8 มกราคม 2550 00:20 น.

เมื่อคืนฉันฝันถึง .. (๒)

keekie

เพราะหัวใจผูกพัน          และยังคงมั่นเสมอมา ..
เพราะหัวใจร่ำหา             และศรัทธาหัวใจคุณ .. 

กรอบรูปสีแดงกับบทกลอนที่เจเขียน ..
มีรูปประกอบเป็นผู้หญิงหน้าตามอมๆ ในหลากหลายอิริยาบถ (แต่ปากไม่มอมนะ)

มันยังตั้งอยู่บนชั้นหนังสือในห้อง ..

ทุกครั้งที่พี่มองมัน ..
พี่ตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า .. 
ความศรัทธานั้นยังคงอยู่กับเจหรือป่าว? .. 

แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ..
พี่ยังคงศรัทธาในหัวใจบริสุทธิ์ของเจเสมอ .. 

พี่จำได้มั๊ย ว่าเรารู้จักกันได้ยังไง? ..  
เจถามพี่ในเย็นวันหนึ่ง ตอนเรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวญวนเจ้าโปรด

จำไม่ได้ ..  
พี่ตอบไปงั้นๆ เพราะปากไม่ว่าง .. ก็กำลังโซ้ยก๋วยเตี๋ยวอยู่นี่ .. 

พี่จำได้ว่าเจหยุดกิน แล้วเงยหน้ามองพี่ .. 

ดีแล้วอย่าไปจำมันเลย .. ตอนที่เราไม่ได้เจอกันจะได้ไม่มีอะไรต้องลืม .. 
พูดจบเจก็กินก๋วยเตี๋ยวญวนต่อหน้าตาเฉย .. 

  	ดูเจจะเข้าใจกฎความเป็นไปในโลกใบนี้เป็นอย่างดี ..

	เกิด แก่ เจ็บ ตาย .. มันคงเป็นวัฎจักรของทุกสิ่ง 
	และมันคงไม่ยกเว้นเรากระมัง ..

	เจอขวัญมั่งหรือป่าว?  
ขวัญ .. เด็กสาวหน้าตาน่ารักที่มักไปไหนมาไหนกับเจ

พี่เจอเธอเมื่อวันก่อน  
ขวัญถามพี่ถึงเจ พร้อมกับเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงของเจให้พี่ฟัง
ว่าไม่ได้เจอเจมาสองเดือนแล้วเพราะเจบอกว่าไม่ว่าง .. 

	ไม่เจอ ..  เจตอบทั้งที่ไม่เงยหน้าสบตาพี่ด้วยซ้ำ

	ทำไมล่ะ ..  พี่ถามอีก

	เจไม่ว่าง ..  แล้วเจก็ตอบแบบไม่สบตาพี่อีก

	ดีล่ะ .. งั้นต่อแต่นี้ไป เอาเวลาที่เจ ออกกำลังกาย ดูหนัง กินข้าวกับพี่ ไปหาขวัญ   พี่บอกเจ ..

	ทำไมล่ะ?  แล้วเจก็ถามพี่อย่างนั้น

	ก็เจจะได้มีเวลาให้ขวัญ แล้วพี่ก็จะได้มีเวลาไปหาหนุ่มๆ ของพี่บ้างน่ะสิ

	พี่จำแววตาของเจในวันนั้นได้ดี ..
	มันแสดงถึงความไม่เข้าใจ .. 
	
	ครับ .. งั้นเริ่มตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย ..   
แล้วเจก็หันหลังเดินไปโดยที่พี่ไม่ทันได้อธิบายใดๆ .. 

หากแม้จะต้องอธิบาย .. 
พี่ก็คงไม่รู้จะพูดอะไรอยู่ดี .. 

ความถูกต้องเหมาะสม ..
อาจเป็นสิ่งที่ทำให้การเกิดของเราควรค่าแก่ความเป็นมนุษย์ ..
แม้บางทีความถูกต้องนั้นอาจไม่ถูกใจเรา ..
หากแต่มันก็คงไม่ทำร้ายเราให้เจ็บปวด ..

ความผิดพลาดและไม่เหมาะสมต่างหาก ..
ที่จะสร้างรอยแผลให้ปวดร้าวจนกว่าเราจะแก่ เจ็บ และตาย .. 
				
7 มกราคม 2550 11:48 น.

เมื่อคืนฉันฝันถึง ..

keekie

สวัสดีน้องชาย ..

	นานมากแล้วนะที่เราไม่ได้พบและพูดคุยกัน .. 
		
ทุกครั้งที่พี่คิดถึงเจ .. 
	แววตาและรอยยิ้มอันอ่อนโยนมักจะปรากฎในมโนสำนึกของพี่อย่างชัดเจนเชียวล่ะ .. 

	หน้าสวย .. ตาใส .. หวานจนผู้หญิงอย่างพี่ยังอาย .. 

	เอาน่า ไม่ต้องโกรธหรอก ..
	ไม่ใช่พี่คนเดียวซะหน่อยที่คิดแบบนี้ ..

	หลักฐานยืนยันน่ะหรอ .. ? 
	ก็วันนั้นไง .. วันที่เราไปออกกำลังกายที่สนามกีฬาหัวหมากน่ะ ..
	ตอนที่เรากำลังจะกลับบ้าน .. 
	มีหนุ่มหล่อกล้ามใหญ่สองคนเดินมาขวางทางเรา ..
	แล้วก็แซวเราเหมือนนักเลงในหนังไทยสมัยลุงสมบัติเปี๊ยบเลย ..

	"ไปส่งบ้านไม๊น้องสาว .."  

	พี่ขำกิ๊กจนสองหนุ่มนั่นงง .. 
	เขาคงคิดว่าพี่ดีใจจนเนื้อเต้นที่มีหนุ่มมาดักแซวแบบนี้ ..
	แต่เปล่าหรอก พี่ขำเพราะเห็นหน้าเจตะหากล่ะ ..
	มันเข้าทำนอง .. ถ้าจะปั้นก็ปั้นยาก .. 

	สงสัยคงเพราะเราสูงไล่เลี่ยกัน
	และคงเพราะผมเจที่ยาวระต้นคอนั่นล่ะมั้ง ..
	ที่ทำให้เจดู 'สวย' เกือบเท่าพี่ .. 555555

	พอเจดึงผ้าขนหนูผืนเล็กที่คล้องคอออก 
	สองหนุ่มนั่นเห็นแขนของเจที่มีกล้ามเป็นมัดๆ .. 

	.. พี่ว่าเขาคงอายมั้ง .. เลยขอโทษแล้วรีบเดินหนีไป .. 

	"ไอ้บ้าเอ๊ยยยย .. "  พี่จำได้ว่าเจเดินบ่นงึมงำๆ มะโหตะหงิดๆ 
	จนพี่ต้องพาไปกินไอติมเจ้าประจำหน้าสนามกีฬานั่นแหละ
	เจจึงอารมณ์ดีขึ้น .. 

	"พรุ่งนี้เลิกงานแล้วไปไหนรึป่าว?"  พี่จำได้ว่าเจถามพี่ว่างั้น

	"มัยหรอ? .."  ตอบไปกัดไอติมไป

	"จะชวนไปดูหนังน่ะ .. อันดากับฟ้าใส"

	พี่เกาหัวยิกๆ ..

	"โห หนังคิกขุแบบนั้น เคยดูซะที่ไหนเล่า .."  พี่บ่น

	"เหอะน่า ไปดูด้วยกันนะ น่านะ .. พี่นะ"  

	พี่ต้องยิ้มทุกครั้ง เมื่อนึกถึงสายตาออดอ้อนคู่หวานที่ส่งแวววาวอยู่ใกล้ๆ .. 
	มันทำให้ใจอ่อนทุ๊กที .. 

	เจรู้มั๊ย .. 
	ว่าหนังเรื่องนั้นเป็นหนังรักโรแมนติกเรื่องแรกในชีวิตที่พี่เคยดู .. 
	มันเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความรักบางอย่างของพี่ ..
	
	มันสอนให้พี่คิดว่า ..
	เราควรกล้าที่จะเปิดเผยความเป็นตัวเอง ..
	เปิดเผยสิ่งที่เราคิด .. รู้สึก .. 
	เพราะมันเป็นตัวกลางสำคัญที่เชื่อมใจสองดวงให้ทอดถึงกันมากขึ้น

	"อ่ะ .. ให้ .."  เวลาจะให้ .. เจก็บอกว่า ให้ .. 

	"เนื่องในโอกาสอะไร?.."  
	ถึงจะงง แต่ความงกมีมากกว่า พี่ยื่นมือไปรับอย่างไม่รอช้า 

	"โอกาสที่อยากจะให้ .. ดูแลมันดีๆ นะ เจซื้อปุ๋ยให้พี่ด้วย .." 

	กุหลาบแดงโรซ่าดอกเล็กๆ ที่กำลังบานเต็มกระถาง
	มันดูอ่อนโยน บอบบาง .. ซะจนน่าหวั่น

	"จะทนไม้ทนมือพี่ได้นานเท่าไหร่กันเนี่ย?"  พี่บ่น

	"เลี้ยงมันดีๆ นะ .. ถึงแม้มันจะเป็นเพียงกุหลาบดอกเล็กๆ ..
	แต่เจ อยากให้มันบานเต็มหัวใจพี่อยู่นานๆ .. "  

	...


	..


	.
				
26 ธันวาคม 2549 12:24 น.

.. แอ่วเมืองสองแคว .. (ตอน จบ)

keekie

ลมหนาวพัดมาอีกระลอก ..
ส่งกลิ่นอับอันฉมฉุนของปุ๋ยลอยเข้าจมูก .. 

ฉันห่อไหล่ .. กระชับหมวกที่ใส่เพื่อกันน้ำค้างยามเช้า
เดินสวนทางกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่กลับจากการจ๊อกกิ้ง 

เพิ่งเข้าใจถึงความรู้สึกของการเป็นนกตัวแรกที่ออกหาหนอนในตอนเช้า .. 
อืมมม .. ความรู้สึกมันหอมหวานเช่นนี้นี่เอง .. 

ใครนะช่างว่า .. ว่าฉันตื่นเช้าไม่เป็น ..
รูปถ่ายเหล่านี้คงพิสูจน์ได้ว่า ฉันตื่นก่อนไก่โห่ได้เหมือนกันล่ะน่า .. (เช๊อะ!!!)

ฉันกลับขึ้นรถ .. และมุ่งหน้าต่อไป
ทางเริ่มลาดชันเลาะไหล่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ 
ประกอบกับมีการทำถนนใหม่ ทำให้เริ่มลังเลในการลุยต่อไปข้างหน้า .. 

ฝุ่นแดงตลบอบอวลตามท้ายรถบรรทุกคันหน้า ..
ทำให้ฉันมองไม่เห็นทางเข้าน้ำตกแก่งซอง ..

ขับรถเลยไปจนได้ ..
และต้องเลยไปอีกไกลเชียวกว่าจะหาที่เหมาะที่พอจะกลับรถได้ .. 
และเพราะถนนเริ่มคดเคี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ .. ทำให้ฉันชักหวั่นๆ  .. กลับดีกว่ามั้ง ..

	ขืนขับเพลินอีกหน่อยคงเลยเข้าเพชรบูรณ์ และต่อไปถึงชัยภูมิแน่ .. (ยิ่งมีคนยุให้เลยไปชัยภูมิอยู่ด้วย)

	ฉันกลับรถและขับกลับมาตามทางเดิม ..
	มองเห็นเพิงข้างทางขายข้าวหลาม .. 
	ข้าวหลามกระบอกเล็กกินได้สองคำก็คงหมด พวกพยาธิ์ในท้องคงร้องกันระส่ำระสายเพราะยังไม่อิ่ม ข้าวหลามที่นี่มีใส่สังขยาซะด้วย ..

	ตาลก็ต้นเดิมกับที่เห็นเมื่อตอนขับมา ..
	หากแต่บรรยากาศรอบตัวมันเปลี่ยนไป ..

	คราวนี้มันดูขึงขังตั้งใจกับการชูใบรอรับแสงอาทิตย์
	คลอโรฟิลด์ในตัวมันคงฉีดพล่านกระหายการสังเคราะห์แสงเพื่อการดำรงชีวิตอยู่
	ที่สำคัญมันคงต้องหาอาหารไว้เพื่อออกดอกสร้างผลด้วยล่ะมั้ง ..
	ชีวิตมันก็ต้องเป็นไปตามครรลอง ..
	
	
	ฉันขับรถมุ่งหน้ากลับสู่ตัวเมืองพิษณุโลก .. 
	ผ่านวัดเขาสมอแคลง  (http://www.tat.or.th/travelplacedet.asp?prov_id=65&id=1083) 
มีป้ายบอกว่าเชิญสักการะเจ้าแม่กวนอิมหยกขาว ..
แต่เมื่อเห็นทางเข้าวัด .. 
ก็ต้องถอดใจ เพราะเป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาที่ค่อนข้างลาดชัน ..

ฉันขับรถเอื่อยๆ ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทาง ..
จนเห็นป้ายวัดค่อนข้างใหญ่สะดุดตา .. วัดคลองเรือ .. 
มองเข้าไปตามทางเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขนาดตึกสองถึงสามชั้น .. 

แต่ด้วยความที่ประสาทรับการสั่งงานที่เท้าทำงานได้ดีกว่าประสาทรับการสั่งงานของหัวใจ
ทำให้ฉันขับรถเลยทางเข้าวัดไป ..

แต่ในที่สุดฉันก็พ่ายแพ้แก่เสียงเรียกร้องของหัวใจ
ต้องกลับรถวกมาที่จุดเดิม และเลี้ยวรถมาตามทางเข้าวัดคลองเรือ

ถนนราดปูนซีเมนต์กว้างขนาดรถสองคันสวนกันได้พอดิบพอดี
แต่ไม่มีคันกั้นตลอดสองข้างทาง หากมัวเพลิดเพลินกับทุ่งนาด้านซ้ายมือที่มีชาวนากำลังไถพรวน รถคงได้หัวทิ่มลงไปในคูนา หรือหากว่ามัวลุ้นการเย่อปลาของชาวบ้านด้านขวามือ .. 
ฉันและรถคงได้ลงไปลุ้นกันอยู่ในบึงน้ำนั่นแน่ๆ .. 

ฉันขับรถผ่านประตูทางเข้าวัด .. 

เริ่มรู้สึกชอบวัดนี้อย่างไม่มีเหตุผล ..
ไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีรถยนต์หรือแม้แต่มอเตอร์ไซด์จอดในบริเวณวัด 
				
24 ธันวาคม 2549 17:59 น.

.. แอ่วเมืองสองแคว .. (ตอน 2)

keekie

ฉันเดินหลบความวุ่นวายเข้าไปตามทางที่มีป้ายเขียนว่า ..

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธชินราช

เราสองคนเดินชมดอกไม้และพระพุทธรูปในบริเวณพิพิธภัณฑ์อย่างสบาย
เพราะไม่มีใครอื่นอีก ..

ในที่สุด ..
ความสวยงามแห่งพระพุทธศาสนามีมุมแห่งความสงบ ..
ถ้าเรารู้จักวิธีที่จะค้นหามัน .. 
เราคงได้พบ .. 
				
23 ธันวาคม 2549 16:34 น.

.. แอ่วเมืองสองแคว .. (ตอน 1)

keekie

พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร
	สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก 
	ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา


	"โห่เอ๊ย .. ไปพิษณุโลกทั้งทีซื้อข้าวหลามมาฝาก แทนที่จะซื้อกล้วยตาก" 
	เสียงบ่นเมื่อได้รับข้าวหลามของฝากจากฉัน 
	บ่นทั้งๆ ที่ข้าวหลามหน้าสังขยายังอยู่ในปากนั่นแหละ .. 
	แล้วกินทำไม (ฟระ)?

	ฉันเพิ่งมานั่งหาข้อมูลจังหวัดพิษณุโลกจากเวบไซต์
	หลังจากกลับมาจากเมืองสองแคว
	จึงเพิ่งรู้ว่าคนรับของฝากมันบ่นทำไม ..
	อ๋อ .. ก็เพราะกล้วยตากเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่นั่นเอง .. 
	
	เป็นครั้งแรกที่รู้สึกนึกอยากรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวใดๆ
	ปกติก็ไปหาเอาข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นที่พัก แหล่งท่องเที่ยว 
	แม้กระทั่งว่า ไอ้จังหวัดที่จะไปเนี่ยไปทางไหน ..
	ก็ไปตายเอาดาบหน้าทั้งนั้น .. มันส์ดี 
	กลับมาแล้วก็แล้วกัน ไม่เคยคิดอยากจะรู้จักมากกว่าที่ได้รู้จัก ได้เห็นกับตา

	แต่ครั้งนี้มันต่างไป ..
	รู้สึกอยากรู้จักพิษณุโลกให้มากขึ้น ..
	แล้วก็จะกลับไปอีก .. ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม? ..

	เลยลองดูรูปถ่ายที่ติดอยู่ในกล้อง ..
	เผื่อจะรู้สาเหตุ .. 


	เริ่มจาก .. รูปนี้เลย .. 

	เราได้พบกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
	หลังเลี้ยวซ้ายจากทางหลวงหมายเลข 1 (สายพหลโยธิน)
	เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเซีย)
	ฉันจอดรถใต้ร่มไม้ใหญ่ นั่งซดอาราบิก้าเย็นแก้วโต ..
	พลางเหลือบมองบรรยากาศรอบข้าง พลันสายตาก็ปะทะกับ ..
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkeekie
Lovings  keekie เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkeekie
Lovings  keekie เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkeekie
Lovings  keekie เลิฟ 0 คน
  keekie
ไม่มีข้อความส่งถึงkeekie