19 เมษายน 2546 13:15 น.

เรื่องไม่สั้นที่ใจมันพาไป (ตอนที่ ๓)

smiley Face

ชอบค่ะ ชอบมากเลย คุณนนท์ออกแบบได้ตรงใจดิฉันมาก เป็นไงชอบมั้ยลูก
                         ตอนที่ผมเดินเข้ามา ลูกค้าคนนี้ก็เอ่ยปากชมผมขึ้นมาทันทีทำให้ผมนึกประหลาดใจว่าทำไม ลูกค้าคนนี้ถึงชอบอะไรอย่างที่ผมชอบเหมือนกัน คราวนี้ล่ะ ผมจะได้พักสมใจ เพราะคงไม่ต้องเปลี่ยนแบบอะไรมาก ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอพาลูกสาวมาด้วย เห็นว่าชื่อ พลอย เพราะก็เห็นออกตามงานไฮโซต่างๆบ่อย ก็เลยออกทีวีให้เราได้เห็นบ้าง แต่สงสัยจะไม่ได้พาลูกสาวอีกคนมา ที่ชื่อ พิมน่ะครับ แต่ช่างเถอะ ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไร
                                                ชอบค่ะคุณแม่ ตรงนี้ออกแบบดีนะคะ
                        เธอชี้ส่วนที่เธอชอบให้ผมดู มันคือส่วนของห้องนั่งเล่น ที่มีโซฟายาวเหยียด พร้อมโคมไฟดีไซน์เก๋ เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด ผมเป็นคนลงทุลงแรงหามากับมือเองทุกชิ้น แม้แต่หลอดไฟในแบบของผมจะต้องเก๋แปลกเช่นกัน หรือหากว่าผมไม่ได้เฟอร์นิเจอร์ที่ผมคิดไว้ในหัว ส่วนใหญ่ผมก็จะถามเจ้าของบ้าน แล้วค่อยเอามาสั่งทำอีกทีพี่วุฒเคยบอกว่าที่เขาจ้างผมก็เพราะเหตุนี้เหมือนกัน ผมเป็นคนละเอียดในดีไชน์ของผมมาก
                                                  ครับ ขอบคุณครับ
                                                  เรียบร้อยแล้วนะคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวกลับก่อน เดี๋ยวมีธุระต่ออีกน่ะค่ะ
                                                   ครับ ขอบคุณมากครับ
                      จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายออกไป เหลือก็แต่ผมกับพี่วุฒ
                                                    เออ นี่นนท์ นายจะไปพักร้อนแก้เซ็งมั้ยล่ะ
                                                    ก็ดีนะพี่ ตอนนี้ยังไม่มีงานเข้ามาใช่มั้ยครับ
                                                     เฮ้ย.. แหม... พักไว้ก่อนก็ได้งานน่ะ นายทำงานไม่ได้พักมาหลายเดือนแล้วนี่หว่า
                                                     ครับพี่ แต่ผมไม่มีที่ไปอ่ะดิ ปัญหา อยากไปเที่ยวทะเลนะ แต่ก็ไม่รู้จะไปยังไง ไปคนเดียวก็ยังไงอยู่
                                                     นายจะไปหัวหินมั้ยล่ะ พี่มีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นั่น น่าจะดีนะ ไม่มีใครอยู่ด้วย นายไปอยู่สักหน่อยก็ดี มีคนดูแลบ้านด้วย
                                                       จะดีหรอพี่ ผมเกรงใจพี่ออก รบกวนมาก็หลายอย่างแล้ว ไหนจะอุตส่าห์เมตตาผมเข้าทำงาน ไหนจะอาหารการกินในบางมื้อ นี่เอาที่พักด้วย ไม่ไหวอ่ะพี่
                                                        คนกันเองหน่า นายก็เหมือนน้องชายฉันไปแล้ว ไปเหอะ เดี๋ยวเนี่ยขับรถไปบ้านพี่กัน ไปเอากุญแจเลย แล้วนายจะไปวันนี้เลยก็ได้นะ เสร็จงานแล้วนี่ อีกอย่าง นายอกหักมาไม่ใช่เรอะ จากน้องเชอรี่ อะไรนั่น ไปพักใจสะด้วยเลย
                                                         โห... พี่ ขอร้องเลย ผมยังเจ็บไม่หายเลยเนี่ย
                            ใช่แล้วครับ ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่มีแฟน แต่ผมก็เคยมีมาก่อนหน้านี้ แต่แล้วความรักของผมก็ไม่ได้สมหวังอย่างที่ผมคิด มันเป็นรักสามเศร้าครับ
                            เชอรี่เป็นดาวมหาวิทยาลัยที่ธรรมศาสตร์ ผมไม่ได้ชอบเธอก่อนหรอกครับ แต่เธอมาชอบผมก่อนต่างหาก ในตอนแรกนั้น เราเป็นเพื่อนกัน รู้จักกันก็แค่คุยทักทายกัน เพราะเธอเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทผม เราอยู่คนละคณะครับ เราเจอกันครั้งแรกก็คือ ตอนที่ผมไปที่บ้านเพื่อนผม เชอรี่เขาอยู่ที่บ้าน ในครั้งแรกที่เธอเห็นผม เธอก็ชอบผมเลย นี่เป็นสิ่งที่เพื่อนผม ชัด เล่าให้ผมฟัง เชอรี่บอกกับชัดว่าเธอชอบผม จากนั้นเราก็คุยกันเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ แรกๆเธอก็โทรหาผมทุกวันคุยกันครึ่งชั่วโมงบ้างชั่วโมงหนึ่งบ้าง และในที่สุดเราก็คบกันแบบแฟน ผมจำได้ว่าระหว่างที่เรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน เวลาไปเที่ยวกัน ผมมักจะเอาชัด และเพื่อนสนิทอีกคนไปด้วย นั่นก็คือนพ นพเป็นเพื่อนร่วมคณะ เราสนิทกันมากเหมือนกัน พอหลังจากที่ผมกับเชอรี่เป็นแฟนกันได้เพียงแค่หกเดือน ผมก็เริ่มเห็นความผิดปรกติที่บางครั้งผมโทรไปหาเชอรี่ เขาก็ไม่รับสาย กดทิ้ง หรือทำหงุดหงิดใส่เมื่อรับโทรศัพท์ แค่นั้นยังไม่พอ ต่อมาไม่นาน ผมโทรไปที่บ้านก็เริ่มได้ยินเสียงผู้ชายซึ่งไม่ใช่ชัด เพราะผมจำเสียงชัดได้ ในตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่กังวลเล็กน้อย ช่วงนั้นผมกับเชอรี่ไม่ได้ไปเที่ยวกันเลยหรือแม้แต่พบหน้ากัน
                              เมื่อผมเริ่มสงสัยมากขึ้น  ผมเลยตัดสินใจโทรไปถามชัดดูว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าเชอรี่ทำตัวห่างจากผมไปเรื่อยๆ ในที่สุดชัดก็หลุดปากบอกผมว่า เชอรี่ไปคบกับนพ เพื่อนสนิทของผมแล้ว ตอนนั้นผมรับไม่ได้ ผมโทรไปคุยกับเชอรี่ให้เรียบร้อย บอกเลิกเธอ และผมก็เลิกคบกับนพไปเลย พี่วุฒเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้เรื่องทั้งหมดดีเพราะผมมักจะเล่าให้เขาฟังในทุกๆเรื่อง นั่นคือเรื่องราวความรักครั้งสุดท้ายของผม เป็นเรื่องที่ผมยังเศร้าไม่หายสักที พี่วุฒมักจะแนะนำให้ผมลองหาผู้หญิงอีกคนคบดูเผื่อว่าจะลืมเชอรี่ไปบ้าง แต่เรื่องส่วนตัวของผมก็ไม่เคยทำให้การงานผมเสียเลยสักครั้ง แต่ผมเป็นคนชอบคนยาก หมายถึงว่าผมไม่ค่อยจะชอบใครตั้งแต่เห็นหน้าหรือยังรู้จักกันไม่นาน มันต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะชอบจะรักใครสักคน เพราะอย่างนี้ไงครับ ผมถึงยังเศร้าเรื่องเชอรี่อยู่ แม้ว่าเรื่องราวมันจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม
                       
                               ผมขับรถตามพี่วุฒไปติดๆ จนถึงบ้านของพี่วุฒ สิ่งแรกที่ผมเห็น หรือมองก็ไม่รู้นะครับ คือวุ้นที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวนหน้าบ้าน เธอมีรูปร่างหน้าตาที่ตรงสเป้กผมอยู่ไม่น้อย เธอมีใบหน้าคมเข้มบ่งบอกถึงความเป็นไทย ผิวสีแทนออกขาว ในหน้ารูปไข่ รูปร่างไม่อ้วนเกินไปไม่ผอมเกินเหมือนเด็กสมัยนี้ เป็นรูปร่างที่พอดี ดูมีน้ำมีนวล ผมยังไม่ได้รู้จักเธอมากนักจึงไม่รู้ว่ามีนิสัยเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆเธอเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยพูด
                              ผมเข้าบ้านไปกับพี่วุฒ พี่วุฒหยิบกุญแจส่งให้ผมทันทีและบอกให้ผมกลับบ้านจัดกระเป๋า โดยให้พักร้อนไปก่อนยังไม่มีกำหนดว่าจะให้กลับมาทำงานเมื่อไหร่

                               ผมขับรถยาวไปถึงหัวหิน จนถึงบ้านพักของพี่วุฒ ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงครึ่ง บ้านพักของพี่วุฒนี่น่าอยู่จริงๆครับ เป็นบ้านไม้สีฟ้าอ่อนเข้ากับทะเล ในตัวบ้านถูกออกแบบด้วยดีไซน์เก๋ไก๋ แต่เอ๊ะ คุ้นๆนะครับ มันเหมือนกับงานออกแบบของผมที่ผมทำตอนปี่สุดท้ายส่งครูเลยนี่ หึๆ ผมนึกขำอยู่ในใจ ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่วุฒจะชอบการออกแบบของผมมากขนาดเอามาลงในบ้านของเขาเลยทีเดียว 
                               งานออกแบบที่ผมนั้นเหมือนกับที่นี่มาก โดยการดีไชน์ที่ใช้ทรายเป็นหลัก ใช้ทรายทำเป็นพื้นบางพื้นที่ ตู้ทุกตู้จะถูกทรายและหอยเคลือบไว้หมด ผมเคยคิดว่าผมจะเอาดีไซน์นี้มาใช้กับบ้านในอนาคตของผมเสียหน่อย แต่พี่วุฒดันเอาไปใช้ไม่บอกเลย อย่างนี้กลับไปต้องเรียกค่าลิขสิทธิ์หน่อยแล้ว ส่วนในห้องน้ำนั้น จะมีต้นไม้อยู่ริมๆ และพื้นทำด้วยทรายรวมไปถึงอ่างล้างมือ และชั้นวางของ การที่ออกแบบโดยใช้ทราย จะทำให้ตัวบ้านเย็น เพราะทรายเป็นสิ่งที่ไม่ซึมซับความร้อน เหมาะกับบ้านริมทะเลครับ
                                มาถึงที่นี่ ผมตัดสินใจนอนก่อนเลย..... เป็นกิจกรรมที่ผมชอบมากที่สุดแล้วครับ การนอนโดยไม่มีใครมารบกวน.....				
18 เมษายน 2546 15:18 น.

เรื่องไม่สั้นที่ใจมันพาไป (ตอนที่ ๒)

smiley Face

ถึงตอนเย็นวันนั้น ผมก็ไปที่บ้านของพี่วุฒเพื่อที่จะไปทานข้าวอย่างที่พี่เขาชวนผม
             พอถึงเวลาเลิกงาน พี่วุฒบอกให้ผมขับตามเขาไปที่บ้านเลย เห็นบอกว่าจะให้ผมไปช่วยยกของหน่อย เพราะวุ้นจะย้ายไปอยู่กับพี่วุฒเลย หลังจากที่เมื่อก่อนเธออยู่กับพ่อแม่ของเธอ
                                      แต่วุ้นว่าวุ้นจะไปเช่าอพาทเม้นท์อยู่เอง จะดีกว่านะคะ เพราะนี่วุ้นก็หางานได้แล้วด้วย
                                      อะไรกันวุ้น เพิ่งมาถึงหมาดๆหางานทำได้แล้วรึ
              นั่นเป็นเสียงของพี่หญิงครับ แฟนพี่วุฒเขาเอง
                                       ค่ะ พี่หญิง
                                       ก็อยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้นี่วุ้น ห้องหับก็มีเหลืออยู่แล้วนี่ จะไปเช่าให้เสียเงินเสียทองทำไมกัน แล้วนี่เริ่มงานเมื่อไหร่ ทำงานที่ไหนล่ะ
                                       อ๋อ ก็เริ่มวันมะรืนนี้แล้ว แต่งานของวุ้นไม่ได้ประจำอยู่ที่บริษัทนี่คะ วุ้นเขียนบทความให้นิตยสารค่ะ ส่งตามเวลาก็พอ
                                       ทำไมไม่ลองเขียนหนังสือของตัวเองพิมพ์ขายไปเลยล่ะ ถนัดนิยายไม่ใช่หรอ
                                       แหมก็ลองเขียนอะไรเล็กๆก่อนสิคะ เรียนรู้ไปก่อนไง
                จากนั้นผมกับพี่วุฒและวุ้นก็ตรงไปที่บ้านพ่อแม่ของเขา เพื่อที่จะไปขนของกลับมาที่บ้าน ระหว่างทาง ทุกคนเงียบกันมาตลอด มีแต่เสียงเครื่องยนต์ประกอบกับแอร์ในรถ
                เมื่อถึงที่บ้าน ผมเข้าไปสวัสดีพ่อแม่ของพี่วุฒ ผมอยู่ในบ้านนั้นสักพักหนึ่งเพราะเห็นว่าครอบครัวกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ผมได้รู้จักวุ้นมากขึ้นจากการที่ได้เห็นเธอคุยอยู่กับพ่อแม่ เธอเป็นคนที่เรียบร้อยอยู่เหมือน แต่ด้วยความที่เป็นเด็ก เธอก็ยังดูขี้งอนน่ารักไปอีกแบบ เวลาเธออยู่กับพ่อแม่ ดูเธอไม่เหมือนวุ้นคนที่อยู่กับผมตอนผมไปรับเธอที่สนามบินเลย แปลกนะครับคนเรา เลือกปฏิบัติกับคนที่ต่างกัน 
                จากนั้นเราก็ขนของขึ้นรถอย่างรวดเร็วเพราะถึงตอนนั้นก็ค่ำแล้ว กลัวว่าพี่หญิงจะรอนาน พูดถึงพี่หญิงนะครับ เธอเป็นกุลสตรีมากจริงๆ มีทั้งเสน่ห์ปลายจวักและความเป็นแม่บ้านแม่เรือน
                พอเราไปถึงที่บ้านของพี่วุฒ ยังไม่ทันขนของลง พี่วุฒก็บอกให้ไปทานข้าวก่อนสะแล้ว
                                         ทานข้าวก่อนดีกว่า นนท์ ของอ่ะเดี๋ยวค่อยขนก็ได้
                ผมเป็นคนว่านอนสอนง่ายครับ ยิ่งเรื่องกินยิ่งแล้วใหญ่ ระหว่างทานข้าว พี่หญิงพยายามพูดคุยกับผมและวุ้นให้มาก ผมไม่แน่ใจว่าเธอพยายามทำให้วุ้นคุยกับผมอยู่หรือเปล่า
                                          เป็นไงบ้างล่ะวุ้น เห็นนนท์ขับรถไปรับที่สนามบินไม่ใช่หรอ เขาขับรถดีมั้ย
                                          ก็ดีค่ะ
                                          แล้วนี่ซื้อของฝากมาฝากพี่กับพี่หญิงหรือเปล่า
                 พี่วุฒพูดขึ้นทันที ผมเห็นหน้าตาสามคนนี้เมื่อพูดคุยกันแล้วดูสนิทสนมกันมาก 
                                          มีสิคะ จะลืมได้ยังไง เดี๋ยวทานเสร็จแล้วจะเอามาให้ค่ะ
                 หลังจากทานอาหารเสร็จ ผมขอตัวกลับบ้านทันที เพราะถึงตอนนั้นก็ค่อนข้างดึกแล้ว อีกอย่างผมไม่อยากรบกวน ให้คนในครอบครัวเขาคุยกันจะดีกว่า ผมเดินออกจากบ้านมาหลังจากที่ลาพี่วุฒ พี่หญิงและวุ้นเรียบร้อย ผมกำลังจะขึ้นรถ
                                           คุณนนท์คะ นี่ของฝากค่ะ วุ้นซื้อมาให้
                  เธอยื่นกล่องฟ้าลายน้ำทะเลให้ ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ผมก็รับมาเป็นมารยาท
                                           อ้าว แล้วคุณไม่ซื้อให้คนอื่นหรอกหรอครับ เพราะเราก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
                                           ก็พี่วุฒเขาเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟังบ่อยๆ ตอนที่วุ้นเรียนอยู่ที่นู้น รู้จักคุณพอสมควรแล้วล่ะ
                                           ขอบคุณครับ
                  จากนั้นผมก็ขึ้นรถ และขับออกไปอย่างใจเย็น ผมยังไม่ได้เปิดกล่องนั้นนะ ผมวางไว้ที่เบาะนั่งข้างๆ รวมๆอยู่กับกระดานวาดภาพและหนังสือต่าง ผมลืมบอกไปว่าผมมีงานอดิเรกคือวาดภาพสีน้ำมัน ผมเอาไว้คลายเครียด เพราะงานของผมต้องพบปะคนมากมาย และต้องทำงานให้ถูกใจลูกค้า ความเครียดของผมก็เกิดขึ้นจากตรงนี้แหละ คือว่า เวลาผมออกแบบภายในเนี่ย ผมจะต้องออกแบบให้ถูกใจลูกค้า หากออกแบบไปแล้วลูกค้าไม่ชอบ ผมก็ต้องเปลี่ยนใหม่จนเขาพอใจ ในบางครั้งเปลี่ยนไปสิบกว่ารอบยังไม่ถูกใจเลย มันก็เครียดเป็นธรรมดาครับ
                  ผมอยู่อพาทเม้นท์ เมื่อก่อนเช่าอยู่กับเพื่อน แต่ตอนนี้ผมมาซื้ออยู่คนเดียวเลย ห้องค่อนข้างใหญ่ครับ มีครบทุกห้อง ตั้งแต่ห้องครัวจนห้องน้ำแบบที่มีอ่างที่เขาเรียกกันว่า จาคูสชี่ นั่นแหละครับ คืนนี้ผมตัดสินใจเข้านอนทันทีไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน คงเหนื่อยมากกว่า
                                   
                  7.00 น. 
                  ผมตื่นขึ้นมาตอนเจ็ดโมงตรงเป๊ะ ตื่นมาอาบน้ำแปรงฟัน และทานข้าวเรียบร้อย ผมนั่งอยู่ตรงห้องนั่งซึ่งสามารถมองทะลุไปข้างนอกได้ ผมนั่งมองฝูงนกที่โบยบินอยู่บนฟ้า ดูมีอิสระดีเหลือเกิน ผมมักจะชอบนกอยู่แล้วผมเคยอยากจะบินได้เหมือนนกบ้างจะได้บินไปที่ไหนก็ได้สบายๆ แต่ดันถูกจับมาอยู่ในกรงก็แย่เหมือนกัน 
                   ผมนั่งเหม่อมองฟ้าไปเรื่อยจนแปดโมง กาแฟบนโต๊ะก็เย็นชืดหมดแล้ว พี่วุฒชอบแหยผมอยู่เรื่อยๆว่าผมเป็นพวกขาดกาแฟไม่ได้ แถมผมเป็นคนทานกาแฟขมเอาสะมากๆด้วย เพราะผมไม่เคยเติมน้ำตาลเลย 
                   ถึงเวลาแล้ว ผมจึงออกจากห้องพักไปบริษัท ระหว่างทางผมเหลือบไปเห็นกล่องสีฟ้าที่วุ้นให้ผมมาเมื่อคืนวางอยู่ที่เดิม ผมลืมไปเลยนะเนี่ยว่าได้กล่องนี้มา ผมยังไม่ได้เปิดสักที แต่ช่างเหอะ เดี๋ยวค่อยเปิดก็ได้ ไปทำงานก่อนดีกว่า 
                                 
                                          เฮ้อ.... เสร็จเสียที
                   ผมปล่อยโพล่งออกมาด้วยความโล่งอก เพราะจำได้มั้ยครับ งานออกแบบภายในบ้านของผู้หญิงที่มีชื่อเสียงระดับประเทศที่ผมต้องทำ เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ตรงตามที่ลูกค้าอยากได้เป๊ะ ก็เหลือเพียงแต่เอาไปให้เจ้านายผมดู 
                   ก๊อก....ก๊อก..... ผมเดินไปเคาะห้องพี่วุฒ
                                          เสร็จแล้วครับพี่... ผมออกแบบเสร็จทุกห้องแล้วครับ
                   ผมยืนเอกสารและแผ่นงานออกแบบของผมให้พี่เขาดู
                                            เอ้อ..... ไอเดียนายนี่พุ่งกระฉูดได้ทุกวันเลยนะ แรงไม่มีตก
                   พี่วุฒเปิดดูงานของผมอย่างพิจารณาถี่ถ้วน
                                            เฮ้ย... เสร็จเรียบร้อยนี่หว่า เออ เดี๋ยวพี่โทรไปนัดให้ลูกค้ามาดูละกัน แล้วลุ้นกันอีกทีว่าจะต้องแก้แบบอีกหรือป่าว ว่าแต่วันนี้นายก็เลิกงานไปได้เลยนะ ทำเสร็จแล้วหนิ พักสักหน่อย เห็นทำงานมาหลายชิ้นแล้ว
                                             ขอบคุณครับพี่
                   ผมเดินออกมาจากห้องพี่วุฒ เก็บข้าวเก็บของ ลงลิฟท์มาทันที ผมกลับไปนอนที่บ้านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น น่าแปลกจริงว่าทำไมวันนี้ถึงนอนได้ยาวนานนัก เมื่อคืนผมฝัน ฝันว่าผมนอนอยู่ริมชายหาด น้ำทะเลก็เกยตื้นมาจนถึงหูผม ทะเลในฝันนั้นมืดเหลือเกิน ผมเห็นลางๆว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ริมชายหาดข้างหลังผม เธอกำลังอ่านหนังสืออยู่ ผมไม่เข้าใจเลยว่าตอนนั้นมันมืดแล้วเธออ่านหนังสือได้ยังไง เป็นฝันที่แปลก เพราะผมไม่ได้ฝันมาสามเดือนได้แล้ว

                    ผมเดินลงมาจนถึงที่รถของผม โทรศัพท์ผมดังขึ้น.....
                                               นนท์ รีบมาเลยนะ ลูกค้ามาแล้ว คุณวุฒก็รออยู่
                    เมื่อพี่ผึ้ง เลขาฯของพี่วุฒพูดกับผมเสร็จเธอก็วางไปเลย โดยไม่ได้รอคำตอบผมสักคำ เธอเป็นอย่างนี้แหละครับ เป็นคนพูดเร็ว และไม่อ้อมค้อม
                    ผมรีบขับรถตรงไปที่บริษัททันที ระหว่างทางก็พลางคิดไปว่าลูกค้าจะชอบที่ผมออกแบบหรือป่าว ผมไม่ค่อยคิดมากเรื่องลูกค้าจะชอบไม่ชอบมากหรอกครับ เพราะตัวผมเองผมชอบที่จะทำอะไรตามที่ใจคิดอยู่แล้ว				
17 เมษายน 2546 17:43 น.

เรื่องไม่สั้นที่ใจมันพาไป

smiley Face

ผมทำงานเป็นนักออกแบบภายใน จะเป็นบ้าน เป็นห้อง เป็นตึกหรืออะไรก็ได้ผมออกแบบได้หมด ตอนนี้ ผมก็อายุได้ 28 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีแฟนที่ไหนเลย ช่างน่าเศร้าจริงๆ 
                      จริงแล้ว ที่บ้านผม พ่อแม่ก็เป็นคนมีฐานะค่อนข้างจะดี แต่อย่างไรก็ตามผมตัดสินใจออกมาจากบ้านเพื่อใช้ชีวิตด้วยตัวเองหลังจากที่ผมจบมหาวิทยาลัยแล้ว ผมยังวางแผนที่จะเรียนต่อโทอีก แต่เมื่อไหร่นั้นยังไม่แน่นอน 
                                          อ้าว เฮ้ยเที่ยงแล้วไม่ไปกินข้าวหรือไงวะ
                      เสียงพี่วุฒมาเลยครับ เป็นหัวหน้าของผมเอง เขาเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่เรารู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นที่ผมเรียนปีหนึ่ง พี่เขาเป็นรุ่นพี่ผมประมาณ สี่ห้าปีได้ 
                                          ไป นนท์ ไปกินข้าวกัน
                                          อ้าวพี่ วันนี้พี่ไม่ได้กลับไปกินที่บ้านเหมือนทุกวันหรอ เดี่ยวพี่หญิงรอแย่เลย
                                          ไม่หรอก เขาไม่อยู่บ้าน เห็นว่าไปกับเพื่อน
                        ผมกับพี่วุฒจึงไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านใกล้ๆบริษัท ผมทำงานกับพี่วุฒมาตั้งแต่วันที่ผมเรียนจบ เพราะพี่เขาก็ขอจองตัวผมมาตั้งแต่ผมเรียนอยู่ปีสามแล้ว เขาบอกว่าผมมีความคิดการตกแต่งที่แปลกดีไม่เหมือนคนอื่นๆ ผมเรียนจบจากที่ม. ธรรมศาสตร์ครับ 
                       หลังจากที่เรากินข้าวกลางวันกันอิ่มเรียบร้อย เราก็กลับมาที่บริษัททันที ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อจนเลิกงาน ตอนนี้ผมกำลังออกแบบภายในให้กับบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นของผู้หญิงที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ งานนี้พี่วุฒตั้งใจมากให้ออกมาดีที่สุด ผมจึงต้องใช้เวลากับมันมากหน่อย เพื่อให้ออกมาสมบูรณ์แบบ
	
                      วันรุ่งขึ้น ผมไปที่บริษัทเวลา 9.00 น. เวลาเข้างานผมนั้นไม่ค่อยซีเรียสมากเพราะ ตำแหน่งผมส่วนใหญ่แล้วไม่ได้เน้นที่การมานั่งทำงานที่โต๊ะสักเท่าไหร่ ผมจึงมาที่บริษัทกี่โมงก็ได้ทั้งนั้น แค่มีงานมาส่งตามเวลาก็พอ ซึ่งงานแบบนี้เป็นแบบที่ผมพอใจมาก เพราะผมรักสันโดษ เวลาทำงานชอบอยู่บ้านคนเดียวเงียบๆ 
                      ตอนเวลา 9.30 น. พี่วุฒโทรมาที่ห้องทำงานของผม
                                              เฮ้ย นนท์ ตอนนี้แกว่างใช่มั้ย
                                              ครับพี่
                                              เออ น้องพี่ ที่ชื่อ วุ้น จำได้ป่าว ที่เล่าให้ฟังบ่อย กลับมาจากอเมริกาแล้ว อยากให้แกไปรับมาให้หน่อยสิ พอดีพี่ไม่ว่างอยู่ เนี่ยเดี๋ยวต้องเข้าประชุมแล้ว
                                              เครื่องลงกี่โมงละครับ
                                              ประมาณ 10 โมง
                                              ครับๆ ผมจะรีบไปเลย
                    น้องของพี่วุฒ ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าเสียที เห็นพี่วุฒชอบเล่าให้ฟังว่าเป็นคนไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ยังไงก็เอาเหอะ เดี๋ยวผมจะต้องรีบไปรับเขาแล้ว 
                    ผมออกรถไปทันที มุ่งหน้าไปยังสนามบิน สนามบินเวลานี้หาที่จอดยากเสียหน่อย จึงใช้เวลาไปมากพอสมควร ผมก็กลัวว่าเดี๋ยวเธอลงมาแล้วไม่เห็นใครจะรีบขึ้นแทกซี่ไปก่อน 
                    พอหาที่จอดได้ ผมก็กระโดดไปที่ผู้โดยสารขาเข้าทันที ผมมองไปมาก็ไม่เห็นคนที่ดูแล้วจะคล้ายพี่วุฒเลยสักคน ผมคิดในใจว่าเธอจะต้องยังไม่ได้ออกมแน่ ผมจึงเดินไปเดินมารออยู่สักครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นมีใครเดินออกมาอีก ผมเริ่มเครียด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะผมรู้ดีว่า ถ้าผมโทรหาพี่วุฒก็คงไม่ดีแน่ เพราะเขากำลังประชุมอยู่ 
                    ทันใดนั้นเอง ผมก็ไปเจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างใหญ่ หรือจะพูดแบบธรรมดาปากคือ อ้วน เขาเดินเข้ามาหาผม ทำทีว่าลังเล ผมจึงพูดกับเธอว่า
                                               เอ่อ ผมกำลังหาคนชื่อ วุ้นอยู่น่ะครับ
                                               อ๋อ ค่ะ ดิฉันก็คิดอยู่เหมือนกันว่า คุณจะเป็นเพื่อนของพี่วุฒที่มารับวุ้นหรือเปล่า
                                               คุณคือ วุ้น น้องสาวพี่วุฒหรอครับ
แต่ผมว่าไม่น่าใช่นะ เพราะหน้าตาก็ไม่ได้คล้ายพี่วุฒเอาสะเลย
                                               ไม่ใช่ค่ะ ฉันเป็นเพื่อนเขาน่ะค่ะ มารับเขาเหมือนกัน
                    ผู้หญิงคนนั้น เดินจากผมไปสักครู่ และกลับมาพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาดี ผมดำยาว สวมกางเกงสีดำขายาว พร้อมกับเสื้อแขนกุด ที่เมื่อเจ้าตัวยกแขนหรือชะเง้อมอง ชายเสื้อก็จะขึ้นมาเหนือกางเกง 
                                                นี่ไงคะ วุ้นที่คุณตามหา
                                                สวัสดีครับ คุณวุ้น
                    ผมยกกระเป๋าจากมือเธอ เธอไม่ตอบอะไรทักทายผม ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเป็นมิตร มีแต่นัยน์ตาเยือกเย็นที่คอยจับตามองทุกอิริยบทของผม
ผมพาเธอขึ้นรถ และขับรถตรงไปยังที่บริษัท

                                                อ้าว วุ้น เป็นยังไงล่ะ ผอมลงเยอะนะเรา
                                                หวัดดีค่ะ พี่วุฒ ไม่เจอตั้งนาน พี่หญิงคงเลี้ยงดีสิคะเนี่ย
                   เธอเอามือลูบที่พุงของพี่วุฒ และกอดกันจนทำให้ผมรู้ว่า พี่น้องคู่นี้คงสนิทกันเอามากๆเลย 
                                                 ขอบใจนะนนท์ ที่ไปรับมาให้ เออ นายไปกินข้าวเย็นกันที่บ้านมั้ย เห็นวันนี้ หญิงเขาจะทำกับข้าวเลี้ยงต้อนรับวุ้น
                   วุ้นมองดูผมเหมือนไม่ค่อยอยากให้ผมไปที่บ้านเขาเย็นนี้สักเท่าไหร่
                                                  คงไม่ดีมั้งครับ เพราะเย็นนี้พวกพี่น่าจะอยู่กันเป็นครอบครัวมากกว่านะครับ ผมไปคงไม่เหมาะ
                   เท่านั้นแหละครับ วุ้น น้องของพี่วุฒก็ยิ้มขึ้นมาทันที 
                                                  ไม่เห็นต้องกังวลเลยนนท์ นายก็มากินข้าวที่บ้านพี่บ่อย เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว

                   จากนั้น สองคนพี่น้องก็เดินเข้าไปในห้องของพี่วุฒ ซึ่งเขาสองคนคุยอะไรกันผมก็ไม่ได้ยินแล้ว
                                              ทำไมพี่วุฒต้องไปชวนเพื่อนพี่คนนั้นด้วยล่ะคะ
                                                   อ้าวทำไมล่ะ เขาก็เป็นคนสนิทของพี่นะ อีกอย่างตอนที่วุ้นไม่อยู่เขาก็มากินข้าวที่บ้านพี่บ่อยจะตาย
                          ................ไม่รู้สิ วุ้นไม่ค่อยชอบเขา...............				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟsmiley Face
Lovings  smiley Face เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟsmiley Face
Lovings  smiley Face เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟsmiley Face
Lovings  smiley Face เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงsmiley Face