31 ตุลาคม 2545 16:58 น.

เพรงเง ( ตอนที่ 9)

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา ตอนที่9
                    นั้นไงล่ะ ทางลับอีกทางหนึ่ง ต้องตู้เอกสารสุดทางเดิน  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเสียงที่ลอยมากับสายลมคือ เฟื่องพิมาน วิไลย์วัลย์เดินด้วยความเร็วก่อนที่ฝีเท้าของบางคนใกล้เข้ามา เป็นเวลาเกือบๆ ตีห้าแล้วคนรับใช้ที่บ้านของเธอคงตื่นนอนกันหมดทุกคนแล้ว ในใจของวิไลย์วัลย์ตอนนี้คงจะสับสนและว้าวุ่นมากความกลัวแผ่ซานไปทั่วทั้งร่างกายของเธอแล้วในเวลานี่ ต้องตามทีเฟื่องพิมานบอก ภายใต้ตู้เอกสาร ธรรมดาๆกลับมีบางอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้  
                    เธอค่อยๆเดินเหมือนกลับตอนแรกที่เธอเดินเขามาทางกล่องใบใหญ่ แต่ทว่าครั้งนี้มันกลับเป็นทางที่หยาบๆไม่มีบันใดแต่เป็นแค่ไม้บางๆที่ผุเป็นจำนวนมาก วัลย์เดินระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะถ้าเธอเกิดเหยียบผิดไปทำให้เกิดเสียงดังที่สุดเพราะทางที่เธอเดินนั้นเป็นทางลึกลงไป ถ้าเกิดเสียงจะทำให้เสียงนั้นก้องกังวาลเป็นอย่างมาก ขณะที้ธอเดินลึกลงไปเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ทำให้เธอต้องน้ำตาคลอ   ปิดตายบานประตูทุกบานที่อยู่ในนี่ซะ  ทำสั่งอันเสียงที่ดังก้องของ เค้าคนนั้น เธอคงรู้สะตากรรมของเธอดีว่าเธออาจจะต้องตายอยู่ในนี่ แค่อาจจะ          ใครที่มันกล้ายุ่งกับเรื่องนี้ต้องตายฮาฮาฮา ความกลัวและความเย็นกลับมาาสู่ตัวของ วัลย์อีกครั้งทำให้เธฮต้องใช้ สมองมากกว่าาเดิม
                         เมื่อเธอรวบรวมหลักฐานที่จะจับตัวของ พ่อไม่ใช้สิ เขาคนนั้นได้แล้ว แต่เธอก็คิดในใจว่า เขาคนนั้นคือผู้ที่มีบุญคุณต่อเธอ  พ่อ..พ่อพ่อพ่อพ่อ  เธฮตะโกนสุดเสียงของเธอด้วยความเคารพและรักๆมาก สุดท้ายเสียงที่เธอได้ยินกลับมาก็คือ  ฮา..ฮา..ฮา.. ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าที่จริงเป็นแก ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญน่ะ จริงๆน่ะเธอเป็นแค่เด็กที่ภรรยาฉันเก็บมาเลี้ยงเธอถูกทิ้ง และสมบัติทั้งหมดของภรรยาฉันก็ต้องตกเป็นของฉัน..ฮา..ฮา..ฮา.. แม่ก็โง่ ลูกก็โง่     เมื่อสิ้นเสียงนั้นก็หมายความว่าความเป็นพ่อเป็นลูกนั้นได้ขาดลงแล้ว วัลย์ไม่โง่พอที่จะไม่คิดทำอะไรเลย เธอได้อัดทุกๆคำพูดของ เขาคนนั้นเอาไว้ในวิทยุเครื่องเล็กๆของเธอ จากนั้นเธอจึงเริ่มที่จะหาทางออกจากห้องแคบๆนี้ เธอจะทำอย่างไรต่อไป..ใครจะช่วยเธอ..แล้วที่สำคัญห้องๆนี่มีความหมายอย่างไร.				
9 ตุลาคม 2545 13:34 น.

เพรงเงา ( ตอนที่ 8 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา ตอนที่8

เมื่อวิไลย์วัลย์ได้รู้ความจริงว่าที่แท้นั้นคนที่เธอเรียกว่า  พ่อ  นั้นเป็นคนร้ายที่ทำบาปหนาและที่สำคัญพ่อของเธอหละที่เป็นคนใส่ความพ่อของ เฟื่องพิมาน น้ำตาที่หลั่งไหลลงมาจากดวงตาของวิไลย์วัลย์นี้ ไม่ใช้น้ำตาแห่งความปลื้มปิติแต่อย่างใด แต่มันเป็นน้ำตาที่ไหลเหมือนสายเลือดเมื่อรู้ว่าคนที่เธอนำถือที่สุด เคารพที่สุด ยกย่องที่สุด และรักที่สุดกับเป็นคนที่เลวร้ายขนาดนี้ 
                       กิ่งไม้ที่วัลย์ได้เหยียบนี้ทำให้ความสนใจของทุกคนมาอยู่ตรงกล่องที่ วัลย์อาศัยอยู่ ด้วยความฉลาดที่ว่ามานั้นทำให้วิไลย์วัลย์เอาอุปกรณ์บ้างอย่างที่เธอหยิบออกมาจากเป้ของเธอ เธอรู้ตนเองว่าขาดสติมาก เธฮจึงพยายามข่มจิตไว้และแล้วเสียงหนึ่งที่ลอยมากับสายลมก็ดังขึ้น  ตั้งจิตใจให้มั่น อธิฐานด้วยใจ  เป็นเสียงที่เบาๆแต่เมื่อฟังแล้วบาดลึกลงไปในจิตใจ  เฟื่องพิมาน  วิไลย์วัลย์พูดขึ้น วึ่งเหลือเวลาไม่มากแล้วที่ทุกๆคนจะเดินมาที่ๆ วิไลย์วัลย์หลบอยู่ เธฮใช้แรงและอุปกรณ์เสริมในการเปิดประตูและเข้าไปอยู่ในประตูนั้น เป็นเวลาเดียวกันที่พ่อ ( หรอ ) เธอคิด เธอได้เปลี่ยนสรรพนามของพ่อเธอเป็น  เค้าคนนั้น  จึงจะไม่มีทางที่เธอจะเรียก เค้าคนนั้นว่า พ่ออีกครั้ง เปิดกล่องด้วยความเร็วแต่ว่า เขากลับไม่พบอะไรแต่อย่างใด.
                      ใต้ห้องที่ วัลย์ลงไปนั้นมี บันใดลึกลับลงไปอีกลึกมากเธอเปิดไฟฉายแล้วค่อยๆเดินลงไปในทางที่มืดสนิท เมื่อมาถึงสุดทางแล้วเธอก็ได้เจอประตูอีกบานที่เขียน ปริศนาว่า
 ตั้งจิตให้มั่น อธิฐานด้วยใจ หากเราปลดปล่อย จะเจอมันเอง. เมื่อเธอเห็นดั่งนั้นแล้วเธอจึงนั่งลงตรงหน้าบานประตูใบใหญ่ แล้วรวมจิตใจเป็ฯหนึ่งเดียวกัน แล้วก็อธิฐานว่าเธฮไม่ของทรัพย์สินเงินทอง ไม่ขอของใช้หรูหรา แต่ของให้เธอได้รู้ความจริง  เพียงเวลาไม่นาน ประตูก็เปิดขึ้น ความมือและความเก่าของห้องทำให้เธอต้องจุดไฟตามผนังทำให้ วัลย์เห็นเอกสารสำคัญ บางอย่างวึ่งอยู่ในหีบใบ เล็กๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน หีบใบนั้นเก่าและขึ้นสนิมมากแล้วจึงไม่ใช้เรื่องยากที่จะเปิด เธอได้ข้อมูลจากการที่ เค้าคนนั้น พูดมาก็มากพอที่จะจับตัวเค้าได้แล้าว แต่เธอก็เชิอว่ายังไงพ่อเธอต้องมีอิทธิพลที่เหนือกว่าตำรวงบางบ้างแห่งดังนั้น เธอจึงต้องหาหลักฐานให้แน่ชัดพอที่จะจับตัวพ่อของเธอได้เมื่อเธฮพบหลักฐานสิ่งหนึ่งเธฮก็ต้องตกใจเพราะมันเป็นรูปของ เฟื่งพิมาน กำลังที่จะถูกฆ่า. เธอนั่งดูและรู้ถึงสัมผัสที่อยูาอันใกล้ของ หญิงที่อยู่ในรูป เธอรวบรวมเอกสารที่สำคัญเตรียมที่จะกลับ   แต่ว่าเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกรอบแล้ว ห้องนี่เป็นห้องทางตัน แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปเธอจะถูกจับไหม..นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดสิ่งๆนี่				
4 ตุลาคม 2545 12:53 น.

เพรงเงา ( ตอนที่7 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา ( ตอนที่ 7 )
 ก็ขอให้วัลย์ไปที่สลัมข้างบ้านของวัลย์ . เฟื่องพิมานอธิบายว่าจะให้วัลย์ทำอะไรบ้าง อีกไม่กี่วันแล้วที่โรงเรียนจะปิดเทอมซึ่งเธอจะต้องกลับไปที่บ้านของเธอ และไปสืบให้เฟื่องพิมาน เพื่อช่วยพ่อเธอ วิไลย์วัลย์นั้นยังเด็กนักที่จะรู้ถึงความลำบากที่ไม่มีอะไรมาเปรียบได้เท่ากับ เฟื่องพิมาน  ดังนั้น เฟื่องพิมานจึงตั้งความหวังไว้กับวิไลย์วัลย์มากที่จะลบล้างความผิดให้พ่อเธอ เวลาล่วงเลยผ่านไป วิไลย์วัลย์ ก็เข้านอน การสอบปลายภาคครั้งแรกของเธอ ผ่านไปด้วยดี จากนั้นเธอก็กลับบ้านไปเพื่อสืบหาความจริงให้แก่ เฟื่องพิมาน กัปนาทลัตนะภาน์ เวลาของเธอนั้นมีไม่ถึง สามอาทิตย์เพราะเธฮต้องเรียนเสริมอีกมากมายที่พ่อของเธอสั่งไว้ก่อนที่จะไปทำธุระที่ ออสเตเรีย  สอบสี่วันกับแม่เธอเหตุการณ์บางอย่างที่เธอใช้สมองและสติปัญญาของเธอจึงเริ่มขึ้น
                                วันแรกของการปิดเทอมเธอได้เดินไปซื้อของที่จำเป็ฯในการสืบหาเรื่องราวมาลบล่างความผิดให้ พ่อของเฟื่องพิมาน ของที่เธอซื้อนั้นมี  เชือก กาวยาง นม สีทาบ้าน ไฟฉาย อุปกรณ์ป้องกันตัวหลายๆอย่างที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆนึกไม่ถึง เธอรอบครอบยิ่งกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก เมื่อเธอซื้อของหลักเสร็จแล้ว เธอยังซื้อของปลีกย่อยที่สำคัญๆค่าใช้จ่ายนั้นรวมๆกันประมาณ สองหมื่นกว่าๆ ซึ่งเป็นเงินที่น้อยสำหรับพ่อเธอแต่เป็นเงินที่มหาศาสสำหรับเธอ     
                                  เธอเริ่มด้วยการใส่กางเกงขาสั้น เสื้อเชิ้ต โทรศัพท์มือถือ และเป้ใบใหญ่อีกใบที่บรรจุของที่เธอชื้อมาด้วยราคาแพงอย่างเต็มเป้ หลังจากนั้นไม่นานวัลย์ก็ออกเดินทางไปในสลัมข้างบ้านเธออย่างไม่มีใครที่รู้เรื่องเลย เวลานั่นเป็นเวลาประมาณ เที่ยงคืนกว่าๆแล้ว เธอยังรับรู้ในจิตใจข้างในของเธอว่า มีใครติดตามเธอมาด้วยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าใดนัก ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า..นั้นคือ เฟื่องพิมาน  
                                  เมื่อเธอถึงจุดหมายปลายทางคือที่โกดังเก่าๆที่อยู๋ลึกลงไปในซอยของสลัม แถวๆนี่นั้นมีแต่ป่าที่รกด้วยต้นไม้ใบไม้ซึ่งก็ไม่มีคนอาศัยอยู่แล้ว หลักฐานที่ เฟื่องพิมานให้วิไลย์วัลย์หาให้นั้นคือ เอกสารที่ระบุว่าบริษัทที่พ่อของเธอกับเพื่อนพ่อของเธอที่ทำงานด้วยกัน แอบนำหุ้นส่วนของพ่อเธอไปขายและใส่ความว่าค้าของผิดกฎหมายทำให้พ่อเธอเป็ฯแพะรับบาป เมื่อวัลย์เข้าไปในโกดังนั้นแล้วเธอจึงลงมือหาหลักฐานดังกล่าว ซักพักหนึ่งเมื่อเธอเงยน่าดูนาฬิกาแล้ว เธอจึงรู้ว่าเวลานี่เป็นเวลาตีสองกว่าแล้วเธอได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบ้างคนเข้ามาใกล้ๆเธอ ด้วยสติปัญญาที่ดีของวัลย์และประกอบด้วยความฉลาดแล้วเธฮจึงเข้าไปหลบใต้กล่องใบใหญ่ใบหนึ่งซึ่งตั้งอยู้ข้างๆโกดังสองถึงสามใบเมื่อเธฮเข้าไปใน กล่องแล้วเธอได้พบกับประตูบานเล็กๆมีที่ใส่กุญแจเพื่อที่จะเปิดออก แต่ดูแล้วมันคงเก่ามาก เมื่อเธอนึกออกว่าเธอหยิบวิทยุอันเล็กๆของเธอเพื่อมาอัดคำพูดที่คนข้างนอกพูดกัน คำพูดที่เธอได้ยินนั้นกล่าวว่า  ในที่สุดฉันก็เป็นอิสระแล้วเพราะ มันแท้ๆต้องขอบคุณมันที่ทำให้ฉันเป็นอิสระ ฮาฮา..ฮาฮา.   เสียงนั้นดูคล้ายไเสียงที่เป็นคนที่เธฮรู้จักเมื่อเธฮพยามที่จะมอง แทบไม่น่าเชื่อคนๆนั้นจะเป็น.เธอได้เหยียบกิ่งไม้ทำในเกิดเสียงที่ดังก้องกังวาลในโกดัง ทุกคนหันมาทางกล่องใบที่วิไลย์วัลย์หลบบอยู่และ..				
20 กันยายน 2545 16:11 น.

เพรงเงา ( ตอนที่ 6 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา ( ตอนที่ 6 )

    ลลิตตาเธอรู้จักคนที่ฉันเล่ามาหรอ วิไลย์วัลย์กล่าวถามขึ้น  ใช้ฉันรู้จักคนที่เธอเล่ามาทุกประการ ลลิตตาคิดว่าถ้าวิไลย์วัลย์ไม่กล่าวถึงลักษณะและรูปร่างนั้นเธอคงลืมผู้หญิงซึ่งเป็นเพื่อนพี่เธอไปนานแล้ว  เฟื่องพิมาน..เค้าเป็นเพื่อนพี่ฉัน  ลลิตตากล่าวประโยคแรกเกี่ยวกับ เฟื่องพิมานอย่างมั่นใจ  แต่ว่าฉันน่ะไม่ค่อยรู้จักเค้าเท่าไรหรอเพราะพี่ฉันน่ะไปเรียนที่ต่างประเทศเกือบๆสี่ปีแล้ว เธอกล่าวต่อหลังจากที่เธอไม่ได้พบพี่มาถึงสี่ปี
                         ฉันจำได้แค่ว่า เพื่อนของพี่คนนี่เป็นเพื่อนที่สนิทกลับพี่ฉัน  ลลิตตาพูดในเชิงที่คิดวิเคราะห์  แล้วถ้าวิไลย์วัลย์ เห็นคนนั้นแสดงว่า..เค้าตายแล้วละสิ  อารียาพูดขึ้นขณะที่ทุกคนกำลัง งง ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ใช้..แต่ว่าฉันไม่รู้ว่าเค้าคนนั้นตายยังไงหรอ   ลลิตตาพูดขึ้นก่อนที่จะจบประโยคสุดท้ายด้วยคำพูดด่วนสรุปว่า  ฉันก็รู้แค่นี้ล่ะ 
 ฉันมีเรื่องที่จะคุยกับเธอทั้งสามคน วิไลย์วัลย์ ลลิตตา และ อารียา  มารดามคนเมื่อกี้จองหน้าของ วิไลย์วัลย์แล้วพูดประโยคนี้ออกมา  เรื่องอะไรค่ะ  วิไลย์วัลย์เอ๋ยถามขึ้น  นภาลัย!!!!!  มารดามคนนั้นตอบ เด็กสองคนก็ยืน งง อยู่ส่วน วิไลย์วัลย์นั้นก็จับแขนเด็กทั้งสองคนแล้วลากให้เดินตามมา  เมื่อมาถึงห้องของมารดามคนนี้แล้ว  เธอรู้เรื่องที่เกี่ยวกับ ยายนภาลัยได้ยังไงในเมื่อทั้งโรงเรียนนี่ อาจารย์ทุกๆท่านจะไม่มีใครเอ๋ยปากเรื่องนี้เด็ดขาด  มาดามถามขึ้นเป็นคำถามแรก  ก็ไม่เห็นจะยากเย็นอะไรนี้ค่ะ มารดาม  วิไลย์วัลย์ตอบแบบกวนๆ   ไอ้ที่เธอบอกฉันว่าไม่อยากน่ะ แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร  มารดามถามต่อไปด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด  ญาณไงค่ะ หรือเรียกอีกอย่างว่า สัมผัสที่หกไงล่ะค่ะ  วิไลย์ตอบมารดามด้วยสีหน้าที่ซ่อนเล่ห์นัย  ไม่เชื่อมารดามลองถามดูสิค่ะ ว่าเป็นจริงอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นริเปล่า  วิไลย์วัลย์เอ่ยปากท้ามารดาม  ได้ งั้นยาย นภาลัยตายยังไง  นั้นเป็นปริศนาที่ลลิตตาและอารียาอย่างรู้เช่นเดียวกับ มารดาม   ก็เค้าเป็นเด็กผู้หญิงม.ปลาย เกิดจิตหลอนขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคาแล้ว เกรีดเลือด ผูกคอตาย   
 นั้นเป็นคำตอบของ วิไลย์วัลย์  แต่เมื่อมารดามได้ยินมารดามถึงกับตาโตและก็กำลังที่จะถามคำถามต่อๆไปแต่ วิไลย์วัลย์ของอนุญาตไปทำงานที่ได้กับเพื่อนๆทั้งสองเสียก่อน ดังนั้นมารดามจึงละแวงในตัวเด็กทั้งสามคนนี้มากฉัน โดยเฉพาะ วิไลย์วัลย์
                    เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ สามถึงสี่วันกลางคืนวันที่สี่นี้เธกก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังเรียกเธอ          วิไลย์วัลย์.  ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเสียงใสๆนี้เป็นเสียงของ เฟื่องพิมาน วิไลย์วัลย์ตื่นขึ้นกลางดึก ด้วยความรู้สึกที่ลึกลับ เธอใช้สมาธิร่วมจิต เธอจึงเห็นใบหน้าของเฟื่องพิมานไม่สู้ดีนัก  เป็นอะไรไปค่ะ  วิไลย์วัลย์ถาม เฟื่องพิมาน
ฉันอยากได้หลักฐานบางอย่างเพื่อลบความเพื่อลบความผิดที่ พ่อของฉันโดนกล่าวหา  เฟื่องพิมานบอก วิไลย์วัลย์ 
 ฉันอยากรู้ว่าเธอนามสกุลอะไร..ทำไมถึงรู้จักพี่ของเพื่อนฉัน  วิไลย์วัลย์ถาม  ก็ฉันรู้จักกับพี่ของ ลลิตตาได้เพราะเรียนที่อังกฤษด้วยกัน พี่เค้าก็เป็นผู้ชายที่นิสัยดีนะ แล้วนามสกุลของฉันน่ะ กัปนาทลัตนะภาน์เมื่อวิไลย์วัลย์ได้ยิน นามสกุลนี้แล้ว เธอก็นึกได้ว่าเป็น นามสกุลของนักการเมืองดังทางสังคมคนนึงซึ่งพ่อเธอก็จะเชิญเค้าคนนั้นที่มี นามสกุล     กัปนาทลัตนะภาน์ มารับประทานอาหารที่บ้านบ่อยๆ  แล้วคุณจะให้หนูหาหลักฐานอะไรหรอค่ะ .				
18 กันยายน 2545 20:30 น.

เพรงเงา ( ตอนที่ 5 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา 
( ตอนที่ 5 )

          ฉันอยากจะเห็นรู้ร่างที่แท้จริงของเธอได้ริเปล่า นั้นเป็นคำถามแรกที่วิไลย์วัลย์ ถามขึ้น
 เธอไม่จำเป็นที่จะต้องจงมองตัวฉันที่กระจก..เธอต้องใช่การรวมจิตเป็นหนึ่งเดียวและทำใจให้ผ่อนคลายแค่นั้นเธอก็สามารถมองเห็นฉันได้ เฟื่องพิมานกล่าวขึ้น วิไลย์วัลย์นั้นก็ทำตามรวมจิต..ใจผ่อนคลาย เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมองไปรอบๆห้อง เธอได้สังเกตเห็นเงาดำๆบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้ที่จะมีในห้องเธอ เธอจึงรวมจิตไปตรงเงาดำๆนั้น ในไม่กี่วินาทีต่อมาเลาดำๆ ก็ๆได้กลายเป็นรูปเป็นร่าง วิไลย์วัลย์แทบไม่เชื่อสายตาตนเองเพราะ ญาณที่เธอคุยด้วยและคุยกับเธอเกือบ สี่ครั้งนั้นมีรูปร่างที่สวยและสง่างามเช่นนี้   ทำไมเมื่อสองทุ่มกว่าเธอไม่ยอมปรากฏตัวให้ฉันเห็น วิไลย์วัลย์ถามขึ้นเป็นคำถามที่สองเมื่อรู้แล้วว่าเสียงที่เธอได้ยินรูปร่างที่เธอเห็นมีตัวตน  ฉันลืมบอกเธอไปว่า เกินห้าทุ่มเท่านั้นที่เธอจะสื่อสารกับฉันได้ เวลากลางวันนั้นฉันมีพลังไม่พอ.