หาหน้าใหม่มาค้าน

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

เชาจะให้ชาวนากินหญ้าฟาง
คอยขัดขวางจำนำคำกล่าวหา
ว่ามีการทุจริตผิดมาตรา
ร้องให้ศาลพิจาณาหยุดจำนำ
ศาลเจ้าเก่าคราวก่อนลองย้อนดู
ใครก็รู้แก้รัฐนูญหมุนจนหนำ
จนป่านนี้ไม่เข้าใจเก็บไว้จำ
เขามีสิทธิ์รับมาทำได้ยังไง
มาคราวนี้โยบายรัฐบาล
ดำเนินการกล้าหาญอย่างยิ่งใหญ่
คนทำนาทั่วประเทศต่างดีใจ
ไม่ต้องถูกเจ้าสัวใดเอาเปรียบเรา
คณาจารย์ไม่เคยได้ทำนา
ไม่เคยไถหว่านกล้าหน้าไม่เฉา
มารู้เรื่องชาวนาท่าจะเมา
หรือผีเข้าจึงไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ
คงหวังช่วยพ่อค้าเจ้าโรงสี
ซึ่งก็มีไม่กี่คนบ่นว่าสิ้นสูญ
ศาลยังดีคราวนี้ค่อยค้ำคูณ
ตีเรื่องกลับมาปัดฝุ่นดูให้ดี
พวกนายทุนร่ำรวยมหาศาล
รวยมานานถึงขั้นเป็นเศรษฐี
ค้ากำไรจากข้าวมาทุกปี
มาปีนี้กำไรหด..จึงโกรธนัก
				
comments powered by Disqus
  • พจนา/หนังสือ

    2 ตุลาคม 2555 16:59 น. - comment id 1247339

    ทำอย่างนี้ได้ยังงัย อั๊วขาดทุน(กำไร)ป่นปี้   20.gif
  • บุญพร้อม

    2 ตุลาคม 2555 20:14 น. - comment id 1247373

    เอาหลังคนทำนามานานเนาว์
    ไม่่เคยเอาร่างแลกตากแดดฝน
    มีเงินเป็นร้อยล้านยังบอกจน
    คงคิดขนเผื่อไว้ ให้นายเวร
               ได้หลานอาสาแจมช่วย ค่อยคลายอึดอัดหน่อยครับ
  • ปชช. คอป

    3 ตุลาคม 2555 08:24 น. - comment id 1247396

    3 October 2555 - 00:00
    เออ...ดี ให้มันได้อย่างนี้ซี ถึงจะได้ชื่อว่าถึงยุค "โจราธิปไตย" ครองเมืองจริงๆ นอกจากมี "รัฐบาลเทียม-นายกฯ เทียม-นักวิชาการเทียม-แดงเทียม-ตำรวจเทียม-ทหารเทียม" แล้ว ปรากฏว่าตอนนี้ ไทยเรามี "ชาวนาเทียม" อีกด้วย 
    เมื่อวาน (๒ ต.ค.๕๕) ขนกันไปที่สถาบันนิด้าเป็นขบวนรถบัส ไปยืน ด่า...ด่า...ด่า...อาจารย์อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา แล้วยกโขยงไปกันต่อที่ทำเนียบรัฐบาล 
    ไม่ได้ไปด่า "อีช้างลาก" กับใครคนไหนหรอก! 
    หากแต่ไปมอบกระเช้าให้ "นายกฯ ยิ่งลักษณ์" และบอก...พวกมันจะเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็กให้นายกฯ ในการต่อสู้กับนักวิชาการที่ค้านโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล
    เห็นแล้วก็แขยงกับ "ขยะจัดตั้ง" กับทุกระบบและทุกรูปแบบในยุคนี้ ยิ่งการทำหน้าที่สื่อขององค์กรสื่อส่วนมากในเวลานี้ด้วย ใคร...มาแบบไหน...ด้วยอะไรคือเจตนาในเบื้องหน้า-เบื้องหลัง เขาไม่สนจะพิเคราะห์ เพื่อทางยาว-ทางยั่งยืนของสังคมชาติ 
    สื่อวันนี้บางส่วน มีค่าเท่ากับ "กล้องวงจรปิด" อะไรก็ได้ ไม่ว่าหมู หมา กา ไก่ ขอเพียงเคลื่อนไหวเข้ามาในองศาที่เจ้าของ-นายทุนตั้งไว้ ก็จะจับภาพ เอาไมค์จ่อ แล้วก็เอาไปออกจอกันดิบๆ แบบกลืนโดยไม่เคี้ยว และแค่นั้นก็ถือว่า "จบภารกิจ" สื่อ ในด้านข่าวสารแล้ว!
    ฉะนั้น สังคมข่าวสารทุกวันนี้ อยู่ที่ว่า ใครจะหนังหนา-หน้าด้าน, ตะแบงพูด-ตะแบงทำ ให้เข้าตาสื่อวงจรปิดได้มากกว่า ใครคนนั้น-ฝ่ายนั้น ก็จะเป็นฝ่ายได้ยึดพื้นที่ข่าว ทั้งในหน้ากระดาษ หน้าปัดวิทยุ หน้าจอโทรทัศน์ และดาวเทียม 
    ส่วนจะจริง จะเท็จ จะจัดตั้งสร้างกระแส นักขายข่าวไม่สนที่จะ "ขยี้ข่าว" ให้ชาวบ้านได้เห็นขาวในดำ และดำในขาว เพื่อความเข้าใจที่ตรงต่อสถานการณ์และความเป็นจริง สู้สมคบกันเสนอข่าว "แหกตาชาวบ้าน" ไม่ได้ แบบนั้น ประโยชน์โพดผลจะไหลตามมา
    ขืนเสนอข่าวแบบทำให้ชาวบ้านตาสว่าง การขวางทางหมาเดินแบบนั้น มันก็มีแต่ "อดอยาก-ปากแห้ง" เผลอๆ เจอของแข็งอีกตะหาก! 
    เพราะสื่อกันแบบดิบๆ และฉาบฉวย ด้วยทำธุรกิจในสื่ออย่างนี้ แข่งขันเดินตามหมาด้วยลีลาประชัน "ผู้ประกาศข่าว" ของใครจะสวย จะแต่งตัว แต่งหน้า นำแฟชั่นกว่ากันในการ "อ่านข่าวขาย" ประจำวัน และบอกว่านั่น..คือข่าว
    ดังนั้น ชาวบ้านวันนี้ จึงบริโภคแต่ข่าวประเภทไว แต่ไร้จิตวิเคราะห์รวมทั้งกึ๋นผู้ประกาศในการรับรู้สังคมบ้านเมืองช่วงหัวเลี้ยว-หัวต่อจากข่าว คนหลังฉากเขาเขียนมาให้อ่านอย่างไร ก็นกแก้ว-นกขุนทองไปตามบรรทัด จึงสามารถพูดได้ว่า บ้านเมืองวันนี้ ฟูเฟื่องไปด้วย "ของเทียม" ไม่เว้นกระทั่ง
    "สื่อ"!
    เดี๋ยวนี้สื่อค่ายต่างๆ เขานิยมแตกไลน์ ไปทำวิทยุบ้าง ทำโทรทัศน์บ้าง ทำดาวเทียมบ้าง ทำอีเวนต์ เป็นออร์กาไนเซอร์บ้าง เรียกว่าทำธุรกิจในสื่อ ถามว่า...นั่น ใช่ไหม การจะตอบว่าใช่ หรือไม่ใช่ ต้องดูองค์ประกอบก่อนว่า เขาแตกไลน์เพื่อตอบโจทย์อะไร?
    ตอบโจทย์ธุรกิจในสื่อ ....
    หรือตอบโจทย์สื่อในธุรกิจ?
    ถ้าตอบโจทย์สื่อในธุรกิจ การแตกไลน์ออกไปนั้น ควรต้องเป็นไปเพื่อการสร้างศรัทธา-ความเชื่อในด้านข้อมูลข่าวสารที่แสวงหา-คว้าค้นมาตรงต่อความเป็นจริงให้กับประชาชนอันเป็นผู้บริโภค
    แต่ถ้าตอบโจทย์ธุรกิจในสื่อ นั่นก็...ตามสบาย เพราะผมก็พอเข้าใจ การทำสื่อไม่ว่าวันนี้ หรือวันไหน พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตกในแต่ละวัน นั่นคือการฉีกแบงก์แข่งกับแสงตะวัน อุดมการณ์ หลักการ ใช้ซื้อกระดาษ ซื้อหมึก ซื้อแท่นพิมพ์ และจ่ายเป็นเงินเดือนไม่ได้
    ปรัชญาธุรกิจ กับปรัชญาสื่อ มันเป็น "คนละเรื่องเดียวกัน" ที่เจ็บแสบอยู่ แต่ความเจ็บแสบจากการทำความจริงให้ประจักษ์ตามหน้าที่นั้น ทนเจ็บวันนี้ให้ผ่าน แล้วผลจากศรัทธาและความเชื่อมั่นจากข่าวสารเชื่อถือได้ มันจะเป็นยารักษา 
    ศรัทธาและความเชื่อ ไม่ทำให้รวยก็จริง แต่ก็ไม่ทำให้ใครอดตาย!
    แต่การตะกายนอกเส้นทางถนัดด้วยหวังธุรกิจเป็นที่ตั้ง ตาโตกับส่วนแบ่งจากงบในตลาดโฆษณาสินค้าที่บริษัท-ห้างร้านเขาทุ่มตามสื่อแขนงใหม่ๆ ที่เรียกว่า "มาตามกระแสเทคโนโลยี" เช่นทางดาวเทียม เป็นต้น แล้วก็ลงไปแข่งหวังแบ่งเค้กกับเขา 
    แล้วก็สร้างข่าวให้ตัวเอง ไตรมาสนี้กำไรเท่านั้น ทั้งปีจะกำไรเท่านี้ เรียกว่าทำสื่อ "สนองตอบผลกำไรทางธุรกิจ" แต่ละไตรมาส ให้ผู้ถือหุ้นพอใจ กำไรมากเท่าไหร่ ภูมิใจว่าพบความสำเร็จในหน้าที่สื่อมากเท่านั้น ละทิ้งแก่นแท้แห่งหน้าที่สื่อ คือความซื่อสัตย์เสียสิ้น 
    การสลัดทิ้งความเป็น "สื่อแท้" ในตัวเองเช่นนั้น แล้วไปแสวงหาเงินตรา ลาภยศจากการเป็น "สื่อเทียม" แถมเฝ้าทางให้โจร มันก็จะเป็น "สื่อเสี่ยเลี่ยมทอง" ได้ชั่วครู-ชั่วยาม เท่านั้นหรอก 
    ก็บอกเพื่อนสื่อที่เสพสุขจนมันจุกอก บางคน-บางค่าย "ด้วยอิจฉา" ไว้ตรงนี้ด้วย!
    อ้าว...ผมก็เมายาล็อตสุดท้ายจนได้ เรื่องที่รัฐบาลนำระบบ "สัมปทานผูกขาด" มาใช้กับตลาดข้าว ด้วยนโยบายรับจำนำทุกเมล็ด เกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาท นั้น ความจริงที่ปรากฏขณะนี้ มันไม่ใช่การรับจำนำข้าวจากชาวนา 
    หากแต่มันชัดว่า รัฐบาลทำตัวเป็น "พ่อค้าข้าวผูกขาด" แต่ผู้เดียวในตลาดข้าวไทยทั้งระบบ มีเงินดัมป์ตลาดไม่อั้น เพราะเป็นเงินงบประมาณ ตั้งไว้กว่า ๖ แสนล้าน รับซื้อข้าวสูงกว่าราคาตลาดถึง ๓๐-๔๐% 
    มันเป็นการลงมาค้าแข่ง เป็นการทำลายระบบการค้าเสรี ทำลายระบบธุรกิจและระบบผลิตข้าวของชาวนาให้พินาศยับเยินในอนาคต มันเป็นโครงการหลอกล่อให้ชาวนา "หลงรวย" ในระยะแรก แล้วไปจบที่ "หลงทาง" ในระยะยาว
    หรือ "ทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ" มีแผนกักตุนข้าวไว้เป็นเสบียงกรังของฝ่ายตนเอง รับสถานการณ์สงครามล้างยุคที่ใกล้จะเกิด?
    ผมไม่เคยเป็นเถ้าแก่โรงรับจำนำ เคยแต่เป็นจอมจำนำรายวัน มีกางเกงใหม่ไม่ยอมนุ่ง กลัวเสียราคา ตัดมาตั้ง ๑๒๐ แต่เอาไปจำนำ หลงจู๊ตีราคาให้ ๓๐ บาทขาดตัว บ่อยๆ เข้าเหลือ ๒๕ แถมแทงมาในตั๋วให้ช้ำใจว่า...ชำรุด!
    หลักการเศรษฐศาสตร์การจำนำมีอยู่ชัดว่า การรับจำนำ ไม่มีที่ไหนในโลกจะให้ราคาสูงกว่าหรือแม้เท่าราคาของที่ซื้อหามาจริง กระทั่งทองคำก็เหอะ จากห้างปุ๊บ ๕๐๐ บาท เดินเข้าโรงจำนำปั๊บ ชำรุด..ตีราคา ๓๐๐ ซะแล้ว ถ้าได้มากกว่า แสดงว่าเป็นญาติข้างเมียหลงจู๊แน่ๆ
    นั่นก็คือ ที่รัฐบาล "รับจำนำข้าวทุกเมล็ด" เกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาทนั้น ใช้ฐานไหนของราคาเป็นตัวประเมินตีราคาจำนำ เพราะเป็นราคาที่สูงกว่า "ราคาจริง" ในท้องตลาดตั้ง ๓๐-๔๐% ซึ่งแบบนี้ไม่ใช่การรับจำนำ หากแต่เป็นการที่รัฐบาลลงมาเป็นพ่อค้าทำลายระบบ-ทำลายตลาดข้าว 
    เพื่อการ "ผูกขาดแต่ผู้เดียว" ในระบบเสรี!
    มันเป็นการเอาเงินงบประมาณมาทุ่มเพื่อทำลายตลาด คิดกันง่ายๆ สินค้าในตลาด ปีนี้มีราคาระดับ ๘,๐๐๐-๑๑,๐๐๐ บาท แต่รัฐบาลทุ่มซื้อราคาเดียว ๑๕,๐๐๐ คนมีข้าวขายได้เกวียนละ ๑๕,๐๐๐ บาทจำนวนมากๆ ไม่ใช่ชาวนา
    แต่เป็นพ่อค้า-โรงสี "กลุ่มทุนผูกขาด" นั่นแหละ!
    การรับจำนำ คนจำนำก็หวังไถ่ถอนคืน เพราะของมีราคาสูงกว่าราคาที่จำนำไว้ แต่ข้าวที่รัฐบาลรับจำนำ ใครล่ะ..มันจะมาไถ่ถอนคืน เพราะเอาไปเร่ขายถึงโลกพระอังคารก็ยังไม่ได้เกวียนละ ๑๕,๐๐๐ นั่นก็หมายความว่า 
    จำนำกับรัฐบาลคือการ "ขายขาด" นั่นเอง!
    ข้าวไทยในทัศนคติชาวโลกคู่กับคุณภาพ ที่ตลาดข้าวไทยยืนยงเพราะคำว่า "คุณภาพ" นี่ส่วนหนึ่ง อดีตไทยเรามีแค่ข้าวนาปี กับนาปรังในบางพื้นที่ นั่นหมายถึงข้าวมีช่วงเวลาเติบโตเป็นคุณภาพตามพันธุ์ที่ควบคุมได้
    แต่เมื่อรัฐบาลเอาเงินมาล่อเช่นนี้ เป็นธรรมดาใครๆ ก็อยากได้ ประกอบกับระบบชลประทานเราดีขึ้น ชาวนาจึงแย่งกันปลูกข้าวตลอดทั้งปีในเกือบทุกพื้นที่ ๓ เดือนก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว กลายเป็นข้าวรายไตรมาส แล้วข้าว ๓ เดือนจะมีคุณภาพเท่าข้าวนาปีหรือไม่ และใครล่ะจะควบคุมภาพได้
    นั่นก็หมายความว่า การทำลายตลาดข้าวและระบบการปลูกข้าวด้วยราคารับประกันของรัฐบาลนี้ จะทำให้ไทยมากด้วยปริมาณข้าวที่แย่งกันผลิต แต่ข้าวนั้นน้อยคุณภาพลงเรื่อยๆ
    สุดท้าย "คุณภาพข้าวไทย" ก็จะไม่ต่างกับ "คุณภาพข้าวเวียดนาม" ในขณะเดียวกัน ต้นทุนการผลิต การตลาด และการคอรัปชั่นของไทยสูงกว่าเวียดนาม ก็อยากบอกว่าอนาคตข้าวไทย นอกจากขายได้น้อยกว่าเวียดนามแล้ว มีโอกาสที่จะด้อยกว่าเวียดนาม
    "ทั้งราคาและคุณภาพข้าว"!
    ข้าว เป็นพืชเกษตรที่ปลูกได้ทั่วไป ไม่เฉพาะไทย ซ้ำมีพืชอื่นที่ใช้ทดแทนข้าวได้ นั่นหมายถึง "ตลาดมีทางเลี่ยง-ทางเลือก" ได้มาก ดังนั้น การตั้งราคาไว้สูงแทนที่จะควบคุมต้นทุนการผลิต ด้วยนึกว่า "ข้าวไทยกำหนดราคาข้าวโลกได้" ประกอบกับไม่รักษามาตรฐานคุณภาพข้าวแล้ว ยังกระตุ้นให้เกิดปริมาณที่ปฏิเสธคุณภาพ 
    ด้วยประชานิยมถมแหลกนี้ "ทักษิณคิด-ยิ่งลักษณ์ทำ" จะรวยทั้งชาติ 
    แต่คนไทยจะ "ซวยทั้งชาติ"!
  • ปชช เต็มขั้น

    3 ตุลาคม 2555 12:46 น. - comment id 1247453

    คนที่รับจำนำ  ย่อมเห็นว่ามีกำไร จืงรับจำนำ ไม่แปลก  ที่เห็นไม่มีกำไรก็ไม่ซื้อมันเป็นหลักของการค้าขาย  เรื่องผูกขาด
    ก็เหมือน ห้างกับร้านโชว์ห่วย เป็นตัวอย่าง
    ท่านจะไปห้าง  หรือร้านโชว์ห่วยล่ะ
  • .

    5 ตุลาคม 2555 02:32 น. - comment id 1247877

    จำนำบ้าอะไรไทย(จะจะ)ฉิบหาย
    คนคือควายหรือทาสปราศสมอง
    กานเมืองเอาดีตัวชั่วปกครอง
    ระบบค้าข้าวสยองเลือดนองเมือง
    
    ข่าวว่าธกส.ขาดสภาพคล่องแทบสิ้นจนต้องขอครม.ช่วยด่วน ข้าวรับจำนำไม่มีใครไถ่แน่ ข้าวขายไม่ได้ หรือขายก็ไม่ได้ตามที่เล็งผลเลิ ศ งวดใหม่ให้รับจำนำอีกจะหาเงินไหนไปจ่ายได้  
    ปัญหายังมีอีกมากที่รัฐบาลไม่บอกชาวบ้านชัดๆตรงๆให้ตรวจสอบได้ มีแต่ดร.โกร่งทนไม่ได้ เพราะเหตุลึกๆใดก็ตาม ต้องรีบมาตีปลาหน้าไซว่าหากทำจำนำแบบโง่ดื้อต่อไป รัฐบาลไปไม่รอดแน่ บ้านเมืองฉิบหายทั้งชาติ 
    
    โอ้ชาวนา-ไท..ชาวนา-ใคร
    จะมีสักกี่คนที่บอกความจริงว่าได้ดีกับจำนำปลอมๆอย่างนี้

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน