คะค้อย สอยฝัน อันไกลลิบ ฉวยหยิบ ฉวยโกย โดยหยาดเหงื่อ ก่อร่าง สร้างเหย้า ผลิเถาเครือ แตกเชื้อ เนื้อหน่อ ต่อวงศ์วาน ประดิด-ประดอย ค่อยค่อยย่าง กรุยทาง สางไว้ ให้ลูกหลาน สุขใด ไม่ยุ่ง มุ่งแต่งาน บันดาล สาน,กอบ เพื่อครอบครัว แวดวง ธุรกิจ ขาดมิตรแท้ สุมแต่ ปัญหา น่าปวดหัว ซึมซับ สับสน จนเคยตัว เมีย,ผัว อ่อนใจ ไม่เว้นวัน สี่สิบ กว่าปี ที่เหนื่อยล้า ไขว่คว้า ไม่ถึง ซึ่งฝั่งฝัน แค่พอ กินใช้ ใช่ครบครัน กระนั้น ยังหวัง อยากมั่งมี เก็บหอม รอมริบ สิบเป็นร้อย กินน้อย ใช้น้อย คอยตระหนี่ ลูกหลาน มือเติบ เปิบของดี ซื้อนี่ จ่ายนั่น เร็วทันใด หมายมั่น บั้นปลาย ได้ผ่อนพัก เมียรัก ออกปาก มิอยากใกล้ ต่างคน ต่างเมิน เกินปรับใจ เยื่อใย พ่ายแพ้ แก่อารมณ์ หาเงิน งกงก อกเคร่งเครียด กระเบียด-กระเสียร เพียรสะสม วาระ สุดท้าย ใกล้สิ้นลม นอนซม ไร้ผู้ ห่วงดูแล
11 ธันวาคม 2554 14:25 น. - comment id 1217652
ถ้าทำใจ ปล่อยวางได้ ไม่ยึดติดกับใคร หรือสิ่งใด ถึงเวลาจะไปก็ไปแบบสงบ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทำความดีให้มากๆตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ บุญกุศลไม่ไปไหน ไ้ด้กับเราและลูกหลานค่ะ
11 ธันวาคม 2554 15:05 น. - comment id 1217655
เขียนเรื่อยเปื่อยอีกเหมือนกันครับ พักนี้คิดอะไรไม่ออก สมองตื้อแล้วครับ
11 ธันวาคม 2554 18:57 น. - comment id 1217662
ขอบคุณที่แต่งกลอนดีๆให้ข้อคิดค่ะ ทำให้ดิฉันมองเห็นทางแก้ไข กลอนที่คุณสุนทรวิทย์แต่งนี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกผู้ทุกคน ไม่ได้มีเจตนาขัดแย้งอันใดเลย ต้องขออภัยที่เข้ามาเม้นท์นะคะ
11 ธันวาคม 2554 20:20 น. - comment id 1217671
วาระสุดท้ายแล้วอย่าลืมใช้มาตรา12นะคะจะได้ไม่ยุ่งยาก
11 ธันวาคม 2554 22:07 น. - comment id 1217678
หวังฝากฝีฝากไข้ ให้กับเจ้า ดุจดังเงาเฝ้าร่าง กลับห่างหาย ลืมน้ำข้าวน้ำแกงร่วมแรงกาย เฮือกสุดท้ายตายอนาถ ..ขาดคนแล
12 ธันวาคม 2554 14:30 น. - comment id 1217708
มีแต่มิตรสหายเข้ามาให้ความเห็น ผมปลื้มใจและขอบคุณทุกความเห็นครับ