ดาวน้อย ยามเดือนดับนับดาวเฝ้าเหงาหงอย จิตระห้อยถึงสิ่งเคยอิงไสว แสงแห่งโคมสาดส่องละอองใจ วาบหวามไหวยามแลชะแง้มอง ค่ำคืนนี้มีแต่ดาวพราวพร่างฟ้า ไร้จันทราขาดเจ้าเฝ้าเคล้าสนอง ความผุดผ่องหายไปในสิ่งปอง ได้แต่จ้องดาวเจ้าเฝ้าใฝ่คนึง เฝ้าแต่มองดาวระยิบพริบแสงส่อง เคยประคองน้องเจ้าเคล้าคิดถึง ต่างชี้ชวนชมจันทร์พลันรำพึง ม่านดาวซึ้งประกายใจใฝ่รำพัน ช่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวไว้ไร้นวลโสม เคยเป็นโคมนำส่องสองสุขสันต์ เหลือดาวน้อยลอยอยู่ไร้คู่จันทร์ พราวแสงนั้นระห้อยย้อยอาลัย คล้ายตัวฉันบัดนี้ที่คอยเฝ้า นั่งจับเจ่าเคล้าดาวเฝ้าอาศัย อยู่เป็นเพื่อนคอยโฉมโน้มไฉไล กาลผ่านไปเมื่อไหร่ได้คลอเคียง ดึกแล้วหนอน้ำค้างกลางเวหน หยาดล่วงหล่นทาบกายไร้สุ่มเสียง เย็นหนาวสั่นแต่ใจใคร่โลมเรียง เหมือนไฟเพนียงสุมอกฟกช้ำใจ ดุจดาวน้อยระห้อยหวนครวญโสมเจ้า ยากคลอเคล้าแสงส่องหมองสดใส ค่ำคืนมืดจืดจางระหว่างภายใน ดุจข้าไซร้ปั่นป่วนล้วนแต่คอย ตราบดาวน้อยลอยลับจับแนวฟ้า โอ้ดาราพราวระยิบพริบแสงย้อย ทอทาบฝากจากไปไร้ร่องรอย แสนระห้อยหัวใจไร้คนมอง. แก้วประเสริฐ.
นึกภาพเก่ามากี่ครั้งยังรู้ว่า ที่ติดตาติดใจไม่ลืมหลง เพราะติดอยู่ที่ในใจลืมไม่ลง ภาพยังคงพิมพ์ประทับกับดวงใจ เห็นแต่ภาพดวงหน้า ตราตรึงจิต ปานจะปลิดรอนอารมณ์เกินข่มไหว ฝังใจไว้ลึกสุดห้วงของทรวงใน ฝังเอาไว้ในอาวรณ์อ้อนอารมณ์ ขมขื่นนักรักพาใจให้ขมขื่น ไม่เคยรื่นรมย์อะไรเมื่อใจขม ชืดจางร้างไร้ใครชื่นชม ร้างระทม เท่าไหร่ไม่เลิกรา คิดถึงมากจากทั้งใจ ไม่สิ้นสุด ไม่เคยหยุดความคิดถึงคนึงหา ห่างแสนห่างทางก็ไกลไปสุดตา สุดจะพาสองหัวใจไปใกล้กัน อยากใกล้เพียงยินเสียงใจเต้นในทรวง คงเหมือนล่วงลุถึงซึ่งสวรรค์ แต่หากเธอแล้งน้ำใจไม่แบ่งปัน วันทั้งวันคงได้แค่ท้อแท้ใจ รอ.. คำเดียว คำหนึ่งนั้นมันแสนหนัก รอ ความรักจะมาถึงซึ่งวันไหน รอ ด้วยหวังรั้งด้วยหวามถึงทรามวัย รอ กันไว้ไร้กังวล จะทนรอ..
หว่านเมล็ดพันธุ์ให้หัวใจ ห้วงหัวใจสานฝันวันระวี เกิดก่อมีรักใหม่ใจเรียกหา สานสิ่งเอื้อเกื้อหนุนเจือจุนมา บ่มเวลาด้วยรักจักงดงาม รดน้ำใจรินน้ำใจให้เต็มใจ ทุกข์สุขอยู่อย่างไรได้ไต่ถาม เฝ้าคิดถึงห่วงใยในทุกยาม เติมเต็มความรักแท้ให้แก่กัน แล้วจงมอบเมล็ดพันธุ์สรรค์ความสุข เพื่อลดเลือนความทุกข์กระตุกขวัญ รอดอกรักเบิกบานระหว่างวัน ปล่อยดวงใจดวงนั้นละวางตน จะได้อยู่กับตัวเมื่อมัวหมอง อยู่กับห้องหัวใจในบางหน เฝ้าดูแลเมล็ดพันธุ์หว่านใจตน เพียรขุดก่นพรวนดินถิ่นหัวใจ และจะได้รดน้ำใจให้ต้นรัก สานทอถักกิ่งต้นจนใบใหม่ รอดอกบานผลิผลล้นหัวใจ รู้ความหมายดอกผลรักตนเอง เพื่อจะได้ยืนได้เมื่อไร้รัก เหลือดอกบานทักทายไล่ข่มเหง เมื่อกลับมาคนเดียวเปลี่ยววังเวง ฮำบทเพลงส่งท้ายในความหลัง ในตอนนั้นแผ่นดินใจอุดมแล้ว ด้วยหน่อแนวเมล็ดพันธุ์สรรค์ความหวัง เติมน้ำใจเต็มใจได้พลัง เฝ้าฝากฝังพันธุ์ไว้ในเวลา และจะได้รู้จักรักที่แท้ ใจแน่วแน่รื้อพังข้อกังขา วันทุกข์เกี่ยวเกาะรั้งพันธนา เมล็ดกล้าจะเติบโตมาคุ้มครอง โรยละอองเกสรให้หัวใจ อ่อนละมุนกรุ่นละไมขับไล่หมอง วันความเหงาตรวนปักตอกหลักจอง แต่ได้มองและยิ้มให้ไม้ต้นงาม .................. วันความเหงาตรวนปักตอกหลักจอง ยังได้มองเห็นว่ารักตัวเอง ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
ไปนอนเถิดแล้วเจ้าจงหลับตา ฝันให้เหมือนดังว่าพี่กอดเจ้า จูบที่ตรงไรผมจรดรุ่งเช้า กระซิบถ้อยแผ่วเบาว่ารักนัก หนาวก็ห่มผ้าห่มให้อบอุ่น หมอนก็หนุนที่ยัดนุ่นจนแน่นหนัก นอนที่นอนอย่าให้นุ่มเกินไปนัก ตื่นเช้าเจ้าจักปวดเมื่อยตัว ไกลเกินสองแขนจะไปกอด จึงอ้อนออดด้วยคำน่าใคร่หัว เถิดหัวเราะแต่อย่าเยาะให้หมองมัว คิดถึงตัวหรอกจึงพล่อยด้วยถ้อยคำ ไปนอนเถิดแล้วเจ้าจงหลับตา คิดถึงนักหนา-ตั้งแต่เมื่อหัวค่ำ ฝนปรอยปรอยความคิดถึงก็พรำพรำ นอนเถิดนอน อย่ามาขำ-นี่พูดจริง
ตะวันล้าลาลับกับโค้งฟ้า หวั่นผวาคราไกลหัวใจเอ๋ย สงสารนักรักเราที่เฝ้าเชย จำใจเอ่ยคำลาด้วยอาลัย ตาสบตาครากล่าวถึงคราวจาก เพราะรักมากยากข่มอารมณ์ไหว กลืนน้ำตาบ่ารินแทบสิ้นใจ รักกว่าใครใจข่มยอมตรมตรอม เถอะเมื่อถึงซึ่งพร้อมยอมจำนน ที่ทุกข์ทนพ้นสิ้นเหลือกลิ่นหอม ยอมถอยร้างห่างไกลใช่ยินยอม รักถนอมออมไว้เพียงใจเรา รักยังคงตรงมั่นในฝันสวย รักยังช่วยด้วยห่มเพื่อข่มเหงา รักยังแรงแฝงเร้นเห็นเพียงเงา รักยังเฝ้าดูแลแม้ห่างไกล จูบประทับรับไว้เพียงใจนี้ ล้านวจีบันทึกผนึกไว้ ห้วงคิดถึงตรึงจิตสนิทใน ทุกห่วงใยบันทึกจารึกรอย ตะวันล้าลาไกลจำใจฝืน เก็บรักคืนตื่นตนจำร่นถอย ส่งเขาคืนชื่นรักที่จักคอย เก็บเพียงถ้อย...;ร้อยไว้...ในสัญญา ภาพถ่ายจากโรงแรมแอมบาสเดอร์หาดจอมเทียนพัทยา วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๓ ครูพิม ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓
พี่รักน้องคนดีสุดที่รัก คิดถึงนักคนดีมิมีเหงา คิดถึงมากรักมากยากจะเดา เพราะสองเรารักอยู่มิรู้ลา บอกจะอยู่กับพี่ไม่มีอื่น ใจพี่ชื่นด้วยรักเป็นหนักหนา พอพี่ห่างไปไกลสุดสายตา เจ้าก็มาเปลี่ยนไปให้ใครครอง หรือเขาหนุ่มทุ่มทองมากองให้ จึงแบ่งใจเนื้อเย็นออกเป็นสอง ตำแหน่งพี่ร่อแร่แค่สำรอง น้ำตานองตอนแก่แย่แล้วเรา หัวอกพี่ก่องกิกต้องพลิกผัน พี่ต้องกลั้นน้ำตาพาใจเหงา ความเจ็บช้ำน้ำใจไม่บางเบา แก่แล้วเราขอโทษอย่าโกรธเลย
มองภาพถ่ายของเธอใส่ชุดครุย เป็นเพื่อนคุยในวันที่หวาดไหว แม้บัดนี้ มิมีเธอ อีกต่อไป แต่ก็ยังแย้มยิ้มได้กับภาพเธอ นั่นจิ๊กซอว์เธอต่อรักสลักใจ ยังซ่อนงามความนัยสมัยเสมอ เห็นทุกคราวฝันทุกครั้งยังละเมอ เธอแสนสวย เลิศเลอ ทุกเวลา วันเธอรับปริญญาในครานั้น ฉันตื่นเต้นตื้นตันเป็นนักหนา จับรถด่วน ขบวนสุดท้ายสายยะลา ให้ทันวันที่รอท่าปัตตานี จากวันนั้นจนวันนี้เก้าปีกว่า ภาพถ่ายเธอที่ตรงหน้า ณ.ตรงนี้ ที่ซึ่งกายหายห่างร้างไมตรี แต่ฉันมีมากมายไม่หายไป บางทีเผลอ ยังเพ้อ เอ่ยถามทัก ว่า "ยอดรักเธอเหนื่อยหนักบ้างหรือไม่" ในวันนี้คนดีเป็นอย่างไร มีหรือไม่ใครดูแลถ้าแพ้มา มีชายหนุ่ม มองรูปคุณ ยังอุ่นจิต แม้วันหนึ่งเคยพ่ายพิษรักนักหนา วันคนรัก เผยฝากออกปากลา กลายเป็นคนแปลกหน้าแปลกหัวใจ เคยเศร้าสร้อยงานการคร้านจะคิด ชังชีวิตหน่ายชีวาไม่กล้าไข- ความท้อทดหมดหวังพลังชัย ปล่อยให้วันให้วัย ช่วยเยียวยา มองภาพถ่าย เธอใส่ครุยในครานี้ อาจมีบ้างบางทีที่โหยหา แต่ฉันมี ความสุข นะเธอนะ ! ได้คิดถึงปรารถนาที่หัวใจ ยังจำได้วันที่เคยทุกข์ท้อ เธอช่วยติช่วยต่อพลังให้ ขอขอบคุณ สัมพันธ์รัก สลักไว้ ช่วยทำให้ เข้าใจในรักแท้ วันที่ฉันนั้นยังคิดถึงเธอ รู้เพ้อเจ้อถึงอะไรมิได้แน่ ภาพงดงาม ทุกความหมายฉันฉายแล รู้เถอะแค่ ใจระลึกรู้สึกมี ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยมีความรัก และดีงามยิ่งนัก รักหรือนี่ เธอคือ คนแรกที่ฉันมี เป็นคนเดียว ตรงนี้เส
ใครคนนั้น ฉันซึ่ง คิดถึงเขา เคยหยอกเย้า ล้อเล่น เป็นเพื่อนพี่ กับได้สอน กลอนกานท์ สานวลี มิตรไมตรี ผูกพัน เมื่อวันวาน นับถือฉัน เป็นครู ผู้สอนสั่ง แม้บางครั้ง กวนใจ ด้วยไขขาน แต่ก็ดู เริงร่า หน้าเบิกบาน ช่วยสืบสาน งานกลอน ตอนปีกลาย เธอหายหน้า ลาไป ที่ใดหนอ เราเฝ้ารอ ห่วงหา พาใจหาย เกรงหนาวเหน็บ เจ็บไข้ ไม่สบาย อยู่ดีร้าย หรือไร ใจกังวล ฝากสายลม บอกมา ว่าคิดถึง สักคำหนึ่ง บอกครู รู้เหตุผล ถ้าอยู่ดี มีสุข ไม่ทุกข์ทน มาเยี่ยมยล คนเหงา ที่เฝ้าคอย
อยุ่ตรงนั้นเธอเป็นยังไงบ้างก็ไมรู้ ใครจะดูแลห่วงใยเธอรักเธอเท่าฉัน ห่าวกันใจฉันหว่งเธอทุกวัน อีกไม่นานคงเจอกันนะคนดี อยู่ตรงนี้ฉันมีแต่ความอ้างว้าง เมื่อไม่มีเธอเดินร่วมทางอยู่เคียงข้าง ความทุกข์ท้อใจเข้ามาอยู่มิจาง คิดถึงเธอมากมายรู้ไหมคนดี อีก7วันเท่านั้นช่วยรอหน่อย จะปลดปล่อยความคิดถึงดัวยการไปพบหน้า สบตาสักนาทีแลวบอกเธอว่าฉันคนนี้ จะไม่มีวันจากเธอไกลเหมือนครั้งนี้ จะคอยดูแลเฝ้าหว่งใยตราบลมหายใจที่มี ตอบแทนทั้งชีวิตที่เธอทำเพื่อฉันเสมอมา คำว่ารักพูดไปคงยังนัอยเกินใจจะเอื่อนเอ่ย คำว่าขอบคุณหมื่นพ้นล้านคำมันคงยังไม่พอเท่ากับสิ่งที่เธอให้กัน เชื่อใจฉันนะคนดีอีกไม่นานเราคงจะได้เจอกัน.......... ฉันรักเธอ
..ไปเขียนแก้ของสะเดามา - (ที่ bookcyber.com) มั่ว Version ........เด้อ *************** ..มองเก้าอี้ยาวในสวนสวย.. ยังคงเต็มไปด้วย วันเวลาเก่า เก่า ครั้งนึง..คือภาพของเรา ที่นั่งบนเก้าอี้ตัวนั้น..ฉันจำได้ดี ..ไม่มีอะไรหลงเหลือจากอดีต นอกจากความทรงจำที่ถูกคั่นขีด..จากนี้ เธอไม่ใช่คนเดิม..ฉันไม่อาจต่อเติมสิ่งดี ดี เหตุผลที่มีคือ ..ฉันไม่ใช่ ..ไม่ใช่ตัวจริงของเธอ เก้าอี้ยาวในสวนสวย.. ตัวนั้น ทนแดดฝนนานนับวัน..ไม่เคยคอยเก้อ ผู้คนผ่านไปมา..ยังนั่งลง เพื่อพบเจอ ต่างกับฉัน ..ที่ได้แต่คอยเหม่อ.. ....รอใครบางคนเก้อ..เนิ่นนาน ..จากนี้ไป แม้ไม่มีใครนั่งลงข้าง-ข้าง ถึงเก้าอี้ยาวจะถูกเปลี่ยนวาง..กลับด้าน ฉันก็ยังทำเช่นเดิม..เหมือนเมื่อวาน คือจะนั่งลง..รอการกลับมา ของใครบางคน ********************************* ผมมั่วน่ะ ..ขอโทษกั๊บ -__-
ก้าวเดินตามมรรคาประสาอยาก สู้ลำบากอดทนดิ้นรนอยู่ วันข้างหน้ามิอาจจะคาดรู้ เพียงเฝ้าดูปัจจุบันงานและเรียน ความเปลี่ยนแปลงแบ่งใจให้คิดต่าง มีหลายอย่างต้องรู้ดูอ่านเขียน อีกต้องปรับปรุงใหม่ใจพากเพียร เพือเท่าทันการเปลี่ยนหมุนเวียนไป ถามความคิดจิตนั้นยังฝันต่อ อาจมีท้ออยู่บ้างตั้งต้นใหม่ หนทางเคยเที่ยวท่องต้องจากไกล ต้องปรับใจปรับตนบนมรรคา อะไรเคยเอ่ยเอื้อนเตือนใครเขา วันนี้เฝ้าน้อมนำย้ำคุณค่า เตือนตนด้วยอวยชัยในเวลา สู้เสาะหาฝั่งฝันหว่างวันคืน คิดถึงบ้านนานเนิ่นที่เดินจาก ดวงใจอยากหวนกลับรับเช้าตื่น ลืมตาเห็นเย็นใจได้กลับยืน หวนหลังคืนสู่ไทยในบัดดล ความเป็นจริงที่เห็นและเป็นอยู่ รุ่งเช้าตรู่เข้างานนั้นอีกหน บ้างเข้าเรียนเปลี่ยนรับปรับกมล เพื่อฝึกตนต่างถิ่นถวิลครวญ Des Moines, WA September 27, 2551
. เรียนจบ......ประจำ......ป่าไม้ โหยให้.......ใจหวน......นวลเจ้า พรากน้อง....มานาน.....นมเนาว์ ท่ามเขา.......ป่าดง.......พงพี . คิดถึง........นวลนาง.....หนักหนา ปกป่า.........นั้นเป็น......หน้าที่ ทางนู้น.......น้องคง.......อยู่ดี ทางนี้.........กลัดกลุ้ม....สุมทรวง . กลางป่า.......ฝ่าฝน.......ทนหนาว รวดร้าว.......กอดปืน......ฝืนง่วง ชีวิต............ลิขิต.........ตามดวง เป็นห่วง.......แต่นาง......ทางนั้น . มาอยู่..........ทางนี้.......เถิดหนา ท่ามป่า........นั้นเป็น......สวรรค์ เพียงเรา........มั่นรัก......ผูกพัน ปลูกฝัน........ด้วยกัน.....แก้วตา
มีคำถามอยู่ในใจคิดไม่ออกจะมีใครช่วยบอกตอบได้ไหม นาฬิกา ระยะทาง หรือหัวใจ เพราะอะไรทำไมต้องร้างลา ระยะทางที่ไกลใช่เหตุผล หัวใจคนต่างหากคือปัญหา หากมั่นคงแต่ไหนแต่ไรมา ให้เวลาพิสูจน์ระยะใจ มีคำถามเอาไว้เป็นข้อสอบ ใครช่วยตอบให้หายคลายสงสัย ว่าเหตุผลเพราะเวลาที่เปลี่ยนไป หรือเหตุผลเป็นเพราะใจคนเปลี่ยนแปลง
เพื่อนรัก ฉันคิดถึงเธอยิ่งนักเพื่อนรักเอ๋ย ด้วยมีเพียงภาพเก่าให้เฝ้าเชย ว่าเธอเคยเกิดก่อบนธรณิน วันนี้เธอล้มหายตายหมดแล้ว ปราศวี่แวว-ยิ่งให้อาลัยถวิล เหลือชื่อคงยงอยู่คู่แดนดิน ย้ำให้ยิน-คิดถึงเธอเสมอมา เนื้อสมัน ฉันคิดถึงเธอนั้นมากนักหนา หวังเห็นเธอสง่างามตามธรรมดา เล็มยอดหญ้าเขียวขจีที่ลออ ปลาหวีเกศ ทั่วประเทศเธอไปอยู่ไหนหนอ ทั้งค่ำเช้าฉันละห้อยอยู่คอยรอ หวังแค่ขอเห็นเธอว่ายกลางสายธาร นกตาพอง ฉันนี้ปองยลเธอเพลินเหินสนาน เธอโบยบินลับหายไปแสนนาน หวังเห็นวารเธอกลับมาร่อนฟ้าไทย และเพื่อนรักอีกมากมายในโลกนี้ ฉันคิดถึงเธอเหลือที่เกินขานไข เธอล่วงลาอาสัญ-ฉันอาลัย เหลือเพียงภาพประทับใจทิ้งให้ยล ฉันคิดถึงเธอจริงจริงมิ่งมิตรรัก และตระหนัก “มนุษย์” หนอผู้ก่อผล แม้นใจหวังปลุกเธอฟื้นคืนชีพชนม์ ก็ต้องหม่น-รักเธอได้ในทรงจำ
คิดถึงเพือนเหมือนกันฉันขอบอก เคยเย้าหยอกคุยกันในวันเหงา เคยค่อนแคะ-แขวะ-แซว-ตามแนวเรา เคยสุข-เศร้า-เมามายมาหลายปี มาตอนนี้ห่างเหินเกินต่อติด เพราะชีวิตบนทางต่างวิถี ต้องดิ้นรนขวนขวายวุ่นวายมี เพื่อสิ่งดีกว่ากันในวันวาน อีกเศรษฐกิจฝืดเคืองบ้านเมืองแย่ เป็นตัวแปรเกินใจจะไขขาน จึงหมดไฟไร้ฝันจะบันดาล เขียนกลอนกานท์เหมือนเก่าโปรดเข้าใจ คิดถึงเพื่อนเหมือนก่อนขอย้อนบอก มิได้นอกใจกันอย่าหวั่นไหว มิได้ติดเฟซบุ๊คสนุกไลน์ ที่หายไปเพราะว่า..ฉันบ้าเกมส์ 555