19 มกราคม 2547 12:49 น.

สักวัน...ฉันจะรักเธอ (ตอนที่ 2)

JoyLek

ได้ข่าวมีลูกค้ามาป่วนวันลอยกระทง
     ไอ้บ้าขี้เมาที่ไหนก็ไม่รู้
     ...อย่าให้เจออีกเชียว...
     พี่คามินเขาขี้เล่นอย่างนี้แหละ แอ๋มหัวเราะ
     อ๊ะ...มีหนุ่มฝากมาให้ 
     ใคร จ้ารับกุหลาบจากเพื่อนงงๆ 
     ทายสิ
     ขี้เกียจเดา เฉลยเถอะ
     คนที่มัดจำค่ากระทงแกไว้นั่นแหละ
     ยี้!  จ้าทิ้งกุหลาบอย่างขยะแขยง
     เฮ้ย! เสียดาย 
     บังอาจมาก หญิงสาวกัดฟัน
     พี่คามินหล่อดีออก ฉันว่าเขาปิ๊งแกแหงๆ 
     เห็นผู้หญิงไม่ได้จีบดะ เจอเมื่อไหร่ฝากด่าด้วย
   แอ๋มไม่ตอบรับ เพราะยังอยากลุ้น
     นั่นจะไปไหน แอ๋มร้องถาม เมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูเตรียมจะออกไปข้างนอก
     กินข้าว 
     ไปด้วยกันสิ พี่ๆ ให้ฉันขึ้นมาชวนแกนี่แหละตอนนี้รออยู่ข้างล่าง
     ไม่ว่างมีนัด จ้าปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา 
     ใครเหรอ 
     เพื่อนพี่สินี จ้าอ้างถึงพี่รูมเมทคณะวิศวะ
     จ้าแกมีแฟน! แอ๋มเสียงหลง
     ไม่ใช่ แค่มารับไปงานวันเกิด พี่สินีก็ไป 
     คนที่เห็นวันก่อนใช่ไหม 
     นั่นแหละ 
     หล่อน้อยกว่าพี่คามินแทบไม่เห็นฝุ่น เพื่อนทำหน้าเบ้
     แต่นิสัยดีกว่าตานั่นแบบไม่เห็นฝุ่นเหมือนกัน 
                                                   *****************

   ...หน้าหอพัก...
   ดล ปัทม์ และเพื่อนอีก 2 คนที่กระทั่งบัดนี้จ้ายังไม่รู้ชื่ออยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ขาดเพียง คนที่ฝากกุหลาบ ขึ้นไปเท่านั้น
   จ้ายิ้มทักพอไม่ให้น่าเกลียด แล้วเดินผ่านไปยังคนที่รอรับ
     อ้าว!? ดลยิ้มค้าง
     เขามีนัดแล้ว แอ๋มอธิบาย
     พี่คามินหล่ะ 
    หนุ่มผมยาวบุ้ยปากไปทางหอพักหญิงที่อยู่อีกฟากใกล้ๆ กัน
     ส่งกุหลาบให้ยัยเฟื่องอีกหล่ะสิ"
   ...คิดผิดหรือเปล่าเนี่ย... แอ๋มกระอักกระอ่วนใจพิกล เพราะคามินยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม 
     ไอ้หมอนั่นแฟนน้องจ้าเหรอ
     ยัง  แต่ไม่แน่ 
     หน้ายังกับปลาจวด... ดลวิจารณ์ และเอื้อมมือไปโอบไหล่ปัทม์ ซึ่งสูงแค่ปลายคางมากอดรัดแรงๆ 
     ภูมิใจซะเถอะปัทม์ ในมหาลัยนี้ยังมีคนขี้เหร่กว่ามึงอีกว่ะ 
     โธ่! น้องจ้านะน้องจ้า ตาต่ำจริงๆ เพื่อนพี่หล่อขนาดนี้ยังไม่สนใจ กลับไปคว้าไอ้หนุ่มหน้าทุเรศนั่นฉิบ 
     หยามกันมากไปแล้ว หนุ่มผมยาวเข้ามาช่วยเพื่อนล็อกคอปัทม์อีกคน รั้งร่างเตี้ยๆ นั่นขึ้นกระทั่งเท้าเขาลอยพ้นพื้น
     ฆ่ามัน! แล้วทั้งหมดก็ช่วยกันรุมแกล้งปัทม์แทนหนุ่มวิศวะคนนั้น
                                              **********************
     อ๊ะ...อ๊ะ...อา ทำเป็นไม่ทักๆ 
   จ้าหยุดมองและยิ้มขัน...เริ่มเป็นเหตุการณ์ปกติไปแล้วที่จะเห็นหนุ่มก๊วนนี้นั่งอยู่หน้าหอตอน 5 ทุ่มเศษ ด้วยเหตุผลที่แอ๋มแอบเก็บมาปลื้มนักหนา...
     ...พี่เค้ามาส่งฉัน...

   ใกล้แข่งขันกีฬามหาวิทยาลัย ทำให้แต่ละชมรมต้องเร่งฝึกซ้อม และแอ๋มก็เป็นหนึ่งในจำนวนนักกีฬาที่ได้รับคัดเลือกในครั้งนี้
     ควงหนุ่มไม่ซ้ำหน้า คามินว่าลอยๆ
     หนักหัวใคร
     เฮ้ย! อะไรกันคู่นี้ เรื่องในครอบครัวเอาไว้คุยกันที่บ้านสิ 
     พี่ดล! 
     ไอ้น้องจะรีบไปไหน หนุ่มผมยาวร้องเรียก เพื่อนใหม่ ที่มาส่งจ้า
     คุยกันก่อน เจอพี่เจอเชื้อรีบหลบได้ไงวะ 
     สวัสดีครับพี่
     ชื่ออะไร คามินถามและเหลือบมาทางจ้าอย่างท้าทาย 
     คิมครับ 
     ผมชื่อลาน 
   ทั้งคู่เป็นเพื่อนของโมอีกที และได้รับการไหว้วานให้แวะมาส่งจ้าเข้าหอ หลังจากไปเที่ยวงานฤดูหนาวมาด้วยกัน 
คามินมองหน้ารุ่นน้อง ก่อนจะพยักหน้าให้เพื่อน
     พี่สต๊าฟไม่สอนรึไงว่าเจอรุ่นพี่ต้องทำยังไง...ไม่เคารพกันเลยนี่หว่า รุ่นพี่ว่า
   คิมและลานยืนนิ่ง
     วิดพื้น 2 เท่ารุ่น ปฏิบัติ!
   จ้าอ้าปากค้างไม่คิดว่าจะทำกันขนาดนี้ 
   คิมและลานทวนคำสั่งและก้มลงวิดพื้นตรงนั้น สร้างความแตกตื่นให้นักศึกษาอื่นๆ พอสมควร แต่เมื่อรู้ว่าเป็นการทำโทษน้องปี 1 ก็เลิกสนใจ
   จ้าเม้มปาก
    ...แกล้งกันชัดๆ!...
                                              *****************

     จ้า 217 มีแขกค่ะ...จ้า 217 มีแขก 
      ขอบคุณค่ะ หญิงสาวตะโกนผ่านอินเตอร์คอมพ์ที่ติดตั้งตามชั้น
      ใครหว่า? 
   หญิงสาววิ่งลงบันไดหอพัก สอดส่ายสายตามองหา แขก ที่ไม่ได้นัดล่วงหน้า 
   เวลาทุ่มตรงของที่นี่นับเป็นชั่วโมงเริ่มต้นชีวิตกลางคืนของนักศึกษา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นหนุ่มๆ หลากหลายคณะมานั่งรอหน้าพอพัก 
     หาใครจ๊ะ 
     ...หนีไม่พ้นจริงๆ...
     เพื่อนค่ะ จ้าตอบเมินๆ ยังไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคิมและลานเมื่อสัปดาห์ก่อน 
     ใครเอ่ย  ดลถามต่อ
     ไม่รู้สิ ไม่รู้ใคร call เรียก หล่อนตอบตามประสาซื่อ นึกถึง คิม อาจเป็นเขาก็ได้ เพราะเมื่อวานเขาบอกว่าจะเอารูปมาให้
      ...อย่าให้เขามาตอนนี้เลย...
     พี่เรียกเองแหละ ดลยิ้มแฉ่ง 
     อ้อ... จ้ากลืนน้ำลาย
     มีธุระอะไรคะ 
     ไปเที่ยวงานฤดูหนาวกัน หนุ่มผมยาวตอบ
   ตายแล้วฉัน...จะทำยังไงดี...!
   อยากจะกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้รอด
   เห็นรถวิ่งผ่านบนถนนหน้าหอพักคล้ายๆ คิมและลานผ่านแวบๆ...จะเรียกให้ทั้งคู่หันมามองก็กลัวเขาจะเดือดร้อนอีก เพราะดูท่าว่าจะขับวนอยู่หลายรอบแล้วแต่ไม่กล้าเข้ามา
     ไปสิคะ จ้าตอบรับหวั่นๆ 
     ขอขึ้นไปเอากระเป๋าแป๊บนึง 
   จ้าวิ่งแจ้นไปเคาะห้องแอ๋มที่อยู่ชั้นเดียวกัน
     แอ๋มไม่อยู่ไปกินเลี้ยงสายรหัส  คำตอบที่ได้รับทำเอาจ้าอ่อนแรง
     ...ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วยนะ...
     ...ฉันจะมีชีวิตรอดกลับมาไหมนี่...!?

   ชายหนุ่มทั้งห้า นั่งรออยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ 3 คัน และที่เดาไม่ผิดคือ พวกเขาตั้งใจเหลือที่ว่างท้ายรถของคามินไว้ให้หล่อน
     เก่งนี่ กล้ามา คามินพูดขึ้นเป็นประโยคแรกเมื่อจอดรถหน้างาน
     ก็พอตัว 
     ไม่เสียแรงที่เป็นคุณนายห้อยเกียร์ เขาแขวะถึงหนุ่มวิศวะที่เทียวรับส่งจ้าอยู่บ่อยๆ 
     ...เพื่อนพี่สินี...
     ได้รับกุหลาบหรือเปล่า น้ำเสียงถามอ่อนลง
     ...ปรับอารมณ์ตามอีตานี่ไม่ทันเลยจริงๆ...
     ลงขยะหมดแล้ว ไม่ต้องส่งมาอีกนะ ถ้าเฟื่องรู้เขาคงไม่พอใจ 
   คามินนิ่งไปนาน ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ
     แล้วถ้าพี่ส่งให้จ้าคนเดียวหล่ะ จะเก็บไว้หรือเปล่า 
     ......... 
   คราวนี้จ้ามองเขาบ้าง...หล่อนไม่รู้จะตอบยังไงจึงเลือกที่จะหันหน้าหนี 
     ...รู้สึกยังไงกับผู้ชายคนนี้...
     ...หมั่นไส้...ในความเจ้าชู้
     ...สะใจ...เวลาฉีกหน้าเขาได้
     ...เกลียด...นิสัยที่ชอบแกล้งคน
     และสุดท้ายคือ  ว่างเปล่า 
    ...ผิดกับ ใครอีกคน ที่จ้ารู้สึกใจสั่นทุกครั้งที่พบหน้า แม้จะไม่เคยได้พูดคุยกันเลยก็ตาม
    พี่มิกซ์...หนุ่มหล่อหน้าตี๋ที่จ้าแอบปิ๊งตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ
     ต๋อมครับ น้ำเสียงเขาขันนิดๆ ตอนแนะนำตัว
    และต่อมาไม่นานจ้าก็แอบอกหักเล็กๆ กับประโยคของแอ๋มที่ว่า...ฉันเพิ่งเจอพี่มิกซ์ไปกินข้าวกับแฟน...มิน่าช่วงนี้ไม่เข้าชมรม 
     ขาเป็นอะไรพี่มิกซ์ วันนี้จ้ากล้าหาญชาญชัยทักเขาเป็นครั้งแรก
     รถล้ม 
     นานรึยัง 
     สามวันได้ เขายิ้ม...
   โอย...หัวใจจะละลาย...
     ไม่เห็นพี่ในห้องเรียน Socio เลย
      ไม่ได้ลงเรียน... มิกซ์หัวเราะ
     ไอ้พวกนี้ก็เหมือนกัน ไม่มีใครลงเรียนสักคน 
   จ้าถึงบางอ้อ...นึกแล้วเชียวว่ามีอะไรแปลกๆ 
   รอยยิ้มใสๆ ของมิกซ์คลายลงเมื่อมองไปด้านหลังของจ้า
   จ้าไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคามิน
     ...ช่างสิ...หล่อนขอเก็บความหวานเล็กๆ น้อยๆ ไว้ในหัวใจบ้างไม่ได้หรือ...
     จะกลับกันหรือยัง 
     มารขัดขวางความสุข ถามให้ได้ยินกันทั่ว
   มหาวิทยาลัยตั้งอยู่นอกตัวเมือง 3-4 กิโลเมตร ความจริงขับรถไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว แต่เนื่องจากช่วงนี้อากาศค่อนข้างหนาวทำให้ต้องขับรถด้วยความเร็วต่ำกว่าปกติ 
   กระทั่งเข้าเขตมหาวิทยาลัย 
     ทำไมไม่ตรงไป  จ้าถามเมื่อคามินเลี้ยวขวาในขณะที่คนอื่นตรงไปมุ่งหน้าไปทางหอพัก
      แวะไหว้เจ้าพ่อมอก่อน...เสร็จแล้วจะไปส่งแน่นอน ไม่พาไปปล้ำหรอก 
   เขาค้อน และหยุดรถหน้าศาลเจ้าพ่อมอดินแดง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพสักการะของชาวมหาวิทยาลัย...
   คามินเดินไปจุดธูปเทียนโดยไม่รอว่าหล่อนจะตามไปรึเปล่า...
     ...กินอะไรผิดสำแดงอีกหล่ะ...เกิดอยากจะมาไหว้ศาลเจ้าพ่อมอเอาตอน 5 ทุ่ม...
   เฮ้อ...จ้าถอนใจและโล่งอกเป็นที่สุดที่กลับมาถึง บ้าน โดยสวัสดิภาพ
   ...ขอบคุณเจ้าพ่อที่ช่วยคุ้มครองให้ลูกปลอดภัยจากสิ่งทั้งหลายทั้งปวง...
                                        *****************

   จากวัน เป็นเดือน และเข้าสู่ปี... ก๊วนหนุ่ม ถาปัด เริ่มเข้ามาในวงจรชีวิตของจ้า แทบทุกเย็นจ้าจะต้องมานั่งรออยู่ข้างสนามฮอกกี้...แรกๆ ก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง แต่ช่วงหลังต้องไปแทบทุกวัน เพราะขัดแอ๋มไม่ได้
     ไปเป็นเพื่อนฉันนะ ไม่งั้นพี่ๆ ไม่มาส่งฉัน 
     กลับเองได้ไม่ใช่เหรอแอ๋ม รถเธอก็มี ฉันเหนื่อยนะ เลิกเรียนก็อยากนอนพัก จ้ายั้งปากประโยคต่อไปที่ว่า..   
   ...เธอจะตามตื้อพี่ดลทำไม ในเมื่อรู้ว่าเขาไม่สนใจ...เอาไว้ได้ทัน 
   จ้าอายแทน เพราะแอ๋มเริ่มตามติดดลจนน่าเกลียด 
     ทางมืดนี่ฉันกลัว 
     งั้นก็กลับเร็วขึ้น ไม่ต้องอยู่จนดึก 
   แอ๋มเริ่มทำสีหน้าไม่พอใจ 
     แกยังอยากคบกับนายคิมอยู่ละสิ ฉันชวนไปแค่นี้ถึงมีปัญหา 
     ไม่เกี่ยวกับคิมเลยนะแอ๋ม เราเป็นเพื่อนกัน 
     แกเป็นเพื่อนฝ่ายเดียวสิ นายคิมคิดด้วยเมื่อไหร่
   จ้าอึ้ง...เหตุการณ์วันนั้นแอ๋มรู้เห็นพอๆ กับหล่อน
   เมื่อปีที่แล้ว หลังจากคามินขับรถมาส่งเข้าหอตามสัญญา...
   คิมนั่งรอจ้าอยู่พร้อมกับลาน เขาเอาภาพที่วาดเองมาให้หล่อนและจากไปเงียบๆ...คืนถัดมา เขาและเพื่อนอีก 3 คน กลับมาอีกครั้งหลังเที่ยงคืน ซึ่งเป็นช่วงที่หอปิดแล้ว...
   เขาหิ้วกีต้าร์มาตะโกนร้องเพลงรักอยู่หน้าหอ...
   คิมเมามาก ร้องเพลงไป ร้องไห้ไป...เดือดร้อนถึงประธานหอพักต้องตามหาสาวต้นเหตุ เพื่อมาคลี่คลายสถานการณ์
   ชื่อ จ้า 217 ถูกลือกระฉ่อนไปทั่วหอในเวลาอันรวดเร็ว...ใครๆ ก็อยากเห็นหน้า
   หลังจากนั้นคิมก็หายไปจากชีวิตของจ้า...ถ้าบังเอิญเจอกันเขาก็จะก้มหน้าก้มตาเดินหนี ไม่ยอมทักทาย
   ...และผู้ที่เป็นจำเลยร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้นก็คือ  คามิน
     ได้ข่าวแย่งแฟนน้องหรือไงวะ รุ่นพี่ประธานชมรมฮอกกี้เป็นผู้ถามด้วยตัวเอง 
     เปล่าครับ จ้าไม่ได้เป็นแฟนผม 
     อ้าว เห็นพวกสต๊าฟเขาพูดกัน ไอ้เด็กนั่นเมาอยู่หลายวันเพ้อว่าถูกแย่งแฟน 
   คามินเงียบขรึมลงไม่ค่อยยั่วโมโหเหมือนก่อน แต่เขาและเพื่อนๆ ยังมาส่งจ้าและแอ๋มที่หอทุกวันที่มีการซ้อมดึกๆ 


                                                              *********************

       ......มีต่อตอนที่ 3 ........				
16 มกราคม 2547 14:24 น.

สักวัน...ฉันจะรักเธอ (ตอนที่ 1)

JoyLek

จ้า เอื้อมมือดึงโน้ตเล็กๆ ที่แปะอยู่หน้าประตูห้อง
        เย็นนี้ไม่ว่าง ซ้อมฮอกกี้ ... แอ๋ม 
     เฮ้อ! อีกแล้ว...แอ๋มเป็นอย่างนี้ทุกที...มักจะมีข้ออ้างเรื่องซ้อมกีฬาจนเพื่อนๆ ชักไม่ค่อยจะชอบหน้า...
     ที่จริง...แอ๋มไม่ได้สนใจกีฬามากมายนักหรอก...ที่กระตือรือร้นก็เพราะรุ่นพี่ในชมรมฮอกกี้นั่นต่างหาก
        พวกพี่เค้าหล่อๆ ทั้งนั้นเลยแก  แอ๋มมักจะกลับมาเล่าให้ฟังเสมอ
        พี่ๆ เค้าลง Sociology ด้วยหล่ะ วันพุธจะชี้ให้ดู 
       จ้ามีโอกาสเห็น บรรดาพี่ๆ ของแอ๋มในสัปดาห์ถัดมา
          เรียน ถาปัด ใช่ป่ะ จ้าถามถึงหนุ่มหล่อที่แอ๋มชี้ให้ดู ซึ่งขณะนี้นั่งเรียนข้าง อุ๋มเหรัญญิกของภาควิชาฯ ทั้งคู่กำลังคุยกันอย่างออกรส 
         รู้ได้ไง 
         เหมือนเคยเจอ
         พี่ดล ถาปัด ปี 3 แอ๋มกระซิบ 
         ฉันชอบคนนี้แหละ...อีกคนก็หล่อนะ ผมยาวๆ ที่นั่งด้านซ้ายน่ะ 
        จ้ามองตาม...หนุ่มผมยาวเคลียไหล่ ผิวคล้ำ หน้าตาคมคาย
         ฮื่อ ดูดี
        จ้าเห็นด้วย แต่อดแปลกใจไม่ได้...
       คณะสถาปัตย์ฯ ต้องลงทะเบียนเรียนวิชาทางสังคมด้วยหรือ...ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าเป็นวิชาพื้นฐานบังคับก็น่าจะต้องเรียนตั้งแต่อยู่ปี 1 แล้ว 
       จ้าก้มหน้าก้มตาจดตามแผ่นใสของอาจารย์ สัญชาตญาณบอกว่าอาจารย์เริ่มเหล่แล้ว เพราะเสียงคุยดังขึ้นเรื่อยๆ
        นี่! ด้านหลังน่ะ ถ้าคุณไม่เรียนก็กรุณาอย่ารบกวนคนอื่น 
       นักศึกษาเกือบ 200 คนในห้องเรียนรวม หันไปมองต้นเหตุที่ทำให้การสอนหยุดชะงัก
      ...พี่ดลและยัยอุ๋มโดนเต็มๆ...
        สมน้ำหน้า! อยาก present ว่าสนิทกับพี่ดลดีนัก เสียงแอ๋มลอยมา แต่จ้าไม่สนใจแล้วตอนนี้เพราะกลัวอาจารย์เล็งเหมือนกัน
       บรรยากาศในห้องเรียนเริ่มอึดอัด เมื่ออาจารย์อารมณ์เสีย 
        ช้าๆ ก็ได้แก จ้าเก็บกระเป๋าและเดินออกนอกห้องทันทีเมื่อเสียงกริ่งดังหมดเวลา
        หิว 
        เดี๋ยวสิ 
        เร็วๆ เที่ยงแล้วคนเยอะ 
        แกว่าพี่คนนั้นเป็นไง แอ๋มยังสนใจไม่เลิก ชี้ให้ดูรุ่นพี่กลุ่มเดิมที่ทยอยเดินตามมา
       ก็โอเค จ้ามองผ่านๆ ไปได้ยัง 
        เอ๋... คราวนี้จ้าเป็นฝ่ายสะดุดตากับชายหนุ่มที่เดินมากับ เฟื่อง เพื่อนของหล่อนเอง 
       คนนั้นหน้าคุ้นจัง ใช่คนตะกี้ที่เธอชี้ให้ดูหรือเปล่า 
       คนที่ฉันชี้ให้ดูยืนอยู่ข้างพี่ดล ส่วนคนที่เดินมากับยัยเฟื่องนะเป็นอีกคน แต่หน้าคล้ายๆ กัน เหมือนคู่แฝดเลยใช่ไหม 
       ฉันว่าคนนี้หน้าตาคมกว่านะ 
       สนใจป่ะ แอ๋มถามเสียงเจ้าเล่ห์
       อย่าหาเรื่องให้ฉันเลย ไปเถอะหิว
                                                ***********************

       ยัยแอ๋มไม่มาอีกแล้วเหรอ อุ๋มถามห้วนๆ ตามเคย
       ซ้อมกีฬา
       มันขายบัตรกระทงได้กี่ใบ ฝากแกมารึเปล่า
       คงหมดมั้ง ไม่เห็นว่าอะไร จ้าพยายามแก้ตัวให้เพื่อน เพราะขี้เกียจฟังอุ๋มบ่นไม่เลิก  แต่ไม่นานก็มีเรื่องให้ต้องฟังเสียงบ่นอีกจนได้
      นี่แกรู้เรื่องยัยเฟื่องยัง
      ทำไมอีกหล่ะ หล่อนถามไปอย่างนั้นเอง ใจจดจ่ออยู่กับการหัดพับกลีบกระทงมากกว่า
      มันคืนบัตรทุกใบ ฉันเลยด่าเข้าให้ 
      อ้าว 
      จะไม่ให้โมโหได้ไง คุยนักคุยหนาว่ามีคนมาจีบเยอะ แต่ไม่เห็นขายบัตรได้...พวกผู้ชายขายไม่ได้มันยังซื้อไว้บ้าง ไม่เอามาคืนหมดแบบนี้   
      อายมั้ง คงไม่กล้าขาย 
      หน้ามันคงไม่บางขนาดนั้นหรอก ฉันว่ามันโม้มากกว่าว่ามีคนมาจีบ 
      ดังไปอุ๋ม
    อุ๋มถอนใจ...หันไปทางเพื่อนคนอื่นๆ
      เก็บของเถอะเพื่อนๆ จะห้าทุ่มแล้ว เดี๋ยวเข้าหอไม่ทัน 
    หอพักนักศึกษาหญิงจะปิดตอน 4 ทุ่มครึ่ง และจะเปิดให้เข้าได้อีกประมาณ 5-10 นาทีตอนเที่ยงคืน 
     จ้า แอ๋มเรียกจากโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าหอ มีชายหนุ่มนั่งอยู่ด้วยกลุ่มใหญ่
     รู้จักพี่ๆ ชมรมฮอกกี้หน่อยสิ ทั้งน้ำเสียงและหน้าตาแอ๋มดูระรื่นจนปิดไม่มิด
    จ้ายกมือไว้รวมๆ 
     นี่จ้าค่ะ เพื่อนส่วนใหญ่พักหอ 14 แต่เรา 2 คนโดนจับมาอยู่หอนี้ 
     สวัสดีครับน้องจ้า จำพี่ได้ไหม เราเคยเจอกันตอนงานวันเกิดน้องโมไง  ดลยิ้มชิงทักทายก่อนใคร
     ค่ะ 
     โมไหน 
     เพื่อนสมัยประถมน่ะ เรียน ถาปัด จ้าอธิบายสั้นๆ พลางมองไปรอบโต๊ะ
     ไม่แนะนำตัวกันหน่อยเหรอ แอ๋มทวงชายหนุ่มที่เหลือ
     พี่ชื่อตุ๊ หนุ่มผมยาว ผิวคล้ำ ที่จ้าเห็นเมื่อวันพุธพูดขึ้น
     ต๊ะครับ คนนี้จ้าจำได้ว่าเดินตามยัยเฟื่อง...ท่าทางกะล่อนไม่เบา 
     ต๋อมครับผม น้ำเสียงเจือแววขันๆ จ้าไม่ทันนึกอะไร เพราะมัวจ้องหน้าคนพูด
     ...ใบหน้าขาวๆ ตี๋ๆ สร้างความหวั่นไหวในหัวใจได้อย่างประหลาด 
      แต๋มครับ จ้าถอนสายตามายังคนสุดท้าย...เผลอยิ้มกว้างตอบ...
     เขาไปคนที่พกพาความหล่อมาน้อยที่สุดหากเปรียบเทียบกับเพื่อนทุกคน...แต่รอยยิ้มนั่นกลับดูจริงใจที่สุด
     ในเมื่อไม่ยอมบอกชื่อจริงก็ตามใจ คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกกระมัง 
       กระทงไปถึงไหนแล้ว คุยไปได้สักพัก แอ๋มก็เปลี่ยนเรื่อง
       ก็พอสมควร
       อุ๋มบ่นถึงฉันรึเปล่า 
       เหมือนเดิมแหละ บ่นให้เฟื่องอีกคน จ้าเล่าค่อยๆ เหลือบมองทางชายหนุ่ม...เขายังส่งยิ้มหวานมาให้
       เอาบัตรกระทงมาคืนทุกใบ 
       เฮ้ย! ทำงั้นได้ไง 
       ก็ทำไปแล้ว ทะเลาะกันใหญ่ ฉันงงเหมือนกันเฟื่องน่ะเค้าออกจะสวย เห็นว่ามีหนุ่มมาหลีเยอะ ทำไมขายบัตรไม่ได้ก็ไม่รู้ 
     แอ๋มแอบสะกิดใต้โต๊ะ แต่อารมณ์อยากแกล้งคนมีมากกว่า จ้าจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
       อยากรู้จริงๆ ผู้ชายสั่วๆ ที่ไหนวะ จีบสาวทั้งทีไม่ลงทุนเลย งกฉิบหายบัตรกระทงแค่ 30 บาทยังไม่ช่วยอุดหนุน 
     สะอึก! กันไปตามๆ กัน 
     คามินยิ้มแห้งๆ 
       ผู้ชายสั่วๆ คนนั้นพี่เองครับน้องจ้า 
      ...จำไว้ ทีหลังอย่ามาทำหน้าทะเล้นแถวนี้... 
      อุ๊ย! ขอโทษ จ้าไม่รู้จริงๆ ทำท่าตกอกตกใจ แต่แววตาสมเพชหน่อยๆ
      พี่เค้าซื้อบัตรจากฉันแล้ว แอ๋มช่วยแก้หน้าให้
     จ้าหันไปแอบยิ้มอีกทาง พลันเห็นแม่บ้านเดินมาเปิดประตู จึงถือโอกาสชิ่งเอาตัวรอด
      ลานะคะ ไว้เจอกันใหม่ หันไปยิ้มหวานให้ ผู้ชายสั่วๆ นิดนึงก่อนลุกขึ้น  ส่วนแอ๋มยังทำท่าว่าจะลาพี่ๆ ไม่จบสักที
      วางระเบิดไว้แล้วก็สะบัดก้นหนีเลยนะ 
    จ้าหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม...เขาเดินตามมาจนเกือบจะถึงประตูหอพัก
     สะใจมากไหมที่ฉีกหน้าคนอื่นได้ คามินถามเสียงเรียบ ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก แต่ดูคล้ายแยกเขี้ยวจะขย้ำคอคนตรงหน้าเสียมากกว่า
     รู้ทันแบบนี้ไม่สนุกเลย จ้าอมยิ้ม
     ขอโทษแล้วไง 
     มีวิธีเรียกร้องความสนใจแปลกดีนี่ คามินพูดเบาๆ หลีกทางให้นักศึกษาหญิงคนอื่นๆ ที่กำลังทยอยเข้าหอพัก
     มาเป็นแฟนพี่ไหม 
    รอยยิ้มเป็นต่อจางลงไปทันที
     ...ดูถูก!...
    ผู้ชายปากพล่อย!
      อย่ามาทำปากหวานแถวนี้เลยพี่ เก็บปากไว้จีบสาวปัญญาอ่อนที่อื่นเถอะ หญิงสาวเดินผ่านเข้าประตูไม่ใส่ใจเขาอีก
     ให้เวลาถึงวันลอยกระทงนะ ไม่งั้นหมดสิทธิ์ แล้วจะเสียใจ คามินตะโกนแซว
     ...รอไปเถอะ... หน้าอย่างนายฉันคุยด้วยก็บุญแล้ว...
     ...คิดว่าตัวเองหล่อนักรึไง...จะหันไปโต้ตอบอยู่แล้วเชียว...แต่พอเห็นหน้าตี๋ๆ ขาวๆ ที่มองมาของอีกคนก็พลอยทำให้เปลี่ยนใจ
                                       *******************

      วันลอยกระทง...มีการออกร้านโดยนักศึกษาแต่ละภาควิชาตลอดเส้นทางไปสู่บึงใหญ่ภายในมหาวิทยาลัย
     จ้าและเพื่อนๆ สาละวนอยู่หลังซุ้ม เร่งมือทำกระทงใบตอง เพื่อให้ทันกับลูกค้าที่นำบัตรมาแลกและซื้อด้วยเงินสดหน้างาน 
      ใครจะไปลอยกระทงก็ไปเลยนะ ผลัดกันไป อุ๋มตะโกนบอกเพื่อนในซุ้ม
      อุ๋มเห็นแอ๋มไหม 
      ฉันให้ไปซื้อลวดกับธูป...ทำไม 
      เปล่า คิดว่ายังไม่มา 
    จ้าก้มหน้าก้มตากับการเจียนใบตองต่อ อยากให้แอ๋มอยู่จะได้ชวนไปเดินเที่ยวงานบ้าง 
     จ้าๆ มาหน้าร้านด่วน เพื่อนชายร้องเรียกจากหน้าซุ้ม
     ซื้อกระทงแถวหนุ่มๆ ไปกกกอดคร้าบ...บ ซื้อกระทงซุ้มนี้แถมคู่ลอย 
    หนุ่มในภาคฯ ตะโกนขายกระทงอย่างไม่ย่อท้อ พยายามงัดกลยุทธ์เด็ดเพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาด 
     สวัสดีน้องจ้า พี่ดลทักก่อนเช่นเคย 
     สวัสดีค่ะ 
     มารับกระทง เลือกให้ทีสวยๆ นะ 
    4 หนุ่มสมาชิกชมรมฮอกกี้ยืนเรียงหน้าสลอน ขาดเพียงหนุ่มหน้าตี๋ที่จ้าแอบปิ๊งไปหนึ่งคน แต่วันนี้มีสาวหน้าตาจิ้มลิ้มมาแทน
     ...หูหนวก ตาบอดจังเธอ ผู้ชายในมหาลัย มีเยอะแยะ แต่เลือกจะมาลอยกระทงกับอีตานี่...
     บัตรกี่ใบ 
     4 ใบครับผม 
   แม่ค้าบรรจงเลือกกระทงให้และรับบัตรมาเก็บลงกระป๋อง...จนถึงคนสุดท้าย 
     ...คู่ปรับ!...
      ไหนบอกซื้อกระทงแถมคู่ลอย คามินทวง
      เฟื่องไม่อยู่ จะรอไหมล่ะ 
    เพื่อนๆ ฮาครืน
      โห...เล่นแรง เขาเสียงอ่อย...รับกระทงแล้วส่งต่อให้สาวน้อยข้างๆ 
      พี่ๆ ตั้งใจมาชวนน้องจ้าตะหาก ดลช่วยกู้สถานการณ์
      ไปไหนไม่ได้เลย หลังร้านกำลังยุ่ง หรือจะรอให้เฟื่องกลับมาก็ได้นะ จ้าเน้นให้คนสะดุ้งเล่น
     ไปๆ คามินต้อนเพื่อนๆ หนี เพราะรู้สึกเสียวหลัง แต่ไม่วายหันมาสั่งลา
     ไม่รู้หล่ะ บอกว่าแถมคู่ลอยก็ต้องแถมสิ เดี๋ยวมาใหม่...พี่จองจ้าแล้ว ห้ามเบี้ยว 
    หญิงสาวยิ้ม เริ่มหมดความอดทนกับคนตรงหน้า 
     งั้นซื้อกระทงอีกใบสิคะ รับรองใบนี้แถมคู่ลอย 
     ปัทม์ขอกระเป๋า หนุ่มที่หน้าหล่อน้อยกว่าใครควักกระเป๋าสตางค์ให้เพื่อน 
     มัดจำไว้ก่อนนะ แล้วจะมารับ คามินยื่นเงินให้ด้วยท่าทางยั่วๆ 
    เพื่อนในซุ้มหัวเราะกันคิกคัก เมื่อเจอลูกเล่นของลูกค้าหนุ่ม...จ้าหัวเราะไม่ออก รับเงิน 10 บาทมาแค้นๆ 
      พี่คามินน่ารักดีนะ อุ๋มพูดเมื่อเขาเดินลับไปแล้ว 
       ...อ้อ! ชื่อ คามิน...
      ท่าทางจะยังไงๆ ซะแล้ว 
      รับประทานไม่ลงหรอกกะล่อนแบบนี้ จีบยัยเฟื่องอยู่แท้ๆ กล้าควงสาวอื่นมาซุ้มเราเฉย 
      อะไรกัน เพื่องเดินมาถึงซุ้มทันได้ยินพอดี
      ..........  จ้ากับอุ๋มเงียบทั้งคู่
      พี่คามินมาตะกี้ 
     เฟื่องตาโต
       เหรอ...ว๊า! น่าเสียดาย พี่เค้าฝากอะไรถึงฉันหรือเปล่า 
       ไม่นี่ อุ๋มชิงตอบ
       เดี๋ยวคงแวะมาอีกรอบ  จ้าบอกอย่างอดใจไว้ไม่อยู่...ภาวนาให้เขามาเถอะอยากให้เพื่อนตาสว่างเสียที
       ฉันมีธุระต้องกลับก่อนด้วยสิ เฟื่องละล้าละลัง
       ถ้าเขามาอีกฝากขอโทษด้วยนะ 
     จ้าและอุ๋มพยักหน้าด้วยความรู้สึกแตกต่างกันไป
     ผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง จ้าลืม เจ้าของเงินมัดจำ ไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้ยินเสียงอุ๋มดังขึ้น
      จ้า ลูกค้าแก 
      หญิงสาวลุกขึ้นด้วยอาการเซ็งๆ 
      ...เจ้ากรรมนายเวรกันซะจริงๆ...
      เบื้องหน้า...ปัทม์...คามินและคู่ควงคนใหม่
      จ้ามองด้วยสายตาเหยียดๆ 
      ...เชอะ! ยืนแทบจะไม่อยู่ ยังเจ้าชู้ไม่เลิก...
      คามินยื่นเงินส่วนที่เหลือให้ พร้อมทวงสัญญา
        ไปลอยกระทงกับพี่ได้หรือยัง 
      โห...ความเจ้าชู้ฝังลึกอยู่ในสายเลือดจริงๆ 
      ...ตีหัวคนเมาจะผิดไหมนี่...
        พี่มีคู่ลอยแล้วไง จ้าคงไม่ต้องไปแล้วมั้ง 
        ผิดสัญญา เขาว่างั้น
      หญิงสาวถอนใจ อยากจะไล่ไปให้พ้นหน้าร้านเร็วๆ
        เฟื่องฝากขอโทษพี่ด้วย เขาติดธุระ แต่ถ้าพี่อยากได้คู่ลอยจริงๆ ก็จะไปตามให้ 
      ได้ผล...คนเมา ทำปากขมุบขมิบให้ได้ยิน...ฝากไว้ก่อน...
        ปีหน้าจะมาชวนน้องจ้าใหม่ คามินไม่ยอมแพ้
        ชาติหน้าเถอะพี่ ปีหน้าเร็วไป 
      ชายหนุ่มอึ้ง...เจ็บใจ แต่คิดคำพูดไม่ทัน ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้สมองเขาแล่นช้าไปเยอะ
        ปีนขึ้นไปทำไมนะ คานน่ะ มันสูงนะน้อง! 
        กรี๊ด! ไอ้ขี้เมามันแช่ง...

       ............โปรดติดตามตอนที่ 2.........				
12 ธันวาคม 2546 18:15 น.

++ รัก เพราะ อะไร ++ (ตอนที่ 7)

JoyLek

ปากนายคนเดียว หยวนบ่นพึมระหว่างทางกลับกรุงเทพฯ
         พอกันนั่นแหละ อริยะกอดอกและหลับตา        ยัยกวางพลอยโกรธกันไปด้วย
        คราวหน้าจะชดเชยให้
        คงมีครั้งต่อไปหรอก เพื่อนกระแทกเสียง ขยับตัวซ้ายทีขวาทีแสดงว่าว่าไม่สบอารมณ์
        อยู่นิ่งๆ ซะที  รำคาญ!
        ฮึ! หยวนเงียบไปกระทั่งถึงมอเตอร์เวย์ 
        นายพักที่กรุงเทพฯ หรือจะกลับ 
        กลับ จะตีตั๋วต่อที่หมอชิต พวกนายกลับยังไง
        นายเหรียญมารับ
      อริยะหน้าบึ้งเมื่อได้รับคำตอบ เขาไม่นึกถูกชะตากับน้องชายของเพื่อนนัก   
      หมอนั่น มาคอยอยู่แล้วเมื่อไปถึง ทักทายเขานิดๆ พอเป็นพิธีแล้วหันไปทำตัวเป็นสุภาพบุรุษช่วยหิ้วกระเป๋าให้สองสาวและทำท่าพูดคุยถูกคอกันเสียจนเขาและไอ้หยวนกลายเป็นหมาหัวเน่าไปเลย
      ...จากที่ตั้งใจว่าจะซื้อตั๋วกลับสระบุรี อริยะจึงเปลี่ยนใจเดินทางไปพร้อมกับคณะเสียอย่างนั้น
      มันมีสิทธิ์อะไรขับรถไปรับส่งแฟนเขา ถึงจะไปกันหลายคนก็ตามที แต่ยัยกวางนั่นก็แฟนไอ้หยวนพี่ชายมัน...เขาเชื่อไม่ลงเลยจริงๆ ว่า เจ้านั่น จะไม่มีจุดหมายอื่นแอบแฝง... 
       ดูรึ...ขนาดมีเขาอยู่ตรงนี้หมอยังทำเหมือนเขาเป็นหัวหลักหัวตอ...ถึงหน้าตาจะจืดๆ ตี๋ๆ หล่อน้อยกว่าเขา แต่เรื่องแบบนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน คารมหมอก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่...เขาไว้ใจแฟนเขา แต่เขาไม่ไหวหมอนั่นเลยจริงๆ 
       คืนนั้นเขาใช้บริการห้องพักในโรงแรมเช่นเคย ไอ้หยวนชวนไปพักบ้านมันเหมือนกัน แต่เขาหยิ่งเพราะหมั่นไส้น้องชายมัน...
        ...ตั้งใจว่าจะอยู่กรุงเทพฯ ต่อสักวันสองวัน...กลางวันไปเฝ้าคลินิกช่วยไอ้ทิน บ่ายแก่ๆ ไปอยู่กับไอ้หยวนที่มหาวิทยาลัย และจะแกล้งเอาหน้าหล่อๆ ไปเตร็ดเตร่แถวภาคคอมพ์ฯ ทรมานใจคนเล่นเป็นครั้งคราว...
                                                ***********************

        คนไข้ ของคุณหมอทินกรมีมาเป็นระยะ เขาก็กล้อมแกล้มช่วยไป ทั้งที่ไม่อยากทำ...ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่เขาไม่รู้สึกเอ็นดู คนไข้ ที่มารับการรักษาเท่านั้นเอง
         ...เห็นเจ้าหน้าขนพวกนี้ทีไร คันมือคันไม้อยากดึงหนวด ดึงหู หรือตบหัวไปเสียทุกครั้ง ยิ่งตัวไหนหน้ามันกวนโอ๊ยหรือเจ้าของทำท่าหวงนักก็แทบอยากจะเตะเอาเลยทีเดียว 
         เขามันประเภทมือไม้หนัก ต้องรักษาสัตว์ใหญ่จำพวกช้าง ม้า วัว ควาย นั่นแหละจึงจะเหมาะ
          บ่ายเอาไง ทินกรถามคล้อยหลัง คนไข้ ตัวสุดท้าย 
          ว่าจะไปหาไอ้หยวน 
          ที่เดียว คนถามเลิกคิ้วไม่ค่อยเชื่อ
          เออน่ะ ไม่ต้องสู่รู้ 
          รู้เรอะเขาอยู่ไหน น้ำเสียงถามออกจะสมเพชนิดๆ
          ไม่ยาก 
          แน่ใจ นายไม่เจอเขานั่นแค่ไหน 
          หมายความว่าไง อริยะมึน...มันแกล้งไซโคเขาหรือเปล่า
          อยากรู้ต้องช่วยกันจนถึงเย็น แล้วค่อยไปกันจะไปด้วย
          คลินิกนายหล่ะ 
          ไม่เป็นไร พ่อกันรวย 
          ไอ้บ้า เขาทำงานในเวลาราชการกว่ากันจะไปถึงเขาก็หนีขึ้นหอไปแล้ว 
          ตามใจกันบอกนายแล้วนะ 
          ถามไอ้หยวนก็ได้ นายรู้คนเดียวเสียเมื่อไหร่ 
          มันคงบอกหรอก เคืองนายอยู่แบบนั้น เจ้าของคลินิกดักคอ
        จริงสิ...หมอนั่นยังงอนเขาอยู่ มันอาจจะไม่ยอมบอกเขาก็ได้...
          แน่ใจ 
          เออสิ... ทินกรรับคำ
          ไป...โน่นคนไข้พิเศษมาแล้ว  นั่น ลูกแซนดี้  สุดสวาทของคุณนายอารียาแกทีเดียว รักษาดีๆ ถ้าได้ยินเสียงร้องสักแอะสัญญาเป็นอันยกเลิก 
        อริยะขนลุกแค่ดูท่าทางคนไข้และเจ้าของก็พอรู้แล้วว่าไม่ธรรมดา...เจ้าขนปุยพุดเดิ้ลสีขาวมองหน้า หมอ ด้วยท่าทางเมินๆ เชิดๆ 
        เขาอ่านชาร์ทคนไข้อยู่หลายรอบก็ไม่รู้ว่าจะรักษาโรคอะไรให้ คุณแซนดี้ เธอดี เพราะเธอเพิ่งรับการฉีดวัคซีนป้องกันสารพัดโรคไปเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว...ปลายสัปดาห์ก่อนก็มาอีก...
        เขาแทบหลุดก๊ากเมื่อเห็นประวัติการรักษาครั้งสุดท้าย...
        ไอ้หมอทินกรชาร์จค่าวิตามินไปสามพันบาท!!
        มันกะซื้อเบนซ์เดือนละคันเลยนะนี่...วิตามินนั่นเขาตีราคาแพงสุดขีดก็ไม่น่าจะเก็บถึงขวดละแปดสิบบาทด้วยซ้ำ...
           ช่วยจับน้องแซนดี้นิดนะครับ อริยะบอกคุณนายอารียาเมื่อคุณแซนดี้รักนวลสงวนตัวไม่ยอมให้ชายหนุ่มเช่นเดียวสัมผัส
        ผู้ช่วยประจำคลินิกทำท่าจะเข้ามาช่วยตามหน้าที่
           อ๊ะ! ไม่ต้องค่ะคุณน้องขา ลูกแซนดี้ขวัญอ่อนเจอคนแปลกหน้าเยอะๆ แล้วจะไม่ค่อยสบาย ไม่ยอมทานอะไร เซื่องซึม จนดิฉันต้องพามาให้คุณหมอตรวจนี่แหละค่ะ 
           อ้อ เหรอครับ คุณหมอเออออตามพยักหน้าให้ผู้ช่วยออกไป
           แล้วมีอาการอื่นอีกไหม
           ก็ดูเหงาๆ เดินคอตก เจ้าขอเริ่มเล่าอาการขณะที่มือจับคอน้องแซนดี้เริ่มลูบขนหยองๆ นั่นไปมา 
          ไม่ยอมกินอะไรอยู่หลายวัน ทำตัวเหมือนคนอ้างว้างว้าเหว่ ต้องการความรัก ความเอาใจใส่มากๆ เล่าไปมือก็ขยับมาลูบๆ ไล้ๆ อยู่บนแขนคุณหมอซะอย่างนั้น
          ดิฉันจะทำยังไงดีค่ะ ถามเสียงหวานพร้อมกับทำตาเยิ้มส่งมาอีกล็อตใหญ่
          เอ่อ...คือ... หมอหนุ่มอึกอักหน้าแดงเมื่อมือนั้นขยับลูบสูงขึ้นมาตามแขน
          เอา...เอ่อ...เอาอย่างนี้ดีกว่านะครับ ผมทราบแล้วละครับว่าน้องแซนดี้เป็นอะไร กว่าจะขยับหลุดออกมาได้ก็เหงื่อท่วมตัว
          เชิญที่เคาน์เตอร์จ่ายยาเลยนะครับ คุณหมอไม่รอช้าเปิดประตูได้ก็แทบจะพุ่งกระโจนออกนอกประตูคลินิก
         ...เขารู้แล้วว่าทำไมวิตามินขวดนั้นมันจึงแพงนัก!!
                                              ********************

         ห้าโมงเย็น เขามาถึงห้องพักของอาจารย์หยวนพร้อมกับ ไอ้เจ้าของคลินิกตัวแสบ
            ฮ่าๆ หยวนหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเมื่อฟังเหตุการณ์ระทึกขวัญจบ
            จำไว้เลยไอ้ทิน 
            ดีนะที่กันไม่ได้เสียงร้อง
            อ้อ...เสียงร้องที่นายว่า หมายถึงของน้องแซนดี้หรือเสียงร้องของกันว่ะ 
            ทั้งนั้นแหละ ทินกรยอมรับแก้มตุ่ยเพราะหัวเราะยังไม่เสร็จ
          ...สมน้ำหน้ามัน อยากสะเออะมาลบเหลี่ยมเขาดีนัก อย่างไอ้เจ็ทต้องโดนแบบนี้จึงจะสาสม...เรื่องปลายฟ้าน่ะไม่เท่าไหร่หรอก ได้ก็ดี ไม่ได้ก็หาใหม่ คนอย่างนายทินกรบุพเพสันนิวาสเกิดขึ้นได้ทุกชั่วโมงอยู่แล้ว 
            ไปกันได้รึยัง อริยะหน้ามุ่ยที่เพื่อนๆ ไม่ยอมขยับกันสักที
            ไปสิ ไปๆ 
          อริยะนึกไม่ถึงว่าที่ๆ เพื่อนพามาจะเป็นสระว่ายน้ำ 
            มาทำไมที่นี่ เอาไว้เวลาอื่นเถอะ วันนี้กันรีบ 
            ตามมา อย่าบ่น สองคนนั่นลากเขามานั่งบนอัฒจันทร์รอบสระจนได้
            โน่นไง อยู่ฝั่งโน้น ชุดว่ายน้ำสีน้ำเงินน่ะ 
         เขาเกือบช็อคกับภาพเบื้องหน้า...เหมียวจริงๆ ด้วยกำลังขึ้นจากสระและมีกวางตามขึ้นมาติดๆ  สองคนนั่นเอียงหน้าคุยอะไรกันไม่รู้แต่ไม่นานก็เห็นสวมเสื้อคลุมและเก็บกระเป๋า
            เฮ้ย! หลบกำลังจะเดินมาทางนี้แล้ว ชายหนุ่มทั้งสามรีบวิ่งลงบันไดขึ้นลงที่อยู่ใกล้ๆ 
            รอข้างล่างนี่แหละ มีห้องน้ำตรงโน้นที่เดียว ทินกรให้ข้อมูลทางเจ็ท 
            เดี๋ยวกันมา รู้สึกจะเจอเนื้อคู่ว่ะ  ประโยคท้ายหันไปบอกทั้งคู่ แล้วเดินเก๊กหล่อไปยังโต๊ะเจ้าหน้าที่สาวที่อยู่โต๊ะประชาสัมพันธ์ ปล่อยให้เพื่อนทั้งคู่หาวิธีงอนง้อแฟนกันเอง 
                                                ********************
          ฉันสะดุดกึกเมื่อกระเป๋าถูกดึงไว้จากด้านหลัง ขณะที่กำลังจะเลี้ยวเข้าห้องน้ำ
             มีความสุขจริงนะ เขาทักรวนๆ 
              ก็ค่ะ มีความสุขดี เมื่อเห็นว่าเป็นใครแล้วฉันก็รวนกลับไปเช่นกัน 
             ว่ายน้ำเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ 
             นานแล้วจำไม่ได้ หลังจากไปงานเลี้ยงส่งพี่ตี๋มั้ง 
          ได้ผล...เขาโกรธเมื่อถูกกระทบเรื่องในอดีต
             ใครสอน เจ็ทข่มใจถามต่อ
             เยอะแยะ" 
             "ใคร"
             "พี่ทินกับพี่หยวน 
          คราวนี้เจ็ทโกรธจนตาลายเผลกระชากไหล่ฉันและบีบแรงๆ 
            กีฬาอย่างอื่นไม่มีให้เล่นหรือไง ทำไมชอบโชว์หุ่นอวดชาวบ้านเขานัก เป็นไงมีคนมาจีบกี่คนแล้ว
           บ้าแล้วเหรอ เค้าเจ็บนะ ปล่อย! แทนที่จะปล่อยเขายิ่งแกล้งเขย่าแรงขึ้น
           ก็อยากให้เจ็บจะได้จำ ถ้าเห็นใส่ชุดว่ายน้ำมาอ่อยผู้ชายอีกน่าดู 
           คิดอกุศล คนจะเล่นกีฬาก็มองเป็นอ่อยเหยื่อ 
           ไม่รู้หล่ะ ไม่ชอบ! เขาตะโกนลั่นเหมือนเด็กๆ
           มีสิทธิ์อะไรมาห้าม ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ตัวเป็นใครก็ไม่รู้ เรารู้จักกันเมื่อไหร่เนี่ย โอ้ย! มุขปัญญาอ่อนทักคนผิดแล้ว ฉันสะบัดจนหลุดหรือเขาปล่อยเองก็ไม่แน่ใจ
           โธ่โว้ย!  เขายกมือกุมหัวทั้งสองข้างเหมือนเจ็บปวด
         ใช่...ตอนนี้เขากำลังปวดหัวอยากได้ยาสักเม็ดเพื่อบรรเท่าอาการปวดตุ๊บๆ ที่เป็นอยู่...ท้องไส้เริ่มปั่นป่วน...เหงื่อออกเต็มฝ่ามือ รู้สึกใจสั่นเหมือนจะเป็นลม...
           อุ๊บ! อริยะอุดปากแน่นมองหาห้องน้ำเลิ่กลั่ก แต่ไม่มีแรงจะขยับ
         ฉันรีบเข้าไปประคองเพราะเห็นเขาทำท่าจะทรุด สุดท้ายก็ล้มกองตรงนั้นทั้งคู่
           กวาง! กวาง! ช่วยที 
         พี่ทินกับพี่หยวนวิ่งหน้าตื่นมาพร้อมๆ กับยัยกวาง 
         มีเสียงโอ้กอ้ากตามมาอีกพักใหญ่...และสุดท้ายก็สรุปกันว่าต้องนำส่งโรงพยาบาล...หมอผู้ตรวจรักษาขอให้คนไข้อยู่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการสักพัก 
         ขบวนญาติผู้ใหญ่ของเขาซึ่งประกอบด้วยพ่อ แม่ ป้าและลุงมากันพร้อมหน้าหลังได้รับทราบข่าวไม่ถึงสองชั่วโมง...ฉันและเพื่อนเขาหน้าจ๋อยพอๆ กัน ฉันรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้เขาไม่สบาย 
        หมอมาตรวจอาการอีกครั้งและวินิจฉัยว่าเป็นโรคลำไส้อักเสบอาการไม่น่าวิตกนัก รอให้น้ำเกลือหมดกระปุกก็รับยาและกลับบ้านได้ 
         คืนนั้นพี่หยวนและพี่ทินอาสาอยู่เป็นเพื่อนคนไข้...ฉันและกวางกลับหอพัก ส่วนญาติของเขาเข้าพักโรงแรมเพื่อรอรับเขากลับบ้านตอนเช้า 
                                           *******************
 
                                                                     โปรดติดตามตอนที่ 8				
9 ธันวาคม 2546 15:21 น.

++รัก เพราะ อะไร++ (ตอนที่ 6)

JoyLek

เช้านี้บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา...อริยะตื่นตั้งแต่ฟ้าเริ่มสาง แต่จะว่าไปเขาแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ...เขาลุกมาจากที่นอนขณะที่คนอื่นๆ ยังไม่กระดิกตัว...
        ขาก้าวไปเรื่อยๆ ตามหาดทรายสีขาวที่ทอดยาว เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเดินไปถึงไหน รู้เพียงว่าอยากจะเดินไปจนสุดโค้งกว้างนั่น...
        ร่างใครคนหนึ่งผ่านเข้ามาทางหางตา...จนกระทั่งเดินมาใกล้...เขาไม่หยุดรอเพราะคิดว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามในเมื่อเดินมาหาเขาเองก็ควรจะตามให้ทัน
           ตื่นเช้าจัง
         รอยยิ้มที่ดวงตาลดวูบลงเมื่อได้ยินเสียงผู้มาใหม่ เหลือเพียงเสียงในลำคอแสดงว่าเขาได้ยินแต่ไม่ประสงค์จะตอบเท่านั้น...ไม่มีเสียงใดๆ เอ่ยออกมาอีกเป็นนาน นอกจากเสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเคียงคู่กันไป
          ...เขาเดินคนเดียวต่างหาก...เสียงหนึ่งค้านในใจ...
         หาดนี้ออกกว้างทุกคนมีสิทธิ์เดินตรงไหนได้ทั้งนั้น  ส่วนใครจะมองว่าเขาออกมาเดินเล่นกับปลายฟ้าก็ช่วยไม่ได้ 
            วันนี้เขาจะไปเที่ยวไหนกันพี่เจ็ทรู้ไหม 
          อริยะเฉยเหมือนไม่ได้ยิน แต่กลับขยับตัวทันทีเมื่อมือเรียวบางของหล่อนแตะที่แขน...
           ...พ่อหนุ่มเนื้อทอง! 
           ปลายฟ้าเม้มปากแน่น อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นมา เมื่อรู้ชัดว่าเขาไม่ปรารถนาจะให้หล่อนถูกเนื้อต้องตัว...สายตาที่มองมาอีก แม้จะไม่พูดแต่มันก็ทำให้หล่อนต้องถอยห่างออกมา
           ...เช้าใกล้ได้ แต่ห้ามแตะ!...

              ไม่เห็นใครพูดอะไร 
           น้ำเสียงที่ตอบนั้นแห้งแล้งจนคนฟังหมดอารมณ์จะถามต่อ
              ฟ้าจะกลับบ่ายนี้ 
           เขาชะงัก แต่แล้วก็ก้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรที่จะหยุดการเดินของเขาได้
           ...อยากจะกรี๊ดให้ลั่นทะเล...เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ...เขาทำราวกับหล่อนเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ไร้ค่าเหลือเกิน ทั้งที่หล่อนมั่นใจว่าเจอกันครั้งแรกเขาให้ความสนใจหล่อนไม่น้อย...กาลเวลาน่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น 
          ...แต่กลับไม่ใช่!  อริยะทำให้หล่อนรู้สึกเบื่อจนบอกไม่ถูก เบื่อสิ่งต่างๆ เบื่อคนรอบข้าง...
          เมื่ออยู่ท่ามกลางเพื่อน เขาคือ ผู้ชายที่ดูมีเสน่ห์และโดดเด่นเหนือคนอื่น  
แต่คราวใดที่อยู่คนเดียว เขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีโลกส่วนตัว ซึ่งโอบล้อมไว้ด้วยกำแพงหนาหลายชั้น ยากที่จะฝ่าเข้าไปถึง...ยิ่งวิ่งไล่ตามเขาก็ยิ่งเหมือนห่างออกไปทุกที...
          ปลายฟ้านิ่งคิดทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนและอริยะตั้งแต่ต้น...
จำเป็นหรือเปล่าที่หล่อนต้องลดศักดิ์ศรีลงมาเพื่อวิ่งตามผู้ชายที่เฉยชาคนนี้ 

                  ...แคร์ฉันบ้างไหม...
                 เวลาที่แกล้งหายเงียบไปอย่างนี้
                 เคยคิดถึงหรือห่วงใยบ้างไหมคนดี
                 ว่าฉันคนนี้จะเป็นตายอย่างไร

                   ...บอกสักนิดจะได้รู้...
                ถ้าไม่มีฉันอยู่เธอจะรู้สึกอะไรไหม
                หรือว่าเปล่าเลยเพราะไม่เคยใส่ใจ
                 ฉันจะอยู่หรือจะไปอะไรๆ ก็เหมือนเดิม

                                        ***************************

         ไปไหนมา หยวนทักทันทีที่เขาเดินเข้าบ้านพัก
         เดินเล่น
         เดินบ้าอะไรตั้งแต่เช้าจนป่านนี้  ปลายฟ้าขึ้นเรือกลับเข้าฝั่งแล้วนะ 
       อริยะขมวดคิ้ว หล่อนพูดเองนี่นาว่าจะกลับช่วงบ่าย 
          พวกนายไปส่ง เขาถาม
          เจ็ท หยวนเรียกเสียงเข้ม
          นายรู้ใช่ไหมว่าไอ้ทินต้องตามปลายฟ้าไป 
       อริยะยักไหล่เดินเลี่ยง แต่ยังมีเสียงตามมา
          นายตั้งใจพาเขามาที่นี่เพื่อจะทำให้ทุกคนเห็นใช่ไหมว่า ปลายฟ้าก็แค่ผู้หญิงใจโลเลคนหนึ่งเท่านั้นเอง เรื่องที่ผ่านมานายไม่ใช่คนผิด
          เกี่ยวอะไรกับนาย เจ็ทหันมาเผชิญหน้า
           นายคือความทุเรศที่สุดในชีวิตของกันเลยเพื่อน หยวนชี้หน้า
           เขาคบอยู่กับไอ้ทินดีๆ นายก็ไปให้ความหวัง รู้ทั้งรู้ว่าผู้หญิงต้องเลือกนาย เพราะอะไรเจ็ท การที่นายคบกับเหมียวมาหลายปี นายเป็นคนดีมาตลอด ผู้หญิงสวยกว่านี้ก็เคยเข้ามาให้เลือกแต่นายไม่เคยสนใจ แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นนายเบื่อการเป็นคนดีแล้วหรือ เสียงหยวนบอกว่าสะเทือนใจยิ่งนักกับการกระทำของเขา
           กันรู้อยู่แล้วว่าสักวันต้องเป็นแบบนี้ คนอย่างนายรับผู้หญิงที่เคยมีแฟนมาแล้วไม่ได้แน่ นายมันคนสะอาดทุกสิ่งทุกอย่างต้องดีที่สุด ไร้ตำหนิ แม้กระทั่งแฟน  นายเลือกเหมียว ไม่ใช่เพราะรักหรอก แต่เพราะเขาสะอาดทั้งตัวทั้งหัวใจ 
          ...กับปลายฟ้านายมองเขาเป็นแค่ของสกปรกชิ้นหนึ่งที่ผู้ใหญ่ห้ามไม่ให้เข้าใกล้ ชีวิตนายไม่เคยสัมผัสมันจึงเป็นความตื่นเต้นท้าทาย แต่พอนายรู้แล้วว่าสิ่งนั้นไม่เหมาะ ไม่ใช่ นายก็ไม่มีปัญญาจัดการต้องยืมมือคนอื่น...ขี้ขลาด! ไอ้เด็กอมมือ! 
          กรามของอริยะบดกันแน่น สองมือกำไว้ข้างลำตัว เกือบจะชกหน้าผู้สู่รู้ไปแล้ว หากไม่เห็นน้ำตาของ คนด่า เสียก่อน
          ไอ้หยวนร้องไห้...มันบ้า...ยืนด่าเขาอยู่ปาวๆ แล้วร้องไห้...ผู้ชายประเภทไหนของมัน...
          แต่ที่มันพูดก็ถูก รู้ใจเขาไปหมดราวกับเป็นเมียเขาซะอย่างนั้น...
          ...เขาเริ่มคบกับเหมียวเพราะเห็นว่าหล่อนน่ารัก นิสัยดี แต่ก็ไม่ได้คิดรักอะไรมากมาย 
          ระหว่างที่เป็นคบกัน เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงอื่นอีกเลย ไม่ใช่เพราะเป็นคนดีหรือซื่อสัตย์อะไร  แต่เพราะจิตใจมุ่งไปทางด้านเรียนและกีฬาที่ชอบจนไม่มีเวลาจะใส่ใจเรื่องอื่น
          แล้วตอนนี้เล่าทำไมเขาดึงปลายฟ้าเข้ามาในชีวิต เขาเริ่มหาคำตอบให้
ตัวเอง
         ...เหงา...เบื่อ..และสุดท้ายอยากจะหาอะไรที่สร้างสีสันให้กับชีวิตก็เท่านั้น...
         เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย  แค่รับปลายฟ้าไปงานเลี้ยงส่งไอ้ตี๋ ทำไม
ทุกคนจึงเห็นเป็นเรื่องใหญ่นัก  ตอนนี้เขาก็พาปลายฟ้ามาคืนไอ้ทินแล้วไง...
         ไอ้ทินมันขี้หลีเป็นกิจวัตร อกหักทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ การที่มันจะได้เป็นแฟนปลายฟ้าหรือเปล่า เขาไม่ใช่ตัวแปรสำคัญเสียหน่อย...

         ปลายฟ้าน่ะกันไม่ว่าหรอก เพราะเขาอ่อนไหวไม่หนักแน่น แต่เหมียวสินายเอาเขาไว้ตรงไหน นายเคยคิดไหมเขาจะรู้สึกยังไงที่จู่ๆ ก็เจอนายไปควงกับคนอื่น นายบอกเลิกเขาหรือยัง นายผูกเขาไว้กับคำว่า แฟน บ้าๆ นั่นอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะที่นายไม่เคยคิดจะรักษา 
          อริยะหน้าซีด...
          ...ภาพเมื่อคืนบนรถประจำทางที่หญิงสาวสองคนกอดคอกันร้องไห้ยังเด่นชัดในความรู้สึก...หนึ่งในสองที่ร้องไห้จนตาบวมนั่นเป็นแฟนเขาไม่ใช่หรือ 
ไอ้หยวนที่เป็นคนอื่นแท้ๆ มันยังลุกขึ้นมาปกป้องหล่อน...
          นี่เขาทำอะไรลงไป!!
          แฟนเขาก็งี่เง่าอีก...เขาพาปลายฟ้ามาส่งให้เพื่อนต่างหาก หล่อนช่างไม่รู้ใจเขาเสียเลย...ไอ้หยวนนี่ก็น่าเตะ มันรู้แผนเขาอยู่ตลอดเวลาแทนที่จะช่วยกัน แต่กลับกีดกันเขาเสียอีก

          ร้องไห้ทำไมว่ะ ทุเรศ! 
        คราวนี้อาจารย์หนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา อารมณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากนั้นก็เริ่มเขิน เมื่ออริยะจ้องเอาๆ 
          ไม่รู้โว้ย! มันอิน กลัวแฟนทิ้งนี่หว่า
          ใครแฟนใคร 
        หยวนเล่นตัวทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำ
          อะไรเล่าคนจะล้างหน้า อายเหมือนกันนะโว้ย 
          นายว่าอะไรพูดใหม่สิ 
        ใจอยากจะรวนคนเล่นสักหน่อย แต่หน้ามันแล้วใจอ่อน ทำบุญทำทานเพื่อนโง่ๆ สักคนเถอะ
          แฟนข้าสั่งให้มาด่าเอ็ง ยัยกวางน่ะ...อย่าเข้าใจผิด และฝากบอกให้เอ็งรีบไปบอกเลิกยัยเหมียวซะ ตอนนี้มีหนุ่มมาจีบเขาหลายคน พวกข้ากำลังดูๆ อยู่ ถ้าเข้าตาก็จะยุยัยเหมียวมีแฟนใหม่สักที จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป 
          กันจะตามอาละวาดให้เละ ไอ้เพื่อนเฮงซวย แฟนกันนะโว้ย! 
          ถุย! แฟนแมวๆ อย่างนายกันกับไอ้ทินเดินเก็บอยู่ข้างทางมาให้ยัยเหมียวเฉดหัวทิ้งได้วันละเป็นร้อย  หยวนปรามาสก่อนปิดประตูห้องน้ำโครม
          ลองดูสิ! ใครกล้ามาจีบกันจะแฉให้หมด คบกันมา 5 ปี 3 เดือน ถูกกันกอดกี่ครั้ง ถูกกันหอมกี่ที จะดูไอ้หน้าไหนอยากรับเป็นแฟนอีก
        อริยะทุบประตูไม่ยอมให้จบง่ายๆ จนเพื่อนทนไม่ไหวเปิดประตู้ห้องน้ำมาฉะกันใหม่
           จะตะโกนหาสวรรค์อะไร! เขากลับมาได้ยินก็...เอ่อ... พูดไม่ทันจบก็ต้องปากค้าง เมื่อเห็นคนที่ถูกพาดพิงถึงหิ้วข้าวของพะรุงพะรังยืนอยู่กลางห้อง...อริยะไม่เห็นเพราะหันหลังให้ประตูหน้าบ้าน แต่เขาหันหน้าออกไปทางนั้นพอดี...เห็นเต็มๆ 
                                           
                                                ********************
                                                                             โปรดติดตามตอนที่ 7				
8 ธันวาคม 2546 18:02 น.

++ รัก เพราะ อะไร ++ (ตอนที่ 5)

JoyLek

ฉันกลับกรุงเทพฯ ตอนเย็นวันอาทิตย์พร้อมกับเพื่อนๆ ของเขาที่ต่างต้องกลับมาทำงานตามปกติในวันจันทร์ 
           ฉันได้รับการติดต่อให้เป็นผู้ช่วยนักวิจัยของอาจารย์ในภาควิชาฯ ซึ่งรับงานมาจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จึงทำให้ฉันไม่มีเวลาว่างมากนัก 
           การติดต่อของพี่เจ็ทเริ่มห่างหาย ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเป็นเช่นนี้บ่อยๆ ตลอดช่วงเวลาที่คบกัน 
            วันเสาร์สัปดาห์สุดท้ายปลายเดือนตุลาคมมีงานแข่งขันกีฬาเชื่อมความสามัคคีระหว่างพี่ปี 2 และน้องปี 1 ฉันได้รับหน้าที่เป็นผู้ติดต่อประสานงานและดูแลเรื่องอาหารเครื่องดื่มตลอดการแข่งขันพร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน 
                 เหมียว นั่นเหมียวใช่ไหม เสียงเรียกไม่คุ้นหูทำให้ฉันต้องหันไปมอง 
                 เดี๋ยวตามไป ฉันบอกเพื่อนที่อยู่ในทีม และแยกข้าวกล่องมาถือไว้เองบางส่วน 
                 สวัสดีครับ 
              ฉันยกมือไหว้ชายหนุ่มทั้งคู่ทั้งข้าวกล่องนั่นแหละ
                  ไม่เจอกันนานดูโตขึ้น 
                  จะไปไหนกันคะ ฉันนึกหาคำสนทนาทั้งที่ขำคำทักทายที่ราวกับฉันเป็นเด็กเล็กๆ
                  ผมจะชวนไอ้อาจารย์หยวนไปกินข้าวเย็นน่ะ พี่ตี๋บอกและถือโอกาสชวนต่อ
                  ไปด้วยกันไหมครับ มีนายทินกรอีกคนเท่านั้นเอง 
                  เนื่องในโอกาสพิเศษหรือเปล่าค่ะ ไปกันพร้อมหน้าพร้อมตา  ฉันไม่ตอบรับ เพราะยังรู้สึกว่าไม่สนิทสนมกันถึงขั้นนั้น
                  ผมสอบชิงทุนได้เลยอยากอวด พี่ตี๋พูดหน้าชื่น
                  อ้อ ฉันทำเสียงรับรู้  ยินดีด้วยค่ะ
                  นายเจ็ทไปด้วยนะ พี่อยากให้เหมียวไปเซอร์ไพรส์มันหน่อย พี่หยวนคงจะรู้ว่าฉันปฏิเสธแน่จึงพูดถึงอีกคนที่จะตามมาสมทบในช่วงเย็น
                   ...ไม่เจอกันหลายเดือน ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ...
                   ...คิดถึงเขาเหลือเกิน...
                 ตกลงไปนะ พวกพี่จะไปรับ เหมียวพักแถวไหน 
                 อืม... ฉันนิ่งไปนานเริ่มลังเล 
                 เจอหน้าประตู 2 แล้วกัน นัดกันกี่โมงคะ 
                 โอเค ประตู 2 เหมียวมารอสัก 6 โมงเย็น ตอนนี้ไปส่งข้าวกันก่อน มาพี่ช่วย
                                            ****************************

              ฉัน พี่ตี๋ และพี่ทิน นั่งคุยเรื่องจิปาถะไปเรื่อยเปื่อยขณะรอสมาชิกคนสุดท้าย 
                   นายเจ็ทน่ะ โทรจากหมอชิต อาจารย์หยวนรายงานเพื่อนๆ หลังยุติการคุยโทรศัพท์
                   ถึงแล้วสิ เบื่อจริงๆ พวกกินอุดมการณ์นี่ ตี๋บ่น 
              ฉันอมยิ้ม นึกถึงคนที่กำลังถูกเพื่อนนินทา...
              ... เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ คือ จะใช้รถยนต์และมือถือเฉพาะเวลาที่ต้องเข้ามาเพื่อติดต่องานให้ป้าเท่านั้น แต่ถ้ามาธุระส่วนตัว เขาจะมารถโดยสารประจำทางและจะใช้โทรศัพท์สาธารณะ...โดยให้เหตุผลกับเพื่อนๆ ว่า เขายากจนต้องประหยัด...
              ฉันยิ้มเมื่อมองเห็นร่างที่ปรากฏอยู่หน้าประตูทางเข้า บอกไม่ถูกว่าคิดถึงเขามากแค่ไหน... 
               ...รอยยิ้มของเขาที่ส่งให้เพื่อนเจื่อนลงเมื่อเห็นฉันนั่งอยู่ในโต๊ะด้วย    
               ฉันไม่เข้าใจนักกระทั่งเห็นร่างของปลายฟ้าเขามายืนเคียงคู่
               ฉันงงไปพักใหญ่...จากนั้นก็เริ่มชาไปทั้งตัว!
               ...เจ็บที่หัวใจจนแทบจะหายใจไม่ออก...
                ทุกคนดูจะเงียบกันไปหมดเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงโต๊ะ เขาทรุดตัวลงนั่งถัดจากพี่หยวนที่นั่งข้างๆ ฉัน และปลายฟ้านั่งข้างพี่ตี๋ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม...
               ส่วนพี่ทินนั่งหน้าซีดไม่ต่างจากฉัน...
               การสนทนาเริ่มต้นขึ้นใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เขากล่าวทักทายฉันสั้นๆ 
                ...และเราไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยกระทั่งงานเลี้ยงมื้อนั้นสิ้นสุดลง... ขากลับพี่ทินขับรถตามไปส่งฉันด้วยอีกคน นอกจากพี่ตี๋และพี่หยวนที่เป็นคนไปรับ
               ...หน้าฉันชาจนไร้ความรู้สึกกับเหตุการณ์วันนั้น...ฉันนอนร้องไห้ตาบวมอยู่ 3 วันเต็มๆ กว่าจะทำใจได้... 
              ตั้งแต่นั้นพี่หยวนก็เริ่มเป็นแขกประจำหอพักของฉันเพราะยัยกวางเป็นเหตุ...พี่หยวนถูกศรรักปักอกเข้าอย่างจัง เขาเพียรพยายามอยู่หลายเดือนยัยกวางแต่ปัจจุบันยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก เพราะยัยกวางให้เหตุผลอยากดู สันดาน กันไปนานๆ ก่อน... 
               พี่หยวนเล่าว่า...พี่ตี๋บินไปเรียนต่อแล้ว...
               ...พี่ทินหนุ่มผู้พ่ายรักรายวัน ปัจจุบันกำลังเล็งเจ้าของหมาที่พามาฉีดวัคซีนที่คลินิกของเขาอยู่คนหนึ่ง แต่ตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ...
              ...ส่วนฉันมีชีวิตอยู่ไปวันๆ กับงานและการเรียนที่เริ่มหนักขึ้น  และยังกิจกรรมอีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมาคือ การหัดว่ายน้ำ 
             ฉันไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก แต่ทนเสียงรบเร้าของพี่หยวนไม่ไหวจึงยอมให้ยัยกวางสอน... 
             เรื่องมีอยู่ว่า... พี่หยวนชวนยัยกวางไปเที่ยวเกาะช้างในช่วงซัมเมอร์ที่จะมาถึง แต่ยัยกวางตั้งข้อแม้ว่าต้องมีฉันและพี่ทินไปด้วย
             พี่หยวนคงกลัวยัยกวางจะคอยเป็นห่วงฉันจนไม่มีเวลาสวีทกัน จึงพยายามอ้อนวอนและทำทุกวิถีทางให้ฉันหัดว่ายน้ำ 
             แต่เหตุผลสำคัญที่ไม่มีใครรู้คือ ฉันยังไม่ลืม 'ใครบางคน' ที่เคยคะยั้นคะยอให้ฉันหัดว่ายน้ำเสียเหลือเกิน 
             วันนี้ไม่มีเขา แต่ฉันก็ยังอยากเก็บเกี่ยวความทรงจำทุกเรื่องราวทุกเสี้ยววินาทีที่มีร่วมกัน แม้เขาไม่มีโอกาสเห็นว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม...
             และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาฉันกับยัยกวางก็ต้องเริ่มหัดตีเทนนิส  สาเหตุเพราะพี่ทินแวะไปหาที่สระว่ายน้ำแล้วเหลือบไปเห็นนิสิตรุ่นน้องซ้อมเทนนิสอยู่สนามติดกัน...
            ...เท่านั้นแหละพี่แกเลยเกิดอาการอยากเป็น 'ภราดร' ขึ้นมาทันทีทันใด ถึงขั้นลงทุนซื้อแร็กเก็ตมาแจกเพื่อให้พวกเราร่วมมือกับความรักครั้งนี้ของแก...พวกเราต่างก็ได้แต่ภาวนาให้พี่ทินสมหวังเสียที เพราะแขนขวาชักจะโตกว่าแขนซ้ายเข้าไปทุกทีแล้ว... 
              ถึงเดือนเมษายนพี่หยวนได้ไปเที่ยวเกาะช้างสมใจ พวกเราตกลงจะไปขึ้นรถที่หมอชิตแทนการขับรถไปกันเอง 
            ...หัวใจฉันเต้นแทบจะทะลุออกมาจากอก  เมื่อเห็นชายหญิงที่นั่งรออยู่ที่นั่งพักผู้โดยสาร...
             ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนชวน  แต่ตอนนี้ฉันอยากร้องไห้เต็มที...
                  สบายดีหรือ เขาทักทายฉันเป็นประโยคแรกระหว่างที่ปลายฟ้าไปเข้าห้องน้ำ
                  ค่ะ ฉันตอบสั้นๆ กลัวจะร้องไห้ต่อหน้าเขา
                  จะไม่ถามพี่บ้างเหรอว่าสบายดีหรือเปล่า 
                  สบายดีไหม ฉันพูดตาม
               เขาหัวเราะกับคำถามทื่อๆ ของฉัน 
                   หิวไหม คราวนี้เขาถามด้วยประโยคเดิมๆ ที่คุ้นเคย 
                ฉันส่ายหน้า...น้ำตาพาลจะไหล
                    เตรียมยามาครบหรือเปล่า เขายังไม่ยอมหลีกทาง
                    ต้องถามกวาง เขาเป็นคนเตรียม  
                 เขาทำหน้าไม่พอใจ แต่ไม่ถามต่อเพราะหยวนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินมาแทรกตรงกลาง...ฉันเลี่ยงไปนั่งข้างยัยกวางที่นั่งมองอยู่ตั้งแต่ต้น
                 ...พอขึ้นรถโดยสาร ฉันนั่งคู่กับกวาง พี่หยวนนั่งคู่กับพี่ทิน และเขานั่งคู่กับปลายฟ้า...
                 ...คืนนั้นฉันกับยัยกวางกอดกันร้องไห้ไปตลอดทางจนถึงตราด...

                                           ****************************** 
                                                                             โปรดติดตามตอนที่ 6				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟJoyLek
Lovings  JoyLek เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟJoyLek
Lovings  JoyLek เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟJoyLek
Lovings  JoyLek เลิฟ 0 คน
  JoyLek
ไม่มีข้อความส่งถึงJoyLek