ที่สำคัญจำไว้ว่าเธอจะเห็นฉันแค่คนเดียวเท่านั้นแค่คนเดียว  เฟื่องพอมานซ้ำคำว่าแค่คนเดียวเท่านั้นถึงสองครั้ง  ฉันอยากรู้ว่าที่มารดามพูดขึ้นคืออะไร  วิไลย์วัลย์ตั้งใจที่จะได้คำตอบนี่มาก  ก็ไม่มีไรมากแค่มีเด็กผู้หญิง ม.ปลายขึ้นไปบนห้องใต้หลังคานั้นแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เกรีดแขนตนเองแล้วผู้คอตาย รู้สึกว่าเด็กคนนั้นชื่อ นภาลัย เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว จึงไม่มีใครขึ้นไปบนห้องใต้หลังคาบ่อยๆ
เฟื่องพิมานตอบด้วยความไว  แล้วที่เธอค่อยมาเตือนฉัน เรื่องที่ให้ฉันระวังคือเรื่องอะไรหรอ วิไลย์ถามขณะเมื่อประมาณเย็นวันนี้เธอยังติดปากอยู่เลยว่า เฟื่องพิมานเคยมาบอกเธอว่าอะไร  ฉันบอกเธอได้แค่นี้จริงๆ เพราะฉันบอกอะไรเธอมากกว่านี้ไม่ได้..เพราะ  เธอไม่ทันตอบ  ฉันต้องไปแล้วเวลานั้นไม่ค่อยใคร..ระวังตัวด้วยนะ  รูปร่างที่               
 วิไลย์วัลย์พูดคุยด้วยนั้นก็เลื่อนหายไป  นี่คงเป็นบทสนทนาที่ยาวที่สุดตั้งแต่ที่ได้คุยกับเสียงและวันนี้เป็นวันที่เธอได้เห็นรูปร่างที่แท้จริงของ เฟื่องพิมานแล้ว เธอหันไปมองเวลาแล้วอุทานขึ้น  ตายแล้วตีสองกว่าต้องรีบเข้านอนแล้ว วิไลย์วัลย์เดินไปที่เตียงนอนแล้วหลับไปโดยไม่รู้ตัว
                                         เช้าวันรุ่งขึ้นเธอเรียนอย่างไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเธอนอนตั้ง ตีสองเธฮจึงไม่มีสมาธิในการเรียนเมื่อเรียนจบในวันนี้แล้วเด็กนักเรียนสามคนเดินผ่านมารดามคนเดิมทั้งสองคนอารียาและลลิตตาเดินก้มหน้าส่วนวัลย์
นั้นได้พูดลอยๆเสียงค่อนข้างดังว่า  นภาลัยๆๆ  มารดามคนที่เดินผ่านได้ยินถึงกับสะดุ้งสุดตัว เพราะเด็กรุ่นนี้ไม่มีคนที่ชื่อ นภาลัยซักคน  เด็กทั้งสามคนเดินกับมาถึงห้อง  นี่ วัลย์ เธอพูดอะไรน่ะ  ยาถามขึ้น  ใช้เมื่อกี้นี้เธอพูดอะไร   ตาพูดเสริมต่อ วิไลย์วัลย์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ห้องใต้หลังคาให้เพื่อนๆฟัง   เธอรู้ได้ยังไง  อารียาและลลิตตาถามขึ้นพร้อมๆกันเมื่อฟังจบ  พูดไปเธอก็ไม่เชื่อ  วิไลย์วัลย์เอ๋ยขึ้น  พูดมาเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วน่ะ  ยาพูดด้วยอาการ เครียดๆ  ใช้พูดมาเถอะ  ลลิตตาเป็นกองเชียร์ ดังนั้น วิไลย์วัลย์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟัง เมื่อเธอเล่าจบทำให้ลลิตตาจำอะไรบางอย่างได้อย่างไม่คาดคิด   เป็นไปไม่ได้แน่ๆ  ลลิตตาพูดขึ้น  เป็นไปไม่ได้เรื่องอะไร  อารียาถามขึ้น   ฉันรู้จักคนที่มีลักษณะอย่างวิไลย์วัลย์เล่ามาทุกประการ  				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระดาษทรายสีทอง