ชีวิตเพื่ออวดโอ้........ชีวิต
ความสุขอันสุจริต........จับต้อง
ยุคสมัยสมัครสมานมิตร..........มุมใหม่
อินสะตาแกรมร้อง.......เรตติ้งตามกระแส
แท้ใช้ชีวิตแล้ว........หลากหลาย ทางเลือกใหม่มากมาย........เมคด้วย การอวดหนึ่งไลฟ์สไตล์........ทางหนึ่ง ชอบก็ดูก่อนม้วย............หมดสิ้นชีวา
เกิดเป็นคนจำต้องทนสารพัด ทนจรจัดเวียนว่ายวัฏฏ์สงสาร ตายแล้วเกิดเกิดแล้วตายกี่วายปราณ กี่กัปป์กาลผ่านพ้นทนกันไป ท่ามวัฏฏะสงสารกี่ล้านชาติ กองกระดูกมิอาจคำนวนได้ กว่าจะลุถึงฝั่งที่ตั้งใจ ต้องลุยไฟลุยตมกันนมนาน เกิดเป็นคนต้องทนให้เขาด่า ทนให้เขานินทาอย่ากล้าหาญ เสียงสรรเสริญเยินยอก่อรำคาญ สุขทุกข์ผ่านกำหนดให้อดทน แม้ปากหมูปากหมาที่ว่าแย่ ก็ยังแพ้ปากมนุษย์ชั่งขุดค้น โลกวุ่นวายร้ายดีที่ปากคน ลมปากพ่นเพียงนิดก็ติดไฟ เกิดเป็นคนหากไม่ทนให้เขาด่า ย่อมเสียทีที่เกิดมาคุณว่าไหม แม้จะทำชั่วดีย่อมมีใคร ที่ปากไวปากพล่อยคอยนินทา อยู่เฉยๆท่านเอ๋ยไม่ต้องคิด ว่าจะรอดจากพิษคำเขาว่า โน่นแนะองค์พระพุทธปฏิมา ก็ยังโดนครหาให้ราคิน เกิดเป็นคนจึงต้องทนสารพัด กว่าจะหยุดจรจัดวัฏฏะสิ้น ทนเกิดแก่เจ็บตายกายพังภินท์ อีกติฉินนินทาคำด่าคน ทั้งสุข-ทุกข์ ดี-ชอบ ระบอบโลก อันชุ่มโชกซัดมาดังห่าฝน เป็นบทเรียนเพียรมอบทดสอบตน ใครผ่านพ้นดลลิบ.....ถึงนิพพาน.....
ปลาบู่..น่าเบื่อเชื่อหรือ ? เชื่อถือ ทื่อถ้อย ปล่อยข่าว กุเก่งเปล่งเปรื่องเรื่องราว ตู่เก่าเต้ายามสามตา ได้ยินได้ฟัง ยังหวั่น ! หากมันนั้นแน่ แท้หนา ปลาบู่ รู้ยิ่งจริงว่า อวิชชา ท้าทายผายผล ยังมีส่วนหนึ่ง คะนึงนี้ วิธี วิพากษ์มากล้น รักตัวกลัวตายวายชนม์ หลงกลจนทุกข์ สุขไม่ พุทธะ.. จะแจ้ง คำสอน จงนิ่งแน่นอนผ่อนไว้ ทุกสิ่งเห็นชัด ปัจจัย เบ็ดเสร็จ เท็จไคล้ ..ในความ กาลามสูตร ..หยุดได้ ตรัสไว้ ไตร่ตรอง มองข้าม ควรเชื่อหรือไม่? ใช่ตาม ๑๐ ความ.. อย่าเชื่อ เมื่อเจอ ! @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ปลาบู่ถามผมว่าอีก 27 ปี พ.ศ.อะไร ? (2544) จะมีเครื่องบินชนตึก อีก 30 ปี พ.ศ.อะไร ? (2547) จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก อีก 35 ปี พ.ศ.อะไร? (2552) จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง " ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหว มีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 24.00 น.) @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ กาลามสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกอีกอย่างว่า เกสปุตติยสูตร หรือเกสปุตตสูตร ก็มี) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ ปั
สองปีกว่าจากไกลไปแนวหน้า หว่านเม็ดพืชนานาในทุ่งท้น เก็บเกี่ยวกลืนฝืนฝาดกาจผจญ ประจักษ์จริงขุ่นข้นคละคลุ้งคาว . วิถีทุ่งวิถีนาวิถีมนุษย์ วิถีทางสิ้นสุดลงดับด้าว ภูเขาสูงผาชันกลั่นเรื่องราว จะโดดดิ่งดุ่มก้าวหรือถอยไกล มองเบื้องหลังล้วนหน้าปัจจามิตร คอยทิ่มแทงหวังปลิดชีวิตไหม้ กระหน่ำแทงสับฉึกทะลวงใน ควานลึกล้วงบั่นใส้ชอนไชจินต์ โลหิตแดงพร่างพรายกระจายเกลื่อน ในสำนึกย้ำเตือนไม่สร่างสิ้น เมื่อขาก้าวเท้ากล้าฝ่าชีวิน โสตสดับมิยลยินทุกย้ำเตือน แม้ถาโถมพัวพันกระชั้นสู้ ยิ่งหนักหน่วงพันตูเข้าเชือดเฉือน ถีบโถมแรงยิ่งสะท้อนย้อนสะเทือน ตาต่อตาก็ดูเหมือนเข้าทางมัน ณ. ยอดผาปลายภูของรู้สึก มิลดละสำนึกในทางฝัน มายืนหยัดตั้งอยู่บนผาชัน วางความอยากแล้วกลับหันสู่ความจริง จึ่งเห็นโลกวิมุติพิสุทธิ์สว่าง ความอยากหยาบละวางสลัดทิ้ง สงบจิตตั้งมั่นไม่ไหวติง บนยอดภูสงบนิ่งวิมุติ...กรรม
ถึงฉัน... ดอกไม้กับแจกัน ดอกไม้ที่มันดูสวยมาใส่แจกัน ได้ถามมันไหมว่าโดนบังคับ หรือสมัครใจ มีคนพรากมันมา อำลากิ่งก้านใบแหละสุดท้าย มาร้องไห้บนแจกัน แหละฉันก็รู้ว่าเธอก็รักก็ห่วงเท่าไรจะไปทางไหน ก็มีเธอเคยบอกกับฉัน ใจจริงก็รักเธอ ทั้งรักและผูกพัน แต่มันทน ทำตามต่อไปไม่ไหว แค่อยากเป็นตัวเอง อยากเป็นตัวฉันคนเดิม อย่าเติมอะไรลงไป ฉันเคยเหนื่อยใช้ชีวิตหนักๆ มีรักก็อยากให้ผ่อนคลาย อยากให้รักฉันอย่างที่เป็นฉันจริงๆอย่าทำให้เป็นใครๆ รักเธอมากที่สุด แต่มันก็ต้องจากไป วันนี้ฉันขอจากไป ฉันขอไปเป็นตัวเอง อย่าคิดว่า ฉันไม่รักไม่ห่วงใยใคร แค่ขอไปใช้ชีวิตคนเดียว ในแบบลำพัง วันหนึ่งหากพบตัวเองวังเวงหมดหนทาง และสุดท้ายดอกไม้จะกลับมาหาแจกัน จากเธอ จากแจกันถึงดอกไม้ ฉันก็แค่แจกันที่อ่อนไหว เพียงอยากให้ใครดูแลบ้าง ไม่ต้องสบตา ไม่ต้องร่วมทาง ขอเพียงไอบางความอุ่น ..เกิ้อหนุนกัน รักฉันไม่จำเป็นต้องเลิศหรู ไม่ต้องหวานทุกอณูอย่างในฝัน แค่เรามีกันและกัน..สัญญานะ.. จะไม่ไหวหวั่น หากเธอมั่นคง เธอเป็นดอกไม้ ฉันเป็นแจกัน ชีวิตในบางวันอาจไม่ดังประสงค์ เพียงดอกไม้ยังอยู่ ยามแจกันล้มลง คอยเก็บเศษผงเพื่อ.. ต่อเติม..... ฉันมิอาจจะบังคับใคร ใคร หวังเพียงแค่บางหัวใจมาใส่เสริม เพิ่มความหวามไหวให้กับใจดวงเดิม เพื่อเต็มเติมบนทางเดิน... ที่เดียวดาย หากดอกไม้ไม่อยู่คู่แจกัน ชีวิตในบางวัน อาจหมดความหมาย คงมีเพียง เหงา เศร้า
เก็บเล็กผสมน้อยค่อย ๆ เก็บ เอาซุกเหน็บพกห่อพอถูไถ เก็บเล็กผสมน้อยค่อยเก็บไป จากเล็กน้อยเป็นมากมายด้วยใจทน อภัยเล็กอภัยน้อยหมั่นคอยให้ ฝึกฝนใจฝึกฝนจิตคิดกุศล อภัยเล็กอภัยน้อยจากใจตน ย่อมส่งผลสุขสงบพบไมตรี ความดีเล็กความดีน้อยค่อย ๆ สร้าง เปรียบปูทางสู่เมืองแมนแดนสุขี ความดีเล็กความดีน้อยค่อย ๆ ทวี เป็นรังสีเกราะหุ้มคุ้มชีพเอย
วาบ..วาบ วาบเห็นแสง ไฟเรื่อแดงด้วยแรงดูด ควันฉุนแต่คนสูด เสียงซี๊ดซู๊ด..จนตูดลอย ไปไหนเอาไปด้วย ยาคนป่วยช่วยอร่อย เคียงกายไม่ถดถอย วาบบ่อยๆ อร่อยจัง ! มะเร็ง มาเล็งใส่ มหันตภัย ก็ไม่ยั้ง เตือนไปไม่ยอมฟัง ย้อนเสียงดัง ..เรื่องของกู ! ช่องกลางหว่างนิ้วสอง มวนขาวผ่องภัยย่องสู่ ปอดใหญ่ไร้ทางสู้ แฟบกว่าฟู.. รู้วันตาย ถุงลมที่โป่งพอง ก็แค่น้องของโรคร้าย มะเร็งเล็งยิงใส่ จนปอดวาย.. ตายลูกเดียว ! แค่ถ่างนิ้วก็ปลิวหาย เจ้ามวนร้ายก็ไม่เกี่ยว เสรีแท้แน่นักเชียว ทาสเด็ดเดี่ยวได้เป็นไท มืดบอดตลอดกาล น่าสงสารขาดมันไม่ได้ หลงมั่นแค่ควันไฟ บอกขอตายพร้อมมันดู วาบ..วาบ วาบเห็นแสง กองฟอนแดง แจ้งให้รู้ หลุดพ้น เรื่องตนกู น่าหดหู่.. ตัวกูพ่าย ! แหละสุดท้าย ..ไฟก็กินคน ! @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ๓๑ พ.ค. ๕๕ ... รำลึกวันงดสูบบุหรี่โลก จากการสำรวจพบว่าผู้ที่เป็นมะเร็งปอดนั้น ร้อยละ 90 เป็นผลเนื่องมาจากการสูบบุหรี่ โดยมีผลวิจัยระบุว่า ผู้ที่สูบบุหรี่เกินวันละ 1 ซอง จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 5-20 เท่า ผู้ที่สูบบุหรี่ยังเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ อาจมีอาการไอเรื้อรัง บางครั้งไอถี่จนไม่สามารถนอนได้ นอกจากนี้ทาร์ในควันบุหรี่จะสะสมอยู่ในปอด จะทำให้เป็นโรคถุงลมโป่งพอง ทำให้หายใจขัด หอบ และหากเป็นเรื้อรังอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ง่ายเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นยังพบว่าการสูบบุหรี่ ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ
ดุจดวงดาวเริงร่านภากาศ พราวพิลาสเพียงมณีมิมีหมอง เจิดแจรงแสงนวลชวนใจปอง หลงแสงทองของจันทร์ริมฝั่งชล จากลุ่มน้ำแดนไกลในสมุทร มิอาจฉุดดวงดาวพราวเวหน บุญบันดาลสมหวังดังกมล ดุจเพลงมนต์...จันทร์เจ้า...คงเข้าใจ ขอเพียงนวลแสงจันทร์อันไพจิตร เนรมิตจันทร์แจรงเป็นแสงไข ลิบลิบดาวดวงเด่นเห็นรำไร คงไม่ไกลมือคว้ามาแนบทรวง *************************
ที่สุดท้ายก็จบลงที่ตรงนี้ เพียงความดีเหลือไว้ให้กล่าวขาน เถ้าสู่เถ้าดินสู่ดินสุดสิ้นกัน เพียงลูกหลานพึงสังวรณ์ก่อนจากลา ว่าพ่อแม่แก่เฒ่าเฝ้าพันผูก ถนอมลูกตั้งแต่ยังไม่ประสา จนเติบใหญ่กล้าแกร่งแรงฤทธา จึงจากลาเจ้าไปไม่หวนคืน เจ้าอยู่หลังจงตั้งระวังจิต จงหมั่นคิดว่ามนุษย์สุดจะฝืน ในภายหน้าลูกของเจ้าคงมายืน โหยสะอื้นส่งเจ้าเข้าเตาไฟ อนิจจาโลกมนุษย์ก็ฉะนี้ เพียรทำดีกันไว้เถิดลูกทั้งหลาย พ่อแม่สั่งสอนเจ้าจวบชีพวาย ต่อนี้ไปจะไม่ได้มาเยี่ยมเยือน จะจากลาเจ้าไปแล้วนะลูกรัก จงรู้จักรักษาตัวให้ดีเหมือน ดั่งพ่อแม่รักษาเจ้าเฝ้าตักเตือน อย่าลืมเลือนที่พร่ำสอนก่อนจากลาฯ
จะกล่าวหา ว่าใคร ให้มีหลัก ควรประจักษ์ เห็นแจ้ง แหล่งที่หมาย มิไช่แต่ง เรื่องมา ฆ่าทำลาย มันเลวร้าย ยิ่งเหลือ เบื่อเสียจริง ผู้ที่ถูก กล่าวหา ว่าผู้ร้าย ต้องวุ่นวาย ยุ่งยาก ลำบากยิ่ง สังคมต่าง รุมด่า ถ้าจะจริง นี่คือสิ่ง ที่มันเกิด ละเมิดกัน คนโวยวาย ว่าเขา เอาตัวรอด คนที่จอด ต้องแก้ แย่ไหมนั่น ต้องเสียทรัพย์ เสียชื่อ คนลือกัน ขอยืนยัน เรื่องแบบนี้ เคยมีมา คนชี้เขา ว่าร้าย คล้ายหาเรื่อง กบิลเมือง ต้องเอาผิด ถอนพิษบ้า ใช่ปล่อยให้ เพลิดเพลิน เดินไปมา สร้างเรื่องด่า ไม่เว้นว่าง อย่างทุกที
อีกหนึ่งปี ล่วงไป นึกใจหาย ปีกลายคล้าย พริบตา พึ่งลาผ่าน วัน,เวลา ผาดผัง ดังสายธาร อายุกาล ชรา มาอีกปี เด็กรุ่นเยาว์ เข้มแข็ง แกร่งกว่าเก่า ส่วนผู้เฒ่า กลับร่วงโรย โหยแทนที่ สังขารคน เราหนอ ก็เท่านี้ ทุกนาที เปลี่ยนไป ไม่คงทน แก่หนึ่งปี สั้นหนึ่งปี ผองชีวิต มิมีสิทธิ์ อุทธรณ์ วอนเหตุผล เมื่อยังอยู่ กาลัญญู รู้ผ่อนปรน อย่าจำนน พ่ายแพ้ แก่อามิส ปีเก่าสร้าง ประโยชน์ หรือโทษไว้ ลองถามใจ ใคร่ครวญ ทวนจริต สิ่งใดพึง แก้ไข ใช่เพียงคิด เร่งพินิจ ขยับ ปรับปรุงตน ทำปีใหม่ ให้ดี เหนือปีก่อน บุญจะย้อน ทำนุ เกิดกุศล ขอพรเทพ เทวา เมตตาดล มอบปวงชน พูนสุข ทุกปีเทอญ
คำกลอนของท่านพุทธทาสมีมากกว่า 100 บท แต่ละบทมีเนื้อหาสาระและมีความไพเราะเพราะพริ้งราวกวีรังสรรค์ ดังที่ผมคัดสรรมาสำหรับประกอบบทความในครั้งนี้เพียง 4 บท บทกลอนสอนใจบทแรก ท่านตั้งหัวข้อว่า มองแต่แง่ดีเถิด (บทกลอนบทนี้จัดว่าเป็นกลอนยอดฮิต คนทั่วไปมักรู้จักและท่องได้) เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่ เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง บทกลอนที่ 2 ว่าด้วย เป็นอยู่ด้วยจิตว่าง จงทำงาน ทุกชนิด ด้วยจิตว่าง ยกผลงาน ให้ความว่าง ทุกอย่างสิ้น กินอาหาร ของความว่าง อย่างพระกิน ตายเสร็จสิ้น แล้วในตัว แต่หัวที ท่านผู้ใด ว่างได้ ดังว่ามา ไม่มีท่า ทุกข์ทน หม่นหมองศรี ศิลปะ ในชีวิต ชนิดนี้ เป็น เคล็ด ที่ ใครคิดได้ สบายเอย บทกลอนที่ 3 ว่าด้วย การงานคือการปฏิบัติธรรม อันการงาน คือคุณค่า ของมนุษย์ ของมีเกียรติ สูงสุด อย่าสงสัย ถ้าสนุก ด้วยการงาน เบิกบานใจ ไม่เท่าไร ได้รู้ธรรม ฉ่ำซึ่งจริง เพราะการงาน เป็นตัวการ ประพฤติธรรม กุศลกรรม กล้ำปนมา มีค่ายิ่ง ถ้าจะเปรียบ ก็เปรียบคน ฉลาดยิง นัดเดียววิ่ง เก็บนก หลายพวกมา คือการงาน นั้นต้องทำ ด้วยสติ มีสมาธิ ขันติ มีอุตสาห์ มีสัจจะ มีทมะ มีปัญญา มีศรัทธา และกล้าหาญ รักงานจริง สุดท้ายเป็น
ถึงคราวโศก โลกจะหลับ ดับสลาย อีกกี่กาย จะหายพ้น คนรอดหนี จะเหลือรอด ปลอดภัย ไหมชีวี ถ้าโลกนี้ พิโรธ โกรธแค้นเรา เขาจะล้าง สร้างโลกใหม่ ให้แปรเปลี่ยน จะหมุนเวียน เขียนโลกไป ตามใจเขา สร้างสิ่งนั้น สรรค์สิ้งนี้ ที่อยากเอา ยกเว้นเรา เงามนุษย์ สุดเลวทราม ทำร้ายโลก ให้โศกแทบ จะแสบสัน ทนมานาน ผ่านกัปกัลป์ มันสุดหยาม เอาชีวิต จิตวิญญาณ สันดารทราม ไปสังเวย สวาปาม ตามพอใจ เมื่อโลกโกรธ จะมาโทษ โกรธเคืองโลก เขาต้องโศก โลกร้องไห้ ใครรู้ไหม มนุษย์ทำโลก โศกทุกข์ ลุกเป็นไฟ แล้วจะมา พิร่ำพิไร ทำไมกัน ตอนนี้ถึง ซึ่งเวลา โลกฆ่าคน เหตุและผล คนฆ่าโลก ให้โศกศัลย์ โลกเอาคืน ฝืนชะตา หาได้ทัน หนีทุกวัน มันไม่พ้น คนต้องตาย น้ำท่วมโลก โชคร้ายซัด พัดมาหา รู้ชะตา ว่าโลกพัง กำลังสลาย ช้าไปแล้ว แคล้วไม่พ้น ชนย์วางวาย ถึงคิดได้ ก็ต้องตาย กันอยู่ดี
สถาบันครอบครัวหัวใจมนุษย์ คงจะหยุดเติบโตโอ้อนาถ ความรักใช่ครองคู่อยู่วิวาท หากพลั้งพลาดสาดโคลนโยนทันที มีคู่ครองไม่รักมักไม่รอด ขาดรักจอดจบกันหันหน้าหนี สร้างปัญหาสังคมทับถมทวี ลูกไม่มีพ่อแม่ดูแลใจ ใครขวางเขาว่าบ้าน่าสมเพช แสนสังเวชตามกันฝันสดใส ไร้ศีลธรรมมีภูมิต้านทานใจ ตามกันไปสังคมล้มละลาย คล้ายมนุษย์คงใกล้อวสาน เพราะลูกหลานทำตนจนใกล้สาย รักสนุกสูญพันธ์กันวอดวาย ครอบครัวรุ่นสุดท้ายชายหญิงไทย
เพราะจิตดวงใสใจเสรี อัญมณีไพรดวงนี้เฝ้าค้นหา เปิดใจกว้างเรียนรู้โลกโศกมายา นานาหลุมพรางต่างอ้างกัน เหลืองแสนดีพลีชีพเฝ้าจงรัก แดงป้องปักกษัตราพาเสกสรร แดงเสียใจถูกใส่ร้ายใช่เช่นนั้น ต่างห้ำหั่นผองข้ารากหญ้าชน เพียงสงบค้นให้พบหลุมลวงพราง ที่กล่าวอ้างชาติวิบัติทุกข์สับสน ใช้ปัญญามาไตร่ตรองไร้ตัวตน ลึกซึ้งจนต้องรินน้ำตาแด่ฟ้าไทย ลูกรักชาติรักศาสน์กษัตรา รักชาวนาชาวไร่ใต้ฟ้าใส รักยุติธรรมนำโลกประชาธิปไตย รักน้ำใจยิ้มสยามนิยามไท หากลึกลับซับซ้อนขั้นตอนรู้ ใช่เพียงดูฉากหน้าเรื่องราวไหน ศึกษาด้วยปัญญาจักเข้าใจ ว่าเหตุใดชาติแบ่งแยกแตกสามัคคี เพื่อบางคนกระนั้นใช่ละหรือ โหมคำลือสื่อสิ้นไร้ซึ่งศักดิ์ศรี แท้ความจริงไม่เคยตายในปฐพี ใครจะดีจะร้ายใช่ช้านาน เล่นกันในระบอบชอบด้วยกฏกติกา ศรัทธาประชาธิปไตยคอยสร้างสาน รัฐธรรมนูญวางไว้ด้วยหลักการ รัฐประหารกี่คราพาล่มจม ลึกลึกมิอาจกล่าวหนาววิปโยค ค้นพบโศกจากอำนาจที่ห้อมห่ม ก่อกรรมเวรมากมายชนระทม น่าขื่นขมกับเรื่องราวหนาวดวงใจ กราบมิ่งมหากษัตราศรัทธายิ่ง เหนือทุกสิ่งน้ำพระทัยดั่งเพชรใส หวังแผ่นดินใต้ร่มฉัตรรัตนตรัย ธำรงไทด้วยทรงทศพิธราชธรรม....! รัตนโกสินทร์เรืองรองดั่งทองทา..! รัตนโกสินทร์ยังสงบงามนิยามค่า มายาลมหายใจได้ฝากฝัน ทำความดีพลีเมตตาให้แบ่งปัน เธอและฉันหลอมรวมใจสะสมบุญ รักษางามทั้งนอกในใจพิสุทธิ์ โลกสมมุติยังคงเฝ้าเวียนหมุน โอบเอื้อรักจากใจละไ
ทุกคนเคยทำผิดอย่าคิดโกรธ การยกโทษนั้นดีมีคุณหนอ ถ้าฉันทำผิดไปไม่รั้งรอ เอ่ยคำขอโทษด้วยช่วยอภัยกัน ฉันมีความไม่ดีนี้มากนัก แม้ไม่รักอย่าเกลียดหรือเดียดฉันท์ อภัยได้ขอให้อย่าไล่กัน เพราะฉันนั้นรักเพื่อนเหมือนครอบครัว อันความรักงดงามทุกยามคิด รักเำื่ป็นมิตรจิตใจให้ยิ้มหัว รักกันในบ้านกลอนสอนใจตัว รักกันทั่วทุกคนบนลานกวี มองคนในแง่ดีไม่มีร้าย เกิดแล้วตายทุกคนยากพ้นหนี จิตใจเพียงเมตตาทุกนาที รักเป็นพี่น้องกันสุขสันต์เพลิน