24 ธันวาคม 2547 22:33 น.

ปณิธานแห่งกวี

hallelujah



ลายสือไหววิเวกสะท้านวิญญาณ
ร้อยเรียงอักขระเล่าขานถึงพิมานสุขา-
วดีที่มาดหมายจากจิตอุรา
ขอฝากชีพชีวาไว้ในกระดาษจดจาร

ชีพนี้สั้นนักจักม้วยหาย
ยินสดับเสียงกระซิบแห่งความตายอันพิสุทธิ์ศานติ์
แดนฤดีอันหวังกังสดาล
ก้องกึกอึกทึกในดวงมานแห่งชีวิต

จักฝากดวงชีวีแห่งมนุษย์ผู้หนึ่ง
จารจดลงพิภพซึ่งหวังลิขิต
จากเลวทรามร้ายเหลวจะนิรมิต
กลับสู่ภาวะพิสิทธิ์อันงามงด

ณ ขณะฯ คงทำได้เพียงเท่านี้
ถ่ายดวงชีวีลงกระดาษด้วยหมด-
จดซึ่งความงามอันระชด
หวังจะงอกเงยงามงด ณ อนาคตกาล

....................

สิ้นลายสือไหวสะท้อนชะอ้อนชีวิต
สิ้นความมุ่งหมายลิขิตอันสุขสนาน
สิ้นแรงลมขับแห่งวิญญาณ
สิ้นภพจักรวาลเดือนดาริกา.				
18 ธันวาคม 2547 23:18 น.

ช่วงหนึ่งแห่งนาฬิกาชีวิต

hallelujah


ช่วงหนึ่งแห่งนาฬิกาชีวิต


ละลิ่วลมลูบไล้หัวใจข้าฯ
ลอยพัดมาพรมชีวิตให้สดใส
จากที่ซึ่งหนึ่งนั้นอันแสนไกล
คล้ายประโลมปลอบใจให้วิญญาณ์

ข้าฯก้าวล่วงผ่านช่วงแห่งชีวิต
คล้ายดังฝันนฤมิตระริกร่า
ที่ข้าฯเคยฝันใฝ่ในเยาวรา
หากนี่คือชีวาในวันจริง

ที่เคยกลัว ก็หาไม่ ใจไม่หวั่น
ที่เคยฝัน ก็ดังฝัน ช่างเพริศพริ้ง
ที่เคยหน่าย ก็หาหน่าย แปลกใจจริง
คล้ายคือสิ่งอันวิเศษจากแดนไกล

(แดนไกลอันใฝ่และฝันหา
สถานอันดารากระพริบไหว
สถานอันระดะแก้ววะแววไว
สถานอันปกใจให้งามงด

แดนซึ่งมีอยู่แต่ในฝัน
หากแต่ความจริงนั้นช่างเท็จปด
เพราะความจริงแห่งปัจจุบันไม่งามงด
ช่างกำสรดแหลกเหลวและเลวร้าย)

ข้าฯผ่านช่วงแห่งนาฬิกาชีวิต
จากวัยเด็กกระจิริดน้อยนิดหลาย
หัตถ์พระเจ้าพลิกนาฬิกาทราย
แล้วความหมายก็เติบสู่การผลิบาน

สู่วัยแห่งการรังสรรค์ซึ่งความหมาย
จะเกี่ยวฟ้าดารารายพิสุทธิ์ศานติ์
ประจงเก็บกรวดทรายแห่งรัตติกาล
แต้มดอกฟ้าลดามาลย์ให้หวานระชด

สรรค์อุดมคติให้เติบงาม
ฟาดความร้ายเลวทรามให้พ่ายหมด
กอบทิพย์ใส่พฤกษพรรณให้งามงด
เพื่อเติบใหญ่ในอนาคตอันอุดม

(ท่านล่ะ  หมายมาดซึ่งสิ่งใด
ที่ทำแล้วดวงใจจะสุขสม
ที่ทำแล้วดอกไม้ในอุดม-
คติบานชวนชมพิสุทธิ์ใจ)

ละลิ่วลมลูบไล้หัวใจข้าฯ
ดาริกาส่องระยิบกระพริบไหว
เป็นตัวแทนจากมิ่งมิตรสนิทใจ
ผู้ห่างไกลจากโพ้นฟ้าหล้าชีวิต

....................

ช่วงหนึ่งแห่งนาฬิกาทราย
จะเสกสรรค์ความหมายอันพิสิทธิ์
มนุษย์มีเวลาเพียงน้อยนิด
จะรังสรรค์กรรมนฤมิตจากตนตัว


5 ธันวาคม 2547  22.35 นาฬิกา				
18 ธันวาคม 2547 23:16 น.

กลบทของคนบ้า (คนที่ไม่บ้าจะอ่านไม่รู้เรื่อง)

hallelujah


กลบทของคนบ้า

ใครใคร่บ้า บ้า
คนบ้ามีออกดาษดื่น

ใครไม่อยากบ้า ก็ไม่ต้องบ้า
เพราะที่ท่านทำอยู่ มันก็บ้า เสียเต็มตื่น

ท่านไม่รู้ตัวหรอก ว่าท่านนั้นบ้า
และท่านก็ไม่รู้หรอกว่า คนที่ท่านว่าว่าบ้า นั้นดีเป็นหมื่น

คนบ้าในสายตาท่าน คือคนดี ไม่ได้บ้า
แต่เพราะท่านบ้า เลยไปว่าว่าเขาบ้า ช่างน่าสะอื้น

วอนท่านให้ตื่นจากบ้า
แล้วมาเป็นคนบ้า ในสายตาคนอื่น

เราเป็นคนดี ไม่ได้บ้า
ไม่ต้องไปกลัวพวกบ้าๆ จะว่าว่าเราบ้า อย่าตกตื่น

เรารู้ตัวว่าดี ไม่ได้บ้า
ปล่อยให้ไอ้พวกที่หลงตัวว่าดี แต่ที่แท้นั้นบ้า หน้าระรื่น

รอให้มันไปลงนรก เพราะความบ้า
ทุกข์ร้อนทรมาทุกวันคืน

เอ้า!!! ความบ้าจงเจริญ

(กลบทของคนบ้า คนที่ไม่บ้าจะอ่านไม่รู้เรื่อง)				
23 พฤศจิกายน 2547 22:04 น.

กวีนิพนธ์ของคนบ้า

hallelujah





ดับดิ้นถวิลนิทรา
เดือนดาราพร่าประจักษ์
ช่างไกลลิบนัก
สิ พักเอนกายนอนผ่อนฤทัย

ดับดิ้นในวังวน
มิรู้แห่งหนไหน
แสงส่องสว่างกลางไพร
แค่ภาพหลอนใจน่ากลัวนัก

บ้าใบ้ในใจตน
มิหนประเสริฐทิพย์ตระหนัก
หนวกบอดเบิ่งตาช่างพร่านัก
ฤๅแสงคือการพักซึ่งวิญญาณ์

จารจดกวีบ้าเพ้อ
ล่องลอยละเมอคว้าทิพย์พร่า
ใจกายช่างอ่อนล้า
เดือนดาราช่างหลอกลวง

มิหวังสิ่งใดจริงแท้
แม้กาลเวลาเลยล่วง
มิหยิบดอกฟ้าลดาดวง
มิหมายดอกรวงทองผ่องอำไพ

บ้าใบ้อยู่ในวังวน
มิรู้ตน  มิรู้ไหน
มิรู้จิต  มิรู้ใจ
มิรู้ใคร  มิรู้รส

ความหลอนครอบงำ
มิพร่ำ  เห็นปรากฏ
ซึ่งดวงชีวีที่ระชด
ยืนหยัดอย่างกำสรดหลงมัวเมา

ขอความบ้าจงอยู่คู่ฟ้า
เดือนดาริกาอ่อนระทวยเศร้า
รู้สึกดีที่ตัวเรา
มิต้องรับสิ่งเร้าใดๆ

ขอเพ้อบ้าแต่ผู้เดียว
ดายเดียวระคนความหม่นไหม้
ของความเศร้าโดดเดี่ยวเหนือใคร
พอใจในความบ้าแห่งตน

..........

ระดะช่อพวงทองรมณีย์
อันราตรีประดับหน
แดนนี้ข้าฯครองตน
ประกาศก้องในวังวนแห่งชีวิต.				
21 พฤศจิกายน 2547 00:01 น.

มนุษย์เกิดมาเศร้า (ข้าพเจ้ายัง,หยุดเคลื่อนไหว)

hallelujah





ท่ามกลางความเปลี่ยวดาย
ที่กร่อนกัดทำลายวิญญาณข้าฯ
ณ ฟ้าพู้นปรากฏเดือนดาริกา
ส่องแสงกระพริบพร่าดั่งขาดใจ

ไม่มีเธอเคียงข้าง
ข้าฯอ้างว้างโดดเดี่ยวเหนือไหน
ฟังเพลงพลิ้วลมเลื่อนเฉือนใบไม้
อันเพลงนั้นก็กรีดใจข้าฯยิ่งนัก

ความมืดเป็นใหญ่
ครอบฟ้าสุลาลัยได้ประจักษ์
เหมือนข้าฯอยู่เดียวว่างอ้างว้างนัก
ท่ามหมู่ดาวกาลจักรอันมืดมน

..........

