ดีกันนัก

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

เรื่องคนดีมีเยอะเจอะออกบ่อย
แต่ต้องคอยให้ชี้ว่าดีแน่
เอาคำว่าคนดีมาตีแผ่
เหมือนร่างแหคลุมไว้ใช่คนดี
อ้างคนดีปิดบังอำพลางชั่ว
ในวงล้อมเจ้าสัวยกเต็มที่
ต่างแห่ห้อมเปรอปรนคนอัปรีย์
อ้างว่าเป็นคนดีศรีธงชัย
พอคนดีชี้นกต้องเป็นนก
คนโสโครกชี้เห็นเป็นดีได้
น่าสงสารประชาชนหมู่คนไทย
ต้องสิ้นใจกลางถนนเพราะคนดี
คนดีบอกตายเพราะกระสุนยาง
หน้าเขาบางเหมือนฟุตปาทราชวิถี
สไนท์เปอร์ซุ่มยิงบอกไม่มี
เก้าสิบแปดศพตายฟรีผีมันยิง
ปืนระงมเกรียวกราวดังห่าฝน
อีกสองพันกว่าคนเจ็บงอชิง
เบิกหลายแสนไปแล้วกระสุนจริง
ไม่ได้ยิงเอาไปขายหรือไรกัน
ศพแท๊กซี่คดีแรกศาลชี้ชัด
เจ้าหน้าที่รัฐทำให้ตายอย่างนั้น
คนสั่งการโยนกลองพัลวัล
กรรมสร้างไว้ตามทันจะคอยดู
				
comments powered by Disqus
  • พ่อ

    18 กันยายน 2555 09:30 น. - comment id 1245556

    ชายชุดดำ มีจริงๆๆด้วย สงสัยจะชุดดำปลอม
  • บุญพร้อม

    18 กันยายน 2555 07:22 น. - comment id 1245566

    ใครจะเล่น อะไรกันฉันไม่รู้
    ได้แต่ดูเขาไปใจสังเวช
    อยากจะรู้ที่มาของสาเหตุ
    มันอาเพทที่ไหนใครคนทำ
    
    ก็โยนกันไปมาน่าปวดหัว
    เรื่องพันพัวเหมือนมุ่งให้ยุ่งเหยิง
    ที่เป็นหลักนิ่งไว้ คล้ายออมเชิง
    ที่ระเริงก็เร่งเร้า เอาแต่ใจ
  • Kep

    18 กันยายน 2555 08:01 น. - comment id 1245570

    18 September 2555 - 00:00
    ในความเป็นประชาชน ใครจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจกระบวนความกฎหมาย ก็ต้องสรุปว่า"รู้กฎหมาย"คดีการตายของแท็กซี่เสื้อแดง"นายพัน คำกอง"ที่ศาลอาญานัดฟังคำสั่งเมื่อวานนี้(๑๗ กย.๕๕)ก็เช่นกัน หลายคนเข้าใจว่า"เป็นคำพิพากษา"โดยศาลระบุว่าทหารร่วมกันยิง ตามคำสั่ง"กระชับพื้นที่"ของอดีตนายกฯอภิสิทธิ์และรองฯสุเทพ ในเหตุการณ์เผาบ้าน-เผาเมือง เมื่อปี ๒๕๕๓ และ"อภิสิทธิ์-สุเทพ"จะต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘
    ฟังสรุปๆจากข่าว ฟังสรุปๆจากปากนายธาริต เพ็งดิษฐ ฟังสรุปๆจากกิ่งทอง-ใบหยก"เหวง-ธิดา" ผมคิดว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ซึ่งไม่ค่อยเข้าใจถึงความสลับซับซ้อนของระเบียบและขั้นตอนกฎหมาย รวมถึงภาษากฎหมาย อาจหลงเข้าใจอย่างนั้นจริงๆว่า
    ศาลตัดสิน"ทหารฆ่าประชาชน"โดยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เป็นคนสั่งในฐานะผอ.ศอฉ.!
    เรื่องของกฎหมาย ในกรณีนี้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง อย่าเพิ่งเอาเหตุการณ์ทั้งหมดสรุปลงแค่นั้น แล้วเที่ยวพูดจาในด้านที่เป็นประโยชน์ฝ่ายตนให้ผู้คนหลงเข้าใจผิดตามๆกันไปเลย ไม่อย่างนั้น เมื่อถึงวันที่ศาลตัดสินจริงๆ ด้วยความเข้าใจผิดกันแต่แรกนั้น ถ้าคำพิพากษาออกมาไม่เป็นอย่างที่ตัวเอง"หลง"เข้าใจแต่แรก ก็จะยกพวกมาตะโกนกันอีกแหละว่า...๒ มาตรฐาน ยุติไม่เป็นธรรม
    ก็ขอทำความเข้าใจให้ตรงกันนะครับว่า นี่ไม่ใช่คำตัดสิน"คดีนายพัน คำกอง"จากศาล เป็นเพียง"ไต่สวนการตาย"ในชั้นสอบสวนของตำรวจเท่านั้น ยังไม่มีโจทก์ ไม่มีจำเลย ไม่มีการฟ้อง ยังไม่มีใครผิด-ใครถูกใดๆทั้งสิ้น 
    เป็นเพียงขั้นตอนนำคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาความให้เป็นไปตามตัวบท-กฎหมายเท่านั้น เพราะในวัน-เวลา และเหตุการณ์ที่นายพันคนเสื้อแดงตายนั้น เป็นการตายใน"สถานการณ์ฉุกเฉิน"ที่ทหารต้องออกมาปฏิบัติตามพรบ.ฉุกเฉิน และทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๗๗ และตามมาตรา ๓ พรบ.รักษาความมั่นคงภายใน 
    การตายใน"ภาวะไม่ปกติ"กฎหมายมีระเบียบ-ขั้นตอนให้ปฏิบัติต่างไปจาก"ตายภาวะปกติ" ฉะนั้น กรณีนายพัน คำตา นี้ ขั้นแรก อัยการต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนการตายก่อน เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่า คนตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อไหร่ สาเหตุอะไร รวมถึงพฤติการณ์ที่ตาย
    นั่นก็คือ ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๐ ก่อน โดยเฉพาะการตายเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ทหาร การชันสูตรพลิกศพ และอะไรต่างๆนานาต้องเคร่งครัดให้เป็นไปตามม.๑๕๐ กำหนด 
    เพราะนี่...พูดกันในภาษาชาวบ้าน คือการ"วิสามัญฆาตกรรม"หรือ"ฆาตกรรมอย่างวิสามัญ"จากพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ถึงแม้กฎหมายระบุ พนักงานเจ้าหน้าที่ทำฆาตกรรมอย่างวิสามัญเป็นไปตามกรอบกำหนด ไม่มีความผิด ไม่ต้องรับโทษทัณฑ์ใดๆก็ตาม
    แต่ในทางคดี ต้องดำเนินการตามมาตรา ๒๘๘ "ฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย"มีโจทก์ มีจำเลย ถูกฟ้องร้องต่อศาล แล้วศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยและตัดสินเองว่า ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ทำฆาตกรรมอย่างวิสามัญนั้น เข้าเข้าเกณฑ์ ไม่ต้องรับโทษหรือไม่
    พอเข้าใจลางๆกันบ้างไหมครับ เหมือนตำรวจทำวิสามัญฆาตกรรมโจรนั่นแหละ และเมื่อวาน ศาลได้ไต่สวนการตายของนายพัน คำกอง แล้ว ก็มีคำสั่งว่า
    "ผู้ตายชื่อนายพัน คำกอง ตายที่หน้าที่สำนักงานขายคอนโดมีเนียมชื่อไอดีโอคอนโด ถนนราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง เหตุและพฤติการณ์ที่ตายเกิดจากการถูกลูกกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 มม.) จากอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงคราม ที่เจ้าพนักงานทหารร่วมกันยิงไปที่รถยนต์ตู้หมายเลขทะเบียน ฮค-8561 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายสมร ไหมทอง เป็นผู้ขับ แล้วลูกกระสุนปืนไปถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ในขณะเจ้าพนักงานทหารกำลังปฎิบัติหน้าที่รักษาความสงบปิดล้อมพื้นที่ควบคุมตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)"
    นั่นแหละ ที่ใครต่อใคร รวมทั้งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลือกหยิบเฉพาะประเด็นที่ศาลบอกว่า"ตายเพราะทหารยิง"ไปพูดจาแตกดอก-ออกช่อ โดยเว้นประโยคที่ศาลระบุถึงการถูกยิงตายว่า"ในขณะเจ้าพนักงานทหารกำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบ ปิดล้อมพื้นที่ตามคำสั่งของศอฉ."
    แต่เฉไฉตีขลุมไปเป็นคนละเรื่องเดียวกันเลยว่า...มั้ยล่ะ ไม่มีชุดดำที่ไหนมายิง-มาฆ่าประชาชนซักหน่อย มีแต่ทหารฆ่าประชาชน
    นายธาริตล้ำหน้าไปไกลถึงขั้นต่อแแขน-ต่อขาให้เสร็จสรรพว่า นายอภิสิทธิ์-สุทเพ ต้องตกเป็นผู้ต้องหา เป็นจำเลยในคดีฐานสั่งทหารฆ่าไปโน่น!
    ครับ...ถ้าต้องการพูดตามกฎหมาย ก็ควรพูดให้หมดเปลือก ไม่ควรลีลาการเมืองแบบอมเนื้อ-อมเปลือก ให้คนฟังจินตนาการเอง พูดแค่ครึ่งเดียวที่ อภิสิทธิ์-สุเทพ ต้องตกเป็นผู้ต้องหา แต่ไม่พูดอีกครึ่ง ในส่วนที่กฎหมายคุ้มครองการกระทำของนายอภิสิทธิ์-สุเทพ และทหาร
    ตรงกันข้าม ศาลสั่ง"ไม่คุ้มครองการชุมนุม"ของพวกนปช.ด้วยซ้ำ!
    เอ...นายธาริตน่าจะรู้ดีนี่นา เห็นตอนนั้นก็ร่วมอยู่ใน ศอฉ.เคยออกมาตอกหน้าแงพวกเสื้อแดงปั๋ง..หงาย..ปั๋ง..หงาย แต่พอสมสู่กับอำนาจใหม่ ไหงธาริตกลายเป็น"ชายผู้ไร้เดียงสา"ไปซะล่ะ?
    ถ้าจำไม่ได้ ผมช่วยรื้อความจำให้ก็ได้ หลังฆ่าทหารที่สี่แยกคอกวัว นปช.คึกขยายแนวป่วนเมือง ครั้นทหารจะเข้าไปสลายการชุมนุม ๒๒ เมย.๕๓ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็เป็นโจทก์ไปยื่นคำฟ้องต่อศาลแพ่ง ขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามนายอภิสิทธิ์สั่งทหารเข้าสลายการชุมนุมอย่างเด็ดขาด
    แล้วศาลแพ่งท่านมีคำสั่งว่าอย่างไร ถ้าธาริตลืม ผมก็จะนำมาให้ท่านอ่านฟื้นความจำว่า การทำหน้าที่ของรัฐบาล-ทหารตอนนั้น ศาลท่านคุ้มครองผู้ทำหน้าที่รักษาบ้านเมือง หรือว่าคุ้มครองผู้ทำลายบ้าน-ทำลายเมืองกันแน่?
    คดีหมายเลขดำที่ 1433/2553
    ศาลแพ่ง วันที่ 22 เมษายน 2553 ระหว่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ โจทก์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน เป็นจำเลย 
    พิเคราะห์คำฟ้องประกอบข้อเท็จจริงที่ได้ความจากการไต่สวนในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นหนึ่งในแกนนำผู้เรียกร้องประชาธิปไตย ในนามของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งได้ชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถนนราชดำเนินกลาง และถนนราชดำเนินนอก เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรี (จำเลยที่ 1) ยุบสภา ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2553 เป็นต้นมา 
    ต่อมาวันที่ 3 เม.ย. โจทก์และผู้ร่วมชุมนุมบางส่วนได้เคลื่อนย้ายไปชุมนุมในบริเวณสี่แยกราชประสงค์อีกแห่งหนึ่ง ครั้นวันที่ 7 เม.ย. จำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ จำเลยที่ 1 ยังมีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่พิเศษ 1/2553 จัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี (จำเลยที่ 2) เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน กับมีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่พิเศษ 2/2553 ตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบ พนักงานเจ้าหน้าที่และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง 
    ก่อนเกิดเหตุจำเลยทั้งสองได้ประกาศให้โจทก์ และนปช. ออกจากพื้นที่การชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ต่อมาวันที่ 10 เม.ย.จำเลยทั้งสองร่วมกันออกคำสั่งให้ทหารจำนวนมากเข้าไปในบริเวณพื้นที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และพื้นที่ต่อเนื่อง โดยประกาศว่าเพื่อเป็นการขอพื้นที่คืนจากผู้ชุมนุม ในวันเดียวกันนั้น เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกำลังฝ่ายทหารกับประชาชนผู้ชุมนุม โดยกำลังฝ่ายทหารใช้ปืนยิงกระสุนยาง ระเบิดก๊าซน้ำตา ฯลฯ 
    ในที่สุด ปรากฏว่ามีประชาชนและทหารเสียชีวิต จำนวน 25 คน และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก 
    กรณีมีเหตุที่จะออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคำขอของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์และผู้ร่วมชุมนุม ไปชุมนุมในที่สาธารณะบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ถนนราชดำริถึงแยกศาลาแดง และถนนพระรามที่ 1 ถึงห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน อันเป็นการปิดกั้นกีดขวางการใช้เส้นทางคมนาคม และการใช้ยานพาหนะของประชาชนโดยทั่วไป ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่สำคัญ เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตปกติสุขของประชาชน เป็นการจำกัดเสรีภาพในการเดินทาง และสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จึงมีเหตุจำเป็นที่จำเลยทั้งสองต้องใช้มาตรการขอพื้นที่คืน หรือที่โจทก์เรียกว่าเป็นการสลายการชุมนุมได้ ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมกลับสู่สภาวะปกติ และเกิดความสงบเรียบร้อยของประชาชน 
    ดังนั้น ที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสองใช้กำลังทหารเข้าไปสลายการชุมนุมโดยเด็ดขาด จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งตามคำขอข้อนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการดังกล่าวเป็นเหตุให้มีทหาร และประชาชนเสียชีวิต 25 คน และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก แม้ขณะนี้ ยังไม่อาจทราบได้ว่าเป็นผลจากการกระทำของฝ่ายใด แต่การที่มีทหารและประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ประกอบกับปัจจุบันนี้ ยังปรากฏว่ามีการชุมนุมของนปช. อยู่อย่างต่อเนื่องในพื้นที่ดังกล่าว และน่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสองอาจออกคำสั่งใดๆ เพื่อดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ในการชุมนุม ย่อมมีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในส่วนนี้แก่โจทก์ได้ 
    จึงมีคำสั่งว่า หากจำเลยทั้งสองจะกระทำการใดๆ ในการขอพื้นที่คืนหรือสลายการชุมนุมของผู้ร่วมชุมนุม ให้ดำเนินการเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความเหมาะสม มีลำดับขั้นตอนตามหลักสากล ทั้งนี้ จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก 
    นางวิไลลักษณ์ อินทุภูติ 
    นางอรนิตย์ พฤกษฎาจันทร์
    ฉะนั้น เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง คำสั่งศาลครั้งนี้ ไม่ใช่ธงเพื่อ DSI จะได้ทำคดีที่เหลือไปในแนวทาง ไม่มีชายชุดดำในฝูงนปช.ฆ่าใคร มีแต่ทหารฆ่าประชาชนอย่างเดียว อย่างที่นายธาริตเอ่ยประมาณนั้น ความจริง การให้ศาลไต่สวนความตาย เป็นขั้นตอนของคดี"ฆาตกรรมอย่างวิสามัญ"ธรรมดาๆเท่านั้นเอง
    ขั้นตอนต่อไป ศาลจะส่งสำนวนคืนอัยการ อัยการก็จะส่งต่อให้ตำรวจท้องที่เกิดเหตุรวบรวมหลักฐาน ทำสำนวนคดี"วิสามัญฆาตกรรม"นั่นแหละส่งให้อัยการ เพื่อการอัยการส่งฟ้องต่อศาลเพื่อตัดสิน ไม่เพียงคดีนายพัน คำตาเท่านั้น สิ่งที่ควรปฏิบัติแต่แรกด้วยซ้ำไปก็คือ
    ตำรวจท้องที่แต่ละแห่งที่เกิดเหตุ ควรทำสำนวนคดีวิสามัญฆาตกรรมไปตามปกติ ไม่ควรที่ DSI ปั้นจิ้ม-ปั้นเจ๋อ อยากเป็นเปาบุ่นจิ้นหน้าแดง สุดท้าย การป่วนเมืองต้องตายเพราะทหารทำหน้าที่ คดีเช่นนี้ ก็ต้องส่งคืนตำรวจท้องที่ทำคดีตามมาตรา ๑๕๐ อยู่ดี
    ความไม่รู้ ไม่เข้าใจขั้นตอนกฎหมาย ๑ รู้และเข้าใจ แต่เลือกหยิบเฉพาะประเด็นไปพูดเพื่อหวังผลบางอย่าง ๑ สุดท้ายแล้ว พวกเสื้อแดงก็จะเลือกหยิบเฉพาะคำว่า"ทหารยิง"ไปตีฟอง โดยไม่พูดให้จบความว่า เพราะไปทำอะไร...ทหารจึงยิง ?
    และอยู่ในสถานการณ์ที่รัฐบาล-ทหารต้องทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ทั้งขณะนั้น มีการประกาศใช้กฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉิน การฆ่าผู้ก่อจลาจลเผาบ้าน-เผาเมือง ตามขั้นตอนตามหลักสากล..ผิดหรือ?
  • Kep

    18 กันยายน 2555 08:06 น. - comment id 1245571

    ธาริต ดีเอสไอ .. กับ อาการระริกระรี้ ในคำสั่งศาลต่อ การเสียชีวิตของ พัน คำกอง แท็กซี่แดง ที่โดนกระสุนอาวุธสงครามของเจ้าหน้าที่รัฐ ตาย ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ กระชับวงล้อม ม็อบไพร่แดงเผาบ้านเผาเมือง เมื่อ ปี 2553 ..
     
    อาการ..ตื่นเ
    ต้น ตูมตาม ทั้งก่อนหน้า และ ภายหลังศาล มีคำสั่งในคดีนี้ ของ ธาริต ดีเอสไอ นั้น ..ต้องวิพากษ์วิจารณ์ กันตรงไปตรงมาว่า มันทุเรศ มันเกินขอบเขต และ มันมากเกินไป โดยเฉพาะกับการ ..ตั้งธง จะเอา คำสั่งศาลในคดี พัน คำกอง นี้ เป็น บรรทัดฐานใน การดำเนินการ ทำสำนวน คดีฆาตกรรมอื่นๆให้เสร็จสิ้น .. เพื่อจะโยนความผิดไปให้กับ อภิสิทธิ์ และ สุเทพ !!..
     
    ซึ่งไปเข้าข้อสันนิษฐานของฝ่ายตรงข้ามทักษิณหมด ในเรื่องที่เขาสงสัยกันว่า ดีเอสไอ กำลังจะหาเรื่อง บีบให้ อภิสิทธิ์ และ สุเทพ ยอมรับ พ.ร.บ. ปรองดอง ของ ทักษิณ ใช่หรือไม่ ??.. ดังนั้น ดีเอสไอ ต้องระวังให้ดีๆ โดยเฉพาะ ธาริต กับ บทสัมภาษณ์ เอาใจเสื้อแดงเนี่ย พูดอะไรออกมา มันเป็น พยานหลักฐานมัดปาก ธาริต ทั้งนั้น ..
     
    ดังนั้น ธาริต อย่าไปมั่นใจอะไรส่งเดช และ พล่ามสรุปอะไรเรื่อยเปื่อย ตามความคิดของตน เพราะ ธาริต ก็แค่ ข้าราชการ ..หากทำงานเกินหน้าที่ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็มีสิทธิ์ ... ติดคุก !!..
     
    ธาริต ดีเอสไอ งานนี้บอกว่า ทหารที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการนั้นไม่ผิด แต่คนผิด คือ คนสั่งการ นี่คือ การตั้งธงของ ดีเอสไอ ซึ่งไม่ใช่ ผู้พิพากษาศาล แต่ดัน ตั้งธง ชี้นำสังคมให้คิดไปในทางนี้ ซึ่งถือว่า ..ธาริต ดีเอสไอ ทำงานเกินขอบเขตหน้าที่ของ ดีเอสไอ ที่เป็นแค่พนักงานสอบสวนในคดีนี้ ที่ต้องทำคดี ร่วมกับ ตำรวจ และ อัยการ แต่ตอนนี้ ตำรวจ และ อัยการ ไม่มีใครแสดงความคิดเห็น ชี้นำสังคมอะไรออกมา มีแต่ ..ธาริต ดีเอสไอคนเดียว ที่ไม่รู้ โดนหมาตัวไหนเจาะปากมา ถึงเที่ยวให้สัมภาษณ์ ข่าว มั่วไปหมด ..ทั้งก่อนหน้า และ ภายหลังศาลมีคำสั่ง ในคดี พัน คำกอง ..แค่เบื้องต้น !!..
     
    คดีนี้ เป็นคดีแรกของ คดีฆาตกรรม อีกหลายสิบคดี ในเหตุการณ์นองเลือด ม็อบไพร่แดงเผาบ้านเผาเมือง !!..
     
    คดีฆาตกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น มันมีทั้งคดี ทหารตาย คนเสื้อแดงตาย ที่ ดีเอสไอ ต้องคลี่คลายให้ได้เหมือนๆกัน แต่ไม่ใช่ว่า จะสรุปสาเหตุการตาย ด้วยการใช้ คำสั่งศาลนี้ เป็นบรรทัดฐาน เหมือนอย่างที่ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พยายามจะแหกปากให้สัมภาษณ์ เพื่อสร้างกระแสข่าว บิดเบือนข้อเท็จจริง ..
     
    อย่าเพิ่งไปวาดฝัน ฟันธง ชี้เป้า ... ให้พวกคนเสื้อแดงเกิดอารมณ์คลั่ง และ ตามราวี อภิสิทธิ์ กับ สุเทพ ในฐานะเป็นจำเลยของสังคม เพราะปมปัญหาเงื่อนงำฆาตกรรมในคดีต่างๆนั้น มันไม่ใช่ มีแค่ คดี นายพัน คำกอง เพราะคดีการเสียชีวิตอื่นๆ ที่น่าสงสัย ทั้ง คดีการเสียชีวิตของ พลเอกร่มเกล้า การเสียชีวิตของ เสธแดง การเสียชีวิตของ 6 ศพ วัดปทุมฯ หรือ การเสียชีวิตของ ใครต่อใครอีกมากมายหลายศพ ที่ตายไปในเหตุการณ์..
     
    ดีเอสไอ ..ต้องสรุปผลการสอบสวนออกมา และ คลี่คลายคดีต่างๆออกมา ..ให้หมดทุกคดี ไม่ใช่เลือกทำก่อนแค่คดีใดคดีหนึ่ง เพื่อจะได้เอามาตีปิ๊บ สร้างกระแสข่าว สร้างกระแสสังคม เพื่อโยนความผิด หรือ ผลักใครให้ตกเป็นจำเลยของสังคมตามกระแสข่าวที่ออกมา เพราะนั้นมันไม่ใช่..ตอนจบของเรื่อง เรื่องนี้มันยังมีต่อ..อีกยาว !!..
     
    ไม่ใช่ ..แค่หวังเกมจิตวิทยาไซโคป่วนใคร เพียงแค่ ศาลมีคำสั่งว่า นายพัน คำกอง ตายเพราะกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่รัฐ ธาริต ดีเอสไอ ก็เอามาร้องแรกแหกกระเชอ พูดไปไกลถึงขั้นสรุปว่า เป็นความผิดของ คนสั่งการ เท่านั้น คนปฏิบัติการไม่ผิด เพื่อลดขั้นตอน ..ตามหา เจ้าหน้าที่รัฐ คนที่ยิง นายพัน คำกอง แท็กซี่แดง !!..
     
    ดังนั้น .. นี่แค่เพียง ก้าวแรกๆ ของ คดีนี้ ที่เป็นคดีแรก ..แต่ดีเอสไอ โดย ธาริต เพ็งดิษฐ์ ตีปิ๊บซะดังลั่น ..มันไร้สาระ !!..
     
    คดีอื่นๆที่หนักหนาสาหัสกว่าคดีนี้ยังมี ดีเอสไอ และ ธาริต อย่าทำ..เอาหูไปนาเอาตาไร่ เดี๋ยวจะซวยตอนจบ !!..
     
    เตือนอีกครั้งว่า คดีนี้ ธาริต ดีเอสไอ ต้องตระหนักว่าตัวเองเป็นข้าราชการ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม ระวังจะโดนข้อหา ..ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะ คดีของ พลเอกร่มเกล้า และ ทหาร ที่เสียชีวิตไปเพราะผู้ชุมนุม ที่ดีเอสไอเคยสรุปออกมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ ดีเอสไอ อย่าดันไปเป่าให้คดีนี้หายไป แบบจงใจมั่วๆ โดยไม่ยอมดำเนินคดีสอบสวน หาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ไม่งั้นเรื่องนี้มันจะยาว แล้ว ธาริต จะไม่ได้แค่ซวย แต่อาจจะถูกหวยของทหารเข้าให้ !!!..
     
    ดีเอสไอ .. มีหน้าที่ทำคดีนี้ ก็ต้องทำด้วยใจเป็นกลาง อย่าเลือกข้างเด็ดขาด ไม่งั้น ..จะซวยตอนจบ !!..
     
    โดยเฉพาะ .. การมานั่งฟันธง ในกระบวนการก่อนศาลว่า .. ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งไม่ผิด แต่คนผิด คือ อภิสิทธิ์ กับ สุเทพ ที่เป็นคนออกคำสั่งเนี่ย มันจะไม่สรุปแบบกำปั่นทุบดิน แบบทุเรศ หรือ แบบตั้งธงอคติเกินไปหน่อยเหรอ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ?? ..
     
    ธาริต..ต้องระวังในการทำสำนวนคดีฆาตกรรมทั้งหมดทุกคดีความ ในม็อบเผาบ้านเผาเมืองของพวกไพร่แดงให้ดีๆ เพราะว่าหาก ธาริต ไปสรุปว่า คนปฏิบัติการไม่ผิด คนสั่งการผิด ทั้งๆที่เขาปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบกฎหมาย ระวัง ธาริต จะลาก คุณพ่อทักษิณ ของ ธาริต ซวยไปด้วย .. ในคดี กรือเซะ ตากใบ หรือ คดีฆ่าตัดตอนอื่นๆ !!..
     
    อย่าเอาอคติเป็นบรรทัดฐาน อย่าเอาสันดานขี้ข้ามาเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ !!!.. 
    
    นี่คือ สิ่งที่ เจ้าพนักงานสอบสวน ทั้ง อัยการ ดีเอสไอ และ ตำรวจ รวมถึง ธาริตด้วย.. ต้องนำมาใส่ใจไว้ให้มากๆ นี่แค่ เริ่มต้น ทางตันของ ดีเอสไอ ในการเดินหน้าดันทุรังไปในคดีฆาตกรรมต่างๆพวกนี้นั้น มันยังรออยู่เบื้องหน้า ในการ สรุปสำนวนคดี ดีเอสไอ ต้องระมัดระวังให้ดีๆ ระวัง ดีเอสไอ จะกลายเป็น แพะรับบาป ของ ทักษิณ และ คนเสื้อแดง ขึ้นมา เมื่อเข้าตาจน หรือ จำนนต่อหลักฐานของฝ่ายตรงข้ามที่รอสวนกลับอยู่ !!..
     
    คดี พัน คำกอง มันยังมีอีกหลายยก ..หากศาลมีคำสั่งออกมาแล้วว่า ตายเพราะอาวุธปืนเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ก็มีหน้าที่ที่จะหาตัว คนยิง มาสอบสวน ดำเนินคดี ที่มันจะต้องต่อเนื่องไปด้วยว่า ยิงเพราะอะไร ? ยิงจริงหรือไม่ ? ในเหตุการณ์ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ? คนตายตายในพื้นที่ควบคุมของเจ้าหน้าที่ หรือ เจ้าหน้าที่ออกไปไล่ยิงเหมือนหมูเหมือนหมา ตามที่พวกเสื้อแดงมันครหามา มันยังเป็นหนังม้วนยาว ที่ฉายกันอีกนานหลายปี เพราะหากฉายคดีนี้จบ ก็ต้องฉายคดีอื่นๆให้จบด้วย ..
     
    ที่สำคัญ .. อภิสิทธิ์ กับ สุเทพ เขาพร้อมจะยอมรับคำตัดสินชี้ขาดในบั้นปลายอยู่แล้ว เขาพร้อมแลกด้วยการ ยอมติดคุก ..โดยไม่สนับสนุน พ.ร.บ.ปรองดอง อะไรของทักษิณ ทั้งนั้น ดังนั้น .. ต่อให้เขาต้องขึ้นศาลสู้คดีอย่างไร เขาก็ต้องไปต่อในเส้นทางนั้น ไม่ถอยหลังกลับมา ยอมรับข้อเสนอของ ทักษิณ แน่นอน ..
     
    จริงๆเรื่อง คดีความต่างๆ ที่มันเป็นคดีฆาตกรรม ซ่อนเงื่อนต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นในเหตุการณ์ม็อบไพร่แดงเผาบ้านเผาเมืองนั้น มันมีเรื่องของการเข้ามาของพวกมือที่สาม ที่เป็น พวกชายชุดดำ และ กองกำลังติดอาวุธ ซึ่งทหารเขารับรู้ได้ และ เห็นได้ด้วยตัวพวกเขาเอง เพราะเขาปะทะกับคนพวกนี้ หาก ธาริต เพ็งดิษฐ์ ไปออกอาการ เหวง เหวง ตามหมอเหวง ผัวธิดาแดง ที่กำลังเอาคดี พัน คำกอง นี้ไป ร้องแหกปากต่อว่า ไม่มีชายชุดดำนั้น ..ระวังมันจะเป็นเงื่อนไขไปเข้าทางตีนทหาร จนเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา ..เดี๋ยวจะหาว่า..ไม่เตือนกัน !!..
     
    คดีฆาตกรรมต่างๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ ยุ่งยากเกินมือของ ดีเอสไอ ที่จะทำออกมาในลักษณะ มาตรฐานเดียวกัน..ให้จำไว้ว่า ..ดีเอสไอ ทำคดีนี้อย่างไร ? กระตือรือร้นทำคดีนี้มากแค่ไหน ? คดีการเสียชีวิตของ ทหาร และ เจ้าหน้าที่ ..ในเหตุการณ์เดียวกันนี้ ดีเอสไอก็ควรจะกระตือรือร้นทำเหมือนๆกันด้วย ..
     
    ไม่งั้น มันจะกลายเป็น ข้อครหาเรื่อง 2 มาตรฐาน เดี๋ยวฝ่ายทหารเขาวีนแตกมา ..
     
    มันจะยุ่ง และ ฉิบหายหนักไปถึงอายุขัยของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ..
     
    ที่มันอาจจะทำให้ ธาริต สำลัก ..ความมั่นใจสุดชีวิตของตัวเอง ..
  • ake-aun@hotmail.com

    18 กันยายน 2555 11:15 น. - comment id 1245598

    10.gif49.gif
  • แก้วประเสริฐ

    18 กันยายน 2555 15:02 น. - comment id 1245640

    36.gif16.gif36.gif
    
        วิถีชีวิตหนทางกลางสิ่งเศร้า
    ร้างมัวเมาหันอยู่ประตูไสว
    สร้างสิ่งหนึ่งตรึงไว้ผ่านในใจ
    สิ่งทั้งหลายคนเศร้าเฝ้าร้างลา
    
              16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ศรีสมภพ

    19 กันยายน 2555 11:36 น. - comment id 1245699

    ยกชาติขึ้นมาตั้ง
    รวมพลังครั้งยิ่งใหญ่
    ข้ามผ่านอันตราย
    ด้วยจิตใจใฝ่ปรองดอง...
    
    
    25.gif24.gif29.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน