พิรุณแก้วหล่นร่วงจากห้วงหน หยาดหยดบนกลีบมาลย์ยากทานไหว แรงกระหน่ำเก็จแก้วซัดกลีบใบ ดลดอกให้ช่อบางซบกลางดิน หวั่นสัมพันธ์แห่งรักที่ถักไว้ ยั่งยืนจักแปรไปจนผันผิน ไม่ต่างจากบุษบาต้องหยาดริน ในหัตถ์วรรษาสิ้นซึ่งปราณี ขอฝากคำพร่ำพรอดถึงยอดรัก หวัง..คนภักดิ์..อยู่ไกลไม่หน่ายหนี อาวรณ์หวามข้ามฟ้าเปี่ยมไมตรี ทุกนาทีห่วงใยไม่สร่างซา ว่าแต่ใจอีกดวงที่ห่วงนั้น ยังอาทรผูกพันละห้อยหา ถึงหนึ่งใจที่ไกลสุดสายตา เช่นผ่านมารักหวานทั้งลานทรวง พิรุณหยาดขาดช่วงมิร่วงแล้ว มณีแก้วบอกลาฟากฟ้าสรวง พลิ้วอารมณ์อ่อนไหวในแดดวง ยังโหมห่วงว้าวุ่นครุ่นคำนึง เพียงวลีสักน้อยจากกลอยขวัญ หนึ่งคำมั่นในห้วงความคิดถึง ก็เสมือนโซ่คล้องล่ามล้อมตรึง อีกใจหนึ่งต่างฟากมิพรากกัน รอรับสารแห่งรักจากอีกฟ้า ทอดสัญญาสองใจไม่แปรผัน ปฏิพัทธ์ทุกชาติตราบนิรันดร์ จวบอนันต์สิ้นภพจบวัฏฏา
หากวันใดที่ฉันนั้นไม่อยู่ โปรดจงรู้ว่าฉันยังห่วงและคิดถึง ที่หายไปมิใช่ไม่คนึง ฉันคิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ ฉันมิอยากให้วันนั้นเข้ามาถึง แต่วันหนึ่งมันต้องถึงเธอรู้ใช่ไหม ฉันมิอาจทนอยู่อยางนี้ตลอดไป เธอรู้ใช่ไหมว่าใจฉันข้างในนั้นห่วงใยเธอ อยากให้เวลาเดินไปอย่างช้า ๆ เพราะวันข้างหน้ากำลังจะมาถึง ฉันอยากมีช่วงเวลาดี ๆ นี้ไว้ให้คนึง คอยคิดถึงเธอเมื่อยามอยู่ไกล ยังเป็นห่วงเธออยู่รู้ไช่ไหม ความห่วงใยฉันมีให้เธอเสมอ ถึงอยู่ไกลใจใกล้กับใจเธอ ฉันรักเธอเสมอไม่มีวันเปลี่ยนแปลง...
ฝากความคิดถึง....คำนึงหา แหวกข้ามฟ้าอากาศดาดาษหน หมายส่งถึงหัวใจใครหนึ่งคน แม้ท่วมท้นเกินกว่าเธอเข้าใจ ฝากความห่วงหา....อาทรจิต แพร่ทุกทิศลอยลมพรมพลิ้วไหว ถึงตกหล่นลับเร้นมิเป็นไร ยังดีได้มอบส่งห่วงคงคลาย ฝากความรักไป....ในอากาศ แม้เธออาจมิเข้าใจในความหมาย แต่อย่างน้อยหัวใจได้ระบาย ถึงห่างหายระหว่างทางก็ช่างมัน ฝากบทกลอนมา....นภากาศ ใจแทบขาดคิดถึงจึงเสกสรร มาดหมายเธอตระหนักในสักวัน อสงไขยกัลป์ยังรักจักเฝ้ารอ.....
แอบส่งความห่วงใยไปที่หนึ่ง ส่งไปถึงผู้คนไม่รู้จัก ณ มุมนี้มีหนึ่งคนหม่นใจนัก รุนแรงหนักไม่สงบอบอุ่นใจ อยู่ทางนี้มีแต่รับข่าวสาร สิ่งที่อ่านที่เห็นเท็จจริงไหม เมื่อรับรู้เหตุการณ์ความเป็นไป ทำได้เพียงทำใจและไตร่ตรอง แต่ละวันปั่นป่วนล้วนสลด ช่างรันทดหมดกันพลันเศร้าหมอง อยากให้หยุดให้จบทบทวนมอง นั่นพวกพ้องมิใช่หรือที่สิ้นใจ มิอาจหรอกบอกกล่าวใครเศร้ากว่า หยดน้ำตาฉันเธอล้วนเอ่อไหล เธอฆ่าฉันฉันฆ่าเธอเสมอไป คนข้างหลังขาดใจไปตามกัน .:T____T:.
๏ ฟากสรวงแดนแสนห่างจากกลางเถื่อน มองดาวเดือนโพ้นฟ้าสุดตาเหลียว ฤๅโทษแถนปางบรรพ์ยังฝั้นเกลียว เกินโน้มเกี่ยวเถื่อน-สรวงคล้องพ่วงกัน เพียงสายใยอาทรแทรกซอนอยู่ ทุกอณูดวงแดมิแปรผัน เกลียวฝั้นสองดวงมานนานนิรันดร์ ป้องปกขวัญดวงใจด้วยไมตรี ช่วงคาบแห่งหนาวลมใกล้ล่มแล้ว ต้นดอกแก้วรานงามจนทรามสี ยามดอกใบหล่นร่วง..ห้วงฤดี หวั่นในที..กลัวรักจะหักราน ครายามยลพจน์ถ้อยที่ร้อยพากย์ เจ้าจารฝากความคำลำนำสาส์น ที่ไหวหวั่นกลางห้วงของดวงมาน ก็พ้นผ่านลับล่วงจากทรวงใน แม้มีบ้างบางคืนสะอื้นอั้น จำกลืนกลั้นน้ำตามิบ่าไหล เฝ้านับคืนนับวันที่ผันไป หวังถอนไถ่ปลดเปลื้องทัณฑ์เบื้องบน **ขอฝากสายลมร่ำแห่งค่ำนี้ พาไมตรีเคลื่อนผ่านข้ามลานหน หอบหวานชื่นแผ่ระนาบโอบทาบมน จากอกคนกรุงไกรสู่ไพรวัน** ระลอกลมพลบค่ำพลิ้วรำร่าย กิ่งแก้วส่ายก้านใบดูไหวสั่น ดอกสุดท้ายเบ่งบานบนลานจันทร์ ก่อนถึงวันรุ่งเช้าจักเฉางาม แต่ดอกรักเบ่งบานเต็มลานป่า ด้วยลมพาห่วงใยคอยไถ่ถาม จากกรุงไกรข้ามฝั่งมารั้งความ ทุกโมงยามอาทร ร้อน ฤๅ เย็น ผ่านช่วงกาลลมหนาวอีกคราวหนึ่ง แต่หวานซึ้งอักษราทุกคราเห็น ยังบ่งบอกความเผยดั่งเคยเป็น มิซ่อนเร้นเงื่อนงำแม้นคำใด เช้าเคยฉ่ำย่ำกรายด้วยสายหมอก น้ำค้างหยอกยอดแก้ววาวแววใส นับจากนี้คงผ่านล่วงกาลไกล หมุนเวียนไปตามห้วงของช่วงกาล ที่รักของคนไกล นานเพียงไหนคงยังรั้งประสาน เยื่อใยแห่งสองเราให้ยาวนาน แม้จบปราณวางวาย..ยังหม
มีเธอ มีหรือฉันจะหวั่นไหว จะฝ่าไป.. ภัยทุกข์ยากหรือขวากหนาม จะหนักหนาสาหัสหนักนัก ก็ตาม จะฝ่าข้ามความลำเค็ญให้เห็นกัน ถ้าเธอล้า ฉันจะกล้าจะแข็งเข้ม คอยเติมเต็ม เข้มแข่งความแข็งขัน ถ้าเธอหมดแรงยื้อปล่อยมือพลัน มือฉัน จะยุดยื้อกุมมือเรา เธออาจมีวันเศร้าหงอยเหงาบ้าง จะอยู่ข้างผ่อนคลายให้หายเศร้า ลูบผมนุ่มกุมมือน้อยค่อยๆเบาๆ จะคอยเฝ้าเช็ดน้ำตา จนกว่านอน จะให้เธอนอนอุ่นหนุนที่ตัก กระซิบรักโอบนุ่มคลุมขวัญอ่อน ให้ได้ยินในฝันว่า อย่าอาทร ฝันไปก่อน ตอนตื่นเธอจะเจอกัน สัญญาว่าทุกเช้าชื่นเธอตื่นตา ทุกครั้งครา มั่นเสมอต้องเจอฉัน จูบเบาๆต้อนรับกับตะวัน ขออย่าหวั่นใจไหวอะไรเลย จะบอกรักบ่อยๆค่อยๆบอก ไม่เบื่อหรอก บอกบ่อยๆค่อยเฉลย ชั่วโมงละสิบครั้งดั่งเช่นเคย แล้วจะเชยชมแก้มแถมทุกที จะจดไว้ในบันทึกจารึกรัก ว่าหอมนัก ลงในไดอารี่ นับทุกหอม ที่หอมไปในหนึ่งปี วันไหนที่ครบหมื่นหนอ ..ขอแต่งงาน
อันความรักของพี่มีคิดถึง รักสุดซึ้งสดใสใจแอบเผลอ พูดถึงรักทีไรใจละเมอ บอกกับเธอว่าพี่นี้ต้องการ โอ้ความรักของพี่มีเพียงเจ้า พี่คอยเฝ้าจดจ้องมองประสาน แสนเป็นสุขยิ่งนักรักเบิกบาน สุขสำราญหวานเย็นเป็นบทกลอน รักเนื้อเย็นเอ็นดูอยู่เคียงข้าง ความอ้างว้างหายไปไม่สังหรณ์ มีรักจริงอิงแอบแนบหนุนนอน พี่จึงอ้อนเธอจ๋าน่ารักจัง ด้วยความรักห่วงใยมีให้น้อง มิหม่นหมองของดีมิผิดหวัง พี่รักจริงน้องจ๋าอย่าเสียงดัง โปรดระวังเบาหน่อยค่อยค่อยทำ
ความรัก...ความสมหวัง...ความเสียใจ ทุกอย่างเป็นสิ่งคู่กัน รัก...สมหวัง ก็ทำให้มีความสุข รัก...ผิดหวัง ก็ทำให้เสียใจและมีความทุกข์ สำหรับฉัน... ถ้าต้องผิดหวังกับความรัก แม้มันจะเจ็บปวด แต่..ฉันก็จะพยายามคิดว่า เพราะเราไม่ดีเอง ที่ไม่สามารถดูแล เอาใจใส่ เค้าให้ดีกว่านี้ ผลสุดท้าย.ความรักก็เลยจบลง แต่ มันก็คงยากที่จะลืมนะ... เพราะเป็นรักแรกของฉัน ที่ฉันทุ่มเทมาก แม้ว่าอาจไม่ได้แสดงออกก็ตาม ตอนนี้..สิ่งที่ทำได้คือ.. ดูแลและรักตัวเองให้มากขึ้น.. ให้กำลังใจตัวเองและทำใจให้เข้มแข็งขึ้น..เท่านั้น สำหรับเค้า... ไม่ว่าเหตุผลของการจากลาจะมาจากสาเหตุใดก็ตาม ฉันก็ขอให้เค้าโชคดี มีความสุขกับรักครั้งใหม่ ..ขอให้คนนั้นรักเค้าเท่าที่ฉันรัก ..ขอให้คนนั้นเอาใจ ใส่ใจ และดูแลเธอให้มากกว่าฉัน ..ฉัน ขอไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบบ้างบางครั้ง ..ฉัน ขอคิดถึงเธอด้วยความห่วงใย แค่นี้ก็คงไม่มากเกินไปนะ สำหรับคนที่ชื่อว่า "แฟนเก่า" ความรักของฉัน คือการให้อภัย และ ต้องการให้คนที่เรารักมีความสุข แค่นี้..ก็พอใจแล้ว
พ่อยินดีเหน็ดเหนื่อยเพื่อลูกรัก แม้งานหนักเท่าไรไม่บ่นหนี ตั้งใจสู้เสมอทุกนาที ปรารถนาที่ดีมีทุกวัน แม้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าขนาดไหน ยังมุ่งไปข้างหน้าท้าสู้ฝัน เพียงหวังไว้ให้เจ้าเฝ้าผูกพัน ได้มีวันดิบดีมีหน้าตา คอยส่งเสียเจ้าเรียนเพียรเขียนอ่าน ปฏิบัติการงานเร่งศึกษา ยอมอดออมให้เจ้ามีวิชา เพื่อภายหน้าเติบใหญ่ได้ดิบดี อย่าคบเพื่อนเพียงเพื่อคอยเที่ยวเตร่ ช่วยเกเรเฮฮาพาบัดสี จงมุ่งสร้างสะสมบ่มวิธี สร้างศักดิ์ศรีติดตัวอย่ามัวเพลิน อบายมุขทั้งหลายจงละเว้น ที่หลีกเร้นเย็นค่ำควรห่างเหิน อย่ามัวหลงระเริงบันเทิงเกิน ความเจริญล้วนมาจากการเรียน เจ้าจงเร่งร่ำเรียนนะลูกรัก หากเหนื่อยนักพักผ่อนก่อนปวดเศียร เพราะห่วงใยในเจ้ายังวนเวียน พ่อจึงเพียรทำงานสร้างความดี ด้วยพ่อหวังสักวันฝันของเจ้า คอยไต่เต้าเติบใหญ่ได้ศักดิ์ศรี สร้างหน้าที่การงานบารมี เป็นคนดีที่สังคมชื่นชมกัน พ่อยังสู้เสมอเพื่อลูกรัก ความตระหนักตื่นตัวทั่วความฝัน หลับตานึกถึงเจ้าอยู่ทุกวัน ต้องคอยกั้นน้ำตาความห่วงใย ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
ไผ่ลู่ลม ร้อยเรียง สำเนียงอ้อน สื่ออักษร อารมณ์ ผสมศิลป์ จากไพรพง บรรจง ถึงบุรินทร์ ฟ้าสีนิล จารจด บทกวี รังสิมันต์ เลื่อนหลบ สงบแสง ดาราแจ้ง ดื่นดาษ ประกาศศรี วาโยผ่าน พร่างพรม ห่มฤดี ณ ราตรี คิดถึง ซึ่งคนไกล ร้อยกำมือ เม็ดทราย มากมายนัก น้อยกว่ารัก จากดิน ได้ยินไหม ล้านดวงดาว ไม่เท่า ความห่วงใย ของหนึ่งใจ ที่ให้ นิรมล ระหว่างทาง พร่างพราย ประกายฝัน ใต้เงาจันทร์ เยื่อใจ อย่าคลายหม่น ฤดูผ่าน นานไป ให้อดทน คงได้วน มากอด ยอดหทัย ร่ายรำพันธ์ กลั่นฝาก จากห้วงจิต เผยความคิด กลอนกานท์ นำขานไข อยู่ขุนเขา เขตเขื่อง ส่งเมืองใหญ่ ใช่ร่ำไร หมายปอง กรองแก้วตา ปากกาหยด หมดหมึก เกินนึกเขียน คอยแวะเวียน ใจริน ถวิลหา จะหลับตื่น ซึมทราบ คราบน้ำตา มารุตพา รับรู้ สู่คนไกล ไผ่ลู่ลม
ผลสุดท้ายคล้ายว่าเป็นยาพิษ ขอรับผิดรับผลฉันคนเขียน จักเผาไหม้ตัวเองเปล่งแสงเทียน ส่องบทเรียน สู่ตระหนัก เพื่อนนักกลอน เจตนาหรือไม่ ใช่ข้ออ้าง เป็นผู้สร้าง ขอรับผิด รับพิษก่อน นับแต่นี้ต่อไปไม่เขียนกลอน จะจากจร เจ็บกลืน กลับคืนรัง (เพลงเริ่มต้น-"เธออยู่ไหน") เธออยู่ไหน,ใครคนนั้น,ฉันอยู่นี่ เป็นวลี ที่รำพัน กันลับหลัง เนิ่นนานปี ไม่มีใคร เคยได้ฟัง เพียงลำพัง รับรู้กัน กับจันทรา ฝากบอกใครคนนั้นนะจันทร์ไสว เธออยู่ไหนใช่ถามเพื่อตามหา ฉันอยู่นี่ก็ใช่อยากให้มา คล้ายเป็นคำอำลาด้วยอาวรณ์ คงจะไม่มีวันพบกันแล้ว ขอบคุณแวว ความห่วงใย ในวันก่อน เธออยู่ไหนไม่สำคัญนิรันดร เพราะทับซ้อนฉันอยู่นี่อยู่ที่เดิม เพลง "เธออยู่ไหน" ต้นฉบับ
มองดวงจันทร์ชวนให้นึกถึงวันเก่า วันที่เรามีเราอยู่ใต้แสง ของดวงดาวสุกสกาวในคืนแรม ยิ้มเธอแง้มพร่างพราวสกาวใจ ร้อยพันดาวดวงสวยที่เรานับ สายลมขับพัดกล่อมไม่ไปไหน หมื่นล้านคำว่ารักเอ่อล้นใจ ลอยล่องไปสว่างใสบนฟ้าคราม บนนภางดงามสักเพียงไหน ต่อให้ใครทั้งโลกต่างเฝ้าถาม ตอบได้โดยหัวใจไม่คิดตาม คนที่งามที่สุดมีเพียงเธอ ในวันนี้ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนสี ใจฉันมีแต่เธออยู่เสมอ ฟ้าไร้ดาวไม่เหมือนที่พบเจอ แต่ใจเธออยู่ที่ฉันตลอดไป ดวงตะวันตกน้ำแล้วจมลับ ดวงจันทร์กลับกลีบเมฆลบเลือนหาย เหลือแค่เพียงตัวฉันที่เดียวดาย ไม่มีเธอเคียงกายเหมือนเคยเป็น ฝากสายลมโชยเอื่อยว่าคิดถึง ฝากดวงดาวให้เธอซึ้งเมื่อได้เห็น ฝากจันทร์นวลแทนรักที่ชื่นเย็น ให้เธอรู้ว่าเป็นความห่วงใย แม้ไม่รู้วันนี้เธออยู่ไหน รู้แค่เพียงใจเธออยู่ที่ฉัน กระต่ายตัวน้อยยังคอยหาดวงจันทร์ กระต่ายตัวนั้นคือฉันที่คอยเธอ
ห้าเจ้าจอมรวมกันเมื่อวันก่อน คิดเขียนกลอนเรื่องใดอะไรหนอ งั้นเอางานด้านที่ฝีมือพอ เรื่องถักทอฉันนั้นชำนาญการ จับไหมพรมเข็มควักถักเส้นไหม โยงสายใยสัมพันธ์มั่นประสาน ประดิดประดอยด้วยมือสื่อผลงาน แทนถ้อยขานผ่านใจไปถึงเธอ ร้อยห่วงโซ่แทนห่วงใยไปทุกช่วง ทุกทุกห่วงแทนจิตคิดถึงเสมอ ปรารถนาดีหมายประสบให้พบเจอ หวังปรนเปรอความสุขทุกช่วงวัน เกิดผลงานแทนใจให้มิ่งมิตร ที่สนิทชิดใกล้ดวงใจฉัน ตุ๊กตาเจ้าสาวพริ้งพราวพรรณ ความหมายนั่นให้เธอเจอคู่ดี ส่วนทิชชูแทนใจนัยภาษา หากน้ำตาเธอท้นจนล้นปรี พร้อมจะซับน้ำตาทุกนาที เพื่อนคนนี้..เคียงข้างมิร้างลา.. ใครได้รับของขวัญนั้นพิเศษ จำนงเจตน์หมายมาดปรารถนา แทนไมตรีมิตรภาพที่ทาบทา เสมือนว่าได้ใจไปทั้งดวง อิอิ
อยากให้รู้ว่าเธอยังมี........... ฉันคนนี้จะคอยห่วงใย........ จะขอเป็นกำลังใจ................ ก้าวไปด้วยกัน.................... หากสักวันเธอล้มลง............. เธอคงมั่นใจในความฝัน..... หากเธอก้าวไปไม่ไหวหวั่น.. สักวันฝันจะเป็นจริง............ ขอให้พบแต่สิ่งดี.................. ให้พรุ่งนี้เป็นวันสดใส.......... ให้ทุกๆ สิ่งได้เป็นไป............ อย่างที่ใจเธอต้องการ............
หว่านเมล็ดพันธุ์ให้หัวใจ ห้วงหัวใจสานฝันวันระวี เกิดก่อมีรักใหม่ใจเรียกหา สานสิ่งเอื้อเกื้อหนุนเจือจุนมา บ่มเวลาด้วยรักจักงดงาม รดน้ำใจรินน้ำใจให้เต็มใจ ทุกข์สุขอยู่อย่างไรได้ไต่ถาม เฝ้าคิดถึงห่วงใยในทุกยาม เติมเต็มความรักแท้ให้แก่กัน แล้วจงมอบเมล็ดพันธุ์สรรค์ความสุข เพื่อลดเลือนความทุกข์กระตุกขวัญ รอดอกรักเบิกบานระหว่างวัน ปล่อยดวงใจดวงนั้นละวางตน จะได้อยู่กับตัวเมื่อมัวหมอง อยู่กับห้องหัวใจในบางหน เฝ้าดูแลเมล็ดพันธุ์หว่านใจตน เพียรขุดก่นพรวนดินถิ่นหัวใจ และจะได้รดน้ำใจให้ต้นรัก สานทอถักกิ่งต้นจนใบใหม่ รอดอกบานผลิผลล้นหัวใจ รู้ความหมายดอกผลรักตนเอง เพื่อจะได้ยืนได้เมื่อไร้รัก เหลือดอกบานทักทายไล่ข่มเหง เมื่อกลับมาคนเดียวเปลี่ยววังเวง ฮำบทเพลงส่งท้ายในความหลัง ในตอนนั้นแผ่นดินใจอุดมแล้ว ด้วยหน่อแนวเมล็ดพันธุ์สรรค์ความหวัง เติมน้ำใจเต็มใจได้พลัง เฝ้าฝากฝังพันธุ์ไว้ในเวลา และจะได้รู้จักรักที่แท้ ใจแน่วแน่รื้อพังข้อกังขา วันทุกข์เกี่ยวเกาะรั้งพันธนา เมล็ดกล้าจะเติบโตมาคุ้มครอง โรยละอองเกสรให้หัวใจ อ่อนละมุนกรุ่นละไมขับไล่หมอง วันความเหงาตรวนปักตอกหลักจอง แต่ได้มองและยิ้มให้ไม้ต้นงาม .................. วันความเหงาตรวนปักตอกหลักจอง ยังได้มองเห็นว่ารักตัวเอง ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