กลอน ๖ ๖ คำ หัวใจกลอน

tiki

คราวนี้มา กลอน ๖ ละ
  ๖ คำ หัวใจกลอน
                            สม 
 คม                       สา  
                           คา 
 ฐา                       นอน
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
                             หัว  
มัว                       หอน  
                            พร  
  ขอน                   พาน
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
                             แห   
 แพ้                     หาญ  
                           นาน  
 สาน                    ณต
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
                            หัว  
 ตัว                    หมด 
                             รด  
 พจน์                  แพน
สม คม  สา คา ฐา  นอน
หัว มัว  หอน พร ขอน  พาน
แห แพ้  หาญ นาน สาน  ณต
หัว  ตัว  หมด รด พจน์  แพน
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
๖ คำ หัวใจกลอน
                        เจ็บจำคำใครไม่ สม 
เฉือน คมนะกระดาษสา  
 มิเร็วดั่งใจใยคา 
ฝืนตา ฐา นันดร์  หัน นอน
                       พิศดูเงาใครไร้   หัว  
ตามัวกลัวสุดหมา หอน  
 รีบท่องพุทโธขอพร  
 เขี้ยว ขอน  งอนงูขู่  พาน
                      กลัวเอยกลัวติดร่าง   แห   
ลาง แพ้ยังกล้าอาจหาญ  
ทำล่มจมไว้แต่นาน  
วิ่งสาน วาทะประณต
                       หนูเอยหนูแค่มึน หัว  
อ่าน ตัวอักขราพร่าหมด 
เมฆมาฟ้าหม่นฝน รด  
 ยูงพร้องร่ายพจน์หางแพน
                 มาฝาก ตัวต่อ กลอน ๖ จาก ทฤษฎีเดิม ให้คุณน้องใหม่
ช่วยกันคิดช่วยกันเข้าใจ...ฝากไว้ แล้วไปแล้วนะคะ เจอกัน...
เอาไปหัดเขียนเล่น ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
เชิญทดลองทฤษฎี ไปเรื่อยๆ นะคะ เดี๋ยวก็เก่งเองแหละค่ะ
ทฤษฎีนี้ข้าพเจ้าคิดค้นเพื่อให้น้องใหม่มีโอกาสได้เกิดการกลอน
ท่านผู้เก่งเชี่ยวกลอนแล้วอย่าเดือดร้อนรำคาญใจนะคะ
ดู กลอน ๗ กลอน ๘ ได้จากบทเก่าๆที่ผ่านมา 
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_61049.php
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_61101.php
หรือ รวมบทที่ 
http://www.thaipoem.com/web/scoopdata.php?id=3277
ตามสะดวกค่ะท่านในการทดลองทฤษฎี 

ทิกิ_tiki
เที่ยงคืนครึ่งพระอาทิตย์ ๑๒ กันยายน พุทธศํกราช ๒๕๔๗
แต่ขอสงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติ พุทธศักราช ๒๕๓๗
Copy right  All rights reserved. 2003 2004
เพื่อการศึกษาพอทนได้ แต่กรุณาอย่านำไปพิมพ์ หรือ
ยกไปไว้เว็บอื่นโดยมิได้ขออนุญาตข้าพเจ้าเป็นลายลักษณ์อักษรเจ้าค่ะ				
comments powered by Disqus
  • tiki

    13 กันยายน 2547 06:05 น. - comment id 330123

    ถึงตอนนี้ พวกน้องๆคงสบายกันแล้วค่ะ
    ดูทั้ง กลอน ๗ กลอนแ ๘กันมาแล้ว
    ก็ดูผังกลอน ๖ ให้ครบสูตรค่ะ
    ขอให้เก็บไว้ในบทเดียวกันกับที่ผ่านมานะคะ
  • )))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((

    13 กันยายน 2547 07:05 น. - comment id 330175

    สวัสดีครับ.............
    
            เข้ามาอ่ากลอนเพื่อเป็นกำลังใจให้คนดี
    
    ตื่นแต่เช้าลืมตาขึ้นมาแจม
    เช้าวันนี้หน้าชะแล่มจิตแจ่มใส
    เข้ามาอ่านข้อความจากข้างใน
    ส่งดวงใจและคำเป็นกำลัง
    
    
  • อัลมิตรา

    13 กันยายน 2547 09:11 น. - comment id 330200

    สวัสดีค่ะ ขออนุญาตเสริม นะคะ
    
    
    ..กลอน แค่ 6 คำ ไม่พอหรอกค่ะ 
    ..มันต้องให้ความสำคัญกับทุกคำ
    ..กลอนเป็นเรื่องของจังหวะและการใช้คำให้เกิดความกินใจ  
    ..ดังนั้นทุกคำจึงมีความหมาย
    ..แท้จริงแล้วหัวใจของกลอนอยู่ที่ความ  
    ..คำ..เป็นเพียงแค่เครื่องมือเท่านั้น
    ..คิดความได้  คำก็ตามมาเอง
    
    ..ส่วนจังหวะ  จะแม่นได้ก็ต้องอาศัยการอ่านมาก  
    ..อ่านงานดีๆ จนจำจังหวะขึ้นใจ
    ..และจริงๆแล้ว 
    ..แค่จุดรับส่งสัมผัสนอกก็เป็นแค่มุมกว้างของกลอน  
    ..จังหวะถูกปรับเปลี่ยนตามวิธีสัมผัสในอีกต่างหาก
    
    ..แต่ปฐมบทของการหัดเขียนกลอน 
    ..ควรเริ่มจากการหัดคิดความ เดินความ
    ..แรกๆ ก็ เขียนสั้นๆ สัก 1-2 บท ให้ได้ความสมบูรณ์ในตัวเอง
    ..ถ้าสามารถสร้างคำคมให้กินใจคนอ่านได้  
    ..ก็แสดงว่าเริ่มมีแววแล้ว
    ..ดีกว่าเขียนยืดยาว แต่วกวน หรือไม่ปะติดปะต่อกัน  
    ..จนคนอ่านจับความไม่ได้รู้ว่าผู้เขียนจะสื่ออะไร 
    
    ร้อยกรองรายกรอบรอบกั้น
    แท้นั้นเน้นเพื่อเนื้อหา
    จังหวะจัดวางสร้างมา
    ลีลาผสานผสมกลมกลืน
    
    เรียบเรียงอารมณ์บ่มร่ำ
    ความนำคำทยอยรอยคลื่น
    แพรวพราวผ่องผุดจุดยืน
    ไหลลื่นลึกล้ำคำคม
    
    
    
  • tiki

    13 กันยายน 2547 10:03 น. - comment id 330207

    ลองคิดคำใหม่ไว้ให้อีกก็ได้ค่ะ
    
    
                               หนาว 
    พราว                       ฝัน 
                               พัน
     ลั่น                       ราม
    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
                                ชิด  
    มิตร                       หาม 
                                ยาม  
      ขาม                  จัง
    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
                                งอด  
     จอด                     คลั่ง  
                               พัง 
     รั้ง                    ตรม
    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
                                ร้อย  
     คอย                    สม 
                                 ชม 
     ดม                  ดาย
    
    หนาว พราว  ฝัน พัน ลั่น ราม
    ชิด มิตร  ขาม ยาม หาม  จัง
    งอด จอด  คลั่ง พัง รั้ง  ตรม
    ร้อย คอย  ดม ชม สม  ดาย
    
    
    ถ้าสนุกส่งมาที่นี่ มีเวลาขัดเกลาถ้อยคำและสำนวนได้นะคะ ไม่ได้เร่งอะไร
    ขอเป็นกลอน ๘ นะคะ 
    
  • tiki

    13 กันยายน 2547 10:15 น. - comment id 330208

    ขอบคุณท่านทั้งหลาย กรอบนี้ มีไว้ให้คนที่เขียนสัมผัสไม่เคยมีระหว่างบท
    
    บทนี้สำหรับน้องๆที่อยากเขียนยาวๆ แต่ ไม่แม่นเรื่องสัมผัสระหว่างบทค่ะ 
    
    ขอบคุณทุกท่าน เรียนให้ทราบมาแต่ต้นแล้วว่า การจะไปวิจารณ์งานน้องๆที่เพิ่งเริ่มนั้น ดุไปก็หายหมด 
    สู้นำทางเหมือนสมัยก่อน เราอ่าน กอ ขอ กอ กา ป้ากะปู่กุ้อีจู้ กันไปตามเรื่อง พออ่านออก รู้หลัก เหมือนว่าบินอย่างไร ต่อไปก็เขียนเองเป็น แต่กรอบจะอยู่ในใจ เป็นหลัก ในสมองของเธอ 
    
    ขอบคุณท่านทั้งหลายอีกหน คุณทิกิ_tiki ไม่ได้บอกเลยว่าตัวเองเขียนกลอนมีทฤษฎีนี้ แต่เขียนทฤษฎีนี้ให้น้องหัดใหม่ ใครจะเป็นคนประกบฝึกบินให้น้องใหม่ ทุก วัน ทุกกลอน ? ใครหรือ ถ้าไม่มี ผังแบบ อยู่ในใจ วันใดที่ผังแน่น เธอเขียน คำได้เองจนแน่นแล้ว ผังมันก็ไม่มีความหมายค่ะ 
    
    ทิกิ
  • somebody

    13 กันยายน 2547 16:25 น. - comment id 330361

    อิอิ  ขอเก็บไว้ศึกษาที่หน้าส่วนตัวนะครับพี่ 
    คงไม่แสดงความคิดเห็นอะไรมากนะครับพี่
    มาเยี่ยมเยือนกันตามประสาพี่ ๆ น้อง ๆ ครับ
    
    +-*-+-*-+  +-*-+-*-+ปู้ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+  +-*-+-*-+
    
  • เมกกะ

    13 กันยายน 2547 16:30 น. - comment id 330367

    อิอิ  ขอเก็บไว้ศึกษาที่หน้าส่วนตัวนะครับพี่ 
    คงไม่แสดงความคิดเห็นอะไรมากนะครับพี่
    มาเยี่ยมเยือนกันตามประสาพี่ ๆ น้อง ๆ ครับ
    
    +-*-+-*-+  +-*-+-*-+ปู้ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+  +-*-+-*-+
    
  • tiki

    13 กันยายน 2547 20:07 น. - comment id 330559

    อะจ้า
  tiki

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน