6 มิถุนายน 2549 16:48 น.
				
												
				
								keekie
		
					
				
ฟ้าจ๋าฟ้า .. 
	อยากรู้ว่าขอบฟ้าอยู่ตรงไหน
	เท่าที่รู้ รู้เพียงว่า ไกลสุดไกล
	แต่ยังฝากลมหอบไปหวังให้ถึง
	ฟ้าจ๋าฟ้า .. 
	ฝากไปด้วยแววตาแห่งซาบซึ้ง
	แววตาที่มีแต่เขาเพียงหนึ่ง
	ฝากบอกเขาว่าคิดถึง .. ตรึงทรวง				
			 
			
				25 พฤษภาคม 2549 21:48 น.
				
												
				
								keekie
		
					
				
ข้าจะยื้อยุดไว้ซึ่งความคิด
ไม่รู้ถูกหรือผิดแต่ไม่สน
ข้าจะมีจุดยืนของตัวตน
เพื่อวันหนึ่งจะหลุดพ้นซึ่งความทุกข์
ข้าจะคงมั่นไว้ซึ่งตัวข้า
ถึงแม้ใครจะว่าบ้าข้าก็สุข
แม้นหกล้มซมซานข้าจะลุก
หัวเราะทั้งที่ล้มคลุกเปื้อนโคลนดิน
ข้าจะยังยึดไว้ซึ่งอัตตา
ความเป็นตัวของข้าดังแผ่นหิน
แกร่งกล้าสามารถอาจทมิฬ
แม้ได้ยินใครว่าข้าดื้อดึง
ข้าจะคงมั่นไว้ซึ่งตัวข้า
มิสนคำนินทาที่มาถึง
ไม่ยินคำทักท้วงที่รัดรึง
มิคำนึงถึงใครที่ไหนเลย
				
			 
			
				17 พฤษภาคม 2549 23:32 น.
				
												
				
								keekie
		
					
				
ฉันมีดอกไม้ให้หนึ่งดอก
	แทนใจบอกถึงความงามตามเธอฝัน
	มอบแด่เธอปักไว้ในแจกัน
	เพื่อโยงใยผูกพันฉันและเธอ
	
	นั่นเห็นไหมดวงดาวพราวระยับ
	มอบไว้ให้เพื่อประดับชั่วกัปป์เสมอ
	ส่องนำทางให้เราได้พบเจอ
	ยามคิดถึงพร่ำเพ้อถึงกันและกัน
	ฉันมีหนึ่งดวงจันทร์อันผ่องใส
	แสงนวลใยนวลตาบนฟ้านั่น
	ขอเพียงเธอแหงนมองแสงผ่องพรรณ
	จะเห็นสุขบนนั้นนานเท่านาน
	เก็บไว้เถิดสิ่งดีดีที่มีมอบ
	มิต้องตอบมอบกลับเพียงรับสาร
	ที่สื่อตรงถึงเธอชั่วกัปป์กาล
	มันคงมั่นยืนนานตราบนิรันดร์ .. 
	
					
			 
			
				12 พฤษภาคม 2549 12:00 น.
				
												
				
								keekie
		
					
				
อยากจะเอ่ยถึงฝนยามหล่นฟ้า
ใครบอกว่านั่นน้ำตาฟ้าใช่ไหม
ริ้วฝนร่วงจากฟ้าหรือจากใจ
หยดน้ำใสรินรดจรดดิน
ฝนพรั่งพรูสู่พื้นดินชื่นฉ่ำ
ใจเจ้ากรรมกลับทำท้อถวิล
เสียงบ่นหนาวจากใจใครได้ยิน
ยามฝนรินใจร่ำเฝ้าคร่ำครวญ
ฝนเอ๋ยฝนหล่นร่วงจากรวงฟ้า
หวังพลิกฟื้นชีวาพาคืนหวน
ใจเอ๋ยใจดังติดอยู่คู่โซ่ตรวน
คอยไหลทวนกลับสู่ความเศร้าตรม
ฝนหล่นฟ้าไม้นานาช่างสดชื่น
หากหนึ่งใครกลับกล้ำกลืนความขื่นขม
อยากจะปลดโซ่ตรวนครวญระทม
เอาฝนพรมห่มฟ้ามาปลอบใจ				
			 
			
				9 พฤษภาคม 2549 23:16 น.
				
												
				
								keekie
		
					
				
ใช้ฟ้าแดนแบ่งฟ้านภากาศ
	ขีดเส้นวาดคั่นกลางหว่างเราไว้
	คนหนึ่งคนอยู่ฟากฟ้าอีกฝั่งไกล
	จากหนึ่งคนอีกฝั่งให้ห่างไกลกัน
	เขียนลงบนแผ่นฟ้านภากาศ
	ว่ามิอาจข้ามเส้นดั่งเช่นฝัน
	หากแดนฟ้าฟากโน้นคือกลางวัน
	อีกดินแดนฟากฝั่งนั้นเป็นกลางคืน
	จารึกบนแผ่นฟ้านภากาศ
	จำให้มั่นสะพานลาดมิอาจฝืน
	จงอย่าก้าวล่วงล้ำแม้กล้ำกลืน
	ต้องหยัดยืนอยู่ได้ในฝั่งตน
	ห่างแค่นี้พอไหม? .. แค่ฟ้ากั้น ..
	เป็นเส้นคั่นแบ่งไว้ไม่สับสน
	ฟากฝั่งโน้นและฝั่งนี้มิปะปน
	แบ่งดินแดนคนสองคนสองหนทาง ...