แสงกระพริบท่ามหมู่มืดอนธการ
ดังวิญญาณกระพริบพร่าช่างมัวหม่น
ลอยเลื่อนไปไร้จุดหมายปลายแห่งหน
ผ่านผู้คนที่ระรื่นชื่นสำราญ

ข้าพเจ้ายังเคลื่อนไหว
เคลื่อนไปในท้องฟ้าราตรีผ่าน
ยังเคลื่อนอยู่ในฟากฟ้าทิวากาล
ไร้จุดหมายแห่งดวงมานที่รู้รับ

ข้าพเจ้าออกค้นหา
สิ่งอันกู้วิญญาณ์ในคืนดับ
สิ่งอันช่วยยาใจในคืนลับ
ซึ่งไม่รู้ได้สดับ ณ แดนใด

แดนใดที่ใจข้าฯมุ่งหมาย
แดนฟ้าพรรณรายฤๅมิใช่
แดนถิ่นที่ยืนหยัดช่างเปล่าไร้
หรือแดนใจอันนิ่งงันฝันเลื่อนลอย

ข้าพเจ้ายังเคลื่อนไหว
พยายามเคลื่อนไกลจากความหงอย
อันเหงาเปลี่ยวดายเดียวที่เคลื่อนคล้อย
ตามติดทุกร่องรอยการย่ำเท้า

..........

ในการเดินทาง
ข้าฯผ่านความรกร้างอันหม่นเศร้า
ข้าฯผ่านความปรีดาอันรื่นเร้า
และพบความเปลี่ยวเหงาทุกที่ไป

แม้ขณะแห่งความรื่นรมย์
ยังมีความตรอมตรมที่หม่นไหม้
แทรกตัวอยู่ระหว่างในหัวใจ
ท่ามความรื่นฤทัยอันเบิกบาน

ข้าพเจ้าจึงได้รู้
ว่าในทุกอณูมหาศาล
ที่ประกอบเป็นความมีอนธการ
ล้วนจดจารด้วยความเหงาความเปลี่ยวดาย

..........

มนุษย์ล้วนโดดเดี่ยว
ดายเดียวอยู่ในใจอันหม่นสลาย
จึงต้องหาแสวงสุขจากรอบกาย
เพื่อเติมเต็มความหมายให้ชีวิต

มนุษย์เกิดมาเศร้า
ในทุกผู้ทั้งตัวเราอันนิ่งสนิท
มีความเศร้าคอยหล่อเลี้ยงดวงชีวิต
เป็นมิ่งมิตรที่แท้ในใจจินต์

..........

ข้าพเจ้าหยุดเคลื่อนไหว
รู้รับในดวงใจทุกสิ่งสิ้น
หยุดการเดินทาง  หยุดโบยบิน
ก้มมองผืนดินที่หยัดยืน

..........

แดนใดที่ข้าฯหมาย
หนีไม่พ้นความเปลี่ยวดายที่หม่นฝืน
ในเมื่อความโดดเดียวนั้นหยัดยืน
อยู่ในผืนใจข้าฯ  ในตัวตน

ข้าพเจ้าหันหลังกลับ
ขอลาลับการเดินทางผ่านแห่งหน
กลับสู่ถิ่นแห่งข้าฯ  แห่งตัวตน
สู่รากเหง้าบรรพชนแห่งชีวิต

..........

ข้าพเจ้านั่งนิ่งมองสายฝน
พลางคิดถึงตัวตนที่หมายลิขิต
ความเปลี่ยวเหงาคือเพื่อนแท้แห่งชีวิต
ยากจะปลิดให้ร่วงทิ้งไปไกล

ความหมายแห่งการดำรงอยู่
อาจฟังดูโก้หรูเหนือไหน
อาจต้องเดินทางแสวงหาไป
ณ แดนถิ่นดินใด  ไม่รู้พบ

เพราะทุกอย่างอยู่ในตัวเรา
ป่วยการเปล่าหาจากไหนให้บรรลุจบ
ป่วยการหาจากแดนใด  ไม่รู้พบ
นิ่งสงบในตนจึงแจ้งใจ

ข้าพเจ้าหยุดแล้วซึ่งทุกสิ่ง
ปล่อยทิ้งวางไว้มิรู้ไหน
ไม่สำคัญ ณ ขณะนี้  หรือต่อไป
ปล่อยเถิด  วางไว้ให้ไกลตัว

..........

ข้าพเจ้าปิดเปลือกตา
จมสู่นิทราอันมืดสลัว
อาจจะมืดจะว้าเหว่และน่ากลัว
แต่ก็เกิดจากใจตัวแห่งชีวิต

..........

ท่ามกลางความเปล่าดาย
จะเสกสรรค์ความหมายอันพิสิทธิ์
ประสานกายใจและความคิด
รังสรรค์กรรมนฤมิตจากตนตัว.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟhallelujah
Lovings  hallelujah เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟhallelujah
Lovings  hallelujah เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟhallelujah
Lovings  hallelujah เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงhallelujah