17 กุมภาพันธ์ 2547 19:30 น.

เธอ....

mini_pk

" อยู่ไหนว้าอยู่ไหน โครม! "   " ณัฐ!ทำอะไรลูก "    " ผมกำลังหาของอยู่คร้าบบ..บ...  แม่  แม่เห็นกล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องเล็กๆของผมมั้ย "   ผมตะโกนถามแม่ที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว   " หาดูดีๆซิลูก  เดี๋ยวก็เจอ "   โถ! คำตอบของแม่มันช่วยผมได้มากเลยครับ     " ขอบคุณฮะแม่ "   ผมตะโกนตอบกลับ   ผมกำลังหาสิ่งๆนั้นอยู่   ของขวัญชิ้นพิเศษที่ผมเตรียมไว้ให้เธอสุดที่รักของผม    มันมีค่าสำหรับผมมากครับ   ผมเก็บมันไว้เป็นอย่างดีดีที่สุด   ดีจนผมเองหามันไม่เจอ   มันต้องอยู่ที่ไหนซักแห่งในรัง  เอ้ย!ห้องๆนี้แหละ   ผมใช้ความรีบเร่งในการหาอย่างสุดขีด   " เร็วๆซีไอ้ณัฐ   ขิมรอแกอยู่นะ "  ผมคอยเร่งตัวเองอยู่ตลอด   " เจอแล้ววว..ว.ว "   ผมตะโกนลั่นบ้านด้วยความดีใจ   มันตกอยู่ใต้กองผ้าในตู้เสื้อผ้าของผมนี่เอง   โห่!หาตั้งนาน   ผมค่อยๆเปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องนั้นแล้วหยิบสิ่งๆหนึ่งออกมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ    ผมต้องรีบไปแล้ว   ผมวิ่งลงบันไดด้วยอัตราความเร็ว 120 กม./ชม.   แต่แล้วอิริยาบทของผมมันก็เปลี่ยนไป   ตอนนี้มันเปลี่ยนไปเป็นกลิ้งแล้วครับ   ผมกำลังกลิ้งลงบันได   ตัวผมใกล้จาถึงพื้นแล้ว   ใกล้แล้ว   ใกล้แล้ว   แล้วตอนนี้มันถึงแล้วครับ   ผมยังมีชีวิตอยู่   ผมรีบลุกขึ้นแล้วสำรวจสารรูปของตัวเอง   มีเลือดออกนิดๆ   แผลก็นิดหน่อย  ไม่เป็นไรครับ   ไม่ถึงตายหรอก   ผมมองดูนาฬิกาข้างฝาผนัง   ผมช้าไป 15 นาทีแล้ว   ผมต้องไปแล้วขิมรอผมอยู่   ผมวิ่งออกจากบ้านไปรอรถแท็กซี่   วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย   ไม่มีรถแท็กซี่ผ่านมาเลยซักคัน   ผมรอไม่ไหวแล้ว   " ไปมอร์ไซค์ก็ได้วะ! อย่าคิดว่าจะง้อ "  ผมบ่นกับตัวเองแล้วโดดขึ้นมอร์ไซค์รับจ้างที่ผ่านมาพอดี   " พี่ครับ ไปที่นั่นด่วนเลยครับ "  ผมสวมหมวกกันน็อกแล้วบอกจุดหมายกับคนขับ  " พี่ เร็วกว่านี้ได้มั้ยครับ "   ผมเร่ง  " โห่น้อง  นี่พี่เร่งจนสุดแล้วนะ  ให้เร็วกว่านี้น้องอยากไปสวรรค์หรอวะ "  พี่คนขับตอบผมกลับ   ผมเงียบเลยครับ  " ก็คนมันรีบนี่หว่า   งั้นจะเร่งทำทำไมวะ "   ผมบ่นในใจ   แต่มันก็จริงของพี่เค้านะ   เร็วกว่านี้ได้ขึ้นสวรรค์แน่   ผมค้านความคิดของตัวเอง   ผมเป็นคนใจร้อนครับ   ทำอะไรต้องเร็วไว้ก่อน   ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย   คงเป็นเพราะผมตื่นเต้นมั้ง   ตื่นเต้นที่จะได้ให้ของขวัญชิ้นนี้กับเธอด้วยตัวผมเอง  " รอผมก่อนนะ   ผมกำลังไป ">> 16 ปีที่แล้ว   ทุกสิ่งมันเริ่มต้นเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2532  วันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนแห่งหนึ่ง   วันนั้นเป็นวันที่น่าเบื่อสุดๆครับ   เพราะไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่เด็กเด็กทั้งนั้น   เปล่าครับผมไม่ใช่ครูหรือผู้ใหญ่ที่เกลียดเด็กที่ไหนหรอก   ผมก็เป็นเด็กอนุบาลเหมือนๆกับพวกเค้าน่ะแหละ   เพียงแต่ผมเบื่อที่ต้องมาทนฟังเสียงร้องไห้ของพวกเค้า   ผมไม่เข้าใจจริงๆเลยครับ   เพื่อนก็เยอะแท้ๆ   แต่ดันมาร่วมใจร้องไห้ประสานเสียงกันซะนี่   ผมเริ่มจะทนไม่ได้กับเสียงร้องไห้ที่ดังกระหึ่มไปทั้งโรงเรียน   ผมจึงจึงร้องไห้ไปกับพวกเขา   แฮะๆ   แต่ไอ้การร้องไห้ของผมเนี่ยมันไม่มีน้ำตานะครับ   แหกปากร้องเฉยๆ   ไม่รู้สิครับ   เผอิญผมเป็นคนร้องไห้ยากยากจนอธิบายไม่ถูก   ผมไม่รู้ว่าทำไมผมต้องมาเสียน้ำตาให้กับเรื่องไร้สาระพวกนี้ด้วย   แต่ผมก็ยังคงแหกปากต่อไป   จนกระทั่ง   ผมเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ มัดแกละสองข้างนั่งอยู่บนตักนางพยาบาล   เธอกำลังร้องไห้   ผมหยุดแหกปากทันที   ผมรีบวิ่งไปหาเธอโดยสัญชาตญาณ   แต่แล้วมันก็มีอุปสรรคเกิดขึ้น   มีหินก้อนหนึ่งขวางทางผม   และแล้วความซุ่มซ่ามของผมก็บังเกิด   ผมสะดุดมันล้ม   แทนที่ผมจะเป็นฝ่ายไปหาเธอ   แต่กลับกลายเป็นว่าเธอและคุณพยาบาลเป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาหาผมแทน  " เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะหนู "   คุณพยาบาลถามผมด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย   ผมหันไปมองหน้าเด็กหญิงผมแกละคนนั้น   ผมงงอยู่ครู่หนึ่ง   ก็เมื่อตะกี๊เธอยังร้องไห้อยู่เลย   แต่ตอนนี้เธอกำลังหัวเราะ   หัวเราะอะไรไม่รู้   คงหัวเราะผมมั้ง   ก็หินตั้งก้อนเบ้อเร่อดันมองไม่เห็น    " ไม่เป็นไรคั๊บ "   ผมรีบลุกขึ้นทันทีและไม่รอช้าที่จะชวนเธอไปเล่นด้วยกัน   " ไปเล่นกันเถอะ "    " เค้าหรอ "   เธอถามผมกลับด้วยสีหน้างงๆ   ผมว่าตอนนี้ผมก็คุยอยู่กับเธอนะครับ    แล้วเธอคิดว่าผมชวนใครล่ะ    " คั๊บผม "  ผมตอบเธอ   เธอหันกลับไปมองหน้าคุณพยาบาลเหมือนกับว่าขอความเห็นใจ " ไปสิ จ๊ะ "  คุณน้าพยาบาลตอบอนุญาตเหมือนจะรู้ว่าเธอต้องการอะไร   เท่านั้นแหละครับเธอรีบคว้ามือผมแล้ววิ่งไปที่สนามเด็กเล่นทันที   ผมยอมรับครับว่าผมตกใจมาก   ก็เธอเล่นไม่บอกไม่กล่าวผมเลย   ผมก็ไม่ทันตั้งตัวสิครับ   ไม่น่าเชื่อว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอจะมีพลังมากมายมหาศาลขนาดนี้   ตัวของผมแทบปลิวไปตามแรงดึงของเธอ   ผมวิ่งตามเธอแทบล้มหัวคมำ    ดูเธอตื่นเต้นและมีความสุขเหลือเกินครับ   เหมือนเธอไม่เคยได้มีโอกาสได้เล่นอะไรแบบนี้มาก่อน   แต่ผมไม่สนใจหรอกครับตอนนี้ผมกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการดูเธอไต่บันไดลิง   และแล้วก็จังๆเลยครับ   วู้!!!สีแดง   ขณะที่ผมกำลังใช้สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่เธอ   แต่แล้วก็มีมารพจญมาขวางความสุขของผม   มีเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งขึ้นไปไต่บันไดลิงกับเธอ   ผมไม่อยากจะมองเลยครับ   ก็เธอช่างเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักเหลือเกิน   ผมก็หยิก  อ้วนก็อ้วน  ดำก็ดำ  ตาก็หยี เอ่อ..ตาตี่ดีกว่าครับ   เธอน่ารักไม่ได้ครึ่งของเด็กหญิงผมแกละของผมเลยครับ   ผมเลยต้องจำใจเลิกภารกิจแอบครั้งนี้   ผมว่าผมชวนเธอไปเล่นอย่างอื่นดีกว่า   ไปให้ไกลๆจากยัยอ้วนนี่   แต่ผมจะเรียกเธอยังไงดีล่ะ   ผมยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย   เอาอย่างนี้ละกันผมมีวิธีแล้ว   ผมยืนคอยเธออยู่เฉยๆตรงนี้  รอให้เธอมองมาทางผมแล้วผมค่อยกวักมือเรียกเธอดีกว่า   ง่ายดีมั้ยล่ะ   โห!คิดได้งัยเนี่ยเก่งจัง   เหอะๆ   3 ปีผ่านไป   เธอไม่ยอมมองมาทางผมซะทีครับ   เธอคงจะสนุกจนลืมผมไปแล้ว   ไม่ ผมจะไม่รอต่อไปแล้วนะ   ผมไปเรียกเธอใกล้ๆดีกว่า   แต่ผมจาเรียกยังไงล่ะ   ทำไมมันลำบากขนาดนี้   เอางี้!ไปดึง เอ้ย!กระตุกกระโปรงเธอละกัน   มันเป็นการสะกิดให้รู้ตัวอีกวิธีหนึ่งนะครับ   และแล้วก็ได้ผลครับ   ได้มาพร้อมกับคำด่าด้วยแหละ   พอดีผมกระตุกแรงไปนี๊ดเธอเกือบตกครับ   แต่เธอก็ไม่ได้โกรธผมหรอก   เธอแค่ตกใจแล้วหลุดปากมาเฉยๆ   ผมคิดว่างั้นนะ   แต่ตอนเวลาเธอตกใจเธอดูน่ารักดีนะ   ผมอยากรู้ชื่อเธอจัง  ทำไงดีอะ   โง่อีกและ!ก็ถามสิวะณัฐเอ้ยผมด่าตัวเองครับ   ทำไมผมโง่ได้ขนาดนี้เนี่ย   เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ออก  " ชื่อไรหรอ " ผมเลิกโง่แล้วถามเธอ  " ขิม "  เธอตอบผมแบบไร้ความรู้สึกมากๆ   เธอไม่สนใจผมเลยครับ   เธอเอาแต่เล่น เล่นอย่างเดียวเลย   ไม่เป็นไร   ยังไงผมก็ได้รู้ชื่อเธอแล้ว   ไปเล่นกับเธอดีกว่า   และแล้วเธอก็พูดกับผม   " แล้วตัวชื่อไรอะ "   เธอถามผมกลับ   " ผมชื่อณัฐคั๊บ "   ผมแอบดีใจอยู่ลึกๆที่เธอยังอยากรู้จักชื่อผม   ในวันนั้นขิมเป็นคนเดียวที่ผมคุยและเล่นด้วย   นับจากวันนั้นเราก็เป็นเพื่อนกันเรื่อยมา   อันที่จริงผมไม่ได้อยากจะเป็นแค่เพื่อนหรอกนะครับ   ผมอยากจะขอเธอแต่งงานด้วยซ้ำแต่ผมทำไม่ได้   เพราะผมเพิ่งจะอายุ 4 ขวบเอง   อิอิ  เราเริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ   ผมจะเจอเธอและคุณน้าพยาบาลทุกวันที่โรงเรียน   ยกเว้นวันที่เธอไม่มาเพราะอะไรไม่รู้   ทุกเดือนเลยครับ   ในแต่ละเดือนต้องมีซักวันที่เธอไม่มา   แต่ผมก็ไม่สนใจ   ตอนแรกผมก็นึกว่าคุณพยาบาลคือแม่ของขิมเค้า   แต่ไม่ใช่ครับ   คุณพยาบาลเค้าเป็นพยาบาลประจำตัวของขิม   ขิมเค้าเป็นลูกคุณหนูครับ   ร่างกายของเธอไม่ค่อยจะแข็งแรง   เธอเป็นโรคอะไรซักอย่างที่ผมไม่รู้จัก   ผมเคยถามเธอว่าเธอเป็นอะไร  เธอก็บอกผมว่าเธอเป็นโรค " รู "  ชื่อมันตลกดีนะครับ   เธอมักจะเป็นลมอยู่บ่อยๆ  จึงต้องมีพยาบาลมาคอยดูแล   ขิมเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักมากครับ   เธอจะตัวเล็กๆและชอบมัดผมแกละ   เพราะความที่ขิมเค้าตัวเล็กกว่าผม   ผมจึงชอบเรียกเธอว่า  " น้องแกละ "   อันที่จริงขิมเค้าเป็นรุ่นพี่ผมตั้งเกือบครึ่งปีแหนะ   แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ    ผมจะไม่ยอมให้อายุของเรามันมาเป็นอุปสรรคหัวใจของผมเด็ดขาด   ตอนนี้เราสนิทกันมากครับ.มากจนบอกไม่ถูก   เราเรียนห้องเดียวกันตั้งแต่อนุบาล 1 จนขึ้นป.6   เราจะรู้ใจกันดีครับ   26  ธันวาคม  พรุ่งนี้ก็วันเกิดผมแล้ว   ขิมรู้และจำมันได้  ขิมเค้าเข้ามาถามผม  " ณัฐจ๋า   วันเกิดณัฐ  ณัฐอยากได้อะไรเป็นของขวัญจ๊ะ "   ผมคิดอยู่นาน   ผมไม่อยากให้ขิมต้องมาเสียเงินซื้อของขวัญให้ผม   แต่ผมก็ไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของเธอ   ผมคิดออกแล้ว " เอ่อณัฐ  ณัฐอยากเป็นแฟนขิมอะ "  อาจจะดูแก่แดดไปนิด   แต่เด็กประถมอย่างผมก็จริงจังนะครับ   " ได้สิ  ขิมให้ณัฐได้อยู่แล้ว "  เธอตอบผมแล้วบิดตัวไปมา    ผมคิดว่าเธอเขินนะ   เอ๊ะ!  หรือว่าเธอบิดขี้เกียจหว่าผมชักไม่แน่ใจซะแล้ว   เราสองคนคบกันมาเรื่อยๆ  และแล้ววันนี้ก็วันเกิดผมอีกแล้วครับ   ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีขอบางสิ่งกับเธอ   " เอ่อขิม วันเกิดณัฐปีนี้  ณัฐ ขอหอมแก้มขิมได้มั้ย "   เธอทำหน้าอึ้ง   ตอนนั้นเธอหน้าแดงมากเลยครับ   ผมคิดว่าผมคงไม่ได้อย่างที่ขอแน่   ผมจึงบอกเธอว่า  " ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับขิม "  ผมทำหน้าจ๋อย   เธอรีบแย้งผมขึ้นทันที   เธอคงกลัวผมงอนเธอมั้ง   " ได้สิณัฐ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ "   ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมก็ต้องหอมแก้มเธอก่อนกลับบ้านทุกวัน   วันไหนถ้าผมไม่ได้หอมแก้มเธอ   วันนั้นผมเป็นอันกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียวล่ะครับ   เราสองคนคบกันมาเรื่อยๆจนจบป.6  พอจบป.6 เราสองคนก็ไปต่อมัธยมที่โรงเรียนเดียวกัน   เราไม่ยอมห่างกันหรอกครับ   ทีแรกแม่ของขิมจะให้ขิมไปเรียนเมืองนอก   แต่เธองอแงไม่ยอมไป   ก็บอกแล้วไงครับว่าเราไม่ยอมห่างกันหรอก   แต่คราวนี้เราได้อยู่คนละห้องเพราะผลการเรียนเราต่างกัน   ขิมเค้าเป็นคนเรียนไม่ค่อยเก่งครับ   อาจเป็นเพราะสุขภาพร่างกายของเธอจึงทำให้เธอเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง   ส่วนผมสุขภาพกาย  สุขภาพจิต  หน้าตา  นิสัยดีหมดพร้อมความซุ่มซ่ามที่มีอยู่ในตัวก็เต็มเปี่ยม   มันจึงส่งผลทำให้ผมเรียนไม่ได้เรื่องเลย   สรุปว่าโง่ดักดานน่ะครับ   ขิมเค้าได้อยู่ห้อง 4   แต่ผมได้อยู่ห้อง 10 แหนะ   เราสองคนต้องห่างกันซะแล้วล่ะครับ   ผมล่ะกลัวว่าเธอจะไปมีคนใหม่ซะจริงๆ   แต่ไม่ครับ   ทุกอย่างยังเหมือนเดิม   ขิมก็ไม่ได้เปลี่ยนไป   ผมยังคงเจอเด็กหญิงผมแกละและคุณน้าพยาบาลทุกวันที่โรงเรียน   เราจะไปทานข้าวด้วยกันทุกวัน   ไปไหนก็ไปด้วยกันจนเพื่อนทุกคนรู้หมดครับว่าผมกะขิมเป็นแฟนกัน   ไม่เว้นแต่อาจารย์   เราสองคนจะถูกแซวเสมอเวลาเราคุยกัน   แต่ดีครับผมชอบ  แฮะๆ  เราสองคนยังเหมือนเดิมทุกอย่าง   เมื่อก่อนยังไง   ตอนนี้ก็อย่างนั้น   แต่ก็มีบางสิ่งที่อาจเปลี่ยนไป   เราสองคนโตแล้วครับ   จะทำอะไรเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยได้แล้ว   เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะมองไม่ดี   ไอ้ตัวผมคนเดียวก็ไม่เท่าไหร่หรอก   แต่เดี๋ยวขิมเค้าจะพลอยเสียหายไปด้วย   ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นครับ   แต่ถึงยังไงผมก็ยังต้องหอมแก้มเธอก่อนกลับบ้านเหมือนเดิม    แม้ขิมจะโตขึ้น   แต่ดูเหมือนว่าสุขภาพร่างกายเธอจะอ่อนแอลงทุกที   ตอนนี้เราอยู่ม. 3 แล้วครับ   ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอหน้ากันซักเท่าไหร่   เพราะผมเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน   ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคนซุ่มซ่ามอย่างผมจะมาเป็นนักฟุตบอลโรงเรียนได้   แต่เพราะไอ้ความวซุ่มซ่ามของผมเนี่ยแหละมันจึงทำให้ผมยิงลูกเข้าประตูโดยที่ไม่รู้ตัว   เรียกง่ายๆว่า ฟลุคนะครับ   ผมต้องขาดโรงเรียนไปซ้อมกับทีมเพื่อไปแข่งอยู่บ่อยๆ   ส่วนขิมก็ไม่ค่อยมาโรงเรียนเพราะไม่สบาย   แต่ทุกครั้งที่ผมแข่ง แม้ขิมเค้าจะไม่สบายหนักแค่ไหนเธอก็จะไปให้กำลังใจผมทุกครั้งเลยครับ   ผมรักเธอจัง   ทุกครั้งที่เราไม่เจอกันเราจะโทรคุยกันตลอดครับเลยไม่มีปัญหา   แต่แค่การโทรคุยกันเนี่ยมันไม่ได้ช่วยให้ผมหายคิดถึงเธอหรือคิดถึงเธอน้อยลงเลย   มันกลับยิ่งทำให้ผมคิดถึงเธอมากขึ้นเข้าไปอีก   แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เจอเธอมา 2 อาทิตย์กว่าแล้ว   โทรไปหาก็ไม่มีคนรับสาย   ผมทั้งคิดถึงทั้งเป็นห่วงเธอมากเลยครับ   ผมถามเพื่อนเธอทุกคนว่าเธอไปไหน   พวกเค้าบอกผมว่าขิมลาออกไปแล้ว   แค่นั้นยังไม่พอพวกเค้ายังพูดเยอะเย้ยผมอีกว่าผมถูกทิ้ง   ผมไม่เชื่อพวกเค้าหรอก   ถ้าผมเชื่อพวกเค้าผมก็โง่สิครับ   ผมรู้ว่าพวกเค้าหลอกผมเล่น  แต่ผมก็กลัวเหลือเกิน   กลัวว่ามันจะเป็นความจริง   ทำไงดีตอนนี้กะจิตกะใจของผมมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วครับ   เรียนก็ไม่เป็นอันเรียนมัวคิดอยู่แต่เรื่องเธอ    ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่อาทิตย์กว่าแล้ว   ผมต้องทำอะไรซักอย่าง    ผมตัดสินใจไปถามอาจารย์ประชั้นของเธอ    " อาจารย์ครับ   ไม่ทราบว่าอาจารย์ทราบมั้ยครับว่าทำไมขิมขวัญถึงไม่มาโรงเรียน "   ผมถามอาจารย์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด   " อ้าวเธอยังไม่รู้หรอกหรอว่าขิมขวัญเค้าลาออกไปแล้ว "   ผมอึ้งกับคำตอบของอาจารย์   ผมไม่แน่ใจว่าหูผมมันได้ยินถูกรึเปล่า   ผมถามอาจารย์อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ   " เมื่อกี๊อาจารย์ว่าไงนะครับ "   อาจารย์ท่านย้ำกับผมอีกครั้ง " ขิมขวัญลาออกไปแล้วลูก " มันเป็นความจริง   พวกนั้นไม่ได้หลอกผม   เธอทิ้งผมไปแล้ว    ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกเลย   ผมรีบวิ่งไปหลังห้องน้ำ   ผมไม่ต้องการให้ใครเห็นมันน้ำตาของผม    น้ำตาผมมันไหลลงมาเป็นทางไม่หยุด   นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเสียน้ำตา   น้ำตาลูกผู้ชายที่ผมไม่เคยเสียมันให้กับใคร   เธอไปไหน   ทำไมเธอถึงไม่บอกอะไรผมซักคำ   " เธอไม่รักผมแล้ว "    ผมได้แต่คิดอยู่อย่างนี้   แต่ผมก็ยังรอให้เธอกลับมา   นี่ 1 ปีแล้วที่ผมรอเธอ   แต่เธอก็ยังไม่กลับมา   ผมไม่อยากรอเธออีกต่อไปแล้ว   ผมไม่อยากจะเสียใจอยู่อย่างนี้   ผมต้องลืมเธอให้ได้   ผมเพิ่งรู้ว่าการพยายามลืมใครซักคนมันช่างยากเย็นเหลือเกิน    แต่ผมก็ทำได้   ผมใช้เวลาอยู่ปีเศษกว่าจะลืมเธอลง   ตอนนี้ผมอยู่ม. 5  แล้วครับ   ตลอด 3 ปีที่ผมไม่มีเธอ   มีผู้หญิงมากมายเข้ามาในชีวิตของผม    ผมไม่เคยปฏิเสธใครเลยครับ    แต่ผมก็ไม่ได้จริงจังกับใครเลยซักคน    วันนี้อาจารย์บอกว่าเราจะได้เพื่อนใหม่   สรุปว่ามีนักเรียนเข้าใหม่มาเรียนห้องเรา   เป็นเด็กผู้หญิง   เห็นอาจารย์บอกว่าน่ารักด้วย   และเป็นปกติของเด็กผู้ชายที่จะตื่นเต้นกันเป็นธรรมดา    เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้อง   พระเจ้าอาจารย์พูดถูกครับ   เธอน่ารักเอ่อน่ารักมากดีกว่า   ผมตกหลุมรักเข้าอีกแล้ว   ผมอยากรู้จักชื่อเธอจัง   และเหมือนว่าเธอจะรู้ใจผม   เธอแนะนำตัว   ( เปล่าหรอกครับ   มันเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว   เพียงแต่ผมคิดไปเอง )   " ชื่อขิมขวัญ   นันทไพศาล   ชื่อเล่นชื่อขิมค่ะ "   ผมรู้สึกว่าชื่อเธอจะคุ้นๆ นะ   มันคุ้นมากเลยทีเดียว   ผมพยายามนึกอยู่ครู่หนึ่ง   และแล้วผมก็นึกออกเมื่อเธอมองมาที่ผม   ขิม ขิมกลับมาแล้ว   ผมจำแววตาของเธอได้เสมอ   ถึงแม้เธอจะดูเปลี่ยนไปมากก็ตาม   ตอนนี้เธอไม่มัดแกละเหมือนก่อนและไม่มีคุณน้าพยาบาลตามดูแลอีกต่อไปแล้ว   ผมอยากวิ่งเข้าไปกอดเธอเหลือเกิน   แต่ผมก็ทำไม่ได้เพราะผมเกรงใจชาวบ้านเค้า   ผมคิดว่าหัวใจผมตอนนี้มันเต้นเร็วประมาณ 150ครั้ง/นาทีได้แล้วล่ะมั้ง  " นายณัฐที   ช่วยลุกขึ้นกล่าวต้อนรับเพื่อนใหม่หน่อยซิ "  เสียงอาจารย์เรียกให้ผมกล่าวต้อนรับเพื่อนใหม่   ผมตกใจสะดุ้งจนตกเก้าอี้   เพื่อนทั้งห้องรวมทั้งขิมหัวเราะในความซุ่มซ่ามของผม   ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นผมด้วย   ผมพูดไม่ออกครับ   ก็ผมดีใจหนิที่ขิมกลับมา  " เอ่อยินดีต้อนรับครับ ขิม "   ผมพูดพร้อมกับยืนจ้องหน้าเธอ    ผมไม่รู้ว่าเธอจำผมได้รึเปล่า   ผมแสร้งทำเป็นจำเธอไม่ได้   ตอนนี้สายตาของผู้ชายในห้องทุกคู่จับจ้องอยู่ที่เธอคนเดียวไม่เว้นแต่กระเทย   ผมเริ่มเกิดความรู้สึกไม่พอใจหรือที่เค้าเรียกกันว่าหึงเข้าแล้ว   ผมอยากจะลุกขึ้นตะโกนเหลือเกินครับว่า " ขิมน่ะแฟนกู " แต่ผมก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ก่อนเพราะเดี๋ยวจะน่าแตก  ผมไม่แน่ใจว่าเธอใช่ขิมรึเปล่า  ผมเฝ้ามองเธอมาตั้งแต่คาบนั้นแบบไม่ละสายตาไปไหนเลย   จนมาถึงคาบนี้   คาบนี้เป็นคาบชมรม   เพื่อนทุกคนในห้องต่างแยกย้ายไปเข้าชมรมกันหมด   ตอนนี้ในห้องจึงเหลือเพียงผมกับขิมสองคนเท่านั้น   เรานั่งอยู่คนละฟากกันเลยครับ   เราสองคนกำลังเก็บของใส่กระเป๋า   ผมรู้สึกเหมือนขิมกำลังมองผมอยู่   เหมือนว่าเธออยากเข้ามาคุยแต่ไม่กล้าเข้ามาหาผม   ไม่เป็นไร   เดี๋ยวผมเป็นฝ่ายไปหาเธอเอง    ผมฟอร์มทำทีเข้าไปถามเธอ   "  มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ  "   " เอ่อมะ  ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ "   เธอตอบผมแบบตะกุกตะกัก   ผมหันหลังกลับแล้วเดินไปที่โต๊ะนั่ง   ผมคิดว่าเธอคงจำผมไม่ได้จริงๆ   จนกระทั่ง   " เดี๋ยวก่อนณัฐ  "   เสียงเธอร้องเรียกให้ผมหยุด   "  ณัฐจำขิมได้รึเปล่า   ขิมแฟนณัฐ ไง "   ผมคิดผิดครับ   เธอยังจำผมได้   และที่ยิ่งไปกว่านั้น   เธอจำได้ครับว่าเราเป็นแฟนกัน   "  ขิมกลับมาแล้ว   กลับมากลับมาหาณัฐ"   ผมหันกลับไป   เธอกำลังร้องไห้   คราวนี้เธอไม่มีคุณน้าพยาบาลคอยปลอบเหมือนแต่ก่อน    ผมต้องทำหน้าที่แทนคุณน้าพยาบาลซะแล้ว  ผมเดินกลับไปหาเธอ   เดินนะครับขอย้ำว่าเดิน   แต่ผมก็ไม่วายสะดุดขาโต๊ะล้มอีกจนได้   แล้วก็เหมือนเดิมครับ   เธอเป็นฝ่ายเดินมาหาผมแทน   " เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ " ผมมองหน้าเธอแล้วยิ้ม   เธอยื่นมือมาให้ผมพลางหัวเราะ   เธอยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลย   ผมจับมือเธอลุกขึ้นแล้วโผเข้ากอดเธอ    นับจากวันนั้นทุกสิ่งก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติครับ   เราไปไหนก็ไปด้วยกัน    ไปทานข้าวด้วยกันทุกวัน   หอมแก้มเธอก่อนกลับบ้านทุกวัน   คุยโทรศัพท์ด้วยกันทุกวันเหมือนเดิม    ทุกคนเค้ารู้กันหมดอีกแล้วครับท่านว่าเราเป็นแฟนกัน   อันที่จริงถึงเราจะคบกันมาหลายปีแล้ว   แต่ทั้งผมและเธอก็ไม่เคยบอกรักกันเลยซักหน   อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะถึงวันเกิดขิมแล้ว   ผมกะว่าจะบอกรักเธอในวันนั้นแหละครับ   แล้ววันนี้ก็มาถึง   ผมเฝ้ารอตั้งแต่เช้า รอจนถึงคาบชมรม   ผมเดินจูงมือเธอไปที่สวนวรรณคดี   ในตอนนี้ที่นี่มีเพียงผมและขิมสองคนเท่านั้น   ผมกุมมือเธอไว้แน่นแล้วกระซิบที่ข้างหูเธอ  " Happy   Birth   Day ครับขิม   วันนี้ณัฐไม่มีอะไรจะให้ขิมหรอกนะ  แต่มีอยู่อย่างนึงที่ณัฐอยากบอกกับขิม ณัฐรักขิมนะ"  ผมได้บอกมันกับเธอแล้วครับ   ผมรู้สึกได้เลยครับว่าตัวเธอสั่น   ผมมองหน้าเธอ   หน้าเธอแดงมากเลย   ผมล่ะกลัวว่าเธอจะเป็นลมไปซะจริงๆ    ผมถามเธอต่อว่า   " แล้วขิมล่ะ "   เธอทำหน้างงๆแล้วถามผมกลับ  " อะไรนะณัฐ "   ผมกลัวว่าถ้าผมได้ยินคำตอบของเธอผมจะหัวใจวายเอาซะก่อน          " เปล่าๆ ไม่มีไรหรอก "   ผมปัดป่าย   " ขิม ขิมสัญญากับณัฐได้มั้ยว่าขิมจะไม่ทิ้งณัฐไปไหนอีก "  ผมถามเธอด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง   แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถให้สัญญากับผมได้  " ทำไมหรอขิม  หรือว่าขิมจะทิ้งณัฐไปไหนอีก   คราวนี้ณัฐจะไม่ยอมให้ขิมจากณัฐไปไหนอีกแล้วนะ "   น้ำตาขิมเริ่มไหลรินลงมาเป็นทาง     เธอเข้ามากอดผมแล้วบอกผมว่า   " สัญญาขิมสัญญา "  ผมค่อยๆผละตัวออกแล้วเช็ดน้ำตาให้เธอ   สักครู่เสียงออดหมดเวลาก็ดังขึ้น  " เราไปกันเถอะณัฐ "   เธอพูดแล้วจูงมือผมวิ่งขึ้นอาคาร   ผมได้แต่หวังในใจว่าต่อไปมันจะไม่มีอะไรมาพรากเธอไปจากผมได้อีก    ผมไม่อยากจะเสียเธอไป  ตลอด 3 ปีที่เธอทิ้งผมไป   ผมยอมรับว่าผมโกรธเธอมาก   แต่พอผมได้เจอเธอผมก็ใจอ่อนขึ้นมาทันที   ผมเกลียดเธอไม่ลงครับ   ช่างมันเถอะมันผ่านไปแล้วมาเริ่มต้นใหม่ดีกว่า    ตอนนี้เราอยู่ ม.6แล้วครับ    เวลามันช่างผ่านไปเร็วจริงๆเลยนะ   เผลอแป๊บเดียวเราก็จะ Ent แล้ว   ผมกะขิมเลือก Ent เข้าคณะสถาปัตย์เหมือนกัน   ผมไม่รู้ชตากรรมครับว่าถ้าผม Ent  ไม่ติดผมจะไปเรียนที่ไหนดี   แต่ขิมเค้ามีทางไปอยู่แล้วล่ะ   เธอบอกผมว่าถ้าเธอ Ent ไม่ติดแม่เธอจะส่งไปเรียนเมืองนอก   เธอรวยนี่ครับ   พอผมรู้อย่างนั้นผมก็ชวนเธอไปบนไว้ซะ 7 วัด 7 วาเลยล่ะ   ผมไม่อยากให้เธอจากผมไปอีก   แล้ววันประกาศผล Ent ก็มาถึง  ผมไปรับขิมที่บ้านไปดูผล Ent ด้วยกัน   " ณัฐ ขิมกลัวไม่มีชื่อขิมอยู่บนบอร์ดจัง  ขิมยังอยากอยู่กับณัฐ "  เธอพูดกับผมตอนอยู่บนรถ   เธอตื่นเต้นจนหน้าซีด  " ขิมไม่ต้องกลัวหรอก   มันต้องมีชื่อเราอยู่แล้วน่า   ตั้ง 7 วัดนะขิม "  ผมพูดตลกให้เธอสบายใจ   และแล้วก็ถึงจุดหมาย  ผมจอดรถแล้วเปิดประตูลงจากรถ " ขิมรออยู่นี่นะ   เดี๋ยวณัฐไปดูให้ "  ผมบอกกับเธอแล้วเดินเบียดเสียดกับกับผู้คนนับพันเข้าไปดูบอร์ดรายชื่อ    " ขิม เราทำได้ "   ผมตะโกนออกมาสุดเสียงด้วยความดีใจ    ผมรีบวิ่งกลับไปหาเธอ   หน้าเธอดูกังวลเอาซะมากๆ  " เป็นไงบ้างณัฐ "  เธอถามผมด้วยความกระวลกระวาย   ผมวิ่งเข้าไปกอดเธอ " เราทำได้ขิม  เราทำได้ "  ทั้งผมและขิมต่างดีใจกันสุดขีด  สายตาของผู้คนแถวนั้นต่างมองมาที่ผมและขิมกันหมด   เราคงจะดีใจมากไปจนเวอร์   แล้วชีวิตของเราในมหาวิทยาลัยก็เริ่มขึ้น   ชีวิตของเราในมหาวิยาลัยไม่ได้แตกต่างอะไรจากประถมหรือมัธยมเลย   มันยังเหมือนเดิมทุกอย่าง   เราสองคนก็เช่นกัน    ตอนนี้เราสองคนอยู่ปี 2 แล้วครับ   เวลามันช่างผ่านไปเร็วจริงๆ   เหมือนผมฝันไป   และอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันเกิดเธออีกแล้ว   ผมกะว่าของขวัญวันเกิดของเธอปีนี้ต้องพิเศษกว่าปีที่แล้วๆมา   ผมกำลังเก็บเงินซื้อของขวัญชิ้นพิเศษให้เธอ   ตอนนี้ผมซื้อมันมาแล้ว   ผมเก็บมันไว้อย่างดี   ถึงแม้มันจะไม่ได้สวยหรือราคาไม่ได้แพงอะไรมากมาย   แต่ผมก็พยายามจนเก็บเงินไปซื้อมันมาได้   ผมภูมิใจมากครับเพราะผมไม่เคยเก็บเงินได้สำเร็จมาก่อน   ก็ทุกครั้งที่ผมเก็บเงิน   เงินที่ผมเก็บได้ก็มิวายหายทุกครั้งไป   แต่ครั้งนี้ผมทำได้   ผมเก็บเงินซื้อของขวัญให้เธอได้แล้ว   คงเป็นเพราะเธอมั้ง   เธอคือกำลังใจของผม   คราวนี้ก็รอแต่เวลาเท่านั้น   แล้ววันเกิดเธอก็มาถึง   วันนี้เธอเข้ามาถามผม " ณัฐ รู้มั้ยวันนี้วันอะไรเอ่ย "   " วันวันพุธไง "   ผมตอบเธอแกมกวนส่วนที่เดินได้ของเธอ   " ไม่ช่ายยย..ย.. "   เธอพูดเชิงอยากให้ผมนึก   " นึกดีๆสิ  นึกๆๆๆๆ "   เธอย้ำให้ผมนึกอยู่นั่นแหละ   " นึกไม่ออกอะ "  ผมบอกกับเธอ   ที่จริงผมรู้ครับว่าวันนี้คือวันเกิดของเธอ   ผมไม่เคยลืมมันหรอก   แต่ครั้งนี้ผมต้องทำเป็นจำไม่ได้เพราะผมยังไม่กล้าให้สิ่งๆนั้นกับเธอ   " ณัฐจำไม่ได้จริงๆหรอ "   เธอถามผม   " จำไม่ได้จริงๆ "   ผมตอบเธอเพื่อย้ำความมั่นใจ   น้ำตาเธอกำลังจะไหลแล้ว   ผมจะทำยังไงดี   " ไปทานเข้ากันเถอะขิม "  ผมชวนเธอไปทานข้าวเป็นการตัดบท   ผมไม่อยากเห็นเธอร้องไห้เพราะผม   หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่ยอมพูดกับผมเลยซักคำ   เธอคงเสียใจมากที่ผมจำวันเกิดเธอไม่ได้   แล้ววันเกิดเธอก็ผ่านไป   ผมยังไม่ได้ให้มันกับเธอเลย   ผมไม่กล้าครับ   ไม่กล้าที่จะให้เธอ   บอกตามตรงผมเขิน   ผมยังไม่พร้อม   ผมขอเวลารวบรวมความกล้าซัก 2-3 วันละกัน   3 วันผ่านไป   วันนี้ผมพกความกล้ามาเต็มเปี่ยมครับ   ผมซักซ้อมมาเต็มที่หน้ากระจก  ผมพร้อมแล้ว   แต่แล้วเธอก็ไม่มามหาวิทยาลัย   ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ก็ได้   ผมบอกกับตัวเอง   แต่แล้ววันแล้ววันเล่าเธอก็ไม่มา   นี่มัน 2 อาทิตย์แล้ว   ผมชักเป็นห่วงเธอแล้ว   ผมโทรไปหาเธอทุกวันแต่ก็ไม่มีคนรับสาย   เธอคงจะโกรธผมมาก   ผมชักหวั่นๆ กลัวเธอจะทิ้งผมไปอีกครั้ง   ผมได้แต่คิดเข้าข้างตัวเอง    " ไม่มีทาง   ขิมเค้าสัญญากับเราแล้ว   เค้าไม่มีทางผิดสัญญา "   แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังกลัว   ผมพยายามโทรหาเธอทุกวัน   แต่ก็ไม่มีคนรับสายเช่นเดิม    แล้ววันหนึ่งเธอก็โทรมาหาผม  " ณัฐ  ขิมมีอะไรจะบอก ขิม ขิมรักณัฐนะ   รักมากมากเท่าที่"  แล้วเธอก็เงียบไป   เสียงเธอสะอื้นเหมือนกำลังร้องไห้   ผมอยากจะถามเธอว่าเธอเป็นอะไร   แต่ผมก็ไม่อยากจะขัดจังหวะเธอ  "  ณัฐเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ขิมรัก   ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาขิมร้องไห้เพราะคิดถึงณัฐทุกวันเลยรู้มั้ย   และที่ขิมกลับมา   ก็เพื่อกลับมาหาณัฐ   ขิมกลัวขิมจะไม่มีโอกาสได้บอกณัฐ  แต่ตอนนี้ขิมสบายใจแล้ว   ขิมได้บอกณัฐแล้ว   ถึงแม้มันจะช้าไปหน่อย"   ผมเริ่มรู้สึกเอะใจกับคำพูดของเธอ   " ทำไมขิมพูดอย่างนั้นล่ะ "     " เอ่อไม่มีอะไรหรอกณัฐ "   ผมรู้ว่าเธอตอบเพียงเพื่อให้ผมสบายใจ   " งั้นแค่นี้นะณัฐ   ขิมต้องไปแล้ว   ขิมรักณัฐนะ "   แค่นั้นครับแล้วเธอก็วาง   ผมไม่รู้ว่าเธอจะรีบไปไหนกัน  หลังจากวันที่เธอโทรมาหาผมเธอก็ยังไม่ไปมหาวิทยาลัย   ถึงผมจะห่วงเธอมากผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย   ตอนนี้ผมทำได้เพียงรอ   รอโทรศัพท์จากเธอเท่านั้น   แล้ววันนี้ขิมก็โทรมาอีกครั้ง   เสียงเธอเบามากจนฟังแทบไม่ได้ยิน  " ณัฐ ณัฐมาหาขิมที่โรงพยาบาลหน่อยได้มั้ย   ขิมคิดถึงณัฐ  ขิมอยากเจอณัฐ  อย่าช้านะ  เดี๋ยวขิม จะรอ "   ผมดีใจมากครับที่เธอโทรมา   เธอคงจะป่วยอีกแล้ว   ผมวางสายแล้วรีบออกมาหาเธออย่างที่เห็น   ตอนนี้ผมถึงโรงพยาบาลแล้วครับ   ผมลงจากรถมอร์ไซค์รับจ้างจ่ายตังค์   แล้วเดินไปสู่จุดหมาย   ขณะที่ผมกำลังเดินบนฟุตบาตใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้ว   ผมก็ดันซุ่มซ่ามเดินสะดุดฝาท่อล้มอีกจนได้   ของขวัญที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อผมก็หล่นกลิ้งหายไปไหนไม่รู้   ผมใช้เวลาอยู่ตั้ง 10 นาทีกว่าจะหามันเจอ   มันไปหลบผมอยู่ข้างถังขยะครับ   แกล้งกันชัดๆเลย   ผมรีบหยิบมันขึ้นมาทำความสะอาดแล้วไม่รอช้าที่จะเข้าไปหาเธอ   ผมหาเธอไม่เจอครับ   ผมรีบเกินไปจนลืมถามเธอว่าเธออยู่ห้องไหน   ผมต้องใช้สมองแก้ปัญหาซะแล้ว   อ้า!ผมไปถามเจ้าหน้าที่ที่เคาท์เตอร์ดีกว่า   " พี่ครับ  ขิมขวัญ   นันทไพศาลอยู่ห้องไหนครับ "  " รอซักครู่นะคะ  ห้อง 508 ค่ะ "  " ขอบคุณครับ "  ผมกล่าวขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่แล้วรีบขึ้นไปหาเธอ   ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องด้วยความรีบร้อนจนไม่ทันดูว่ามาถูกห้องรึเปล่า   ผมเห็นทุกคนที่อยู่ในห้องกำลังร้องไห้   ผมว่าผมเข้ามาผิดห้องแน่ๆ   ผมกำลังจะก้าวขาออกจากห้อง   แต่แล้วก็มีเสียงคนเรียกผม  " ณัฐ  ณัฐมาแล้วหรอลูก "     ผมจำได้ว่านี่เป็นเสียงของคุณน้าพยาบาล   ผมหันกลับไปยังที่มาของเสียง   ผมเห็นคุณน้าพยาบาลกำลังร้องไห้  " มีอะไรกันหรอครับ "  ผมถามทุกคนด้วยความสงสัย   ผมเดินเข้าไปหาคุณน้าพยาบาลที่อยู่ข้างๆเตียงผู้ป่วย   " ขิมรอณัฐนานแล้วลูก "  คุณน้าพยาบาลบอกกับผม   " แล้วขิมอยู่ไหนครับ "  ผมถามคุณน้าพยาบาลพลางมองหาเธอจนทั่วห้อง    และแล้วสายตาผมมันก็ไปหยุดอยู่ตรงเตียงผู้ป่าย   ผมเห็นร่างเล็กๆนอนอยู่บนเตียงโดยมีผ้าสีขาวคลุมอยู่ " ใครหรอครับ " ผมหันไปถามคุณน้าพยาบาลที่อยู่ข้างๆผม   คุณน้าพยาบาลสะอื้นไห้   เธอค่อยๆดึงผ้าคลุมออกช้าๆ   ร่างๆนั้นเริ่มปรากฏ   ร่างเล็กๆร่างนั้นคือร่างของขิม   สุดที่รักของผม    ผมมาช้าไป   ผมปล่อยให้เธอต้องรอนาน   ขิมจากผมไปแล้ว   คราวนี้เธอทิ้งผมไปจริงๆ   เธอไม่สามารถกลับมาหาผมได้อีกแล้ว   ผมโผเข้ากอดร่างอันไร้วิญญาณของเธอ   ไหนเธอบอกว่าเธอจะรอผม   เธอผิดสัญญา   หรืออาจผิดที่ผมเองที่มาช้าไป   น้ำตาลูกผู้ชายเริ่มไหลลงมาอีกครั้ง   ผมไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครเลยนอกจากเธอ   เธอที่ผมรักที่สุด   ผมไม่สามารถจะรั้งเธอไว้ได้   ผมเพิ่งรู้เรื่องทั้งหมดจากคุณน้าพยาบาล   ที่ขิมเคยบอกผมว่าเธอเป็นโรครู   ที่จริงแล้วมันคือ โรครูคีเมียร์  เธอต้องขาดโรงเรียนทุกเดือนเพื่อไปเปลี่ยนเลือดที่โรงพยาบาล  ขิมเป็นโรครูคีเมียร์มาตั้งแต่เกิด   ครั้งแรกที่เธอต้องจากผมไป   เธอไปเพื่อรักษาโรคที่อเมริกา   เธอไม่อยากบอกผมเพราะกลัวผมเสียใจ   แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าที่เธอไม่บอกผมมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเสียใจยิ่งกว่า   ตลอด 3 ปี แพทย์พยายามรักษาเธอแต่ก็ไม่มีหวัง   ร่างกายของเธออ่อนแอเกินไปบวกกับอาการของเธออยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว   แพทย์บอกว่าเธอเหลือเวลาที่จะอยู่บนโลกนี้เพียง 3 ปี  3 ปีเท่านั้น   เวลา 3 ปีที่เหลือเธอเลือกที่จะกลับมาหาผม   เธอกลับมาเพื่อฟังและบอกสิ่งๆนั้นกับผม   คุณน้าพยาบาลเล่าบางสิ่งให้ผมฟังต่อว่า   " ก่อนที่ขิมเค้าจะไปขิมเค้าฝากน้าบอกบางอย่างกับณัฐ "   " คุณน้าขา ถ้าณัฐมาไม่ทัน  หนูฝากคุณน้าบอกณัฐด้วยนะคะวันนั้นมันเป็นวันเกิดขิมเอง "  " ขิมพูดกับน้าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด "  คุณน้าพยาบาลบอกกับผม    " ผมขอโทษขิมผมขอโทษ "  ผมกอดร่างเธอไว้แน่นแล้วพร่ำคำขอโทษซ้ำๆ   ผมไม่รู้ว่าเธอจะได้ยินคำขอโทษของผมไหม  "  ผมรู้ วันนั้นวันเกิดขิม  ผมจำได้  ผมไม่เคยลืม "  ผมพูดพร่ำทั้งน้ำตา   " นี่ไงของขวัญที่ผมเตรียมไว้ให้ขิม "   ผมพูดพร้อมกับล้วงมือไปในกระเป๋าเสือเพื่อหยิบสิ่งๆนั้น   " แหวนวงนี้ไง "   ผมหยิบแหวนทองวงเล็กที่สลักชื่อ ณัฐ กับ ขิม ไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ  แล้ววางมันลงบนมือของขิม   "  สุขสันต์วันเกิดครับขิม " ผมพูดกับร่างอันไร้วิญญาณของเธอ   น้ำตาของผมมันยังคงไม่หยุดไหล   ผมทำให้ต้องเธอเสียใจ   ทำไมทำไมผมต้องไม่กล้า   เพียงแค่เพราะความรู้สึกไม่กล้าเท่านั้นมันทำให้ผมเสียโอกาสที่สำคัญที่สุดไป   " ผมเสียใจ "   ผมไม่ได้ให้มันกับตัวของเธอ  ตอนนี้เธอจากผมไปแล้ว  ผมควรทำอย่างไร   ผมเสียเวลากับแหวนวงนี้ไปมากจนทำให้ผมต้องเสียเธอที่ผมรักไป   แต่นี่คือของขวัญของเธอ   ในเมื่อผมตั้งใจนำมันมาให้เธอแล้วผมก็ต้องทำอย่างที่ผมตั้งใจไว้  ถึงแม้เธอจะไม่รับรู้อะไรแล้วก็ตาม   ผมค่อยๆพยุงมืออันบอบบางของเธอขึ้นมา   บรรจงสวมแหวนวงนั้นให้เธอ  " ผมรักขิมนะ "  ผมกล่าวแล้วจูบที่มือลาเธอด้วยน้ำตา  " หลับให้สบายเถอะนะคนดีของผม   เราคงจะมีโอกาสได้พบกันเพียงในฝันนะ "  นี่คงเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมจะได้บอกกับเธอ " ไม่มีอะไรจะช่วยให้เธอกลับมา   ฉันเข้าใจเพียงแค่อยากบอกกับเธอว่าหลับให้สบาย   จะจับมือเธออยู่ข้างๆไม่ไปไหน   ตราบจนนาทีสุดท้ายที่ยังมี   จะมองหน้าเธอสบตาเธออย่างวันนั้น   และมีความผูกพันให้เธออย่างเต็มที่   อย่าหวั่นไหวกับน้ำตาของฉันเลยคนดี   สักวันฉันคนนี้จะตามไป "  จะรักเพียงเธอ.ณัฐ				
17 กุมภาพันธ์ 2547 19:29 น.

เธอ....

mini_pk

" อยู่ไหนว้าอยู่ไหน โครม! "   " ณัฐ!ทำอะไรลูก "    " ผมกำลังหาของอยู่คร้าบบ..บ...  แม่  แม่เห็นกล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องเล็กๆของผมมั้ย "   ผมตะโกนถามแม่ที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว   " หาดูดีๆซิลูก  เดี๋ยวก็เจอ "   โถ! คำตอบของแม่มันช่วยผมได้มากเลยครับ     " ขอบคุณฮะแม่ "   ผมตะโกนตอบกลับ   ผมกำลังหาสิ่งๆนั้นอยู่   ของขวัญชิ้นพิเศษที่ผมเตรียมไว้ให้เธอสุดที่รักของผม    มันมีค่าสำหรับผมมากครับ   ผมเก็บมันไว้เป็นอย่างดีดีที่สุด   ดีจนผมเองหามันไม่เจอ   มันต้องอยู่ที่ไหนซักแห่งในรัง  เอ้ย!ห้องๆนี้แหละ   ผมใช้ความรีบเร่งในการหาอย่างสุดขีด   " เร็วๆซีไอ้ณัฐ   ขิมรอแกอยู่นะ "  ผมคอยเร่งตัวเองอยู่ตลอด   " เจอแล้ววว..ว.ว "   ผมตะโกนลั่นบ้านด้วยความดีใจ   มันตกอยู่ใต้กองผ้าในตู้เสื้อผ้าของผมนี่เอง   โห่!หาตั้งนาน   ผมค่อยๆเปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องนั้นแล้วหยิบสิ่งๆหนึ่งออกมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ    ผมต้องรีบไปแล้ว   ผมวิ่งลงบันไดด้วยอัตราความเร็ว 120 กม./ชม.   แต่แล้วอิริยาบทของผมมันก็เปลี่ยนไป   ตอนนี้มันเปลี่ยนไปเป็นกลิ้งแล้วครับ   ผมกำลังกลิ้งลงบันได   ตัวผมใกล้จาถึงพื้นแล้ว   ใกล้แล้ว   ใกล้แล้ว   แล้วตอนนี้มันถึงแล้วครับ   ผมยังมีชีวิตอยู่   ผมรีบลุกขึ้นแล้วสำรวจสารรูปของตัวเอง   มีเลือดออกนิดๆ   แผลก็นิดหน่อย  ไม่เป็นไรครับ   ไม่ถึงตายหรอก   ผมมองดูนาฬิกาข้างฝาผนัง   ผมช้าไป 15 นาทีแล้ว   ผมต้องไปแล้วขิมรอผมอยู่   ผมวิ่งออกจากบ้านไปรอรถแท็กซี่   วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย   ไม่มีรถแท็กซี่ผ่านมาเลยซักคัน   ผมรอไม่ไหวแล้ว   " ไปมอร์ไซค์ก็ได้วะ! อย่าคิดว่าจะง้อ "  ผมบ่นกับตัวเองแล้วโดดขึ้นมอร์ไซค์รับจ้างที่ผ่านมาพอดี   " พี่ครับ ไปที่นั่นด่วนเลยครับ "  ผมสวมหมวกกันน็อกแล้วบอกจุดหมายกับคนขับ  " พี่ เร็วกว่านี้ได้มั้ยครับ "   ผมเร่ง  " โห่น้อง  นี่พี่เร่งจนสุดแล้วนะ  ให้เร็วกว่านี้น้องอยากไปสวรรค์หรอวะ "  พี่คนขับตอบผมกลับ   ผมเงียบเลยครับ  " ก็คนมันรีบนี่หว่า   งั้นจะเร่งทำทำไมวะ "   ผมบ่นในใจ   แต่มันก็จริงของพี่เค้านะ   เร็วกว่านี้ได้ขึ้นสวรรค์แน่   ผมค้านความคิดของตัวเอง   ผมเป็นคนใจร้อนครับ   ทำอะไรต้องเร็วไว้ก่อน   ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย   คงเป็นเพราะผมตื่นเต้นมั้ง   ตื่นเต้นที่จะได้ให้ของขวัญชิ้นนี้กับเธอด้วยตัวผมเอง  " รอผมก่อนนะ   ผมกำลังไป ">> 16 ปีที่แล้ว   ทุกสิ่งมันเริ่มต้นเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2532  วันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนแห่งหนึ่ง   วันนั้นเป็นวันที่น่าเบื่อสุดๆครับ   เพราะไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่เด็กเด็กทั้งนั้น   เปล่าครับผมไม่ใช่ครูหรือผู้ใหญ่ที่เกลียดเด็กที่ไหนหรอก   ผมก็เป็นเด็กอนุบาลเหมือนๆกับพวกเค้าน่ะแหละ   เพียงแต่ผมเบื่อที่ต้องมาทนฟังเสียงร้องไห้ของพวกเค้า   ผมไม่เข้าใจจริงๆเลยครับ   เพื่อนก็เยอะแท้ๆ   แต่ดันมาร่วมใจร้องไห้ประสานเสียงกันซะนี่   ผมเริ่มจะทนไม่ได้กับเสียงร้องไห้ที่ดังกระหึ่มไปทั้งโรงเรียน   ผมจึงจึงร้องไห้ไปกับพวกเขา   แฮะๆ   แต่ไอ้การร้องไห้ของผมเนี่ยมันไม่มีน้ำตานะครับ   แหกปากร้องเฉยๆ   ไม่รู้สิครับ   เผอิญผมเป็นคนร้องไห้ยากยากจนอธิบายไม่ถูก   ผมไม่รู้ว่าทำไมผมต้องมาเสียน้ำตาให้กับเรื่องไร้สาระพวกนี้ด้วย   แต่ผมก็ยังคงแหกปากต่อไป   จนกระทั่ง   ผมเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ มัดแกละสองข้างนั่งอยู่บนตักนางพยาบาล   เธอกำลังร้องไห้   ผมหยุดแหกปากทันที   ผมรีบวิ่งไปหาเธอโดยสัญชาตญาณ   แต่แล้วมันก็มีอุปสรรคเกิดขึ้น   มีหินก้อนหนึ่งขวางทางผม   และแล้วความซุ่มซ่ามของผมก็บังเกิด   ผมสะดุดมันล้ม   แทนที่ผมจะเป็นฝ่ายไปหาเธอ   แต่กลับกลายเป็นว่าเธอและคุณพยาบาลเป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาหาผมแทน  " เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะหนู "   คุณพยาบาลถามผมด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย   ผมหันไปมองหน้าเด็กหญิงผมแกละคนนั้น   ผมงงอยู่ครู่หนึ่ง   ก็เมื่อตะกี๊เธอยังร้องไห้อยู่เลย   แต่ตอนนี้เธอกำลังหัวเราะ   หัวเราะอะไรไม่รู้   คงหัวเราะผมมั้ง   ก็หินตั้งก้อนเบ้อเร่อดันมองไม่เห็น    " ไม่เป็นไรคั๊บ "   ผมรีบลุกขึ้นทันทีและไม่รอช้าที่จะชวนเธอไปเล่นด้วยกัน   " ไปเล่นกันเถอะ "    " เค้าหรอ "   เธอถามผมกลับด้วยสีหน้างงๆ   ผมว่าตอนนี้ผมก็คุยอยู่กับเธอนะครับ    แล้วเธอคิดว่าผมชวนใครล่ะ    " คั๊บผม "  ผมตอบเธอ   เธอหันกลับไปมองหน้าคุณพยาบาลเหมือนกับว่าขอความเห็นใจ " ไปสิ จ๊ะ "  คุณน้าพยาบาลตอบอนุญาตเหมือนจะรู้ว่าเธอต้องการอะไร   เท่านั้นแหละครับเธอรีบคว้ามือผมแล้ววิ่งไปที่สนามเด็กเล่นทันที   ผมยอมรับครับว่าผมตกใจมาก   ก็เธอเล่นไม่บอกไม่กล่าวผมเลย   ผมก็ไม่ทันตั้งตัวสิครับ   ไม่น่าเชื่อว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอจะมีพลังมากมายมหาศาลขนาดนี้   ตัวของผมแทบปลิวไปตามแรงดึงของเธอ   ผมวิ่งตามเธอแทบล้มหัวคมำ    ดูเธอตื่นเต้นและมีความสุขเหลือเกินครับ   เหมือนเธอไม่เคยได้มีโอกาสได้เล่นอะไรแบบนี้มาก่อน   แต่ผมไม่สนใจหรอกครับตอนนี้ผมกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการดูเธอไต่บันไดลิง   และแล้วก็จังๆเลยครับ   วู้!!!สีแดง   ขณะที่ผมกำลังใช้สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่เธอ   แต่แล้วก็มีมารพจญมาขวางความสุขของผม   มีเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งขึ้นไปไต่บันไดลิงกับเธอ   ผมไม่อยากจะมองเลยครับ   ก็เธอช่างเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักเหลือเกิน   ผมก็หยิก  อ้วนก็อ้วน  ดำก็ดำ  ตาก็หยี เอ่อ..ตาตี่ดีกว่าครับ   เธอน่ารักไม่ได้ครึ่งของเด็กหญิงผมแกละของผมเลยครับ   ผมเลยต้องจำใจเลิกภารกิจแอบครั้งนี้   ผมว่าผมชวนเธอไปเล่นอย่างอื่นดีกว่า   ไปให้ไกลๆจากยัยอ้วนนี่   แต่ผมจะเรียกเธอยังไงดีล่ะ   ผมยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย   เอาอย่างนี้ละกันผมมีวิธีแล้ว   ผมยืนคอยเธออยู่เฉยๆตรงนี้  รอให้เธอมองมาทางผมแล้วผมค่อยกวักมือเรียกเธอดีกว่า   ง่ายดีมั้ยล่ะ   โห!คิดได้งัยเนี่ยเก่งจัง   เหอะๆ   3 ปีผ่านไป   เธอไม่ยอมมองมาทางผมซะทีครับ   เธอคงจะสนุกจนลืมผมไปแล้ว   ไม่ ผมจะไม่รอต่อไปแล้วนะ   ผมไปเรียกเธอใกล้ๆดีกว่า   แต่ผมจาเรียกยังไงล่ะ   ทำไมมันลำบากขนาดนี้   เอางี้!ไปดึง เอ้ย!กระตุกกระโปรงเธอละกัน   มันเป็นการสะกิดให้รู้ตัวอีกวิธีหนึ่งนะครับ   และแล้วก็ได้ผลครับ   ได้มาพร้อมกับคำด่าด้วยแหละ   พอดีผมกระตุกแรงไปนี๊ดเธอเกือบตกครับ   แต่เธอก็ไม่ได้โกรธผมหรอก   เธอแค่ตกใจแล้วหลุดปากมาเฉยๆ   ผมคิดว่างั้นนะ   แต่ตอนเวลาเธอตกใจเธอดูน่ารักดีนะ   ผมอยากรู้ชื่อเธอจัง  ทำไงดีอะ   โง่อีกและ!ก็ถามสิวะณัฐเอ้ยผมด่าตัวเองครับ   ทำไมผมโง่ได้ขนาดนี้เนี่ย   เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ออก  " ชื่อไรหรอ " ผมเลิกโง่แล้วถามเธอ  " ขิม "  เธอตอบผมแบบไร้ความรู้สึกมากๆ   เธอไม่สนใจผมเลยครับ   เธอเอาแต่เล่น เล่นอย่างเดียวเลย   ไม่เป็นไร   ยังไงผมก็ได้รู้ชื่อเธอแล้ว   ไปเล่นกับเธอดีกว่า   และแล้วเธอก็พูดกับผม   " แล้วตัวชื่อไรอะ "   เธอถามผมกลับ   " ผมชื่อณัฐคั๊บ "   ผมแอบดีใจอยู่ลึกๆที่เธอยังอยากรู้จักชื่อผม   ในวันนั้นขิมเป็นคนเดียวที่ผมคุยและเล่นด้วย   นับจากวันนั้นเราก็เป็นเพื่อนกันเรื่อยมา   อันที่จริงผมไม่ได้อยากจะเป็นแค่เพื่อนหรอกนะครับ   ผมอยากจะขอเธอแต่งงานด้วยซ้ำแต่ผมทำไม่ได้   เพราะผมเพิ่งจะอายุ 4 ขวบเอง   อิอิ  เราเริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ   ผมจะเจอเธอและคุณน้าพยาบาลทุกวันที่โรงเรียน   ยกเว้นวันที่เธอไม่มาเพราะอะไรไม่รู้   ทุกเดือนเลยครับ   ในแต่ละเดือนต้องมีซักวันที่เธอไม่มา   แต่ผมก็ไม่สนใจ   ตอนแรกผมก็นึกว่าคุณพยาบาลคือแม่ของขิมเค้า   แต่ไม่ใช่ครับ   คุณพยาบาลเค้าเป็นพยาบาลประจำตัวของขิม   ขิมเค้าเป็นลูกคุณหนูครับ   ร่างกายของเธอไม่ค่อยจะแข็งแรง   เธอเป็นโรคอะไรซักอย่างที่ผมไม่รู้จัก   ผมเคยถามเธอว่าเธอเป็นอะไร  เธอก็บอกผมว่าเธอเป็นโรค " รู "  ชื่อมันตลกดีนะครับ   เธอมักจะเป็นลมอยู่บ่อยๆ  จึงต้องมีพยาบาลมาคอยดูแล   ขิมเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักมากครับ   เธอจะตัวเล็กๆและชอบมัดผมแกละ   เพราะความที่ขิมเค้าตัวเล็กกว่าผม   ผมจึงชอบเรียกเธอว่า  " น้องแกละ "   อันที่จริงขิมเค้าเป็นรุ่นพี่ผมตั้งเกือบครึ่งปีแหนะ   แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ    ผมจะไม่ยอมให้อายุของเรามันมาเป็นอุปสรรคหัวใจของผมเด็ดขาด   ตอนนี้เราสนิทกันมากครับ.มากจนบอกไม่ถูก   เราเรียนห้องเดียวกันตั้งแต่อนุบาล 1 จนขึ้นป.6   เราจะรู้ใจกันดีครับ   26  ธันวาคม  พรุ่งนี้ก็วันเกิดผมแล้ว   ขิมรู้และจำมันได้  ขิมเค้าเข้ามาถามผม  " ณัฐจ๋า   วันเกิดณัฐ  ณัฐอยากได้อะไรเป็นของขวัญจ๊ะ "   ผมคิดอยู่นาน   ผมไม่อยากให้ขิมต้องมาเสียเงินซื้อของขวัญให้ผม   แต่ผมก็ไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของเธอ   ผมคิดออกแล้ว " เอ่อณัฐ  ณัฐอยากเป็นแฟนขิมอะ "  อาจจะดูแก่แดดไปนิด   แต่เด็กประถมอย่างผมก็จริงจังนะครับ   " ได้สิ  ขิมให้ณัฐได้อยู่แล้ว "  เธอตอบผมแล้วบิดตัวไปมา    ผมคิดว่าเธอเขินนะ   เอ๊ะ!  หรือว่าเธอบิดขี้เกียจหว่าผมชักไม่แน่ใจซะแล้ว   เราสองคนคบกันมาเรื่อยๆ  และแล้ววันนี้ก็วันเกิดผมอีกแล้วครับ   ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีขอบางสิ่งกับเธอ   " เอ่อขิม วันเกิดณัฐปีนี้  ณัฐ ขอหอมแก้มขิมได้มั้ย "   เธอทำหน้าอึ้ง   ตอนนั้นเธอหน้าแดงมากเลยครับ   ผมคิดว่าผมคงไม่ได้อย่างที่ขอแน่   ผมจึงบอกเธอว่า  " ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับขิม "  ผมทำหน้าจ๋อย   เธอรีบแย้งผมขึ้นทันที   เธอคงกลัวผมงอนเธอมั้ง   " ได้สิณัฐ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ "   ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมก็ต้องหอมแก้มเธอก่อนกลับบ้านทุกวัน   วันไหนถ้าผมไม่ได้หอมแก้มเธอ   วันนั้นผมเป็นอันกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียวล่ะครับ   เราสองคนคบกันมาเรื่อยๆจนจบป.6  พอจบป.6 เราสองคนก็ไปต่อมัธยมที่โรงเรียนเดียวกัน   เราไม่ยอมห่างกันหรอกครับ   ทีแรกแม่ของขิมจะให้ขิมไปเรียนเมืองนอก   แต่เธองอแงไม่ยอมไป   ก็บอกแล้วไงครับว่าเราไม่ยอมห่างกันหรอก   แต่คราวนี้เราได้อยู่คนละห้องเพราะผลการเรียนเราต่างกัน   ขิมเค้าเป็นคนเรียนไม่ค่อยเก่งครับ   อาจเป็นเพราะสุขภาพร่างกายของเธอจึงทำให้เธอเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง   ส่วนผมสุขภาพกาย  สุขภาพจิต  หน้าตา  นิสัยดีหมดพร้อมความซุ่มซ่ามที่มีอยู่ในตัวก็เต็มเปี่ยม   มันจึงส่งผลทำให้ผมเรียนไม่ได้เรื่องเลย   สรุปว่าโง่ดักดานน่ะครับ   ขิมเค้าได้อยู่ห้อง 4   แต่ผมได้อยู่ห้อง 10 แหนะ   เราสองคนต้องห่างกันซะแล้วล่ะครับ   ผมล่ะกลัวว่าเธอจะไปมีคนใหม่ซะจริงๆ   แต่ไม่ครับ   ทุกอย่างยังเหมือนเดิม   ขิมก็ไม่ได้เปลี่ยนไป   ผมยังคงเจอเด็กหญิงผมแกละและคุณน้าพยาบาลทุกวันที่โรงเรียน   เราจะไปทานข้าวด้วยกันทุกวัน   ไปไหนก็ไปด้วยกันจนเพื่อนทุกคนรู้หมดครับว่าผมกะขิมเป็นแฟนกัน   ไม่เว้นแต่อาจารย์   เราสองคนจะถูกแซวเสมอเวลาเราคุยกัน   แต่ดีครับผมชอบ  แฮะๆ  เราสองคนยังเหมือนเดิมทุกอย่าง   เมื่อก่อนยังไง   ตอนนี้ก็อย่างนั้น   แต่ก็มีบางสิ่งที่อาจเปลี่ยนไป   เราสองคนโตแล้วครับ   จะทำอะไรเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยได้แล้ว   เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะมองไม่ดี   ไอ้ตัวผมคนเดียวก็ไม่เท่าไหร่หรอก   แต่เดี๋ยวขิมเค้าจะพลอยเสียหายไปด้วย   ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นครับ   แต่ถึงยังไงผมก็ยังต้องหอมแก้มเธอก่อนกลับบ้านเหมือนเดิม    แม้ขิมจะโตขึ้น   แต่ดูเหมือนว่าสุขภาพร่างกายเธอจะอ่อนแอลงทุกที   ตอนนี้เราอยู่ม. 3 แล้วครับ   ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอหน้ากันซักเท่าไหร่   เพราะผมเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน   ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคนซุ่มซ่ามอย่างผมจะมาเป็นนักฟุตบอลโรงเรียนได้   แต่เพราะไอ้ความวซุ่มซ่ามของผมเนี่ยแหละมันจึงทำให้ผมยิงลูกเข้าประตูโดยที่ไม่รู้ตัว   เรียกง่ายๆว่า ฟลุคนะครับ   ผมต้องขาดโรงเรียนไปซ้อมกับทีมเพื่อไปแข่งอยู่บ่อยๆ   ส่วนขิมก็ไม่ค่อยมาโรงเรียนเพราะไม่สบาย   แต่ทุกครั้งที่ผมแข่ง แม้ขิมเค้าจะไม่สบายหนักแค่ไหนเธอก็จะไปให้กำลังใจผมทุกครั้งเลยครับ   ผมรักเธอจัง   ทุกครั้งที่เราไม่เจอกันเราจะโทรคุยกันตลอดครับเลยไม่มีปัญหา   แต่แค่การโทรคุยกันเนี่ยมันไม่ได้ช่วยให้ผมหายคิดถึงเธอหรือคิดถึงเธอน้อยลงเลย   มันกลับยิ่งทำให้ผมคิดถึงเธอมากขึ้นเข้าไปอีก   แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เจอเธอมา 2 อาทิตย์กว่าแล้ว   โทรไปหาก็ไม่มีคนรับสาย   ผมทั้งคิดถึงทั้งเป็นห่วงเธอมากเลยครับ   ผมถามเพื่อนเธอทุกคนว่าเธอไปไหน   พวกเค้าบอกผมว่าขิมลาออกไปแล้ว   แค่นั้นยังไม่พอพวกเค้ายังพูดเยอะเย้ยผมอีกว่าผมถูกทิ้ง   ผมไม่เชื่อพวกเค้าหรอก   ถ้าผมเชื่อพวกเค้าผมก็โง่สิครับ   ผมรู้ว่าพวกเค้าหลอกผมเล่น  แต่ผมก็กลัวเหลือเกิน   กลัวว่ามันจะเป็นความจริง   ทำไงดีตอนนี้กะจิตกะใจของผมมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วครับ   เรียนก็ไม่เป็นอันเรียนมัวคิดอยู่แต่เรื่องเธอ    ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่อาทิตย์กว่าแล้ว   ผมต้องทำอะไรซักอย่าง    ผมตัดสินใจไปถามอาจารย์ประชั้นของเธอ    " อาจารย์ครับ   ไม่ทราบว่าอาจารย์ทราบมั้ยครับว่าทำไมขิมขวัญถึงไม่มาโรงเรียน "   ผมถามอาจารย์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด   " อ้าวเธอยังไม่รู้หรอกหรอว่าขิมขวัญเค้าลาออกไปแล้ว "   ผมอึ้งกับคำตอบของอาจารย์   ผมไม่แน่ใจว่าหูผมมันได้ยินถูกรึเปล่า   ผมถามอาจารย์อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ   " เมื่อกี๊อาจารย์ว่าไงนะครับ "   อาจารย์ท่านย้ำกับผมอีกครั้ง " ขิมขวัญลาออกไปแล้วลูก " มันเป็นความจริง   พวกนั้นไม่ได้หลอกผม   เธอทิ้งผมไปแล้ว    ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกเลย   ผมรีบวิ่งไปหลังห้องน้ำ   ผมไม่ต้องการให้ใครเห็นมันน้ำตาของผม    น้ำตาผมมันไหลลงมาเป็นทางไม่หยุด   นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเสียน้ำตา   น้ำตาลูกผู้ชายที่ผมไม่เคยเสียมันให้กับใคร   เธอไปไหน   ทำไมเธอถึงไม่บอกอะไรผมซักคำ   " เธอไม่รักผมแล้ว "    ผมได้แต่คิดอยู่อย่างนี้   แต่ผมก็ยังรอให้เธอกลับมา   นี่ 1 ปีแล้วที่ผมรอเธอ   แต่เธอก็ยังไม่กลับมา   ผมไม่อยากรอเธออีกต่อไปแล้ว   ผมไม่อยากจะเสียใจอยู่อย่างนี้   ผมต้องลืมเธอให้ได้   ผมเพิ่งรู้ว่าการพยายามลืมใครซักคนมันช่างยากเย็นเหลือเกิน    แต่ผมก็ทำได้   ผมใช้เวลาอยู่ปีเศษกว่าจะลืมเธอลง   ตอนนี้ผมอยู่ม. 5  แล้วครับ   ตลอด 3 ปีที่ผมไม่มีเธอ   มีผู้หญิงมากมายเข้ามาในชีวิตของผม    ผมไม่เคยปฏิเสธใครเลยครับ    แต่ผมก็ไม่ได้จริงจังกับใครเลยซักคน    วันนี้อาจารย์บอกว่าเราจะได้เพื่อนใหม่   สรุปว่ามีนักเรียนเข้าใหม่มาเรียนห้องเรา   เป็นเด็กผู้หญิง   เห็นอาจารย์บอกว่าน่ารักด้วย   และเป็นปกติของเด็กผู้ชายที่จะตื่นเต้นกันเป็นธรรมดา    เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้อง   พระเจ้าอาจารย์พูดถูกครับ   เธอน่ารักเอ่อน่ารักมากดีกว่า   ผมตกหลุมรักเข้าอีกแล้ว   ผมอยากรู้จักชื่อเธอจัง   และเหมือนว่าเธอจะรู้ใจผม   เธอแนะนำตัว   ( เปล่าหรอกครับ   มันเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว   เพียงแต่ผมคิดไปเอง )   " ชื่อขิมขวัญ   นันทไพศาล   ชื่อเล่นชื่อขิมค่ะ "   ผมรู้สึกว่าชื่อเธอจะคุ้นๆ นะ   มันคุ้นมากเลยทีเดียว   ผมพยายามนึกอยู่ครู่หนึ่ง   และแล้วผมก็นึกออกเมื่อเธอมองมาที่ผม   ขิม ขิมกลับมาแล้ว   ผมจำแววตาของเธอได้เสมอ   ถึงแม้เธอจะดูเปลี่ยนไปมากก็ตาม   ตอนนี้เธอไม่มัดแกละเหมือนก่อนและไม่มีคุณน้าพยาบาลตามดูแลอีกต่อไปแล้ว   ผมอยากวิ่งเข้าไปกอดเธอเหลือเกิน   แต่ผมก็ทำไม่ได้เพราะผมเกรงใจชาวบ้านเค้า   ผมคิดว่าหัวใจผมตอนนี้มันเต้นเร็วประมาณ 150ครั้ง/นาทีได้แล้วล่ะมั้ง  " นายณัฐที   ช่วยลุกขึ้นกล่าวต้อนรับเพื่อนใหม่หน่อยซิ "  เสียงอาจารย์เรียกให้ผมกล่าวต้อนรับเพื่อนใหม่   ผมตกใจสะดุ้งจนตกเก้าอี้   เพื่อนทั้งห้องรวมทั้งขิมหัวเราะในความซุ่มซ่ามของผม   ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นผมด้วย   ผมพูดไม่ออกครับ   ก็ผมดีใจหนิที่ขิมกลับมา  " เอ่อยินดีต้อนรับครับ ขิม "   ผมพูดพร้อมกับยืนจ้องหน้าเธอ    ผมไม่รู้ว่าเธอจำผมได้รึเปล่า   ผมแสร้งทำเป็นจำเธอไม่ได้   ตอนนี้สายตาของผู้ชายในห้องทุกคู่จับจ้องอยู่ที่เธอคนเดียวไม่เว้นแต่กระเทย   ผมเริ่มเกิดความรู้สึกไม่พอใจหรือที่เค้าเรียกกันว่าหึงเข้าแล้ว   ผมอยากจะลุกขึ้นตะโกนเหลือเกินครับว่า " ขิมน่ะแฟนกู " แต่ผมก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ก่อนเพราะเดี๋ยวจะน่าแตก  ผมไม่แน่ใจว่าเธอใช่ขิมรึเปล่า  ผมเฝ้ามองเธอมาตั้งแต่คาบนั้นแบบไม่ละสายตาไปไหนเลย   จนมาถึงคาบนี้   คาบนี้เป็นคาบชมรม   เพื่อนทุกคนในห้องต่างแยกย้ายไปเข้าชมรมกันหมด   ตอนนี้ในห้องจึงเหลือเพียงผมกับขิมสองคนเท่านั้น   เรานั่งอยู่คนละฟากกันเลยครับ   เราสองคนกำลังเก็บของใส่กระเป๋า   ผมรู้สึกเหมือนขิมกำลังมองผมอยู่   เหมือนว่าเธออยากเข้ามาคุยแต่ไม่กล้าเข้ามาหาผม   ไม่เป็นไร   เดี๋ยวผมเป็นฝ่ายไปหาเธอเอง    ผมฟอร์มทำทีเข้าไปถามเธอ   "  มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ  "   " เอ่อมะ  ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ "   เธอตอบผมแบบตะกุกตะกัก   ผมหันหลังกลับแล้วเดินไปที่โต๊ะนั่ง   ผมคิดว่าเธอคงจำผมไม่ได้จริงๆ   จนกระทั่ง   " เดี๋ยวก่อนณัฐ  "   เสียงเธอร้องเรียกให้ผมหยุด   "  ณัฐจำขิมได้รึเปล่า   ขิมแฟนณัฐ ไง "   ผมคิดผิดครับ   เธอยังจำผมได้   และที่ยิ่งไปกว่านั้น   เธอจำได้ครับว่าเราเป็นแฟนกัน   "  ขิมกลับมาแล้ว   กลับมากลับมาหาณัฐ"   ผมหันกลับไป   เธอกำลังร้องไห้   คราวนี้เธอไม่มีคุณน้าพยาบาลคอยปลอบเหมือนแต่ก่อน    ผมต้องทำหน้าที่แทนคุณน้าพยาบาลซะแล้ว  ผมเดินกลับไปหาเธอ   เดินนะครับขอย้ำว่าเดิน   แต่ผมก็ไม่วายสะดุดขาโต๊ะล้มอีกจนได้   แล้วก็เหมือนเดิมครับ   เธอเป็นฝ่ายเดินมาหาผมแทน   " เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ " ผมมองหน้าเธอแล้วยิ้ม   เธอยื่นมือมาให้ผมพลางหัวเราะ   เธอยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลย   ผมจับมือเธอลุกขึ้นแล้วโผเข้ากอดเธอ    นับจากวันนั้นทุกสิ่งก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติครับ   เราไปไหนก็ไปด้วยกัน    ไปทานข้าวด้วยกันทุกวัน   หอมแก้มเธอก่อนกลับบ้านทุกวัน   คุยโทรศัพท์ด้วยกันทุกวันเหมือนเดิม    ทุกคนเค้ารู้กันหมดอีกแล้วครับท่านว่าเราเป็นแฟนกัน   อันที่จริงถึงเราจะคบกันมาหลายปีแล้ว   แต่ทั้งผมและเธอก็ไม่เคยบอกรักกันเลยซักหน   อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะถึงวันเกิดขิมแล้ว   ผมกะว่าจะบอกรักเธอในวันนั้นแหละครับ   แล้ววันนี้ก็มาถึง   ผมเฝ้ารอตั้งแต่เช้า รอจนถึงคาบชมรม   ผมเดินจูงมือเธอไปที่สวนวรรณคดี   ในตอนนี้ที่นี่มีเพียงผมและขิมสองคนเท่านั้น   ผมกุมมือเธอไว้แน่นแล้วกระซิบที่ข้างหูเธอ  " Happy   Birth   Day ครับขิม   วันนี้ณัฐไม่มีอะไรจะให้ขิมหรอกนะ  แต่มีอยู่อย่างนึงที่ณัฐอยากบอกกับขิม ณัฐรักขิมนะ"  ผมได้บอกมันกับเธอแล้วครับ   ผมรู้สึกได้เลยครับว่าตัวเธอสั่น   ผมมองหน้าเธอ   หน้าเธอแดงมากเลย   ผมล่ะกลัวว่าเธอจะเป็นลมไปซะจริงๆ    ผมถามเธอต่อว่า   " แล้วขิมล่ะ "   เธอทำหน้างงๆแล้วถามผมกลับ  " อะไรนะณัฐ "   ผมกลัวว่าถ้าผมได้ยินคำตอบของเธอผมจะหัวใจวายเอาซะก่อน          " เปล่าๆ ไม่มีไรหรอก "   ผมปัดป่าย   " ขิม ขิมสัญญากับณัฐได้มั้ยว่าขิมจะไม่ทิ้งณัฐไปไหนอีก "  ผมถามเธอด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง   แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถให้สัญญากับผมได้  " ทำไมหรอขิม  หรือว่าขิมจะทิ้งณัฐไปไหนอีก   คราวนี้ณัฐจะไม่ยอมให้ขิมจากณัฐไปไหนอีกแล้วนะ "   น้ำตาขิมเริ่มไหลรินลงมาเป็นทาง     เธอเข้ามากอดผมแล้วบอกผมว่า   " สัญญาขิมสัญญา "  ผมค่อยๆผละตัวออกแล้วเช็ดน้ำตาให้เธอ   สักครู่เสียงออดหมดเวลาก็ดังขึ้น  " เราไปกันเถอะณัฐ "   เธอพูดแล้วจูงมือผมวิ่งขึ้นอาคาร   ผมได้แต่หวังในใจว่าต่อไปมันจะไม่มีอะไรมาพรากเธอไปจากผมได้อีก    ผมไม่อยากจะเสียเธอไป  ตลอด 3 ปีที่เธอทิ้งผมไป   ผมยอมรับว่าผมโกรธเธอมาก   แต่พอผมได้เจอเธอผมก็ใจอ่อนขึ้นมาทันที   ผมเกลียดเธอไม่ลงครับ   ช่างมันเถอะมันผ่านไปแล้วมาเริ่มต้นใหม่ดีกว่า    ตอนนี้เราอยู่ ม.6แล้วครับ    เวลามันช่างผ่านไปเร็วจริงๆเลยนะ   เผลอแป๊บเดียวเราก็จะ Ent แล้ว   ผมกะขิมเลือก Ent เข้าคณะสถาปัตย์เหมือนกัน   ผมไม่รู้ชตากรรมครับว่าถ้าผม Ent  ไม่ติดผมจะไปเรียนที่ไหนดี   แต่ขิมเค้ามีทางไปอยู่แล้วล่ะ   เธอบอกผมว่าถ้าเธอ Ent ไม่ติดแม่เธอจะส่งไปเรียนเมืองนอก   เธอรวยนี่ครับ   พอผมรู้อย่างนั้นผมก็ชวนเธอไปบนไว้ซะ 7 วัด 7 วาเลยล่ะ   ผมไม่อยากให้เธอจากผมไปอีก   แล้ววันประกาศผล Ent ก็มาถึง  ผมไปรับขิมที่บ้านไปดูผล Ent ด้วยกัน   " ณัฐ ขิมกลัวไม่มีชื่อขิมอยู่บนบอร์ดจัง  ขิมยังอยากอยู่กับณัฐ "  เธอพูดกับผมตอนอยู่บนรถ   เธอตื่นเต้นจนหน้าซีด  " ขิมไม่ต้องกลัวหรอก   มันต้องมีชื่อเราอยู่แล้วน่า   ตั้ง 7 วัดนะขิม "  ผมพูดตลกให้เธอสบายใจ   และแล้วก็ถึงจุดหมาย  ผมจอดรถแล้วเปิดประตูลงจากรถ " ขิมรออยู่นี่นะ   เดี๋ยวณัฐไปดูให้ "  ผมบอกกับเธอแล้วเดินเบียดเสียดกับกับผู้คนนับพันเข้าไปดูบอร์ดรายชื่อ    " ขิม เราทำได้ "   ผมตะโกนออกมาสุดเสียงด้วยความดีใจ    ผมรีบวิ่งกลับไปหาเธอ   หน้าเธอดูกังวลเอาซะมากๆ  " เป็นไงบ้างณัฐ "  เธอถามผมด้วยความกระวลกระวาย   ผมวิ่งเข้าไปกอดเธอ " เราทำได้ขิม  เราทำได้ "  ทั้งผมและขิมต่างดีใจกันสุดขีด  สายตาของผู้คนแถวนั้นต่างมองมาที่ผมและขิมกันหมด   เราคงจะดีใจมากไปจนเวอร์   แล้วชีวิตของเราในมหาวิทยาลัยก็เริ่มขึ้น   ชีวิตของเราในมหาวิยาลัยไม่ได้แตกต่างอะไรจากประถมหรือมัธยมเลย   มันยังเหมือนเดิมทุกอย่าง   เราสองคนก็เช่นกัน    ตอนนี้เราสองคนอยู่ปี 2 แล้วครับ   เวลามันช่างผ่านไปเร็วจริงๆ   เหมือนผมฝันไป   และอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันเกิดเธออีกแล้ว   ผมกะว่าของขวัญวันเกิดของเธอปีนี้ต้องพิเศษกว่าปีที่แล้วๆมา   ผมกำลังเก็บเงินซื้อของขวัญชิ้นพิเศษให้เธอ   ตอนนี้ผมซื้อมันมาแล้ว   ผมเก็บมันไว้อย่างดี   ถึงแม้มันจะไม่ได้สวยหรือราคาไม่ได้แพงอะไรมากมาย   แต่ผมก็พยายามจนเก็บเงินไปซื้อมันมาได้   ผมภูมิใจมากครับเพราะผมไม่เคยเก็บเงินได้สำเร็จมาก่อน   ก็ทุกครั้งที่ผมเก็บเงิน   เงินที่ผมเก็บได้ก็มิวายหายทุกครั้งไป   แต่ครั้งนี้ผมทำได้   ผมเก็บเงินซื้อของขวัญให้เธอได้แล้ว   คงเป็นเพราะเธอมั้ง   เธอคือกำลังใจของผม   คราวนี้ก็รอแต่เวลาเท่านั้น   แล้ววันเกิดเธอก็มาถึง   วันนี้เธอเข้ามาถามผม " ณัฐ รู้มั้ยวันนี้วันอะไรเอ่ย "   " วันวันพุธไง "   ผมตอบเธอแกมกวนส่วนที่เดินได้ของเธอ   " ไม่ช่ายยย..ย.. "   เธอพูดเชิงอยากให้ผมนึก   " นึกดีๆสิ  นึกๆๆๆๆ "   เธอย้ำให้ผมนึกอยู่นั่นแหละ   " นึกไม่ออกอะ "  ผมบอกกับเธอ   ที่จริงผมรู้ครับว่าวันนี้คือวันเกิดของเธอ   ผมไม่เคยลืมมันหรอก   แต่ครั้งนี้ผมต้องทำเป็นจำไม่ได้เพราะผมยังไม่กล้าให้สิ่งๆนั้นกับเธอ   " ณัฐจำไม่ได้จริงๆหรอ "   เธอถามผม   " จำไม่ได้จริงๆ "   ผมตอบเธอเพื่อย้ำความมั่นใจ   น้ำตาเธอกำลังจะไหลแล้ว   ผมจะทำยังไงดี   " ไปทานเข้ากันเถอะขิม "  ผมชวนเธอไปทานข้าวเป็นการตัดบท   ผมไม่อยากเห็นเธอร้องไห้เพราะผม   หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่ยอมพูดกับผมเลยซักคำ   เธอคงเสียใจมากที่ผมจำวันเกิดเธอไม่ได้   แล้ววันเกิดเธอก็ผ่านไป   ผมยังไม่ได้ให้มันกับเธอเลย   ผมไม่กล้าครับ   ไม่กล้าที่จะให้เธอ   บอกตามตรงผมเขิน   ผมยังไม่พร้อม   ผมขอเวลารวบรวมความกล้าซัก 2-3 วันละกัน   3 วันผ่านไป   วันนี้ผมพกความกล้ามาเต็มเปี่ยมครับ   ผมซักซ้อมมาเต็มที่หน้ากระจก  ผมพร้อมแล้ว   แต่แล้วเธอก็ไม่มามหาวิทยาลัย   ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ก็ได้   ผมบอกกับตัวเอง   แต่แล้ววันแล้ววันเล่าเธอก็ไม่มา   นี่มัน 2 อาทิตย์แล้ว   ผมชักเป็นห่วงเธอแล้ว   ผมโทรไปหาเธอทุกวันแต่ก็ไม่มีคนรับสาย   เธอคงจะโกรธผมมาก   ผมชักหวั่นๆ กลัวเธอจะทิ้งผมไปอีกครั้ง   ผมได้แต่คิดเข้าข้างตัวเอง    " ไม่มีทาง   ขิมเค้าสัญญากับเราแล้ว   เค้าไม่มีทางผิดสัญญา "   แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังกลัว   ผมพยายามโทรหาเธอทุกวัน   แต่ก็ไม่มีคนรับสายเช่นเดิม    แล้ววันหนึ่งเธอก็โทรมาหาผม  " ณัฐ  ขิมมีอะไรจะบอก ขิม ขิมรักณัฐนะ   รักมากมากเท่าที่"  แล้วเธอก็เงียบไป   เสียงเธอสะอื้นเหมือนกำลังร้องไห้   ผมอยากจะถามเธอว่าเธอเป็นอะไร   แต่ผมก็ไม่อยากจะขัดจังหวะเธอ  "  ณัฐเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ขิมรัก   ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาขิมร้องไห้เพราะคิดถึงณัฐทุกวันเลยรู้มั้ย   และที่ขิมกลับมา   ก็เพื่อกลับมาหาณัฐ   ขิมกลัวขิมจะไม่มีโอกาสได้บอกณัฐ  แต่ตอนนี้ขิมสบายใจแล้ว   ขิมได้บอกณัฐแล้ว   ถึงแม้มันจะช้าไปหน่อย"   ผมเริ่มรู้สึกเอะใจกับคำพูดของเธอ   " ทำไมขิมพูดอย่างนั้นล่ะ "     " เอ่อไม่มีอะไรหรอกณัฐ "   ผมรู้ว่าเธอตอบเพียงเพื่อให้ผมสบายใจ   " งั้นแค่นี้นะณัฐ   ขิมต้องไปแล้ว   ขิมรักณัฐนะ "   แค่นั้นครับแล้วเธอก็วาง   ผมไม่รู้ว่าเธอจะรีบไปไหนกัน  หลังจากวันที่เธอโทรมาหาผมเธอก็ยังไม่ไปมหาวิทยาลัย   ถึงผมจะห่วงเธอมากผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย   ตอนนี้ผมทำได้เพียงรอ   รอโทรศัพท์จากเธอเท่านั้น   แล้ววันนี้ขิมก็โทรมาอีกครั้ง   เสียงเธอเบามากจนฟังแทบไม่ได้ยิน  " ณัฐ ณัฐมาหาขิมที่โรงพยาบาลหน่อยได้มั้ย   ขิมคิดถึงณัฐ  ขิมอยากเจอณัฐ  อย่าช้านะ  เดี๋ยวขิม จะรอ "   ผมดีใจมากครับที่เธอโทรมา   เธอคงจะป่วยอีกแล้ว   ผมวางสายแล้วรีบออกมาหาเธออย่างที่เห็น   ตอนนี้ผมถึงโรงพยาบาลแล้วครับ   ผมลงจากรถมอร์ไซค์รับจ้างจ่ายตังค์   แล้วเดินไปสู่จุดหมาย   ขณะที่ผมกำลังเดินบนฟุตบาตใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้ว   ผมก็ดันซุ่มซ่ามเดินสะดุดฝาท่อล้มอีกจนได้   ของขวัญที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อผมก็หล่นกลิ้งหายไปไหนไม่รู้   ผมใช้เวลาอยู่ตั้ง 10 นาทีกว่าจะหามันเจอ   มันไปหลบผมอยู่ข้างถังขยะครับ   แกล้งกันชัดๆเลย   ผมรีบหยิบมันขึ้นมาทำความสะอาดแล้วไม่รอช้าที่จะเข้าไปหาเธอ   ผมหาเธอไม่เจอครับ   ผมรีบเกินไปจนลืมถามเธอว่าเธออยู่ห้องไหน   ผมต้องใช้สมองแก้ปัญหาซะแล้ว   อ้า!ผมไปถามเจ้าหน้าที่ที่เคาท์เตอร์ดีกว่า   " พี่ครับ  ขิมขวัญ   นันทไพศาลอยู่ห้องไหนครับ "  " รอซักครู่นะคะ  ห้อง 508 ค่ะ "  " ขอบคุณครับ "  ผมกล่าวขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่แล้วรีบขึ้นไปหาเธอ   ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องด้วยความรีบร้อนจนไม่ทันดูว่ามาถูกห้องรึเปล่า   ผมเห็นทุกคนที่อยู่ในห้องกำลังร้องไห้   ผมว่าผมเข้ามาผิดห้องแน่ๆ   ผมกำลังจะก้าวขาออกจากห้อง   แต่แล้วก็มีเสียงคนเรียกผม  " ณัฐ  ณัฐมาแล้วหรอลูก "     ผมจำได้ว่านี่เป็นเสียงของคุณน้าพยาบาล   ผมหันกลับไปยังที่มาของเสียง   ผมเห็นคุณน้าพยาบาลกำลังร้องไห้  " มีอะไรกันหรอครับ "  ผมถามทุกคนด้วยความสงสัย   ผมเดินเข้าไปหาคุณน้าพยาบาลที่อยู่ข้างๆเตียงผู้ป่วย   " ขิมรอณัฐนานแล้วลูก "  คุณน้าพยาบาลบอกกับผม   " แล้วขิมอยู่ไหนครับ "  ผมถามคุณน้าพยาบาลพลางมองหาเธอจนทั่วห้อง    และแล้วสายตาผมมันก็ไปหยุดอยู่ตรงเตียงผู้ป่าย   ผมเห็นร่างเล็กๆนอนอยู่บนเตียงโดยมีผ้าสีขาวคลุมอยู่ " ใครหรอครับ " ผมหันไปถามคุณน้าพยาบาลที่อยู่ข้างๆผม   คุณน้าพยาบาลสะอื้นไห้   เธอค่อยๆดึงผ้าคลุมออกช้าๆ   ร่างๆนั้นเริ่มปรากฏ   ร่างเล็กๆร่างนั้นคือร่างของขิม   สุดที่รักของผม    ผมมาช้าไป   ผมปล่อยให้เธอต้องรอนาน   ขิมจากผมไปแล้ว   คราวนี้เธอทิ้งผมไปจริงๆ   เธอไม่สามารถกลับมาหาผมได้อีกแล้ว   ผมโผเข้ากอดร่างอันไร้วิญญาณของเธอ   ไหนเธอบอกว่าเธอจะรอผม   เธอผิดสัญญา   หรืออาจผิดที่ผมเองที่มาช้าไป   น้ำตาลูกผู้ชายเริ่มไหลลงมาอีกครั้ง   ผมไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครเลยนอกจากเธอ   เธอที่ผมรักที่สุด   ผมไม่สามารถจะรั้งเธอไว้ได้   ผมเพิ่งรู้เรื่องทั้งหมดจากคุณน้าพยาบาล   ที่ขิมเคยบอกผมว่าเธอเป็นโรครู   ที่จริงแล้วมันคือ โรครูคีเมียร์  เธอต้องขาดโรงเรียนทุกเดือนเพื่อไปเปลี่ยนเลือดที่โรงพยาบาล  ขิมเป็นโรครูคีเมียร์มาตั้งแต่เกิด   ครั้งแรกที่เธอต้องจากผมไป   เธอไปเพื่อรักษาโรคที่อเมริกา   เธอไม่อยากบอกผมเพราะกลัวผมเสียใจ   แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าที่เธอไม่บอกผมมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเสียใจยิ่งกว่า   ตลอด 3 ปี แพทย์พยายามรักษาเธอแต่ก็ไม่มีหวัง   ร่างกายของเธออ่อนแอเกินไปบวกกับอาการของเธออยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว   แพทย์บอกว่าเธอเหลือเวลาที่จะอยู่บนโลกนี้เพียง 3 ปี  3 ปีเท่านั้น   เวลา 3 ปีที่เหลือเธอเลือกที่จะกลับมาหาผม   เธอกลับมาเพื่อฟังและบอกสิ่งๆนั้นกับผม   คุณน้าพยาบาลเล่าบางสิ่งให้ผมฟังต่อว่า   " ก่อนที่ขิมเค้าจะไปขิมเค้าฝากน้าบอกบางอย่างกับณัฐ "   " คุณน้าขา ถ้าณัฐมาไม่ทัน  หนูฝากคุณน้าบอกณัฐด้วยนะคะวันนั้นมันเป็นวันเกิดขิมเอง "  " ขิมพูดกับน้าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด "  คุณน้าพยาบาลบอกกับผม    " ผมขอโทษขิมผมขอโทษ "  ผมกอดร่างเธอไว้แน่นแล้วพร่ำคำขอโทษซ้ำๆ   ผมไม่รู้ว่าเธอจะได้ยินคำขอโทษของผมไหม  "  ผมรู้ วันนั้นวันเกิดขิม  ผมจำได้  ผมไม่เคยลืม "  ผมพูดพร่ำทั้งน้ำตา   " นี่ไงของขวัญที่ผมเตรียมไว้ให้ขิม "   ผมพูดพร้อมกับล้วงมือไปในกระเป๋าเสือเพื่อหยิบสิ่งๆนั้น   " แหวนวงนี้ไง "   ผมหยิบแหวนทองวงเล็กที่สลักชื่อ ณัฐ กับ ขิม ไว้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ  แล้ววางมันลงบนมือของขิม   "  สุขสันต์วันเกิดครับขิม " ผมพูดกับร่างอันไร้วิญญาณของเธอ   น้ำตาของผมมันยังคงไม่หยุดไหล   ผมทำให้ต้องเธอเสียใจ   ทำไมทำไมผมต้องไม่กล้า   เพียงแค่เพราะความรู้สึกไม่กล้าเท่านั้นมันทำให้ผมเสียโอกาสที่สำคัญที่สุดไป   " ผมเสียใจ "   ผมไม่ได้ให้มันกับตัวของเธอ  ตอนนี้เธอจากผมไปแล้ว  ผมควรทำอย่างไร   ผมเสียเวลากับแหวนวงนี้ไปมากจนทำให้ผมต้องเสียเธอที่ผมรักไป   แต่นี่คือของขวัญของเธอ   ในเมื่อผมตั้งใจนำมันมาให้เธอแล้วผมก็ต้องทำอย่างที่ผมตั้งใจไว้  ถึงแม้เธอจะไม่รับรู้อะไรแล้วก็ตาม   ผมค่อยๆพยุงมืออันบอบบางของเธอขึ้นมา   บรรจงสวมแหวนวงนั้นให้เธอ  " ผมรักขิมนะ "  ผมกล่าวแล้วจูบที่มือลาเธอด้วยน้ำตา  " หลับให้สบายเถอะนะคนดีของผม   เราคงจะมีโอกาสได้พบกันเพียงในฝันนะ "  นี่คงเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมจะได้บอกกับเธอ " ไม่มีอะไรจะช่วยให้เธอกลับมา   ฉันเข้าใจเพียงแค่อยากบอกกับเธอว่าหลับให้สบาย   จะจับมือเธออยู่ข้างๆไม่ไปไหน   ตราบจนนาทีสุดท้ายที่ยังมี   จะมองหน้าเธอสบตาเธออย่างวันนั้น   และมีความผูกพันให้เธออย่างเต็มที่   อย่าหวั่นไหวกับน้ำตาของฉันเลยคนดี   สักวันฉันคนนี้จะตามไป "  จะรักเพียงเธอ.ณัฐ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟmini_pk
Lovings  mini_pk เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟmini_pk
Lovings  mini_pk เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟmini_pk
Lovings  mini_pk เลิฟ 0 คน
  mini_pk
ไม่มีข้อความส่งถึงmini_pk