..๏ ดึกสงัดลมโบกใบไม้ไหว เหงาฤทัยอ้างว้างวังเวงหวิว แสงเดือนจับไม้ลู่ดูเป็นทิว และลมพริ้วสะบัดผ่านสะท้านกาย สรรพสิ่งส่งสำเนียงเสียงเสนาะ เคยไพเราะสุขสันต์มาพลันหาย เมื่อสิ้นนวลบ่วงรักปลักทลาย เหมือนสิ้นใจลาโลกโศกระทม ยามนี้เจ้าคงชื่นระรื่นสุข เขาคงรุกโลมเล้าเจ้าก็สม เขาคงกอดรัดเจ้าเคล้าภิรมย์ เขาคงชมคงชื่นระรื่นทรวง เขาคงลูบจูบเจ้าเพียงเบาก่อน แล้วลงนอนลูบไล้ไต่เนินหวง ยามเขาชมเริงรื่นเจ้าชื่นทรวง แต่เหมือนบ่วงทรมานประหารเรา ไม่อยากคิดนิจจาจิตพาฝัน มารำพัน..ใครประโลมโฉมเฉลา ป่านฉะนี้คงชอกช้ำถูกทำเอา โธ่ !..นวลเจ้าแหลกราญเพราะผ่านมือ ไม่มีสิทธิ์นึกหวงแต่ห่วงเจ้า อันความสาวเพียงหนึ่งควรพึงถือ อย่าปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาลือ เกินจักยื้อพรหมจรรย์..โปรดกั้นใจ ๚ะ๛
5 กุมภาพันธ์ 2547 22:42 น. - comment id 212409
เขียนดีไม่มีใครเปรียบนะคะ รูปก็สวยมากค่ะ
5 กุมภาพันธ์ 2547 22:47 น. - comment id 212410
ไม่อยากคิดแต่จิตบ้าพาเฟื่องฝัน อกประหวั่นพรั่นพรึงนึกถึงหมอน เคยหนุนเคียงพร่ำพลอดกอดเจ้านอน เธอมาสอนให้กั้นใจ...ไม่ได้ชม เลยชวด...เพราะสาว ๆ เชื่อหมด อิอิ
5 กุมภาพันธ์ 2547 23:03 น. - comment id 212419
เปาะแปะเปาะแปะ...... ชื่นชม...ชื่นชม... งดงาม...งดงาม.... เขียนได้...น่าทึ่งมาก.... ภาษาสวย.... มาชื่นชม...ด้วยหัวใจ...
5 กุมภาพันธ์ 2547 23:20 น. - comment id 212433
อันของหวงถูกรุมด้วยความหลง อยากจะปลงสังเวชกามนักหนา แต่ทำไมฉันมักเผลอถ้อยเจรจา คารมชักพาให้เคลิ้มไป ชอบรูปจังค่ะพี่อัล
5 กุมภาพันธ์ 2547 23:27 น. - comment id 212438
ปล่อยให้ มันล่องลอยออกไปเถอะนะ จิตน่ะ เผื่อว่าบางที จิตของเธอ ล่องลอยไป ในที่แห่งเดียวกัน กับจิต และภวังค์ของฉัน ที่ปลดปล่อยมัน ไปถามหาเธอ
5 กุมภาพันธ์ 2547 23:35 น. - comment id 212444
เงาสวาทรัดบ่วงตรึงรึงใจเขา แต่ตัวเราเฝ้าตรอมจนหมองศรี มีแค่ใจพอรอเจ้าเฝ้าทุกราตรี ถึงจะมีมารมาคลอเคล้าเราทำใจ. แก้วประเสริฐ. สุดยอดครับยอดนักกลอนขอปรบมือให้สนั่นโลกา.
5 กุมภาพันธ์ 2547 23:56 น. - comment id 212457
สุดยอดมากๆๆ เป็นนักประพันธ์ชั้นเยี่ยมเลย เก่ง เลยตั้งยกนิ้วให้ แถมรูปภาพยังศิลปะไม่เหมือนใคร
6 กุมภาพันธ์ 2547 00:32 น. - comment id 212476
...สวาทวายหายได้จากใจหรือ เหมือนมีมือโอบกอดตลอดหนา หนีอย่างไรไม่พ้นจนระอา เลยสิ้นท่ายอมเจ้าเงาสวาท.... ...................สวัสดีครับ..............
6 กุมภาพันธ์ 2547 01:07 น. - comment id 212488
ยามเขาลูบจูบเจ้าเบาเบานั้น เจ้าจะหันหน้าหนีอย่างนี้ไหม เจ้าจะหยุดเสียงรัวของหัวใจ คิดถึงใครบางคนที่ทนรอ ไม่มีสิทธิ์หวงได้ดังใจบอก เอ่ยปากออกทวงคำที่พร่ำขอ มีสิทธิ์เพียงเรียงร้อยถักถ้อยคลอ เป็นคำกลอนวอนพ้อให้เห็นใจ ยามนี้เจ้าคงชื่นระรื่นสุข เขาโรมรุกเคล้าคลึงไปถึงไหน ใจใครหลงขอกลอนไปวอนใจ กลอนพาไปพากลับ...นะครับ กลอน
6 กุมภาพันธ์ 2547 02:40 น. - comment id 212513
สุด ๆ เลยค่ะ
6 กุมภาพันธ์ 2547 08:29 น. - comment id 212600
....ฉุดรักหักสวาทมันบาดจิต ห้ามให้คิดเพราะเขาลวงทรวงจะหมอง แม้ในใจรู้ว่าเขาแค่เฝ้าปอง แต่เสน่หาร่ำร้องให้น้องไป.... ** อิอิ กลอนไพเราะมากเลยค่ะ เข้าใจเตือน^^ **
6 กุมภาพันธ์ 2547 09:33 น. - comment id 212610
คุณทิกิ ..ขอบคุณค่ะ คุณฤกษ์ .. สมน้ำหนวก อดๆๆๆเลย เหมือนกับเพลงลูกทุ่งที่ร้องว่า ..มองหน้าต่างข้างบ้านเมื่อวานเขามีงานแต่งกัน คนกรุงนั้นเขามาแย่งแฟนฉัน .. ใจจะขาดแล้วเอ๊ยยยยย ... ทำนองนี้ค่ะ ร้องไม่ค่อยเป็น คุณภูตะวัน .. ขอบคุณมากค่ะ น้องดินสอ .. พรหมจารีย์มีค่าน่าห่วงหวง คำชายลวงเล่นลิ้นจนสิ้นสูญ หากเผลอพลั้งครั้งใดให้อาดูร มิเกื้อกูลกลับคืนฝืนดั่งเดิม คุณม้าก้านกล้วย .. หือม์..เรามีนัดกัน ณ ภวังค์หรือเปล่าคะ ? อั่นแน่ มุข นะ มุข คุณแก้วประเสริฐ .. หลับตาลงปลงใจในสวาท แม้นคลาคลาดอย่างไรให้นึกถึง ราตรีค่ำคืนนั้นฝันติดตรึง สุดซาบซึ้งเกิดสลัดหรือตัดใจ คุณอารมณ์ที่อ่อนไหว .. ขอบคุณมากค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณใบบอนแก้ว .. สวาทวายคลายคลอนให้ย้อนข่ม ก่อนตรอมตรมมากเกินขัดเขินได้ แม้นสองมือโอบอุ้มกุมหัวใจ ก็จำตัดสายใย..หมายจากลา คุณลชลต.... (เอ๋ .. ลิงช้างลิงเต่า แน่ๆเลย ใช่ไหมคะ คุณเสือ..) ยามเขาลูบจูบหน้าในครานั้น กายพริ้วสั่นเกินเบี่ยงเลี่ยงหลบไหว ยากหยุดเสียงระวัวของหัวใจ เกินผลักไสออกห่างอย่างเช่นเคย ท่ามกลางบรรยากาศที่พรักพร้อม จำใจยอมกล้ำกลืนฝืนอกเอ๋ย ยากขัดขืนฝืนเท่าใด..ให้ชิดเชย กลับละเลยมิผลักหักห้ามตน เงาสวาทอนาจหนอท้อใจแท้ ใครจะแย่เทียมเราเศร้าทุกหน หลงเพียงเล่ห์อุบายคล้ายหลอกกล ในวังวนพิศวาส..พลาดรักจริง คุณข้าวปล้อง .. ขอบคุณมากค่ะ คุณนางมารพเนจร.. ขอบคุณมากค่ะ อันหลุมใดยังได้เชือกไต่ขึ้น เพียงแค่มึนเท่านั้นมันแค่แผล หากหลุมร้ายมลายสิ้นหมิ่นดวงแด ยิ่งกว่าแย่คือหลุมรักปลักลึกเกิน
6 กุมภาพันธ์ 2547 17:51 น. - comment id 212776
พรหมจรรย์ สำคัญ ของแหนหวง ละลาบล้วง ด้วยชาย ให้บัดสี ให้หลมตัว วัวเข้าขา มาเคยขี่ กุลสตรี สังวรไว้ ให้ระวัง ผมว่าความรักสำคัญกว่าพรหมจารีย์
6 กุมภาพันธ์ 2547 18:02 น. - comment id 212786
กลอนไพเราะมากๆครับ คุณแต่งได้เก่งทุกบทเลย..
6 กุมภาพันธ์ 2547 20:54 น. - comment id 212847
คุณชัยชนะ .. ค่ะ ความรักอยู่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวง คุณต๋องแต๋ง .. ขอบคุณมากค่ะ
7 กุมภาพันธ์ 2547 14:25 น. - comment id 213121
ทั้งรูปทั้งกลอน สุดยอดค่ะ ชื่นชมจริงๆค่ะ
7 กุมภาพันธ์ 2547 22:36 น. - comment id 213299
กอดก่ายกายรัดกวัดแกว่ง ร้อนแรงเริงร่ายทลายสรรพ์ คลอเคลียเคียงโฉมเร้าโลมรัน ลูปพรรณผ่องผุดสุดบาดใจ สวัสดีครับ ศิษย์พี่ สบายดีไหมครับ ช่วงนี้ที่ขอนแก่นหนาวมากเลยครับ ที่บ้านท่านพี่หนาวไหมครับ ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ยังสอบไม่เสร็จเลย เสร็จเมื่อไหร่แล้วจะกลับมาใหม่นะครับ
8 กุมภาพันธ์ 2547 01:38 น. - comment id 213340
คุณรดา... ขอบคุณค่ะ คุณหมึกมรกต... ศิษย์น้อง ที่กรุงเทพฝนตกนะคะ สองวันมานี้อากาศชื้นเชียว .. อยู่ขอนแก่นก็ใกล้ๆอาหมอวฤกนะคะ อาหมออยู่รพ.ศูนย์ขอนแก่น .. คิดถึงนะ .. รักษาสุขภาพด้วยจ๊ะ
8 กุมภาพันธ์ 2547 07:13 น. - comment id 213421
เคลิ้มปนเศร้าครับ
9 กุมภาพันธ์ 2547 17:33 น. - comment id 213956
กลอนไพเราะ แถมความหมายดีมากเลยค่ะ ชื่นชมมากๆๆๆๆๆเลย
10 กุมภาพันธ์ 2547 17:17 น. - comment id 214533
อ่านแล้วโล่งอกอะ....
14 กุมภาพันธ์ 2547 17:27 น. - comment id 216243
คุณศศิชนก ..เศร้าเพราะเหตุใดคะ คุณผู้หญิงไร้เงา .. ขอบคุณค่ะ ยัยไหม ..หือ เปลือยหรือ จึงโล่ง