ไย..ปวดร้าว ??

-ร้อยแปดพันเก้า-

post-2-11375393303.jpg
นานแล้ว...
ขานสำนึกแผ่วแผ่วจากยอดเขา
ขายวิญญาณวัฒนธรรมจากลำเนา
ชุดชาวเผ่าเลี้ยงตนจนชรา
ร้องร่ายรำย่ำเท้าเข้าจังหวะ
หรือศิลปะย้อนย้ำความคร่ำคร่า
กับเศษเงินเพียงแลกความแปลกตา
โลกการค้าสมัยใหม่(เรียก)อะไรดี
แววตาฉายสะท้อนความรันทด
ความงามงดเลือนหาย(ฤๅ)ขายศักดิ์ศรี
ใครบ้างเห็นความเศร้าที่เขามี
ท่ามวิถีเมืองท่องเที่ยวเข้ามาแทน
สูบคิโย..ปล่อยใจ..ไย..ปวดร้าว
ถึงระลอกหมอกหนาวที่ไกลแสน
จมเศร้าหมองละอองหม่นคนดูแคลน
กอดอ้อมแขนว่างเปล่า..ทุกคราวครั้ง				
comments powered by Disqus
  • บินเดี่ยวหมื่นลี้

    21 สิงหาคม 2549 11:28 น. - comment id 599723

    ผิดผี...
    วัฒนธรรม-ประเพณีเริ่มเลือนรางจางหาย
    วัตถุนิยมแฝงร่างย่างกราย
    หนุ่มสาวเลือนหายจากดงดอย
    
    ผู้เฒ่า..
    มีเรื่องเล่ามากมาย
    ฤๅจักเป็นคนสุดท้าย
    ที่มีเชื้อสายของคนดอย...
    
    ...สบายดีนะน้องชาย...
    31.gif
  • -ร้อยแปดพันเก้า-

    21 สิงหาคม 2549 11:25 น. - comment id 599727

    คิดถึงคราวพา\"ตัวฤทธิ์\"= tourist  ไปศูนย์วัฒนธรรม ก็จะมีการโชว์การละเล่นของชาวเขาเผ่าต่างๆ การแต่งตัวประจำเผ่าของเขา  ร้องรำทำเพลงตามวิถีที่เขาอยู่ เขาเป็นและก็ขายสินค้าของเขา
    หรือบางคราวพาเพื่อนฝรั่งเที่ยวในเมือง ถ้าเขาเห็นการแต่งชุดประจำเผ่า อยู่ตามท้องถนน ขายสินค้าแฮนด์เมด ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับสิ่งที่เขาเห็น 
    แต่ผมคิดแบบผมซึ่งจริงๆ แล้ว เขาอาจไม่คิดแบบที่ผมคิดก็ได้ เราอยากเห็นวัฒนธรรมการเป็นอยู่ของใคร หรืออยากรู้จักอะไรให้ลึกซึ้ง ก็ไม่น่าจะดูแค่ตาเห็นนะ และก็ไม่อยากเห็นชาวเขาลงมาแบบนี้ด้วย
    
    
    เพื่อ..อะไรนะ..ที่เขาเรียกว่า ส่วนหนึ่งของการโปรโมตเมืองท่องเที่ยวน่ะ
  • ปราณรดี

    21 สิงหาคม 2549 11:40 น. - comment id 599729

    แววตาใสใส
    เด็กน้อยเยาว์วัย (เหมือน) ไร้เดียงสา
    สวมชุดชาวดอยค่อยเข้ามา
    บอกว่า อยากถ่ายรูปหนูไหมจ๊ะ?
    
    มากันเป็นกลุ่ม 
    รุมกันแย่งยิ้มพบปะ
    ถ่ายหนูมั่ง .. ถ่ายหนูมั่ง นะ
    ก่อนผละบอกว่า \"ยี่สิบบาทจ้ะ ... น้า\"
    
    แววตาใสใส
    นั่นไง ... ชุดดอยล้ำค่า
    รีบโผรีบวิ่งเข้ามา
    บอกว่า \"ถ่ายรูปหนูไหม ... ไม่แพงเท่าไร\"
    
    เป็นเหตุการณ์จริง 
    ในวันเงียบนิ่ง ดินแดนหมอกใส
    ดอยปุย สูงสง่า เกรียงไกร
    ยังมีเด็กตาใสใส ... ขายภาพความทรงจำ 55.gif
  • อาภาภัส

    21 สิงหาคม 2549 12:15 น. - comment id 599747

    .ใช่มีเพียงขุนเขาลำเนาดอก
    อยากจะบอกทุกที่มีปัญหา
    ด้วยหัวใจคนไม่ธรรมดา
    มันตีตราหาจกงกแต่เงิน
    เป็นเหตุเดียวเที่ยวขยายละลายเขยิบ
    ชุบมือเปิบเด่นดังคนยังสรรเสริญ
    ไฉนเลยคนไกลจะไม่เดิน
    แวะแถวเถินอยู่เปล่าก็เหงามือ
    (ตอบงานของ108 พันเก้า และความคิด 1 2 3
  • ดอกบัว

    21 สิงหาคม 2549 12:32 น. - comment id 599753

    จงมองให้ลึกซึ้งจึงพูดได้
    อย่ามองแค่ผ่านไปให้หวนคิด
    ค่าของคนดูให้แน่ถูกหรือผิด
    แค่มองเห็นแล้วคิดหยามกัน
    มันก็คงจะเป็นมุมมองของแต่ละคนอยู่ดีแหละค่ะถ้าคิดดีก็จะมองอีกมุมหนึ่ง
    ถ้าใจคิดไม่ดีก็จะมองกลับกันไป
    
    สวัสดีค่ะ พี่พันเก้า46.gif36.gif
    พี่สบายดีหรือค่ะ
    
    6.gif46.gif36.gif
  • กุ้งหนามแดง

    21 สิงหาคม 2549 14:07 น. - comment id 599775

    เหมือนทุกทีที่เห็นช้างเดินตามถนนในเมืองหลวง...ก็จะรู้สึกเช่นกันค่ะ
  • เพชรพรรณราย

    21 สิงหาคม 2549 15:28 น. - comment id 599793

    โลกมันก็เป็นอย่างนี้ เฮ้อ
    
    ไย.. จึงปวดร้าว
    
    30.gif30.gif30.gif30.gif30.gif30.gif
  • idaho :-)

    21 สิงหาคม 2549 16:33 น. - comment id 599825

    ใยปวดร้าวหรอ
    
    เพราะยุคนี้เงินกำหนดชีวิตคน  มีแต่คนแสวงหา 
    
    วัตถุนิยมครองเมือง  จึงปวดร้าวกันทุกคน
  • อัลมิตรา

    21 สิงหาคม 2549 17:24 น. - comment id 599854

    ที่ถนนคนเดิน .. 
    อัลมิตราเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่งตัวชุดชาวเขา 
    และก็เห็นอีกหลาย ๆ คน ที่ดูเหมือนว่ามาด้วยกันกับเด็กคนนั้น แต่งกายชุดชาวเขา 
    คล้ายจะมีการแสดงบนถนนคนเดิน 
    สักพักเสียงลำโพงก็ดัง เพลงที่คุ้นหู เด็กดอยใจดี .. และ เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นั้นก็ลุกขึ้นมาเต้น
    เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้มากโข หลายคนหยิบยื่นเศษเงินลงขันให้ด้วย
    
    อัลมิตราเหมือนคนต่างถิ่นที่มีโอกาสไปเตร็ดเตร่ ณ ถนนคนเดิน 
    ค่ำวันนั้น ฟ้าเปิด ทั้งที่เมื่อตอนบ่ายฝนได้เทกระหน่ำเสียจนอัลมิตราคิดว่า คืนนั้นจะอดเที่ยวเสียแล้ว
    แต่ก็โชคดีที่ฝนไม่ตกในตอนที่อัลมิตราเดินอยู่บนท้องถนน
    เห็นสินค้าพื้นเมืองหลายอย่างน่าสนใจ อัลมิตราซื้อติดมือมาด้วยนะ เป็นงานฝีมือไม้สองชุด
    และก็ซื้อรูปใส่กรอบสวย ๆ ความจริงตัดสินใจยากอยู่เหมือนกันว่าจะเลือกรูปไหนดี ถูกใจไปเสียหมด
    มีนักดนตรีกระจายตามจุดต่าง ๆ บ้างก็เดี่ยวกีตาร์ บ้างก็สารพัดเครื่องตี(รายนี้เป็นวณิพกตาบอด)
    
    ที่น่าสนใจอยู่อีกอย่างคือเครื่องดนตรีสาย
    อัลมิตรายืนเล็งซออู้อยู่เป็นนาน คนขายเขาก็ใจดีบรรเลงเพลงให้ฟัง 
    อัลมิตราคิดจะซื้อติดมือกลับกลับมาอยู่เหมือนกัน แต่ติดที่ว่าหอบของหลายอย่างแล้ว 
    เกรงว่าหากไม่สะดวกในการขนสัมภาระ ก็อาจจะทำให้เครื่องดนตรีดังกล่าวถูกกระทบกระเทือนจนชำรุดได้
    
    ในความสะดวกสะบายในการเลือกซื้อสินค้านั้น อัลมิตรายังรู้สึกว่า ณ ที่นั่นยังอวลไปด้วยความรู้สึกแบบล้านนา
    พ่อค้าแม่ค้า ต่างก็อู้คำเมืองเสียงเจื้อยแจ้ว ของที่ระลึกบางอย่างก็ทำให้อัลมิตราตื่นตาตื่นใจ
    ทำไปทำมา.. อัลมิตราหอบข้าวของหนักอึ้งเชียวนะ ตอนกลับสู่ห้องพัก
    และอาจจะจับจ่ายมากกว่านี้ ถ้าไม่เมื่อยขาเสียก่อน ก็คิดดูสิ ทำไมจะไม่เมื่อยล่ะ
    ตอนเช้าขึ้นดอย ตอนบ่ายก็อยู่ที่แม่เหี๊ยะเดินดูต้นไม้ยักษ์ ชมบรรยากาศก่อนเปิดงานราชพฤกษ์
    แรก ๆ ก็แค่ตึง ๆ เท้านะ แต่พอถึงที่พักนี่สิ .. เดินแทบไม่เป็นเลย .. เมื่อยติดพันมาอีกตั้งหลายวันแน่ะ
    
    ต้องกลับบ้านแล้วล่ะ วันนี้ประชุมตั้งครึ่งวัน จนง่วงงุน ง่วงหง่าวววววว
    อัลมิตราแค่เมื่อยขานะ ไม่ได้ปวดร้าว
    เอาไว้ปวดร้าวเมื่อไหร่ จะมาครวญเป็นกลอนให้อ่านละกัน .. ฮา
    
    สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ
  • ชมพูภูคา

    21 สิงหาคม 2549 17:26 น. - comment id 599857

    ความจริงที่แท้ก้อคือ ความเปลี่ยนแปลงนิรันดร์
    อย่าปวดร้าวเลยค่ะ...เพราะ ความเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด... ยอมรับและอยู่กับมันดีกว่า
    
    38.gif38.gif38.gif38.gif38.gif38.gif38.gif
  • whitelily

    21 สิงหาคม 2549 17:55 น. - comment id 599875

    เป็นความจริงที่คนรุ่นหลัง
    
    จำต้องยอมรับมันค่ะ  :-
    
    ฉะนั้น  ไย  เราจึงต้องปวดร้าว....
    
    30.gif30.gif
  • เฌอมาลย์

    21 สิงหาคม 2549 18:04 น. - comment id 599885

    48.gif32.gif
  • ชัยชนะ

    21 สิงหาคม 2549 19:11 น. - comment id 599909

    สมัยนี้อะไรอะไรก็กลายเป็นธุรกิจไปแล้ว
    
    โทษใครคงไม่ได้
    
    ถ้าเรามองสองด้าน
    การกระทำทุกอย่างย่อมมีข้อดีให้เราได้มองเห็นเสมอ
    ถึงแม้จะมีเพียงเล็กน้อยก็ยังดี
    
    36.gif36.gif36.gif
  • ร้อยแปดพันเก้า

    22 สิงหาคม 2549 08:18 น. - comment id 600040

    ผมกำลังอยากพูดเรื่องสำนึกท้องถิ่น
    
    สำนึกที่จะศึกษาและต่อสู้เพื่อท้องถิ่นนั้นไม่ควรมาจากล้านนาเท่านั้น หากยังรวมถึงท้องถิ่นทุกๆ แห่งในประเทศไทย เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราก็เป็นคนเหมือนกัน เราควรภูมิใจในความที่เราเป็นเรา คนเรามีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ควรจะมีชีวิตความเป็นอยู่ใกล้เคียงกันไม่ใช่คนจนคนรวยต่างกันราวฟ้ากับดินเช่นสังคมไทยในปัจจุบัน ทุกๆคนควรมีโอกาสอยู่ดีมีสุขเหมือนๆ กัน และมีอำนาจที่ปกครองดูแลตนเองเหมือนๆ กัน ไม่ใช่ให้คนอื่นมาปกครองเรา ข่มเหงเรา ยึดสิทธิเสรีภาพและทรัพย์สมบัติของเราไป
    
    .
    
    ..................
    สวัสดีครับ พี่ชาย..
    
    ผมคงใช้เพียงจุดเล็กๆ เป็นตัวเปรียบกับสภาพสังคมของเรามากกว่าน่ะครับ โลกมันเปลี่ยนไป ถ้าเราไม่ปรับตามเราก็เป็นไดโนเสาร์ หรือก็เป็นพวกที่ไม่สามารถปรับตัวกับโลกได้
    มันเป็นแบบนั้นจริงหรือ เขายัดเยียดอะไรให้เรา เราก็ต้องเป็นแบบนั้นจริงหรือ 
    เมืองเชียงใหม่ ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีที่เขาทำถนนลอยฟ้า เรียกมันว่าถนนลอยฟ้า หน้าโรบินสัน คัดค้านกันไป บดบังทัศนียภาพ บดบังความสวยความของธรรมชาติ เพราะเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีภูเขาสูงล้อมรอบ แล้วตอนนี้เป็นไง ไอ้ที่ชูป้ายไม่เอา ไม่เอา ก็คงใช้ถนนสายนี้กัน เพราะรถมันติดมาก มันอาจจะเป็นการแก้ปัญหา ทุกอย่างเพื่อความสะดวกสบาย   ฉะนั้น..ไย..ปวดร้าว ??? ละหรือ
    
    
    
    .......................
    
    
    สวัสดีครับ คุณปราณรดี
    
    ครับใช่ครับ 
    มันเป็นแบบนั้นจริงๆ จากสายตาที่เรามองเห็นน่ะนะ แสดงว่า เขามองเห็นว่า ชีวิตเขาควรเปลี่ยนไปตามโลก วิ่งตามความเปลี่ยนไปของระบบทุนนิยม ที่เขามองเห็นเพียงเปลือกนอก หรือเป็นเพราะนักท่องเที่ยวให้ความสนใจตรงนี้  ถือเป็นการแลกเปลี่ยน..แลกเปลี่ยนเท่านั้น เพราะต่างคนไม่ได้สูญเสียอะไรเลย
    
    ขอบคุณครับ สำหรับงานชิ้นนี้ เหมือนเคยได้อ่านที่ไหนสักที่นะ เหมือนเคยอ่านงานคุณแนวนี้บ้างแล้ว ทำนองนั้น หรือว่าผมจำผิดต้องขออภัยด้วย
     แต่ชอบครับ  เขียนได้เห็นภาพมากทีเดียว 
    1.gif
    
    
    
    .................
    
    สวัสดีครับ..คุณอาภาภัส
    เริ่มคุ้นชื่อนี้แล้วครับ ขอบคุณครับที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ
    
    
    อาจจะเป็นเพราะผมโตมากับเชียงใหม่ ภายใน20 ปีนี้ ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงมากมาย
    
    ปมปัญหาของเชียงใหม่คือ เชียงใหม่ถูกทำให้เป็นศูนย์กลางทุกด้านของภาครัฐ และเอกชนในภาคเหนือ เรากำลังทำให้เมืองๆ หนึ่งเป็นทั้งเมืองประวัติศาสตร์ เมืองท่องเที่ยว เป็นศูนย์กลางการบริหาราชการ การคมนาคมขนส่ง การศึกษา วัฒนธรรม การค้า การเงิน ภาคบริการ อุตสาหกรรม และศูนย์ภาคเหนือในการติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนี้เป็นต้น
    
    ผลที่ตามมาที่เห็นได้ชัดเจนคือ มีผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศเพื่อลงทุนทำธุรกิจ เพื่อหางานทำ เพื่อสร้างบ้านสำหรับพักผ่อนเพื่อท่องเที่ยว เพื่อแสวงโชคลาภ การขยายตัวทางวัตถุเป็นไปอย่างรวดเร็ว ภายในตัวเมืองเกิดช่องว่างของความเจริญระหว่างตัวเมืองกับอำเภอรอบนอก และระหว่างเชียงใหม่กับจังหวัดอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เยง และปัญหาสารพัดอันเกิดจาการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเมือง โดยไม่มีการวางแผน
    
    เราปล่อยให้เมืองเติบโตอย่างไร้ขอบเขต
    หรือว่าเรากำลังอยากขายวัฒนธรรม โดยพยายามใช้คำว่าอนุรักษ์เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว หรือไม่ ผมก็คิดมากไป..
    
    
    
    
    ..................
    
    
    
    สวัสดีค่ะ น้องบัว
    
    พี่อาจจะคิดมากไปเองน่ะนะ พี่อาจจะเสียดายความเป็นเมือง 
    มองอีกด้าน เมืองมันกำลังจะโต เราอยากโตทัดเทียมที่อื่นๆ ในประเทศไทย
    เหมือนเราไปต่างประเทศ เรามีจุดหมายว่าเราจะไปทำไม สำหรับพี่คงไม่ไปเพื่อช็อปปิ้งแน่ๆ คงไม่ต้องไปควานซื้อของมียี่ห้อ เพื่อยกตัวกับวัตถุ แสดงถึงการมีระดับแน่ๆ
    เวลาไป ก็ศึกษา ความเป็นอยู่ วัฒนธรรมที่ๆ เราจะไปเป็นพื้นฐาน ซึ่งไปมาก็อาจจะสรุปในเบื้องต้นว่า เมืองไทยนี่แหละน่าอยู่ที่สุดแล้ว
    เราก็เลือกเอาส่วนดี ของเขามาปรับปรุงให้มันเข้ากับเราด้วยมันถึงจะดี
    แต่ก็เถอะ ในโลกทุนนิยม มันถึงกันหมด มันเชื่อมถึงกันหมดแล้ว
    
    โลกแคบลงทุกเวลา........
    
    อะนะ..พี่เขียนอะไรซีเรียสไปหน่อย
    แต่บางทีก็อยากบอกว่า พี่เขียนกลอนรัก ที่ไร้รสนิยมก็เป็นได้
    เขียนแล้ว ก็อ่านไม่ค่อยได้ บางทีก็อายเหมือนกัน จะว่าเขียนจากใจ หรือเพียงจิ้มคีย์ลงไปก็เถอะ แต่ใช่ว่าจะเลิกเขียนซะทีเดียว ไว้ว่างๆ พี่จะพิมพ์ลงมาให้อ้วก เอ๊ย อ่านนะคะ
    
    รักษาสุขภาพด้วยค่ะ 
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    เดี๋ยวผมมาตอบคอมเม้นท์ที่เหลือต่อนะครับ ขอเคลียร์งานก่อน 1.gif
  • -ร้อยแปดพันเก้า-

    22 สิงหาคม 2549 09:38 น. - comment id 600052

    สวัสดีครับ..คุณกุ้งหนามแดง
    
    เรื่องช้างนี่..เคยคิดแต่ว่า ทำไมไม่ใช้เงินภาษีของเรา กว้านซื้อเขาซะ หาที่อยู่ให้เขา เขาจะได้ไม่มาเดินตามเมืองกรุง ดูไม่จืดทั้งช้างและเจ้าของช้างเลย
    ผมมีเรื่องอยากเล่าให้คุรกุ้งฟังนะครับว่า เมื่อสีกสิบกว่าปีที่แล้ว ช่วงที่ผมทำงานที่เชียงใหม่(บ้านนอกผมก็เชียงใหม่เหมือนกันครับ แต่มันไกล) มีรุ่นพี่ที่ทำทัวร์ ชาวฮอลแลนด์ พานักท่องเที่ยวไปปางช้าง  ก็พาดูช้างทำกิจกรรมโน่นนี่ตามปกติ แต่วันนั้น ช้างแม่มันผิดกลิ่นหรือไรไม่ทราบ ขณะที่พี่เขายืนข้างๆ มัน เจ้าช้างงับหัวพี่เขา จนกระโหลกแตกครับ  มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ เหลือเชื่อว่าจะเกิดขึ้น เหตุการณ์นี้ไกด์ที่ตามทัวร์พี่เขาเล่าให้ฟังอีกที  
    ผมเองก็ไม่ยอมขึ้นหลังช้างเหมือนกัน ไม่ทราบเพราะอะไร ไม่แม้กระทั่งจะยื่นอาหารให้มันด้วยตัวเอง  ทางเชียงดาว ก็มีสวนช้างอยู่ ขับรถไปมาก็ยังได้เห็น  แต่ก็จะอนาถใจทุกทีที่เห็นช้างตามริมถนน
    
    
    
    .................
    
    
    สวัสดีครับ..คุณเพชรพรรณราย
    เขียนได้ใจผมเลย
    ใช่ครับ  โลกมันเป็นฉะนี้ ไย..ต้องปวดร้าว..
    ยิ้มขื่นๆ บ้างบางวัน แต่มันก็ผ่านไปได้ทุกวัน แต่ที่สำคัญ มันอดคิดไม่ได้ต่างหาก
    
    ยินดีที่ได้รู้จักครับ
    
    
    
    ..................
    
    
    
    สวัสดีครับ น้องน้ำแข็ง
     ทุนนิยมมันไปทั่วจริงๆ 
    หรือโลกนี้เป็นของจิ้งจกไปเสียแล้ว
    
    
    
    
    ........................
    
    
    
    สวัสดีครับ..คุณชมพูภูคา
    
    ปรับตัวตามกระแสวัฒนธรรมใหม่ๆ ให้มีความสุขด้วยกระมัง
    ยังมองเห็นเรื่องหัวใจมาอันดับแรก 
    
    เราเปลี่ยนโลกไม่ได้ แต่โลกก็เปลี่ยนอะไรเราไม่ได้มากเหมือนกัน
    
    
    
    
    ...............
    
    
    สวัสดีครับ..คุณไวท์ลิลลี่
     ผมยอมรับได้บางอย่างน่ะครับ
    บางอย่างก็ไม่ แต่ก็ต่อต้านในวิถีของผมน่ะครับ
     ขอบคุณครับ ที่เข้ามาทักทายกันเสมอๆ
    
    
    
    .................
    
    
    สวัสดีครับ..คุณเฌอมาลย์
    
    เอาน่านะ เรายังมีเวลาคิดอีก 24.gif
    
    
    
    ................
    
    
    
    สวัสดีครับ..คุณชัยชนะ
    
    ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบบ
    เหรียญมีสองด้านเสมอ ผมก็มันเป็นคนส่วนน้อย มองด้านที่เขาไม่ค่อยมองน่ะครับ แต่ก็ดีที่ไม่ได้ทุกข์มากขนาดปรับตัวกับอะไรไม่ได้ เพียงแต่ มีโอกาส ได้โอกาสก็จะไป สนใจเรื่องของมนุษย์มากเป็นพิเศษ เหมือนทุกครั้งที่ตามเพื่อนสาวไปงัดข้อเรื่อง แท้งเสรี กับสารพัดชื่อที่สภาสตรีตั้งขึ้น น่าสนใจมากทีเดียว
    
    เพราะแต่ละคน เขาคุยกันแบบปราศอคติ มิใช่ ปราชญ์อคติ
    
    โลกมันถึงยังน่าอยู่สำหรับผมมาก 46.gif
    
    
    
    
    
    
    ....
    
    อ้อ ..คุณ อัลมิฯ เดี๋ยวมาคุยด้วย หรือมาโม้ด้วยดี มีเรื่องโม้อยู่ รอหน่อยนะครับ 46.gif
    
    
    
    
    ขอบคุณทุกๆ ท่านที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ
  • MomMamSan

    22 สิงหาคม 2549 10:46 น. - comment id 600116

    ชีวิตต้องดำเนินต่อไปง่ะงับ 11.gif
  • ร้อยแปดพันประการ

    22 สิงหาคม 2549 10:59 น. - comment id 600126

    เรื่องถนนคนเดิน..
    
    ช่วงนี้หน้าฝน ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ที่ถนนคนเดินจะฉุกละหุกหรือเปล่ากับการเก็บข้าวเก็บของขณะหน้าฝน ก่อนนี้ ก็ไปที่สันกำแพง พาญาติไปเดินเที่ยว ช่วงหลังไม่ไป มันไกล คนละทางที่ผมจะไป ส่วนใหญ่ก็เดินมันในเมือง ยากตรงที่หาที่จอดรถนี่แหละ ของขายก็ถูกบ้างแพงบ้าง แต่ที่ไปดูจริงๆ ก็ที่เขาแกะสลักไม้ ราคาถูกมาก ค่ามือถูกกว่าที่คิด ถ้าเราถูกใจแบบที่เขาแกะด้วยนะ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร นอกจากอาหารการกิน แต่สนุกมากถ้าพาเพื่อนๆ ที่ชอบไป เดินเล่นเพลินๆ เปลี่ยนบรรยากาศจากที่เคยพาไปที่อนุสาร แล้วพาเดินไนท์บาร์ซาร์
    
    ไม่รู้ว่าคุณชอบเดินที่นั่นหรือเปล่า  เดือนธันวาคมนี่  ถนนคนเดินที่ถนนคนรวย(นิมมานเหมินทร์) น่าสนใจมากนะ ครับ มีโอกาสมาประชุม ชวนคุณมาร์ส ไปเดินเล่นก็น่าสนุกดี
    
    ดีใจที่คุณยังได้ยินภาษาถิ่น มันให้ความรู้สึกที่ดีกับผมทุกครั้งที่ยังได้ยินคนเชียงใหม่ยังพูดกันอยู่ เพราะแทบจะไม่ได้ยินเท่าไร ถ้าไม่ใช่ที่ที่ผมอยู่ และคงไม่ใช่ภาษาถิ่นอย่างเดียวหรอกครับ มันมีอีกหลายปัจจัยที่ผมอยากให้มันมี มันเป็นอยู่
    
    ได้ขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพหรือเปล่าครับ ระยะทางขึ้นใช้เวลา 15 นาที ถนนกว่างขึ้นเยอะ เป็นสี่เลนส์มาหลายปีแล้ว ผมขึ้น-ลงดอยสุเทพ เป็นว่าเล่นอยู่หลายปีทีเดียว  สมัยนั้นยังเป็นรถรางอยู่เลยครับ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเหมือนลิฟท์ ดูอึดอัด แต่ก็ปลอดภัยกว่าสมัยก่อน แต่ก่อนมีอุบัติเหตุค่อนข้างบ่อยกับรถราง ที่พานักท่องเที่ยวขึ้นไป แล้วไหลกลับลงมา ก็แก้ไขกันบ่อยครั้ง เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทัวร์กรุ๊ป จะเป็นคนสูงอายุซะส่วนใหญ่ ขาลงบางทีไกด์จะชวนเดินลงเอา แต่คุณเอ๋ย ขาสั่นพั่บๆๆ พาไปลงร้านจิวเวลลี่บนดอย ซึ่งเป็นร้านขายหยกที่ใหญ่ที่สุดของเชียงใหม่แล้ว ถ้าคุณขึ้นไปก็น่าจะเห็นนะครับ ร้าน ออร์คิด เจด..เพื่อนผมอยู่นั่นหลายคน แต่ตอนนี้ ไม่น่าจะอยู่แล้ว อาจจะมีครอบครัว และเปลี่ยนไปทำงาน หรือ ทำธุรกิจส่วนตัวกันหมด
    แต่ก่อนลานหน้าร้านสวัสดี ก็โล่ง ไม่ได้เทปูนเหมือนปัจจุบัน ผมไปครั้งหลังสุด ทำไมมันแออัดมากขนาดนี้ มีของขายมาก มากจนไม่อยากบรรยาย   ฟุตบาทก็เต็มไปด้วยของกินของขาย ก็ทำใจว่า เขาทำมาหากินสุจริตน่ะครับ คนเราก็ชอบสะดวกสบายกันทั้งนั้น 
    จากดอยสุเทพก็ขึ้นไปดอยปุย ..ไม่รู้คุณขึ้นไปถึงไหนแล้ว จำได้แต่ว่า คุณเคยเล่าเมื่อมาอินทนนท์ครั้งที่แล้ว หนาวเหมือนกัน แต่คนละบรรยากาศ
    ถ้ามาทางบ้านผมก็คงต้องดอยอ่างขาง ก็เหมือนดอยที่อยู่ในหุบเขาอีกที ฟังแล้วแปลกไหมครับ อยู่บนดอย แต่ก้ยังเห็นภูเขาล้อมอีก ไม่มีอะไรน่าสนใจมากถ้าถามว่ามาเที่ยวแล้วดูอะไร ต้องถามจุดประสงค์ก่อนว่า มาพักผ่อนที่นี่น่ะ อยากเจออะไร 
    สำหรับผม สถานที่เป็นรอง มันมักขึ้นอยู่กับว่าผมไปกับใครมากกว่า เพราะไปที่ไหนผมก็สนุก มีความทรงจำกับสิ่งรอบด้านทุกๆ ที่ที่ไปเสมอๆ เสียแต่ไม่ชอบถ่ายรูป หรือเก็บอะไรเป็นที่ระลึกมากกว่า
    
    ว่าแต่งานนี้คุณซื้อของที่ระลึกมากน้อยแค่ไหนไม่ทราบ ฝากพี่ชายผมหรือยัง..
    
    ไย..ปวดร้าว..ผมเขียนไม่ได้อย่างใจนะ อ่อนด้อยเหลือเกินกับการถ่ายทอดความรู้สึกในบทกลอน คงต้องใช้เวลาอีกนานโขที่จะเขียนอะไรได้มากกว่านี้ 
    
    อ้อ..มีหนังสือแนะนำให้อ่าน
    Back to the roots..ของดร.เสรี พงศ์พิศ น่าสนใจมากนะคุณ ผมอ่านแล้ววางไม่ลง อาจจะเห่อหนังสือใหม่อยู่หรือไง ชักไม่แน่ใจตัวเอง
     คุณเคยอ่าน บ้านเล็กในป่าใหญ่แล้วนะ ผมว่า ผมเคยอ่านสมัยเด็กๆ แม่ซื้อไว้ แต่ตอนนี้กลับมาอ่านใหม่ เขาทำปกใหม่ มีจำนวน 10 เล่ม อ่านใหม่ ก็ได้อะไรใหม่ๆ ไปอีก ว่างลองหาอ่านนะครับ
    มีอีกสองเล่ม ฝรั่งมองไทย ของไมเคิล ไรท์ และก็ สังข์ 108 มงกุฏ เล่มหลังนี้ เขาบอกว่า อ่านแล้วอยากมีตัวเล็กๆ ความคิดของเด็ก น่ารักมากเลยคุณ ลองหาอ่านนะครับ
    
    ไว้มาคุยใหม่  
    
    1.gif
  • ร้อยแปดพันเก้า

    22 สิงหาคม 2549 11:06 น. - comment id 600130

    สวัสดีครับ..คุณมอมแมม
    
    เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยนหรือเปล่าหนอ
    เราจะโทษเวลา หรือใจเราครับ 46.gif
    
    ไว้ไปอ่านซีรี่ส์ใหม่ๆ ที่กระทู้คุณมอมแมมนะครับ
    สบายดีนะครับ
  • อัลมิตรา

    22 สิงหาคม 2549 21:30 น. - comment id 600403

    มาโม้ต่ออีกดีกว่า .. แหะ แหะ..
    
    คราวโน้นนนนน... ไปคลุกคลีกับชาวบ้านแถบสะเมิง กินอยู่อย่างง่าย ๆ (ข้าวเหนียวห่อกับปลาแห้ง) อาบน้ำสีขุ่นๆออกน้ำตาล เป็นน้ำที่ต่อท่อมาจากน้ำในภูเขา ยิ่งเป็นช่วงน้ำหลาก น้ำขุ่นมาก ๆจะเห็นเป็นตะกอนผงเลยนะ ตอนอาบน้ำสระผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หลังจากทำความสะอาดร่างกายและผมแล้ว มันจะสะอาดกว่าเดิมหรือเปล่า แต่ด้วยความที่ตอนนั้นอากาศค่อนข้างเย็น ก็เลยสบายหน่อย อาบน้ำวันละครั้งก็พอ (แถมอาบแป๊บเดียวอีกต่างหาก ฮา..) พูดถึงเรื่องอาบน้ำนะ อัลมิตราเลือกอาบน้ำก่อนนอน อาบทั้งที่หนาว ๆ นั่นแหล่ะ อาบแล้วชักกระแด่กกระโดดแด่วๆมุดเข้าที่นอน หงิก ๆ แหง่ก ๆสักพักค่อยอุ่นตัวหน่อย แต่ตอนเช้าอัลมิตราไม่อาบน้ำนะ ก็เพราะอัลมิตราคิดว่า อัลมิตราไม่ได้นอนเลอะเทอะนี่นา อีกอย่าง น้ำเย็นเชียบปานนั้น ลำพังล้างหน้าแปรงฟัน นี่ก็กลั้นใจสุด ๆ แล้วนะ .. 
    
    แล้วก็มีอีกช่วงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บุกขึ้นดอยอินทนนท์ บรรยากาศดี เดินท่อม ๆ อยู่กลางป่าฝ่าละอองหมอกจนหน้าชื้นจมูกเย็น (พูดถึงจมูกเย็นแล้วนึกถึงจมูกของเจ้าด่างชอบกล เย็นเหมือนกันจริง ๆ นะ) ตอนนั้นได้มีโอกาสขึ้นไปไหว้พระธาตุด้วย ที่ทางกองพันฯสร้างถวายในหลวง ไปหลายที่นะ ประเภทที่ไปหรูหรา ไม่ค่อยมีหรอกค่ะ ส่วนมากไปแบบมอมแมม ความเป็นอยู่ก็ง่าย ๆ แบบเดิม บางทีเห็นเขาย่างไก่ควันฉุยอยู่ริมถนน ก็เดินไปขอแบ่งซื้อมาสักหน่อย ได้ข้าวเหนียวสักปั้น ส่วนน้ำก็หาดื่มง่าย ๆ 
    
    อัลมิตราท่องเที่ยวบ่อย แต่ก็ไม่ค่อยสิ้นเปลืองเรื่องค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เพราะงก เอ๊ย ไม่ใช่อย่างนั้น เป็นเพราะอัลมิตราวางเป้าหมายของการเที่ยวต่างหาก ไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่สบาย เพราะถ้าคิดว่าอยากอยู่สบาย อัลมิตราอยู่บ้านดีกว่า ที่บ้านมีทุกอย่างพร้อมสรรพ ไม่ต้องลำบากลำบนเลย .. ทีนี้ ด้วยความที่ไม่ค่อยวุ่นวายกับความเป็นอยู่นัก นอนไหนก็ได้ขอให้ปลอดภัย กินอะไรก็ได้ขอให้อิ่ม เที่ยวไหนก็ได้ขอให้มีความสุข .. เท่านี้ก็สุขใจแล้วนะ โดยเฉพาะถ้าได้ไปกับคนรู้ใจ มันเป็นความรู้สึกที่ดี .. อย่างที่คุณบอก สถานที่เป็นรอง มันมักขึ้นอยู่กับว่า..ไปกับใครมากกว่า 
    
    เหมือนขาดตอนเนอะ ถ้าเล่าไม่จบเรื่อง ๕๕๕ .. ปลายสัปดาห์ก่อนที่ขึ้นดอยสุเทพ ได้มีโอกาสไปถวายผ้าไตรให้กับพระสงฆ์ที่นั่น ฝนไม่ตกนะ ตอนขาไป ขากลับเจอละอองฝนนิดหน่อย ยิ่งทำให้รู้สึกชุ่มชื่นดี อัลมิตราเคยเดินขึ้นดอยสุเทพด้วยนะ ก็สองหน หนแรกนานมาก คราวที่ยังเป็นเนตรนารี มาเข้าค่ายที่ รร.บ้านทุ่งเสี้ยว สันป่าตอง จากนั้นก็ต้องเดินทางไกล ตั้งต้นจาก รร. เดินไปเรื่อย เดิน แล้ว เดิน แรก ๆ ก็ร้องเพลงดีอยู่หรอก หลัง ๆ ร้องเพลงไม่ไหว ก้มหน้างุด ๆ เดินอย่างเดียว เป็นหัวหน้าหมู่ด้วย สะพายเครื่องหลังเต็มพิกัด ต้องถือไม้ง่าม ในใจตอนนั้นยังคิดเลยว่า หากเดินตามถนนคงอ้อมวนรอบเขา ประเดี๋ยวพาเพื่อนเดินลัดเขาดีกว่าจะได้ถึงที่หมายเร็ว ๆ แต่ก็ดีนะ ที่ได้แต่คิด ไม่ได้ทำจริง ไม่งั้นพาพรรคพวกไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ บรรดาแม้วคงงง ที่จู่ ๆ เหล่าเนตรนาหลงทางมาน่ะ 
    
    โห .. จะมีภาคสามไหมเนี่ย เรื่องยาวววววววววววววว เล่ากันถึงชั่วลูกชั่วหลานเชียวน๊า
    
    ส่วนหนังสือที่แนะนำให้อ่านน่าสนใจนะ อ้อ !! คุณเคยอ่านหนังสือมือสองมั๊ย ตอนที่อัลมิตราเรียนหนังสือ อัลมิตราต้องซื้อหนังสือต่อจากรุ่นพี่นะ เพราะไม่มีตังค์ พอตัวเองเรียนเลื่อนชั้นก็ต้องเอาหนังสือขายต่อรุ่นน้อง และก็เอาเงินมาซื้อต่อจากรุ่นพี่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนเรียนจบ หนังสืออ่านเล่น หรือหนังสือนอกจากที่เรียน จึงเป็นอะไรที่อัลมิตราไม่ค่อยจะมีนักหรอกค่ะ ก็เพิ่งจะมีโอกาสตอนเรียนจบ ที่ได้เริ่มทำความฝันให้เป็นจริง ค่อย ๆ หาสะสม ค่อย ๆ เก็บเงินซื้อหนังสือเล่มที่ถูกใจ คุณมีหนังสือเล่มโปรดมั๊ย ? ที่วัดเทพธิดารามในวันที่ 9 เดือนหน้า อาทิวาวานให้อัลมิตราช่วยงานหน่อย ซึ่งอัลมิตราก็รับปากว่าจะไปช่วยงานตั้งแต่เช้า ดูจากกำหนดการแล้ว มีหนังสือทำมือ มีหนังสือที่เขาจะจัดประมูล (บรรดาหนังสือแสนรัก) อยากรู้จัก บรรดาคนที่ชื่นชอบกวี เขาจะมีหนังสือแสนรักอะไรกันนะ ส่วนอัลมิตราน่ะ เพชรพระอุมา..คงเป็นหนังสือชุดที่แสนรักเหมือนเดิมค่ะ
  • อัลมิตรา

    22 สิงหาคม 2549 21:32 น. - comment id 600404

    ตกลงเราสองคน ใครขี้โม้กว่ากันเนี่ย ๕๕๕

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน