เมื่อวสันต์

พลายแก้ว เมืองกาญจน์


เมื่อร้อนคลาย กายผ่อน สิ้นอ่อนล้า
แลดูนา ลิบลิ่ว สุดทิวเขา
ซังข้าวกรอบ ยังอยู่ ดูซบเซา
เริ่มย่างเข้า วสันต์ อันชุ่มเย็น
ท้องฟ้าปิด มิดมัว สลัวฝน
ที่เบื้องบน แสงแปลบ แลบให้เห็น
ลมแรงจัด พัดกอง ของกระเด็น
สาดกระเซ็น ฝนปราย เป็นสายมา
ดินที่แยก แตกระแหง เมื่อแล้งก่อน
ค่อยชุ่มอ่อน ดูดี มีคุณค่า
น้ำนองไหล หลากตรง ลงธารา
แล้วยอดหญ้า เขียวแยง แทงจากดิน
หาคันไถ ควายจอบ พร้อมงอบเสียม
เพื่อจะเตรียม พลิกนา หาทรัพย์สิน
นี่แหละแหล่ง ปฐพี ที่ทำกิน
เลี้ยงชีวิน เรามา ครั้งตายาย
ถือหางไถ ไล่ทุย เดินลุยทุ่ง
ตะวันรุ่ง รีบจร ก่อนจะสาย
ดินยังเปียก อุ้มน้ำ ทำสบาย
ขอแรงควาย กายมัน ช่วยกันทำ
พอเหนื่อยนัก พักหลัง นั่งอมยิ้ม
หยิบรูปพิมฯ มามอง จ้องงามขำ
ภาพความหลัง ทั้งหมด ยังจดจำ
ไม่ลืมคำ สัญญา ว่าจะรอ
พลายแก้ว 
				
comments powered by Disqus
  • ไสย

    19 มกราคม 2555 00:35 น. - comment id 1221218

    แต่งดีครับ  ชอบ
  • คนบางบอน

    19 มกราคม 2555 11:30 น. - comment id 1221254

    มาชื่นชมผลงาน ในฐานะคนเมืองกาญจน์เหมือนกัน
    
    จากบ้านเก่า เมืองกาญจน์ มานานแล้ว
    จนหมดแวว สำเนียง เสียงเหน่อเหน่อ
    ทั้งกลิ่น โคลน สาบควาย หาไม่เจอ
    มาหลงเพ้อ อยู่กรุงไกล นานหลายปีฯ
    
    41.gif41.gif41.gif
  • โสวนิจย์

    19 มกราคม 2555 12:00 น. - comment id 1221256

    เพราะมากๆค่ะ ทำให้คิดถึงบ้าน บรรยากาศบ้านทุ่งแบบนี้ ตอนเย็นๆ เล่นกีต้าร์ร้องเพลงด้วย คงมีความสุขใจมากๆเลยนะคะ ขอบคุณค่ะคุณพลายแก้ว ดิฉันสมัครใหม่แล้ว รอรหัสอยู่ เดี๋ยวพบกันนะคะ
  • ผู้หญิงไร้เงา

    19 มกราคม 2555 13:29 น. - comment id 1221276

    พอเห็นรูปแล้วหายเหนื่อยเป็นปิดทิ้งแน่เลย อิอิ
    
    ปล. ชื่นชมในผลงานนะค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน