้อน...ก่อนจะเย็น เหมือนเป็นบ้า ใครพูดมา หาเสียงใด ไม่ขบขัน อารมณ์เย็น...เป็นเช่นนี้ ดีทั้งวัน มีแต่เรื่อง เฟื่องขำขัน พลันเฮฮา อารมณ์คุณ...คุ้นว่าเป็น เช่นแบบไหน ดีหรือร้าย คล้ายเลวร้อน ค่อนหนักหนา อารมณ์ไหน...ใคร่ควรรู้ คู่ปัญญา และรู้ว่า อารมณ์ไหน ควรใคร่เป็น
ล้มแล้วลุก....ปลุกตนพ้นตมปลัก ล้มแล้วลุก....ตั้งหลักให้มั่นหนา ล้มแล้วลุก....ก้าวต่อไปในมรรคา ล้มแล้วลุก....จนกว่าจะถึงชัย ล้มแล้วลุก....หยัดยืนขึ้นทายท้า ล้มแล้วลุก....หันหน้าสู่ฟ้าใหม่ ล้มแล้วลุก....อย่าหวั่นจงมั่นใจ ล้มแล้วลุก....สู้ต่อไปไม่ต้องกลัว แม้นวันนี้เหนื่อยนักไม่อยากลุก หรือวันนี้แสนทุกข์ดังฟ้าสลัว เหมือนชีวิตสิ้นทางออกเยี่ยงหมอกมัว ขออย่ากลัว....จงเร่งสร้างกำลังใจ ถึงจะล้มอีกกี่ร้อยกี่พันครั้ง อย่าสิ้นหวังสิ้นศรัทธาอย่าสงสัย จงเร่งเพิ่มเติมหวังพลังใจ แล้วก้าวไปสู่จุดฝัน...อันหมายปอง ** ด้วยรักและปรารถนาดี แด่ทุกดวงใจที่อ่อนล้า **
เห็นครอบครัวซาเล้งข้างถนน พ่อแม่ลูกเวียนวนกันค้นหา เก็บขยะไปขายได้เงินมา แค่พอเลี้ยงชีวาไปวันวัน แล้วทำไมตัวฉันต้องท้อถอย มีคนอีกไม่น้อยด้อยกว่าฉัน คนที่มีปัญหาสารพัน มีมากมายใช่ฉันเพียงคนเดียว.
แค่สายลมพัดผ่าน แค่สายลมพัดผ่าน.ใจสั่นไหว แค่ใบไม้ร่วงหล่น ..แล้วลับหาย แค่ชีวิต หนึ่งนี้ที่เดียวดาย เพราะใจ-กาย ของเราอย่าเศร้าเกิน พรหมลิขิต ให้เรา มาใช้กรรม บุญพานำ ให้เรา อย่าห่างเหิน หนทางธรรม นำเราให้ก้าวเดิน ต่อเผชิญ กรรมหนัก ก็ลับลา ท่องเอาไว้ให้จิตมิสิ้นสร่าง แค่สายลมพัดผ่าน อย่าเหนื่อยล้า แม้นวันนี้ มันหนัก เกินอุรา พรุ่งนี้แสงเจิดจ้า ..มาอีกวัน