+++ นักกลอน +++

วฤก


๏ เลอคำเลอค่าแล้......................ฤๅความ 
ฉันทลักษณ์ฉันรักษ์ตาม.............แต่งไว้ 
กี่แง่กี่เงื่อนงาม..........................งั้นกี่...........กลอนฤๅ 
ยกอย่างยกยอได้........................เด่นพร้อมภาษา ฯ 
๏ ภาษิตพิสิฐข้อ.........................ความคม 
ใช่พร่ำคำเพ้อลม.......................เล่นลิ้น 
สรรความสื่องามสม...................ศิลปะ 
อักขระฤๅละสิ้น..........................เสื่อมชั้นเชิงบรรณ ฯ 
๏ สรรสรรค์สลักร้อย...................รจนา 
เรขเสกรังสรรค์ภา-.....................ษิตพร้อม 
เพียงเสียงกวีจา-.........................รึกจัด-...........เจนนอ 
นั้นกลั่นคั้นความย้อม..................หยดน้ำหมึกเขียน ฯ 
๏ เพียรประพนธ์ประพฤติต้อง.......ตามกฎ 
ตรงระแบบเลบงบท......................บ่งหั้น 
ให้ประภาษประพันธ์พจน์..............ประพิณก่อน 
กลอนประดิดประดอยนั้น..............นั่นแล้เลอสรรค์ ๚ะ 
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗				
comments powered by Disqus
  • เวทย์

    6 กุมภาพันธ์ 2547 10:30 น. - comment id 212619

    ถือปากกาเก้อค้างระหว่างคิด
    ถูกหรือผิดที่เพียรเฝ้าเขียนฝัน
    แล้วเหลือค่าเพียงคำเพ้อรำพัน
    ไม่สร้างสรรค์พอให้ใครชื่นชม
    
    ขาดแง่มุมแปลกใหม่ให้เขาทึ่ง
    วันนี้จึงทนรับคำทับถม
    ทุกถ้อยคล้ายครวญคร่ำขาดคำคม
    แถมติดตมต่ำชั้นเชิงปัญญา
    
    คงเป็นผลเพราะสักแต่จักเขียน
    ลืมปรับเปลี่ยนปรับปรุงมุ่งคุณค่า
    ยึดกรอบขังผังแคบวางแบบมา
    ไม่ศึกษาลึกซึ้งถึงแก่นแท้
    
    ถูกรูปแบบบังตาเนื้อหาด้อย
    กลอนเลยกร่อยหยาบกระด้างหมดทางแก้
    คนเบื่อหน่ายเบือนหน้าไม่มาแล
    ทำได้แค่เขียนงานไว้อ่านเอง
    
    เก็บปากกาด้ามเก่าเอาไว้ก่อน
    ปรับขั้นตอนฝึกตนเป็นคนเก่ง
    เลิกมุ่งสร้างทักษะการละเลง
    หยุดคร่ำเคร่งสถิติปริมาณ
    
    ทุกบทกลอนต่อไปในชีวิต
    กลั่นความคิดกรองอารมณ์ผสมผสาน
    ให้ทุกคำเป็นคำที่มีวิญญาณ
    แลกกับการประทับใจใครสักคน
    
    มาแจมน่ะ  ฮี่ฮี่
    
    
  • ผีขี้เมา

    6 กุมภาพันธ์ 2547 10:30 น. - comment id 212620

    ชื่นชมขอรับ..
    
  • อัลมิตรา

    6 กุมภาพันธ์ 2547 11:17 น. - comment id 212630

    อาหมอ..เป็นนักกลอนหรือนักโคลง คะ
  • พุด

    6 กุมภาพันธ์ 2547 12:42 น. - comment id 212651

    มนุษย์เรามีพรสวรรค์ไม่เหมือนกัน
    แต่รับรองได้เลยว่าทุกดวงใจที่รักรจนามีพรแสวง
    อย่างน้อยการรักบทกวีและได้มาเขียนจะดีหรือไม่ก็ยังดีกว่าการไปใช้เวลาในสิ่งเลวร้ายอื่น
    พุดพัดชาซึ้งใจซึ้งค่าเห็นค่าและให้พลังใจกำลังใจแด่ทุกดวงใจมากความพยายามของเพื่อนพ้องน้องพี่..ที่จะตัดสินและตีค่ากันตรงปริมาณท่านผู้อ่านย่อมมิได้ เพราะตลาดสำคัญคือตรงไหน..งานพี่นกตะวันงามและมากค่าสาระ
    ยังคงมีค่าเลอค่างามในใจพุด เพราะพี่เค้ายังมีหัวใจสิงห์สิงห์ผู้ทรนงซื่อตรงทำสิ่งที่รักยังรักรจนา
    มงามฝากไว้ มีถอดใจลามิกล่าวว่าผู้ใด..ในนิ่งงันนั้นคือความถ่อมตัว
    เรา..ทุกคนควรคารวะผู้ที่รักในบทกวี
    จะเขียนดีเขียนได้แค่ไหน
    เอาอะไรมาตัดสินความดีของใจมนุษย์กันนักกันหนานะ
    ควรหันหน้ามาให้กำลังใจและวันเวลาจะเพียรสอนใจเขาเองให้แกร่งกล้าฝ่าฟันไปสุ่ดวงดาวแห่งฝัน..ขอเพียงพลังใจใสงามมากเมตตาอย่าใช้อัตตาประหัตประหารกันเองเลย.ค่ะ
    ด้วยรักทุกดวงใจ
  • ......

    6 กุมภาพันธ์ 2547 14:18 น. - comment id 212680

    คนไทยตกการอ่าน
    เพราะเลิกสอนวิชา อ่านเอาเรื่อง กันแล้ว
    เลยเอาเรื่องไม่ได้  ได้แต่หาเรื่องแทน
  • วฤก

    6 กุมภาพันธ์ 2547 14:42 น. - comment id 212692

    มาขอบคุณท่านผู้ชมครับ....
    
    ลุงเวทย์.... 
    
    โคลงชุดนี้จะเกิดไม่ได้ ถ้าวฤกไม่ได้อ่านกลอนของลุงเวทย์
    เมื่ออ่านแล้วก่อให้เกิดแรงผลักดัน ให้อยากเขียนกลอนขึ้นมาบ้าง
    แต่.... ไปไม่ถึงดวงดาว ... วฤกเขียนกลอนแล้วออกทะเล 
    เลยต้องรื้อใหม่ เขียนเป็นโคลงแทน
    
    ผีขี้เมา.....
    
    ขอบคุณมากครับที่ติดตามงานกันมานาน
    ได้อ่านความเห็นแล้ว วฤกอายตัวเองเหลือเกิน
    ที่ไม่ค่อยได้มีเวลาอ่านงานของสหายนักกลอนท่านอื่น ๆ มากนัก
    
    แม้แต่กลอนตัวเอง ยังไม่ค่อยได้กลับมาอ่านเลย แหะ ๆๆๆๆ
    
     อัลมิตรา...
    
    วฤกอยากเป็นนักกลอนกะเค้าบ้างครับ
    แต่ทำไม่ได้สักที ... ตอนนี้เลยเป็นนักโคลง(เคลง)ไปก่อน
    
    แฮ่ม.... ว่าแต่หนูเถอะ ... หมู่นี้เป็นนักฉันท์ไปเสียแล้วฤๅ ?
    
    พุด...
    
    ขอบคุณในความคิดเห็นที่น่าฟัง
    
    แต่ ... 
    
    ขอเล่าความเป็นมาของโคลงของวฤก + กลอนของลุงเวทย์ก่อนที่จะมีใครเข้าใจผิด
    
    เรื่องของเรื่องคือลุงเวทย์ได้เขียนกลอนชุดนี้ขึ้นมาเพื่อแสดงมุมมองว่า
    ท่านเห็นว่ายังมีคนบางคนเขียนกลอนแบบที่สักแต่ว่าจะให้เสร็จ ๆ 
    แต่งานร้อยกรอง เป็นงานที่ผู้เขียนต้องทุ่มเท ค้นหาถ้อยคำมาร้อยเรียงเพื่อเป็นกลอน
    ดังนั้นเมื่อต้องใช้ความพยายามมากมายปานนั้นแล้ว ...
    ทำไมไม่พยายามอีกนิด คือทำให้กลอนของตนมีเนื้อหาสาระสมกับความงดงามของถ้อยคำที่สร้างสรรค์มา ... 
    
    ซึ่งวฤกก็เห็นด้วย
    
    เลยเขียนภาคโคลง มาต่อให้ว่า ... 
    การที่จะเขียนกลอนให้ได้ดี คมคำคมความแล้ว
    การฝึกฝนเป็นปัจจัยที่สำคัญ ไม่มีใครเขียนได้ดีมาแต่เกิด
    ตัวอย่างเช่นถ้อยคำที่ติดหูกันทุกวันนี้ อย่างสุภาษิต 
    ไม่ใช่คำคล้องจองกันธรรมดา แต่มีสาระแง่คิด ... คนถึงจดจำบอกต่อกันได้
    ดังนั้นเราควรมาฝึกเขียนกลอนแบบนั้นบ้าง... แล้ววันหนึ่งเราก็จะทำได้
    
    กลอนของลุงเวทย์ แต่แรกนั้นไม่ได้โพสท์ที่นี่
    ลุงเวทย์ไม่ได้ว่าใครในที่นี้เลยครับ
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานของพี่นกตะวัน
    
    วฤกยังชอบอ่านงานของพี่นกตะวัน 
    ทั้งในภาคร้อยกรอง
    และร้อยแก้ว เกี่ยวกับการดูนก 
    
  • พุด

    6 กุมภาพันธ์ 2547 15:07 น. - comment id 212703

    พุดแสดงทัศนะในสิทธิของการเขียน
    ไม่มีใครที่ไมอยากปรับปรุงและทำงานดีดี
    ต้องให้เวลาและกำลังใจค่ะ
    เรื่องพี่นก..
    ยกมาเพราะว่างานพี่นกคนอ่านน้อย
    แต่เปี่ยมด้วยคุณภาพ..มิใช่ว่าจำนวนผู้อ่านจะพิพากษาค่างานได้นะคะ เลยยกมาแค่นั้น
    ไม่ได้ว่าใคร..ทุกคนมีสิทธิแสดงทัศนะและมุมมองของการเขียน
    ต้องยอมรับความจริงว่า
    ไม่มีใครอยากเขียนไม่ดี
    ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นกับองค์ประกอบอลายอย่าง
    เช่นเวลา..
    และสติปัญญาด้วย.
    พุด..คิดว่าเราได้ทำงานที่รักก็น่าจะปิติใจแล้ว
    มิใช่ว่าจะปฏิเสธการปรับปรุง
    แต่คนเราบางคนชีวิตมิได้จะทำได้ตามหวังไปเสียสิ้น
    พุดขอยุติประเด็นความติดต่างทัศนะไว้เพียงนี้
    เพราะทุกคนต่างก็มีเหตุผล นะคะในชีวิตตัวเอง
    เราเพียงควรฟังเหตุผลคนอื่นๆก่อนชี้แนะและให้รุ้..แค่ว่า..การทำไม่ได้
    มิใช่จะต้องตายเป็น
    เขาอาจจะเก่งในด้านอื่นๆของชีวิต
    ไม่งั้นคงมีกวีซีไรท์ปีละหลาย..ค่ะ
    ขอจบประเด็นและบทความแค่นี้
    เข้าใจแล้วนะคะจบค่ะ
    
    
  • เวทย์(อีกที)

    6 กุมภาพันธ์ 2547 15:12 น. - comment id 212708

    คำว่า  ฝึกฝน  ของหมอหนุ่ย
    ไม่ได้แปลว่าทำอย่างเดิมซ้ำๆโดยไม่คิดจะพัฒนา
    
    แต่เป็นแบบที่หมอหนุ่ยทำ จนเห็นชัดว่ามีพัฒนาการ
    
    จะมีใครเอาไปแปลว่าผมว่าใครอีกมั้ยเนี่ย (เซ็ง)
  • kOrOkOsO

    6 กุมภาพันธ์ 2547 21:26 น. - comment id 212857

    กระทู้แต่ละบทที่ท่านหมอแต่งน่าภาคภูมิใจแทนคนรุ่นหลังๆๆที่อาจจะหาอ่านจากไหนได้ยากน่ะขอรับ...
    
    หนนี้ติดแต่งตอบไว้ก่อน
    
    อิอิอิ..จะแวะมาอ่านอีกน่ะ
  • ภูตะวัน ตะวันรอน

    6 กุมภาพันธ์ 2547 22:10 น. - comment id 212874

    เยี่ยม 2
    
    1.กลอนเยี่ยมค่ะ..ยกนิ้วให้
    2.มาเยี่ยมค่ะ
  • ...

    7 กุมภาพันธ์ 2547 02:58 น. - comment id 212978

    สังคมพัมน์วัฒนธรรมดำรงอยู่
    การรับรู้..เรียนรู้ไม่อยู่นิ่ง
    วิพากษ์แห่งวิพากษ์จากใจจริง
    เสรี..ยิ่งพึงมีในหัวใจ...ค  น
  • ชัยชนะ

    7 กุมภาพันธ์ 2547 06:33 น. - comment id 213007

    คนเราได้อ่านมากรู้เรื่องมาก
    จะมีทั้งเรื่องที่โดนใจ และห่วย โดยเอาตนเองมาเป็นมาตรฐาน
    (ก็ใจของใครของมัน)
    
    ผมคิดว่าทุกคนที่นำกลอนมาลง ต้องคิดว่ากลอนของตนเอง
    ดีที่สุดไพเราะเพราะพริ้งที่สุด
    
    บางคนตั้งใจพยายามแต่ง เป็นอาทิตย์ก็มีถึงนำเอามาลงได้
    
    คนดูหาใช่การชี้วัดว่ากลอนดีจริง
    เช่นผมอาศัยไปตอบเขาไว้เยอะ ๆ 
    ก็ตามมารยาทของคนไทย และความมีน้ำใจดีงาม 
    เขาก็อาจเปิดมาอ่านของผมเป็นการตอบแทน
    (วิธีนี้ดูเหมือนใครนำไปใช้ก็ค่อนข้างได้ผลดี)
    
    ถ้าอ่านแล้วไม่ถูกใจ ก็เขาหูไปนาเอาตาไปไร่ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
    ถ้าอ่านถูกใจ ก็ลงไปโพลสให้กำลังใจกัน
    
    เนื่องการวิจารณ์ก็แล้วแต่ท่านจะคิดว่าเป็น
    คำชี้แนะ  คำตำหนิ คำติเตือน คำต่อว่า
    
    ซึงการแสดงความคิดเห็น ถือว่าเป็นสิ่งมที่ดี
     ยืนยันจากพี่ปีกฟ้า ก็มีมาว่า  (ความเห็นของคุณ)
    
    เราส่องกระจก ดูตยเองอาจดูได้ชัดก็แต่แค่เพียงด้านหน้า
    แต่คนอื่นที่ดูเราสามารถมองได้เห็นหมดตัว
    
    แวะมาเพื่อบอกว่า การให้กำลังใจซึ่งกัน เป็นสิ่งที่ดี มีความสุขมากครับ
  • หมึกมรกต

    7 กุมภาพันธ์ 2547 22:45 น. - comment id 213300

    แวะมาอ่านโคลงของอาจารย์นะครับ 
    
         มโนรถพจน์พิลาศวาดอักษร
         เป็นกานท์กลอนกระฉ่อนบวรศิลป์
         ให้รับรู้สู่ชนได้ยลยิน
         ชูชีวินศิลปะวัฒนธรรม
    
         น้ำร่วงรุ้งโรยราวพราวโปรยเพชร
         ดั่งกลเม็ดสรรเสร็จวิเศษขำ
         เรียบเรียงร้อยถ้อยเลิศบรรเจิดคำ
         งดงามล้ำท่วงทีลีลากลอน
    
         กวีแก้วแพรวฟ้าความสามารถ
         เรืองโอภาสแผ่ผายพรายอักษร
         เรืองรองฤทธิ์วิจิตรถ้อยร้อยเป็นกลอน
         สื่อสะท้อนความเฉิดฉันภูมิปัญญา
    
         อักษรจินต์ศิลปะแก้วแพร้วเพริศนัก
         จะคงรักษ์ยืนยงคงคู่หล้า
         อักษรสมรมณีย์ชุบชีวา
         ปวงประชาชื่นหวานเบิกบานใจ
    
         บรรเลงกลอนอ่อนละมุนสุนทรีย์รส
         เสนาะจรดดินฟ้าสะเทือนไหว
         วิเศษวิศาลลือลั่นพรรณราย
         งามเฉิดฉายยืนอยู่คู่ขวัญกัลป์
    
         วรกวีวิจิตรนิมิตถ้อย
         อันอ่อนช้อยร้อยลงคงค่ามั่น
         รวมความงามความหมายไว้ด้วยกัน
         เลอเลิศสรรพ์กุศลศิลป์กินใจเมือง
    
         แก้วไกวัลปัญญาประเสริฐศรี
         วรรณกวีอักษรงามลามต่อเนื่อง
         อ่อนละลวยพวยพุ่งสู่รุ่งเรือง
         ให้ฟูเฟื่องอมตะอกาลิโก
    
         วรรณศิลป์ประทิ่นใจไทยทุกหน
         ชื่นกมลมนุษย์หมู่พาสุโข
         ร่วมคงรักษ์อักษรศิลป์ให้ภิญโญ
         ในมโนที่ล้ำเลิศให้เพริศพราย
    
         น้อมชีวิตประสิทธิ์วิจิตรศิลป์
         ให้คงอยู่คู่แผ่นดินมิสิ้นหาย
         อนันต์กาลกว่าสิ้นชีวินวาย
         ให้เกรียงไกรประเสริฐเลิศโลกแล
    
         จะร่วมเป็นนักกลอนกับอาจารย์ไปตลอดนะครับ
    
    ว้า ช่วงนี้ยังสอบไม่เสร็จเลยครับ สอบเสร้จก็ต้องสอบรวบยอดต่อ 
    เอ..ว่าจะให้อาจารย์ติว Biochem ให้สักหน่อยจะว่ายังใงครับอาจารย์
    
    ลูกศิษย์
  • ผู้หญิงไร้เงา

    9 กุมภาพันธ์ 2547 18:14 น. - comment id 213986

    แต่งได้ดีมากๆๆๆๆเลยค่ะ ชื่นชมเสมอนะค่ะ แต่แจมไม่เป็นค่ะ
  • ปลายฟ้า

    11 กุมภาพันธ์ 2547 16:05 น. - comment id 214970

    เธอบอกกวีแท้ 
    ใช่แค่หลงเขียนอักษร
    สัจธรรมลึกลับซับซ้อน
    บางทีบทกลอน..ไม่จำเป็น
    
    ได้อ่านโคลงของท่านอาจารย์หมอแล้ว เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน