เรื่องไม่สั้นที่ใจมันพาไป (ตอนที่ ๒)

smiley Face

ถึงตอนเย็นวันนั้น ผมก็ไปที่บ้านของพี่วุฒเพื่อที่จะไปทานข้าวอย่างที่พี่เขาชวนผม
             พอถึงเวลาเลิกงาน พี่วุฒบอกให้ผมขับตามเขาไปที่บ้านเลย เห็นบอกว่าจะให้ผมไปช่วยยกของหน่อย เพราะวุ้นจะย้ายไปอยู่กับพี่วุฒเลย หลังจากที่เมื่อก่อนเธออยู่กับพ่อแม่ของเธอ
                                      แต่วุ้นว่าวุ้นจะไปเช่าอพาทเม้นท์อยู่เอง จะดีกว่านะคะ เพราะนี่วุ้นก็หางานได้แล้วด้วย
                                      อะไรกันวุ้น เพิ่งมาถึงหมาดๆหางานทำได้แล้วรึ
              นั่นเป็นเสียงของพี่หญิงครับ แฟนพี่วุฒเขาเอง
                                       ค่ะ พี่หญิง
                                       ก็อยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้นี่วุ้น ห้องหับก็มีเหลืออยู่แล้วนี่ จะไปเช่าให้เสียเงินเสียทองทำไมกัน แล้วนี่เริ่มงานเมื่อไหร่ ทำงานที่ไหนล่ะ
                                       อ๋อ ก็เริ่มวันมะรืนนี้แล้ว แต่งานของวุ้นไม่ได้ประจำอยู่ที่บริษัทนี่คะ วุ้นเขียนบทความให้นิตยสารค่ะ ส่งตามเวลาก็พอ
                                       ทำไมไม่ลองเขียนหนังสือของตัวเองพิมพ์ขายไปเลยล่ะ ถนัดนิยายไม่ใช่หรอ
                                       แหมก็ลองเขียนอะไรเล็กๆก่อนสิคะ เรียนรู้ไปก่อนไง
                จากนั้นผมกับพี่วุฒและวุ้นก็ตรงไปที่บ้านพ่อแม่ของเขา เพื่อที่จะไปขนของกลับมาที่บ้าน ระหว่างทาง ทุกคนเงียบกันมาตลอด มีแต่เสียงเครื่องยนต์ประกอบกับแอร์ในรถ
                เมื่อถึงที่บ้าน ผมเข้าไปสวัสดีพ่อแม่ของพี่วุฒ ผมอยู่ในบ้านนั้นสักพักหนึ่งเพราะเห็นว่าครอบครัวกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ผมได้รู้จักวุ้นมากขึ้นจากการที่ได้เห็นเธอคุยอยู่กับพ่อแม่ เธอเป็นคนที่เรียบร้อยอยู่เหมือน แต่ด้วยความที่เป็นเด็ก เธอก็ยังดูขี้งอนน่ารักไปอีกแบบ เวลาเธออยู่กับพ่อแม่ ดูเธอไม่เหมือนวุ้นคนที่อยู่กับผมตอนผมไปรับเธอที่สนามบินเลย แปลกนะครับคนเรา เลือกปฏิบัติกับคนที่ต่างกัน 
                จากนั้นเราก็ขนของขึ้นรถอย่างรวดเร็วเพราะถึงตอนนั้นก็ค่ำแล้ว กลัวว่าพี่หญิงจะรอนาน พูดถึงพี่หญิงนะครับ เธอเป็นกุลสตรีมากจริงๆ มีทั้งเสน่ห์ปลายจวักและความเป็นแม่บ้านแม่เรือน
                พอเราไปถึงที่บ้านของพี่วุฒ ยังไม่ทันขนของลง พี่วุฒก็บอกให้ไปทานข้าวก่อนสะแล้ว
                                         ทานข้าวก่อนดีกว่า นนท์ ของอ่ะเดี๋ยวค่อยขนก็ได้
                ผมเป็นคนว่านอนสอนง่ายครับ ยิ่งเรื่องกินยิ่งแล้วใหญ่ ระหว่างทานข้าว พี่หญิงพยายามพูดคุยกับผมและวุ้นให้มาก ผมไม่แน่ใจว่าเธอพยายามทำให้วุ้นคุยกับผมอยู่หรือเปล่า
                                          เป็นไงบ้างล่ะวุ้น เห็นนนท์ขับรถไปรับที่สนามบินไม่ใช่หรอ เขาขับรถดีมั้ย
                                          ก็ดีค่ะ
                                          แล้วนี่ซื้อของฝากมาฝากพี่กับพี่หญิงหรือเปล่า
                 พี่วุฒพูดขึ้นทันที ผมเห็นหน้าตาสามคนนี้เมื่อพูดคุยกันแล้วดูสนิทสนมกันมาก 
                                          มีสิคะ จะลืมได้ยังไง เดี๋ยวทานเสร็จแล้วจะเอามาให้ค่ะ
                 หลังจากทานอาหารเสร็จ ผมขอตัวกลับบ้านทันที เพราะถึงตอนนั้นก็ค่อนข้างดึกแล้ว อีกอย่างผมไม่อยากรบกวน ให้คนในครอบครัวเขาคุยกันจะดีกว่า ผมเดินออกจากบ้านมาหลังจากที่ลาพี่วุฒ พี่หญิงและวุ้นเรียบร้อย ผมกำลังจะขึ้นรถ
                                           คุณนนท์คะ นี่ของฝากค่ะ วุ้นซื้อมาให้
                  เธอยื่นกล่องฟ้าลายน้ำทะเลให้ ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ผมก็รับมาเป็นมารยาท
                                           อ้าว แล้วคุณไม่ซื้อให้คนอื่นหรอกหรอครับ เพราะเราก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
                                           ก็พี่วุฒเขาเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟังบ่อยๆ ตอนที่วุ้นเรียนอยู่ที่นู้น รู้จักคุณพอสมควรแล้วล่ะ
                                           ขอบคุณครับ
                  จากนั้นผมก็ขึ้นรถ และขับออกไปอย่างใจเย็น ผมยังไม่ได้เปิดกล่องนั้นนะ ผมวางไว้ที่เบาะนั่งข้างๆ รวมๆอยู่กับกระดานวาดภาพและหนังสือต่าง ผมลืมบอกไปว่าผมมีงานอดิเรกคือวาดภาพสีน้ำมัน ผมเอาไว้คลายเครียด เพราะงานของผมต้องพบปะคนมากมาย และต้องทำงานให้ถูกใจลูกค้า ความเครียดของผมก็เกิดขึ้นจากตรงนี้แหละ คือว่า เวลาผมออกแบบภายในเนี่ย ผมจะต้องออกแบบให้ถูกใจลูกค้า หากออกแบบไปแล้วลูกค้าไม่ชอบ ผมก็ต้องเปลี่ยนใหม่จนเขาพอใจ ในบางครั้งเปลี่ยนไปสิบกว่ารอบยังไม่ถูกใจเลย มันก็เครียดเป็นธรรมดาครับ
                  ผมอยู่อพาทเม้นท์ เมื่อก่อนเช่าอยู่กับเพื่อน แต่ตอนนี้ผมมาซื้ออยู่คนเดียวเลย ห้องค่อนข้างใหญ่ครับ มีครบทุกห้อง ตั้งแต่ห้องครัวจนห้องน้ำแบบที่มีอ่างที่เขาเรียกกันว่า จาคูสชี่ นั่นแหละครับ คืนนี้ผมตัดสินใจเข้านอนทันทีไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน คงเหนื่อยมากกว่า
                                   
                  7.00 น. 
                  ผมตื่นขึ้นมาตอนเจ็ดโมงตรงเป๊ะ ตื่นมาอาบน้ำแปรงฟัน และทานข้าวเรียบร้อย ผมนั่งอยู่ตรงห้องนั่งซึ่งสามารถมองทะลุไปข้างนอกได้ ผมนั่งมองฝูงนกที่โบยบินอยู่บนฟ้า ดูมีอิสระดีเหลือเกิน ผมมักจะชอบนกอยู่แล้วผมเคยอยากจะบินได้เหมือนนกบ้างจะได้บินไปที่ไหนก็ได้สบายๆ แต่ดันถูกจับมาอยู่ในกรงก็แย่เหมือนกัน 
                   ผมนั่งเหม่อมองฟ้าไปเรื่อยจนแปดโมง กาแฟบนโต๊ะก็เย็นชืดหมดแล้ว พี่วุฒชอบแหยผมอยู่เรื่อยๆว่าผมเป็นพวกขาดกาแฟไม่ได้ แถมผมเป็นคนทานกาแฟขมเอาสะมากๆด้วย เพราะผมไม่เคยเติมน้ำตาลเลย 
                   ถึงเวลาแล้ว ผมจึงออกจากห้องพักไปบริษัท ระหว่างทางผมเหลือบไปเห็นกล่องสีฟ้าที่วุ้นให้ผมมาเมื่อคืนวางอยู่ที่เดิม ผมลืมไปเลยนะเนี่ยว่าได้กล่องนี้มา ผมยังไม่ได้เปิดสักที แต่ช่างเหอะ เดี๋ยวค่อยเปิดก็ได้ ไปทำงานก่อนดีกว่า 
                                 
                                          เฮ้อ.... เสร็จเสียที
                   ผมปล่อยโพล่งออกมาด้วยความโล่งอก เพราะจำได้มั้ยครับ งานออกแบบภายในบ้านของผู้หญิงที่มีชื่อเสียงระดับประเทศที่ผมต้องทำ เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ตรงตามที่ลูกค้าอยากได้เป๊ะ ก็เหลือเพียงแต่เอาไปให้เจ้านายผมดู 
                   ก๊อก....ก๊อก..... ผมเดินไปเคาะห้องพี่วุฒ
                                          เสร็จแล้วครับพี่... ผมออกแบบเสร็จทุกห้องแล้วครับ
                   ผมยืนเอกสารและแผ่นงานออกแบบของผมให้พี่เขาดู
                                            เอ้อ..... ไอเดียนายนี่พุ่งกระฉูดได้ทุกวันเลยนะ แรงไม่มีตก
                   พี่วุฒเปิดดูงานของผมอย่างพิจารณาถี่ถ้วน
                                            เฮ้ย... เสร็จเรียบร้อยนี่หว่า เออ เดี๋ยวพี่โทรไปนัดให้ลูกค้ามาดูละกัน แล้วลุ้นกันอีกทีว่าจะต้องแก้แบบอีกหรือป่าว ว่าแต่วันนี้นายก็เลิกงานไปได้เลยนะ ทำเสร็จแล้วหนิ พักสักหน่อย เห็นทำงานมาหลายชิ้นแล้ว
                                             ขอบคุณครับพี่
                   ผมเดินออกมาจากห้องพี่วุฒ เก็บข้าวเก็บของ ลงลิฟท์มาทันที ผมกลับไปนอนที่บ้านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น น่าแปลกจริงว่าทำไมวันนี้ถึงนอนได้ยาวนานนัก เมื่อคืนผมฝัน ฝันว่าผมนอนอยู่ริมชายหาด น้ำทะเลก็เกยตื้นมาจนถึงหูผม ทะเลในฝันนั้นมืดเหลือเกิน ผมเห็นลางๆว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ริมชายหาดข้างหลังผม เธอกำลังอ่านหนังสืออยู่ ผมไม่เข้าใจเลยว่าตอนนั้นมันมืดแล้วเธออ่านหนังสือได้ยังไง เป็นฝันที่แปลก เพราะผมไม่ได้ฝันมาสามเดือนได้แล้ว
                    ผมเดินลงมาจนถึงที่รถของผม โทรศัพท์ผมดังขึ้น.....
                                               นนท์ รีบมาเลยนะ ลูกค้ามาแล้ว คุณวุฒก็รออยู่
                    เมื่อพี่ผึ้ง เลขาฯของพี่วุฒพูดกับผมเสร็จเธอก็วางไปเลย โดยไม่ได้รอคำตอบผมสักคำ เธอเป็นอย่างนี้แหละครับ เป็นคนพูดเร็ว และไม่อ้อมค้อม
                    ผมรีบขับรถตรงไปที่บริษัททันที ระหว่างทางก็พลางคิดไปว่าลูกค้าจะชอบที่ผมออกแบบหรือป่าว ผมไม่ค่อยคิดมากเรื่องลูกค้าจะชอบไม่ชอบมากหรอกครับ เพราะตัวผมเองผมชอบที่จะทำอะไรตามที่ใจคิดอยู่แล้ว				
comments powered by Disqus
  • ฟองอากาศ

    18 เมษายน 2546 22:16 น. - comment id 68310

    โห.. มาตอนนี้ยาวเชียว
    แต่งต่อเร็วจังนะ smiley Face
    จะอ่านต่อนะคะ............................ :)
  • หญิงอบอุ่นข้างเตาผิง

    19 เมษายน 2546 13:18 น. - comment id 68320

    ชักอยากจะรู้จักนนท์ตัวเป็นๆสะแล้วสิ
    นนท์มีตัวตนหรือเปล่าคะเนี่ย
  • kp1

    20 เมษายน 2546 14:51 น. - comment id 68354

    เอ้....ดูท่าทางคุรจะเป็้นคนดังแถบนี้น่ะ
    มีคนอ่านเยอะจัง
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน