...ชีวิตฯ ตอน สิบเอ็ด (๑๑) สองฝั่งลำน้ำ

tiki

@ ครานั้น เมื่อคุณยาย ย้ายต่างเมือง 
ก็มีเรื่อง คุณทวดมะเฟือง ท่านดับหาย 
ต่อไม่นาน คุณก๋งผู้เศร้า ตามเมียไป 
เหลือน้องสาว คุณยายไว้ ไฉไลตา.........( ๑๔๑) 
@ ในช่วงนั้น คุณป้าฉัน เกิดมาแล้ว 
อีกคุณแม่ ร้องแง้วแง้ว อยู่ทุกท่า 
พอคุณแม่ เริ่ม เติบโต มินานช้า 
ท่านเป็นสาว สุดโสภา ท่าสามชุก.........( ๑๔๒) 
@ ส่วนคุณตา ต้องเทียวมา แล้วเทียวไป 
จากกรุงเทพ สู่หัวเมือง ให้สนุก 
แต่ทว่า ไปไม่นาน ก็มีทุกข์ 
คุณยายไม่สุข ใจอีกแล้ว นั่งซึมเซา.........( ๑๔๓) 
@ ท่านมัวแต่ วุ่นยุ่ง เลี้ยงลูกยา 
เลยเสียท่า น้องสาว เฉลยเฉลา 
คุณยายท่าน เงียบขรึม และแสนเศร้า 
คุณแม่เล่า ถึงเรื่องนี้ กี่หนครั้ง........( ๑๔๔) 
@ ข้างคุณยายน้อง ก็ยินดี กระดี๊กระด๊า 
คุณพี่เขย กลายกลับมา หาขึ้นฝั่ง 
จึงเป็นเรื่อง ว่ามาพัก กรุงถี่จัง 
อพิถัง ท่านมาหา น้องน่ารัก.........( ๑๔๕) 
@ ในวันนั้น ชีวิตสลด รดดวงจิต 
อันรอยพิษ แสนร้าย มิวายสลัก 
ล้วนเวียนวน พลาดไป ให้ทายทัก 
จึงประจักษ์ นิยายชีวิต ใครขีดตอน.........( ๑๔๖) 
@ กี่บทนี้ อ่านดีดี จะแลเห็น 
โลกนี้เป็น เพียงแหล่ง อนุสรณ์ 
ฝากความดี ให้ชื่นใจ ให้อาทร 
ฝากความชั่ว ให้ทุกข์ร้อน ทั้งใจกาย.........(๑๔๗ ) 
     
ตอน สิบเอ็ด (๑๑) สองฝั่งลำน้ำ (ต่อ) 

@ เรียนแล้วว่า มิได้อยาก จะเอื้อนเอ่ย 
ลืมเฉลย คุณยายแฉล้ม ก็ใจหาย 
นี่ประวัติ ต้นตระกูล เหมือนนิยาย 
แต่ละตอน มองละม้าย คล้ายละคร.........( ๑๔๘) 
@ คือความรัก แสนเศร้า อยู่สองฝั่ง 
กว่าจะถึง รักแม่ฉัน นานเนิ่นก่อน 
คือนิยาย รักรันทด หลายบทตอน 
แม่ฉันย้อน สองฝั่งน้ำ เล่าให้ฟัง........(๑๔๙ ) 
@ คุณยายไม่ เคยเล่าให้ ใครฟังหรอก 
ทั้งไม่บอก ลูกคนไหน ให้เคียดคั่ง 
ด้วยผู้ดี อบรมมา คราประดัง 
เรื่องทุกข์ยัง ตื่นแต่เช้า ต้มข้าวกิน.........( ๑๕๐) 
@ คุณแม่เล่า ว่าเหลือบไป ให้เห็นคุณตา 
ผู้งามสง่า นักหนา เป็นนิจสิน 
ท่านโอบกอด คุณยายน้อง ดูไม่ชิน 
น้ำตาริน คือยายฉัน เงียบงันใจ.........(๑๕๑ ) 
@ แล้ววันนั้น ก็ผ่านไป ใจเลือนลับ 
ชีวิตกลับ เริ่มเข้มแข็ง กันขี้นใหม่ 
คุณยายฉัน กำหนดจิต คิดปรับหทัย 
ไม่สนใจ จะเป็นไร ก็ช่างมัน.........(๑๕๒ ) 
@ มีหน้าที่ อยู่ที่หน้า ไม่ฝ่าฝืน 
มีจุดยืน อบรมธิดา ไม่อาสัญ 
อีกบุตรใหม่ ทั้งหญิงชาย รวมหกนั้น 
ท่านแข็งใจ กัดฟัน ประคับประคอง.........(๑๕๓ ) 
@ ดูจิตใจ ที่ท่านเจ็บ ประเสริฐเหลือ 
ลุกขึ้นยืน หยัดเยี่ยงเสือ แม้หม่นหมอง 
คุณยายฉัน งามเสมอ เมื่อฉันมอง 
รักจากคลอง บางหลวง คล้ายลวงกัน.........(๑๕๔ ) 
				
comments powered by Disqus
  • tiki

    18 พฤศจิกายน 2546 16:50 น. - comment id 182716

    คือนิยาย รักรันทด หลายบทตอน 
    
  • tiki

    18 พฤศจิกายน 2546 19:06 น. - comment id 182779

    เมื่อพิจารณาชีวิตผู้ใหญ่ในยุคก่อน สิ่งซึ่งสงสัยว่า  ...คนเรา ไม่เกรงใจกันหรือไร..?? ไม่เมตตากันหรือไร..?  หักหลัง ทรยศกันได้หรือไร???? เป็นคำถามในใจเสมอ
  • ชัยชนะ

    18 พฤศจิกายน 2546 22:56 น. - comment id 182839

    ผมว่าอาจจะเป็นค่านิยมที่ผิด สมัยก่อนผู้ชายเรามีมีหลายคนเป็นเรื่องธรรดา
    
    ไม่มีอะไรแน่นอนครับ ในเรื่องความรัก แต่อีกสักครู่ผมคงต้องไปนอนแน่ ๆ ครับ
    
  • tiki

    18 พฤศจิกายน 2546 23:19 น. - comment id 182855

    ขอบคุณที่มาเยือนอ่านงานเช่นเคยค่ะ
  • ผู้หญิงไร้เงา

    19 พฤศจิกายน 2546 01:27 น. - comment id 182941

    กลอนแต่งได้ดีมากเลยค่ะ  อ่านแล้วเรื่องภาพได้ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้  จะติดตามตอนต่อไปนะค่ะ
  • tiki

    19 พฤศจิกายน 2546 01:41 น. - comment id 182954

    ขอบคุณน้ำใจมากค่ะ
  • ดาหลาคะ...

    19 พฤศจิกายน 2546 12:31 น. - comment id 183037

    ดาหลาอยากบอกว่าเข้ามาอ่านกลอนของคุณ tiki  ทุกครั้งนะคะ....แต่ไม่ได้เข้ามาคุยด้วยเกรงใจนะคะ......กลอนไพเราะทุกบทเลยนะคะ...เก่งจริงๆค่ะ...
  • tiki

    19 พฤศจิกายน 2546 13:06 น. - comment id 183053

    -ขอบคุณมากค่ะดาหลา....
    ที่มาอ่านกลอนเสมอ..
    แล้ววันนี้ ยังมาเขียนตอบให้อีกนะคะ..
    
    หลายคนคงว่าพี่ทิกิอยากดังเอากลอนอะไร
    บรรพบุรุษตัวเองมาลงยาวอะไรมากมาย
    
    โดยเฉพาะอะไรเนี่ยลงทีหกเจ็ดตอน
    อ่อ มิใช่หรอกคะ
    คืนก่อนเครื่องตอน ลงโพสตืกลอนมันแฮงค์ หายไปเฉยๆ ก็กด 
    ก็กด มันเลยขึ้นมา หก เจ็ดอันติดกัน
    
    ร้อนถึงต้องนั่งแก้ จากตอนเจ็ด ให้เป็น เจ็ดต่อ 
    ให้เป็นแปด แล้วก็ แปด ต่อ 
    ให้เป็น เก้า แล้วก็ เก้าต่อ อะไรแบบนี้
     ทีนี้ก็ยังมีกลอนตอน ๗ โผล่มาทั้งชุดอีกต่างหาก ซึ่งไม่มีใน หน้าส่วนตัวด้วย อ่าว
    
    ยิ่งเกรงใจ ไทยโพเอ็มหนักเข้าไปอีก
    ครั้นลงเรื่องยาวไป คนก็บ่นว่า มันยาวมาก อ่านไม่รู้เรื่อง ก็เลยต้องนั่ง คอยต่อความ ไม่ต้องหลับต้องนอนทั้งคืนแหละ
    
    ส่วนเรื่องที่แต่งไว้แต่ปลายมิถุนายน ต้นกรกฎาคมนี้นะคะ ก็หมายใจจะไปลงพิมพ์รวมเล่ม ทว่า ทำเครืองคอมพืตัวเองเจ๊งสองรอบ รอบสุดท้ายนี้เปิดวินโดวส์ไม่ได้ พิมพ์ไม่ได้ ก็มีดิสก์บันทึกไว้แต่ตอนแรก จึงจำใจ
    
    จำใจจริงๆค่ะ ด้วยความเสียดายกลอนที่มีคุณค่าต่อตระกูลของเรามาก
    
    ต้องเอามาเทลงหน้ากลอน
    แบบ แฉ ประจาน 
    บางคนก็ด่าว่า อยากดังเหรอไง
    บางคนก็ว่า  อีโก้จัด
    ก็แล้วแต่จะว่า
    
    
    แต่ขอเรียนให้ทราบว่า กลอนนี้มิได้คิดจะลงที่นี่เลย เพราะกำลังจะพิมพ์ใส่กระดาษ ไปให้ คุณ กิตติมา อ่านแล้ว วิจารณ์แล้ว เขียนคำนำให้ก่อนไปให้ญาติตัวเองดูเพื่อขออนุญาตลงพิมพ์จริงๆ 
    
    แต่ไหนๆเครื่องคอมพ์ก็อาละวาดเราหนักแล้ว
    จน แม้ จะพิมพ์ลงพรินต์เตอร์ มันยังพิมพ์ออกมาเป็นภาษาเครื่อง 0100100100 อะไรอย่างนี้ ก็หมดปัญญา  ต้องมาหาเครืองอื่นที่ถ่ายข้อมูลลงดิสค์ได้ให้ไว้ และ...
    บางที
    
    ไปนั่งทำงานที่ร้านเน็ต
    ร้านนั้นก็โพสกลอนชุดนี้ไม่ได้
    และบางร้านก็ไม่มี copyrifht ก้ไม่อาจถ่ายกลอนชุดนี้ลงได้  สงสัยว่าอาถรรพ์ เจ้าคุณ คุณพระ อะไรต้นตระกูลทั้งหลาย คงไม่อยากให้ลงกระมังคะ
    
    แต่ทิกิ ถือว่า ประเด็นของเราคือ ชีวิตสอนชีวิต ก็ขอลง...ไปเพื่อให้ลูกหลานเราได้ มีสติยั้งคิดเวลาจะทำอะไรไปเพื่อนำตัวเองไปในทางเสื่อม จะได้  สติ    หยุดที่จะไม่ทำ
    แต่ทิกิ จะไปไล่บี้ใครไปจนให้เห็นชีวิตตอนล้มคว่ำระเนนระนาดของเขาแน่ๆ  หากแม้ต้องพาดพิงไปถึง   ก็จะ...เป็นด้วยเมตตา และ อุเบกขาเป็นที่ตั้งค่ะ
    
    กราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง ในญาติเป็นพันเป็นหมื่นคนของข้าพเจ้า
  tiki

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน