20 กันยายน 2545 16:11 น.

เพรงเงา ( ตอนที่ 6 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา ( ตอนที่ 6 )

    ลลิตตาเธอรู้จักคนที่ฉันเล่ามาหรอ วิไลย์วัลย์กล่าวถามขึ้น  ใช้ฉันรู้จักคนที่เธอเล่ามาทุกประการ ลลิตตาคิดว่าถ้าวิไลย์วัลย์ไม่กล่าวถึงลักษณะและรูปร่างนั้นเธอคงลืมผู้หญิงซึ่งเป็นเพื่อนพี่เธอไปนานแล้ว  เฟื่องพิมาน..เค้าเป็นเพื่อนพี่ฉัน  ลลิตตากล่าวประโยคแรกเกี่ยวกับ เฟื่องพิมานอย่างมั่นใจ  แต่ว่าฉันน่ะไม่ค่อยรู้จักเค้าเท่าไรหรอเพราะพี่ฉันน่ะไปเรียนที่ต่างประเทศเกือบๆสี่ปีแล้ว เธอกล่าวต่อหลังจากที่เธอไม่ได้พบพี่มาถึงสี่ปี
                         ฉันจำได้แค่ว่า เพื่อนของพี่คนนี่เป็นเพื่อนที่สนิทกลับพี่ฉัน  ลลิตตาพูดในเชิงที่คิดวิเคราะห์  แล้วถ้าวิไลย์วัลย์ เห็นคนนั้นแสดงว่า..เค้าตายแล้วละสิ  อารียาพูดขึ้นขณะที่ทุกคนกำลัง งง ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ใช้..แต่ว่าฉันไม่รู้ว่าเค้าคนนั้นตายยังไงหรอ   ลลิตตาพูดขึ้นก่อนที่จะจบประโยคสุดท้ายด้วยคำพูดด่วนสรุปว่า  ฉันก็รู้แค่นี้ล่ะ 
 ฉันมีเรื่องที่จะคุยกับเธอทั้งสามคน วิไลย์วัลย์ ลลิตตา และ อารียา  มารดามคนเมื่อกี้จองหน้าของ วิไลย์วัลย์แล้วพูดประโยคนี้ออกมา  เรื่องอะไรค่ะ  วิไลย์วัลย์เอ๋ยถามขึ้น  นภาลัย!!!!!  มารดามคนนั้นตอบ เด็กสองคนก็ยืน งง อยู่ส่วน วิไลย์วัลย์นั้นก็จับแขนเด็กทั้งสองคนแล้วลากให้เดินตามมา  เมื่อมาถึงห้องของมารดามคนนี้แล้ว  เธอรู้เรื่องที่เกี่ยวกับ ยายนภาลัยได้ยังไงในเมื่อทั้งโรงเรียนนี่ อาจารย์ทุกๆท่านจะไม่มีใครเอ๋ยปากเรื่องนี้เด็ดขาด  มาดามถามขึ้นเป็นคำถามแรก  ก็ไม่เห็นจะยากเย็นอะไรนี้ค่ะ มารดาม  วิไลย์วัลย์ตอบแบบกวนๆ   ไอ้ที่เธอบอกฉันว่าไม่อยากน่ะ แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร  มารดามถามต่อไปด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด  ญาณไงค่ะ หรือเรียกอีกอย่างว่า สัมผัสที่หกไงล่ะค่ะ  วิไลย์ตอบมารดามด้วยสีหน้าที่ซ่อนเล่ห์นัย  ไม่เชื่อมารดามลองถามดูสิค่ะ ว่าเป็นจริงอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นริเปล่า  วิไลย์วัลย์เอ่ยปากท้ามารดาม  ได้ งั้นยาย นภาลัยตายยังไง  นั้นเป็นปริศนาที่ลลิตตาและอารียาอย่างรู้เช่นเดียวกับ มารดาม   ก็เค้าเป็นเด็กผู้หญิงม.ปลาย เกิดจิตหลอนขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคาแล้ว เกรีดเลือด ผูกคอตาย   
 นั้นเป็นคำตอบของ วิไลย์วัลย์  แต่เมื่อมารดามได้ยินมารดามถึงกับตาโตและก็กำลังที่จะถามคำถามต่อๆไปแต่ วิไลย์วัลย์ของอนุญาตไปทำงานที่ได้กับเพื่อนๆทั้งสองเสียก่อน ดังนั้นมารดามจึงละแวงในตัวเด็กทั้งสามคนนี้มากฉัน โดยเฉพาะ วิไลย์วัลย์
                    เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ สามถึงสี่วันกลางคืนวันที่สี่นี้เธกก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังเรียกเธอ          วิไลย์วัลย์.  ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเสียงใสๆนี้เป็นเสียงของ เฟื่องพิมาน วิไลย์วัลย์ตื่นขึ้นกลางดึก ด้วยความรู้สึกที่ลึกลับ เธอใช้สมาธิร่วมจิต เธอจึงเห็นใบหน้าของเฟื่องพิมานไม่สู้ดีนัก  เป็นอะไรไปค่ะ  วิไลย์วัลย์ถาม เฟื่องพิมาน
ฉันอยากได้หลักฐานบางอย่างเพื่อลบความเพื่อลบความผิดที่ พ่อของฉันโดนกล่าวหา  เฟื่องพิมานบอก วิไลย์วัลย์ 
 ฉันอยากรู้ว่าเธอนามสกุลอะไร..ทำไมถึงรู้จักพี่ของเพื่อนฉัน  วิไลย์วัลย์ถาม  ก็ฉันรู้จักกับพี่ของ ลลิตตาได้เพราะเรียนที่อังกฤษด้วยกัน พี่เค้าก็เป็นผู้ชายที่นิสัยดีนะ แล้วนามสกุลของฉันน่ะ กัปนาทลัตนะภาน์เมื่อวิไลย์วัลย์ได้ยิน นามสกุลนี้แล้ว เธอก็นึกได้ว่าเป็น นามสกุลของนักการเมืองดังทางสังคมคนนึงซึ่งพ่อเธอก็จะเชิญเค้าคนนั้นที่มี นามสกุล     กัปนาทลัตนะภาน์ มารับประทานอาหารที่บ้านบ่อยๆ  แล้วคุณจะให้หนูหาหลักฐานอะไรหรอค่ะ .				
18 กันยายน 2545 20:30 น.

เพรงเงา ( ตอนที่ 5 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา 
( ตอนที่ 5 )

          ฉันอยากจะเห็นรู้ร่างที่แท้จริงของเธอได้ริเปล่า นั้นเป็นคำถามแรกที่วิไลย์วัลย์ ถามขึ้น
 เธอไม่จำเป็นที่จะต้องจงมองตัวฉันที่กระจก..เธอต้องใช่การรวมจิตเป็นหนึ่งเดียวและทำใจให้ผ่อนคลายแค่นั้นเธอก็สามารถมองเห็นฉันได้ เฟื่องพิมานกล่าวขึ้น วิไลย์วัลย์นั้นก็ทำตามรวมจิต..ใจผ่อนคลาย เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมองไปรอบๆห้อง เธอได้สังเกตเห็นเงาดำๆบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้ที่จะมีในห้องเธอ เธอจึงรวมจิตไปตรงเงาดำๆนั้น ในไม่กี่วินาทีต่อมาเลาดำๆ ก็ๆได้กลายเป็นรูปเป็นร่าง วิไลย์วัลย์แทบไม่เชื่อสายตาตนเองเพราะ ญาณที่เธอคุยด้วยและคุยกับเธอเกือบ สี่ครั้งนั้นมีรูปร่างที่สวยและสง่างามเช่นนี้   ทำไมเมื่อสองทุ่มกว่าเธอไม่ยอมปรากฏตัวให้ฉันเห็น วิไลย์วัลย์ถามขึ้นเป็นคำถามที่สองเมื่อรู้แล้วว่าเสียงที่เธอได้ยินรูปร่างที่เธอเห็นมีตัวตน  ฉันลืมบอกเธอไปว่า เกินห้าทุ่มเท่านั้นที่เธอจะสื่อสารกับฉันได้ เวลากลางวันนั้นฉันมีพลังไม่พอ.ที่สำคัญจำไว้ว่าเธอจะเห็นฉันแค่คนเดียวเท่านั้นแค่คนเดียว  เฟื่องพอมานซ้ำคำว่าแค่คนเดียวเท่านั้นถึงสองครั้ง  ฉันอยากรู้ว่าที่มารดามพูดขึ้นคืออะไร  วิไลย์วัลย์ตั้งใจที่จะได้คำตอบนี่มาก  ก็ไม่มีไรมากแค่มีเด็กผู้หญิง ม.ปลายขึ้นไปบนห้องใต้หลังคานั้นแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เกรีดแขนตนเองแล้วผู้คอตาย รู้สึกว่าเด็กคนนั้นชื่อ นภาลัย เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว จึงไม่มีใครขึ้นไปบนห้องใต้หลังคาบ่อยๆ
เฟื่องพิมานตอบด้วยความไว  แล้วที่เธอค่อยมาเตือนฉัน เรื่องที่ให้ฉันระวังคือเรื่องอะไรหรอ วิไลย์ถามขณะเมื่อประมาณเย็นวันนี้เธอยังติดปากอยู่เลยว่า เฟื่องพิมานเคยมาบอกเธอว่าอะไร  ฉันบอกเธอได้แค่นี้จริงๆ เพราะฉันบอกอะไรเธอมากกว่านี้ไม่ได้..เพราะ  เธอไม่ทันตอบ  ฉันต้องไปแล้วเวลานั้นไม่ค่อยใคร..ระวังตัวด้วยนะ  รูปร่างที่               
 วิไลย์วัลย์พูดคุยด้วยนั้นก็เลื่อนหายไป  นี่คงเป็นบทสนทนาที่ยาวที่สุดตั้งแต่ที่ได้คุยกับเสียงและวันนี้เป็นวันที่เธอได้เห็นรูปร่างที่แท้จริงของ เฟื่องพิมานแล้ว เธอหันไปมองเวลาแล้วอุทานขึ้น  ตายแล้วตีสองกว่าต้องรีบเข้านอนแล้ว วิไลย์วัลย์เดินไปที่เตียงนอนแล้วหลับไปโดยไม่รู้ตัว
                                         เช้าวันรุ่งขึ้นเธอเรียนอย่างไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเธอนอนตั้ง ตีสองเธฮจึงไม่มีสมาธิในการเรียนเมื่อเรียนจบในวันนี้แล้วเด็กนักเรียนสามคนเดินผ่านมารดามคนเดิมทั้งสองคนอารียาและลลิตตาเดินก้มหน้าส่วนวัลย์
นั้นได้พูดลอยๆเสียงค่อนข้างดังว่า  นภาลัยๆๆ  มารดามคนที่เดินผ่านได้ยินถึงกับสะดุ้งสุดตัว เพราะเด็กรุ่นนี้ไม่มีคนที่ชื่อ นภาลัยซักคน  เด็กทั้งสามคนเดินกับมาถึงห้อง  นี่ วัลย์ เธอพูดอะไรน่ะ  ยาถามขึ้น  ใช้เมื่อกี้นี้เธอพูดอะไร   ตาพูดเสริมต่อ วิไลย์วัลย์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ห้องใต้หลังคาให้เพื่อนๆฟัง   เธอรู้ได้ยังไง  อารียาและลลิตตาถามขึ้นพร้อมๆกันเมื่อฟังจบ  พูดไปเธอก็ไม่เชื่อ  วิไลย์วัลย์เอ๋ยขึ้น  พูดมาเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วน่ะ  ยาพูดด้วยอาการ เครียดๆ  ใช้พูดมาเถอะ  ลลิตตาเป็นกองเชียร์ ดังนั้น วิไลย์วัลย์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟัง เมื่อเธอเล่าจบทำให้ลลิตตาจำอะไรบางอย่างได้อย่างไม่คาดคิด   เป็นไปไม่ได้แน่ๆ  ลลิตตาพูดขึ้น  เป็นไปไม่ได้เรื่องอะไร  อารียาถามขึ้น   ฉันรู้จักคนที่มีลักษณะอย่างวิไลย์วัลย์เล่ามาทุกประการ  				
18 กันยายน 2545 19:31 น.

เพรงเงา ( ตอนที่ 4 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา ( ตอนที่ 4 )

ในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องกลับ โรงเรียนแล้ว เมื่อมาถึงจุดมุ่งหมายทั่งสามคนก็เตรียมตัวที่จะเข้านอน เพราะเป็นเวลาเกือบๆ สามทุ่มแล้ว   เข้าค่ายครั้งนี่สนุกจังเลย.ว่าไหม  ลลิตตาเป็นคนกล่าวขึ้น  ไม่เห็นสนุกเลย ต้องทำความสะอาดห้องเกือบวันนึง  อารียาพูดขึ้น เธอคงคิดอย่างเดียวกับที่ ณีรดาคิด เมื่อจบบทสนทนาสั่นๆนี้แล้ว เธอทั้งสามคนก็เข้านอนกันที่ห้อง วิไลย์วัลย์  ด้วยกัน ซึ่งเมื่ออารียาเห็นห้องของลิไลย์วัลย์แล้ก็ไม่แสดงออกซักเท่าไรแค่ชมว่าห้องนั้นสวย เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าวิไลย์วัลย์เกิดอาการหิวน้ำขึ้นมาเพื่อที่จะหาน้ำมารับประทาน  ระวังให้ดีเวลานี้กำลังมีภัย  เสียงนี้เกิดขึ้นอีกครั้งแล้วเป็นเสียงที่ดังกังวาลภายในหูของเธอ  เสียงแก้วน้ำที่ทำด้วยแก้วราคาหลายบาทตกลง ทำให้เสียงนั้นค่อยๆเลื่อนหายไป เพื่อนอีกสองคนของเธอจึงสะดุ้งตื้นขึ้นด้วยอาการ งง
                                 เช้าวันต่อมาเธอได้เล่าเหตุการณ์ว่าเธอ ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่มันผิดปกติออกไป เพื่อนทั้งสองคนของเธอยิง งง เข้าไปกันใหญ่  ถ้าเธอไม่เชื่อฉันจะพิสูจน์..ให้ดู  วิไลย์วัลย์พูดแบบประชดเล็กน้อย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองทุ่มกว่าๆ วัลย์ ตา และยา ก็เดินขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคาของของโรงเรียน เมื่อมาถึงกลางห้อง       
                                   เฟื่องพิมาน.!!!  วิไลย์วัลย์พูดขึ้นลอยๆ เพื่อนทั้งสองคนก็ยืนดูเธอดูความอยากรู้อยากเห็น 9-10 นาทีเห็นจะได้ไม่มีเสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้น ถึงแม้เธอจะลองพยายามเรียกอีกหลายๆครั้งก็ตาม เพื่อนทั้งสองของเธอชวนเธอลองข้างล่าง เพราะบรรยากาศในห้องใต้หลังคานั้นไม่สู้ดีนั้น ทั้งหนาว ทั้งอับ ทั้งมืด  ทั้งสามคนเดินลงมาจากห้องใต้หลังคาโดยดี  เธอไปทำอะไรกันที่นั้น  เสียงของมารดามท่านหนึ่งถามขึ้น  เธอไม่รู้เลยริว่า..ฉันไม่อยากจะพูด  คำพูดนั้นเป็นปริศนาที่ทำให้เด็กทั้งสามคนขมวดคิ้ว  ที่หลังเธออย่าขึ้นไปที่นั้นอีกนะ..ฉันไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นซ้ำสอง  เด็กทั้งสามก้มหน้าก้มตาสงบปากสงบคำไม่พูดอะไรกันเลยแต่เมื่อเข้ามาข้างในห้องและ  ฉันอยากรู้จริงๆว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องใต้หลังคามันหมายความว่าอะไร!!!!  อารียาพูดด้วยความสงสัย  นั้นสิ ลลิตตาเสริมขึ้นด้วยความสงสัย  เดี่ยวก็รู้ว่ามันคืออะไร  วิไลย์วัลย์พูดด้วยความมุ่งมั่น ทั้งสองคนมองเธอด้วยความ งงสุดๆที่มันจะเป็นได้ยังไง
                                          วิไลย์วัลย์นั่งรอจนเทียงคืนกว่าๆโดยเพื่นทั้งสองของเธอได้หลับไปแล้ว เธอตัดสิ้นใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะเดินไปที่หน้ากระจกอยู่ตรงข้างๆมุมห้องเธอได้อ่านเจอในหลังสือที่บ้านว่า เวลาเทียงคืนกว่าๆนั้น วิญาณจะแข็งกล้า เราสามารถมองเห็นวิญาณตนนั้นได้โดยการยืนที่หน้ากระจก บางที่เราอาจจะเห็นภาพล่างๆของวิญาณตนนั้นด้วยก็ได้        เฟื่องพิมาน.   เธอเอ่ยเรียก  เฟื่องพิมาน  เธอเอ่ยเรียกเป็นครั้งที่สองหลังจากที่เวลาผ่านไปประมาณ หนึ่งนาที   เธอเรียกฉัน..  เสียงที่มากับสายลมนั้นดังขึ้นจะเป็นอะไรนั้นเราก็ยังไม่รู้   วิไลย์วัลย์คิดว่าวันนี้เธอมุ่งมั่นอยางมากที่จะถามความเป็ฯจึงของตัว เฟื่องพิมานให้ได้ดีที่สุดเธอได้เริ่มคำถามคำแรกว่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!				
16 กันยายน 2545 16:06 น.

เพรงเงา ( ตอนที่ 3 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา
    ( ตอนที่ 3 )
การไปเข้าค่ายครั้งนี้แบ่งออกเป็นห้องๆละ 2-3 คนดังนั้นวิไลย์วัลย์กับลลิตตาจึงมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมากอีกคนเธอชื่อว่า  อารียา  เธอเป็นคนกล้าทำกล้าแสดงออก เธอเรียนค่อนข้างเก่ง อารียานี่เป็นคนพูดน้อยแต่ท่าทางมั่งคง รอบคอบ ดังนั้นตอนนี้เธอได้รู้จักกับ วิไลย์วัลย์ และ ลลิตตาแล้ว เข้าค่ายครั้งนี้มีกำหนดเวลา สี่สัปดาห์ ซึ่ง วิไลย์วัลย์ ลลิตตา และ เพื่อนใหม่ อารียา ก็อยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมด้วยกันจนตกกลางคือวันหนึ่ง ณีรดากลับพวก ก็แอบไปที่บ้านพักของ  วัลย์ ตา และ ยา ทำลายของของขีดเขียนรูปภาพไว้ตามฝาผนัง เทนมราดพื้น เทกาวลงบนเก้าอี้และโต๊ะ เช้าขึ้นมา ทุกคนต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพของห้องไม่ได้อยู่ในสภาพเดิมเสียแล้ว ทั่งสามต้องทำความสะอาดกันเกือบทั้งวัน เธอสามคนจึงอดที่จะทำกิจกรรมสำคัญในวันนี้ ซึ่งเป็นที่พอใจอย่างมากของ ณีรดา
                             ณีรดา.. ทำ   วิไลย์วัลย์ได้ยินเสียงนี้ขณะทำความสะอาดห้อง  นี่ตา รู้ได้ไงว่า ณีรดาเป็นคนแกล้งพวกเรา  วิไลย์วัลย์ถามขึ้น  เธอว่าอะไรนะ ฉันยังไม่ได้พูดไรซักคำเลย  ลลิตตาตอบกลับมาด้วยสีหน้า งง              งั้นก็เธอละสิ ยา  วิไลย์วัลย์ถามต่อไปอีก  อะไรฉันกำลัง จะเดินออกไปล้างเก้าอี้  อารียา ตอบด้วยความงงเช่นเดี่ยวกับ ลลิตตา   วัลย์ แล้วเธอรู้ได้ไงว่าเป็น  ณีรดาทำ  อารียาถามขึ้นลอยๆ  ก็ไม่รู้ใครนะสิ พูดกับฉัน  เธอตอบ    ทุกคนเงียบกันไปซักพักนึ่ง ทันใดนั้น เสียงตีฆ้องโรงเรียนเรียกทานข้าวของโรงเรียนก็ดังขึ้นทำให้ทั้งสามคนหยุดมือ แล้วเดินไปรับประทานอาหารที่โรงอาหารกับเพื่อน  ณีรดา..เป็นคนแกล้งเธอวัลย์  เสียงนี่ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งทำให้ วิไลย์วัลย์ถึงกลับขนลุก แต่เธอก็เก็บอาการไง แล้วตั้งทำถามให้ใจว่า  เสียงนั้นคือเสียงของ.ใคร!  
                                กลางคืนหลังจากที่เหตุการณ์สงบลง  ลลิตตากับอารียาหลับแล้วเหลือแต่ วิไลย์วัลย์ที่กำลังคิดว่าเสียงที่ตนเองได้ยินนั้นคือเสียงของใคร   เธอไม่ต้องกลัวฉันหรอ ฉันน่ะเป็นแค่วิญาณเร่ร่อน  เสียงลอยมากลับสายลม  วิไลย์วัลย์เริ่มตัวสั่น   ทำไมไม่มีใครเห็นเธอนอกจากฉัน  เธอถามขึ้นเมื่อมีสติกลับคืนมา  เธอน่ะได้สลับวิญาณกับเด็กหญิงผู้มีญาณวิเศษ หรือเรียกว่า ( สัมผัสที่หกไง )   เสียงที่ลอยมาจากลมตอบ ทำตอบนี่ทำให้ วิไลย์วัลย์นั่งไม่กระดุกกระดิกไปคู่หนึ่ง  แล้วเธอเป็นใครล่ะ  เธอถามออกมาเมื่อเธอมีสติกลับคืนมาอีกครั้ง   ฉันชื่อ  เฟื่องพิมาน  ..ฉันเป็นญาณของเด็กหญิงของคนนั้นค่อยปกป้องเธอ  เธอยังกล่าวต่อด้วยเสียงเศร้าสร้อยว่าเพราะเมื่อชาติที่แล้วเธอเคยดูแลฉันอยู่ตลอดเวลาที่ฉันไม่สบาย  วิไลย์วัลย์ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี ว่ามันเรื่องอะไรที่ต้องมาเกี่ยวกับเธอ เป็นเพราะกรรมหรือว่าบุญกันแน่ที่ทำให้เธอต้องมี ญาณพิเศษอันนี้   แล้วถ้าฉันอยากจะเจอคุณอีก..จะต้องทำไง   วิไลย์วัลย์ คุยกับสายลม  เรียกชื่อฉันสิ .เฟื่องพิมานเดี่ยวฉันก็จะมาหา  จากนั้นเธอหายไป ไม่นานนักวัลย์ก็หลับไปด้วยความเหนื่อย นี่คงไม่ใช้ความฝัน เธอคิดในใจ แต่เธอก็คงยังไม่กล้าที่จะเรียกชื่อ  เฟื่องพิมาน อยู่ดี
                                เป็นที่น่าประหลาดใจที่ห้องที่ ณีรดาอยู่นั้นเลอะเทอะไปด้วย เศษเถาวัลย์ เศษกิ่งไม้ เศษใบไม้ และ ฯลฯ อีกมากมาย ณีรดาคิดว่าน่าจะเป็น ฝีมือของ สามคนนั้นแต่เธอก็ไม่มีหลักฐานที่จะกล่าวหาพวกนั้นได้ เธอจึงต้องทำความสะอาดห้องตัวเองหนักกว่าห้องของสามคนนั้น ทว่าเด็กผู้หญิงสามคนนั้นไม่ไดรู้เรื่องอะไรเลย!!!!!!!!!!!!!!				
15 กันยายน 2545 16:59 น.

เพรงเงา ( ตอนที่2 )

กระดาษทรายสีทอง

เพรงเงา
( ตอนที่2 )

กลางคือวันที่ทุกคนหลับกันหมดแล้ว วิไลย์วัลย์ ก็แอบไปหา ลลิตตาที่กำลังนั่งเหงาหงอยอยู่ข้างหน้าต่าง
 นี้ ลลิตตา  เธอพูดเสียงดังพอที่ลลิตตาจะได้ยิน ลลิตตาหันมาสบตากับ วิไลย์วัลย์ด้วยความหวาดๆ  เธอมาทำอะไรที่นี่  ลลิตตาพูดเสียงขาดๆ   เธอตามฉันไปที่ห้องดีกว่า  ดูเหมือนว่า วิไลย์วัลย์จะรีบร้อน  ไปในทำไม ในเมื่อฉันก็ไม่มีธุระ อะไรกับเธอนี่  เธอพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ  ฉันจะช่วยเธอทำ ภาษาอังกฤษเร็วซิ  วิไลย์วัลย์ไม่รอช้า เร่งเข้าไปดึงตัว ลลิตตาชั่วพริบตาเธอกับลลิตตาก็อยู่ที่ห้องอันหรูหราเสียแล้ว   ตายแล้วนี่ห้องของเธอหรอ ช่างวิเศษอะไรเช่นนี้  เธอทำตาโตพร้อมกับกล่าวขึ้นด้วยความตกใจสุดขีด   ฉันนะอยากมีห้องอย่างคนอื่นเค้า เพราะความที่ฉันมีฐานะร่ำรวย ทำให้คนอื่นเค้ามองฉันเป็นเหมือนตัวประหลาด  วิไลย์วัลย์พูดขึ้นพร้อมกับเสียงที่เศร้าสร้อย
                      จากนั้นไปนานเธอก็เริ่มที่จะนำอุปกรณ์การเรียนส่วนตัวของเธอขึ้นมาจากลิ้นชัก แล้วเธอก็เรียกลลิตตามานั่งใกล้ ประมาณ 3-4 ชั่วโมงงานแปรภาษาอังกฤษของลลิตตาก็เสร็จสมบูรณ์ แล้วทั้งสองคนก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันโดยไม่รู้ตัว ไม่นานเท่าไรนัก วิไลย์วัลย์จึงเข้าใจคำว่า มิตรแท้ได้อย่างลึกซึ่ง เธฮเริ่มพัฒนาตนเองมาเลื่อยๆจนเธอเองก็อาจจะไม่เชื่อในความสามารถของตัวเอง เธอสอบได้เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกล่า เก้าจุดห้าขึ้นไปจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะสอบได้ที่หนึ่งทุกๆครั้ง วิไลย์วัลย์สอนลลิตตาในบางเรื่องที่ลลิตตาไม่เข้าใจเธอจึงสอบได้เลขตัวเดียวเป็นบ้างในบางครั้ง เวลาผ่านไป 3-4 เดือนลลิตตาก็เป็นคล้ายเพื่อนและน้องของเธอโดยปริยาย ทุกๆวันลลิตตาจะมานอนกับวิไลย์วัลย์ ซึ่ง เธอก็ยินดีต้อนรับเสอมๆ ในอีก 2-3 สัปดาห์ต่อมาเธอกับเด็กนักเรียนหญิงทุกคนก็ไปเข้าค่ายกันที่ น้ำตกแห่งหนึ่งเธอได้รู้จักกับ เด็กนักเรียนชาย ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญที่ นักเรียนชายล่วนข้างๆโรงเรียนเธอจะมาเข้าค่ายที่เดียวกับโรงเรียนหญิง   ล่วนของเธอ เธอไม่เคยได้พูดคุยกับเด็กผู้ชายมาก่อน   คุณชื่ออะไร ครับ  เด็กชายคนหนึ่งกล่าวทักขึ้น   วัลย์..วิไลย์วัลย์ ค่ะ  เธอตอบด้วยเสียงสั่นๆ  แล้วคุณละค่ะ..ชื่ออะไร  เธอกล่าวต่อจากคำตอบของเธอ  ผมชื่อ โดม.ปภากรณ์ครับ  เด็กผู้ชายตอบ ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากไม่มากกล่านี่ ลลิตตาก็เดินมาตามว่าได้เวลาเข้านอนแล้วเดี่ยวอาจารย์. จะว่าเอา เค้าคนนั้นได้หยิบบัตรโทรศัพท์ที่นำติดตัวมาด้วยออกไปให้ วิไลย์วัลย์ แล้วก็กล่าวคำลา เช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็ไม่ได้เจอเค้าเสียและ   นี่วัลย์ ..เค้าก็ดูเท่ดีนะ  คำทักทายด้วยเสียงอันคุ้นหู  นี่ตา ..เธออย่าพูดล้อฉันเล่นสิ  วัลย์กล่าวตอบด้วยความเขินนิดๆ  เด็กนักเรียนหญิง3-4 คนที่เป็นคนเลวได้รู้เรื่องเกี่ยวกับที่ วิไลย์วัลย์ได้พูดคุยกับชายโรงเรียนข้างๆที่ตนเองชื้นชอบก็โกรธใหญ่คิดหาวิธีแก้เผ็ดวิไลย์วัลย์
                          ในกลางคืนวันนี่ได้มีปราตี้  ณีรดา กับพวกรวมหัวกับแกล้ง วิไลย์วัลย์โดยการนำอาหารของสุนัขผสมลงไปในอาหารที่ลลิตตากับวิไลย์วัลย์จะรับประทาน แต่โชคที่ วัลย์กับตาเกิดอาการเบื่ออาหารเลยไปนั่งเล่นที่น้ำตกทำให้ ณีรดาโมโหมากที่แผนของตนไม่สำเร็จ   ดังนั้นเธอจึงมีแผนใหม่ที่น่ากลัวยิ่งกว่า ร้อยเท่าพันเท่าคือ..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระดาษทรายสีทอง
Lovings  กระดาษทรายสีทอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระดาษทรายสีทอง