พุดพัดชากลอน ๘

อนงค์นาง


สวัสดีค่ะพี่พุด
  
พี่พุดเป็นผู้หญิงที่งามพร้อมทั้งนอกและใน มากด้วยคุณสมบัติ ทรัพย์สินและที่ดิน ชีวิตแบบพี่ เป็นชีวิตที่น้องฝันใฝ่ในวันหนึ่ง พี่ใช้ชีวิตกับชาวบ้าน เป็นสาวบ้านนา ทำคุณประโยชน์ให้สังคมชนบทที่พี่อยู่
เรื่องของความรัก พี่มิได้สนใจ แม้ใครต่อใครจะพยายามเอาชนะใจพี่ เพราะพี่พบแสงสว่างแห่งธรรม พี่ไม่เคยแย่งและช่วงชิงความรักจากใคร  มีแต่ให้และให้ แม้น้องจะได้รู้จักพี่เพียงแค่หนึ่งปี
แต่น้องขอเลือกพี่เป็นต้นแบบ เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับน้อง สายใยรักของโรงเรียนสายน้ำผึ้งระหว่างเราสองคน มีมนต์ขลัง และ นิรันดรค่ะ 
กลอนของพี่พุดมีเอกลักษณ์ ที่ทำให้ผู้อ่านเคลิบเคลิ้ม และประทับใจ น้องขออนุญาตตั้งชื่อว่า พุดพัดชากลอน ๘ นะคะ
 ด้วยรักพี่พุดที่สุด
				
comments powered by Disqus
  • พุด

    2 มกราคม 2553 21:49 น. - comment id 1081421

    flower.JPGV277953_CROP1.jpgflowers-in-forest-la.jpgV262979_161.jpgV277366_Q12.jpg071217691135025.jpg
    น้องรัก...
    ในหลายรอบปี..ที่ผ่านมา
    พี่พุดแสนโชคดี ที่ได้พานพบ
    น้องๆที่มีจิตดวงใสใจดวงงาม
    เมตตารักพี่พุดรวมทั้งผลงานพี่พุด
    
    พี่พุด ไม่เปิดตัวเอง
    ในถนนสายฝันสายสวรรค์ดอกไม้งาม
    เพราะ...
    อยากไร้ตัวตน  
    เสมือนแยกโลกจริงและ
    โลกฝันให้ห่างกันเพื่อจะได้มีอิสรา
    ที่จะสรรสร้างฝันให้บรรเจิดที่สุดค่ะ
    
    มีกระวีกระวาดเพียงคนเดียวค่ะ
    ที่โชคร้ายมาก อิอิ1.gif
    คือ*บุรุษแห่งสายธาร*
    หรือ*ลำน้ำน่าน*
    ที่เค้าประทับใจผลงานพี่พุด
    จากเวบแรกชื่อ*แคชชา*
    
    ที่พี่พุดเคยเขียนและเขียนได้สักพัก
    ไม่นาน
    เวบก็ล่มค่ะ
    ลำน้ำน่านเค้ารักผลงานพี่พุด
    และ..
    เซบผลงานเก็บไว้
    โดยไม่คาดคิดว่าวันนึง
    สวรรค์จะดลฟ้าจะบันดาล
    พรหมจะลิขิตให้เราได้พบกัน
    และพันผูกกันมานานจนถึงวันนี้ค่ะ
    
    จากเวบแรก
    มีน้องคนนึงแนะนำเวบนี้
    *ร่มรักเรือนไทย
    เรือนธรรมเรือนทองแห่งผองเรา*
    *คำนี้พี่พุดนำมาใช้คนแรกค่ะ*
    และ..
    เนื่องจากไม่ชอบท่องเวบมากมาย
    โลกใบเล็กของพี่พุดจึงสงบงาม
    ณ..ที่นี่มานานเหลือเกินค่ะ
    ผ่านพบผู้คนมากมาย
    และ..
    ได้เรียนรู้ว่า..
    โลกแห่งความจริงและความฝันนั้น
    ควรแยกให้ห่างกันค่ะ
    และ
    หากจะให้ผสานกัน นั่นหมายถึง
    ต้องสกรีนคนที่ค่อยข้างจะรักสงบค่ะ
    เพราะ..
    พี่พุดไม่ชอบความวุ่นวาย
    อยากทะนุถนอมใจ จิตไว้รจนางาน
    ธรรมะ ธรรมชาติ..ค่ะ
    
    มีเพียงลำน้ำน่านเท่านั้นค่ะ
    ที่เป็นมิ่งมิตรตามติดเข้ามา
    ในชีวีชีวิตจริง
    
    หลายปีนี้พี่พุด แยกร่างแบ่งภาค
    ไปทำงานหลายด้านค่ะ
    และเพียรเพาะบ่มปัญญา
    เจริญสติมากขึ้น
    พยายามฟังธรรมศึกษาธรรม
    มากขึ้น
    จริงๆ..แล้ว..
    ชีวิตพี่พุดมิได้สมบูรณ์แบบ
    เลยค่ะน้องรัก ...
    เสมือนนวนิยายน้ำเน่า
    แบบ..
    หากเล่า..
    น้องคงตกเก้าอี้กันเป็นแถวค่ะ
    เลยเลือกไม่เล่าลึก
    กับใครค่ะ
    นี่คือการเห็นทุกข์เห็นธรรมค่ะ
    จากการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
    ที่ฟ้าสั่งตรงลงมาให้ชดใช้วิบากกรรมค่ะ
    
    พี่พุด...
    จึงเข้าใจดวงใจผู้คนอย่างเมตตา
    จากเนื้อแท้ จากใจดวงละมุนละไม
    ของพี่พุดเองค่ะ
    
    ที่เล่ามานี้อยากบอกน้องค่ะว่า
    กว่าจะผ่านพ้นพายุ   มาได้ทำให้พี่พุด
    ได้รับบทเรียนมากมายค่ะ
    ที่ทำให้ปล่อยวางได้มากขึ้น
    
    น้องรัก..
    หากน้องอยู่กรุงเทพ
    น้อง..น้องปรางทิพย์
    น้องดอกบัวและ
    อีกหลายคนค่ะ
    เป็นน้องที่พี่พุดอยากพบมาก
    อยากกอดและขอบคุณค่ะ
    ที่รักพี่พุดอย่างจริงใจ
    เหมือนใจเราสื่อถึงกันได้ค่ะ
    ใจเสมอใจ
    จิตเสมอจิตค่ะ
    
    แล้วจะเล่ามาอีกค่ะ...
    รักและซึ้งใจเกินรำพันค่ะ
    
    
    
    เมื่อโลกนี้ไม่มีหญิงช่างฝัน 
    แค่เงียบงันชั่วครู่ใช่สิ้นหวาน 
    ฟ้าสีโศกโลกยังสวยดอกไม้บาน 
    จันทร์ดวงหวานยังผ่านมาในธาตรี.. 
    
    เสน่หาสวาทหวังยังคงอยู่ 
    โลกหมุนคู่สุขเศร้าเคล้าใจนี้ 
    ดาวยังงามยามเยือนแย้มแต้มราตรี 
    ปลอบชีวีมีคืนฝันวันฝากใจ 
    
    ทะเลยังคงครวญคร่ำมิรู้สิ้น
    ราวถวิลปลอบขวัญอย่าหวั่นไหว 
    คลื่นคลอทรายยังร่ายมนต์เรียกดวงใจ 
    มะพร้าวไหวไกวกิ่งทิ้งร้าวราน 
    
    ลำธารใสในราวป่าระรินอยู่ 
    นกคลอคู่ยังกู่ก้องร้องเพลงหวาน 
    พะยอมไพรไหวกิ่งกราวพราวสู่ธาร 
    รุ้งพาดผ่านยังหวานหวังกำลังใจ
    
     เมื่อโลกนี้ไม่มีหญิงช่างฝัน 
    ยามมองจันทร์แจ่มกระจ่างสว่างไสว
     คิดถึงฉันวันไหนเศร้านะดวงใจ 
    พร้อมเคียงใจ..ส่องนำทาง ห่างมืดมน.. !
    
    .............................
    
    ด้วยปีกแห่งฝัน...
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song82.html
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
    (รักข้ามขอบฟ้า..อาลัยรัก)
    .................
    
    
    
    จันทร์เสี้ยว...ดวงเศร้า
    ลอยคว้างอย่างแสนงาม..ในท่ามฟ้าแจ่ม
    
    ผม..
    จุดเทียนวะวับแวมวะวิบวาว
    ในค่ำคืนที่เหงาเปลี่ยว
    ที่ยังพอมีไรแสงดาวระริบหรี่
    
    
    ราตรีนี้...
    ผมตั้งใจมาพลีร่างจิต
    มาสถิตนอน ณ..เรือนจำปี..นานๆที 
    
    แบบที่..
    อยากย้อนรอยถอยบรรยากาศ
    ให้แสนสุขเกษมเปรมปรีย์
    แบบ..ที่
    ให้หัวใจดวงสะออนได้รับกลิ่นไอฝนระรินร่ำ
    
    
    ที่ไม่ว่าจะเป็น
    กลิ่นไอฝนไอฝัน..กลิ่นไอดินที่ไหนไหน
    ในพื้นพสุธาในหล้าโลกนี้..
    ที่...
    ผมเคยไปใช้ชีวีชีวิตมาอย่างนานเนานับสิบปี
    อย่างคนเหงาใจอย่างคนไกลบ้าน 
    
    ก็มิหวานหอมให้ไสวไออุ่นละมุนละเมียด
    ณ..ภายในดวงจิตสถิตงามเป็นสุขนิรันดร์
    ได้เท่าเทียมกันกับ
    กลิ่นไอดินแห่งผืนแผ่นดินไทยนี้..
    ที่เป็นดั่ง..*ผืนดินเกิด..*
    
    
    และกับ..
    ในราตรี...ยามนี้
    ที่ดวงดงดอกไม้ไทย
    กำลังไหวหวาน
    กำลังพร่างผลิผุดช่อละออรวงดวงดอกตระการ
    ไม่ว่า..
    แก้วสราญ ฤา การะเวก  จำปี 
     ที่กำลังน้อมพลีพวง
    ให้แสนหอมห้วงในนวลใจ...ในดวงใจ..
    
    
    ในท่ามความเงียบงามสงบสุข 
    
    ผม...แอบซุกตัวเองกับหมอนนิ่มนวล
    พร้อมกับหลับตา...
    รับอวลหอมอวลงามเงียบแห่งทุกสรรพสิ่ง
    
    
    ผมนอนนิ่งๆ
    ทิ้งใจให้ผสานไปกับความสงบสงัด
    ที่แสนชัดลึกในมโน...นึก
    และ...
    โน่น..บนฟากฟ้า
    ที่มีแสงเดือนพราวดาวระเรื่อราง
    
    ผมเห็น...นกเหล็กสีเงินงาม 
    กำลังกางปีก ร่อนบินไปยังแดนดินไหนก็ไม่รู้
    
    
    ทำให้ผม..
    แสนคิดถึงคนในดวงใจ...อย่างที่สุด
    
    ที่.ราวนกไพร แสนงาม
    ได้ติดปีกแห่งฝัน..
    พลันบินไปทั่วโลกหล้านี้
    และอย่างมีอิสราเสรีอย่างมีความสุข...
    
    ผม...
    ได้ยินบทเพลง..
    วะแว่วหวานมาในท่ามภวังค์รักภวังค์ฝัน
    ......................
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song82.html
    รักข้ามขอบฟ้า ศรีไศล สุชาติวุฒิ
    
    ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น
    ใช่รักจะดั้น ยากกว่านก โบยบิน
    รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้าม แผ่นดิน
    เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล
    ขอบฟ้า ทิ้งโค้งมาคลุมครอบ
    อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ ภายใน
    เหมือนอ้อมกอดรัก แม้ได้ โอบใคร 
    ชาติภาษาไม่ สำคัญเท่าใจตรงกัน
    รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือ สื่อภาษาสวรรค์
    อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
    ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
    ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
    ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
    รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
    ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว
    
    รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์
    อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
    ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
    ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
    ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
    รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
    ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว
    ...........
    
    
    วันนี้..................
    ในยามบ่าย..
    ผมพาตัวเองเดินดายเดียวในตลาดนัด
    ทั้งๆที่มีคนมากมายเดินกันขวักไขว่ราวมดปลวก
    
    ผม..
    เพียงแค่อยากลองหลีกลี้หนีความจำเจ
    ที่ผมเคยชินทุกวารวัน
    ลองไปเดินดูสวรรค์บนดินของนักจับจ่าย
    
    
    ที่มิใช่...
    มีเพียงชาวไทย
    หาก..
    มีผู้คนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
    มาจับจ่ายอย่างเมามันส์อย่าง...สุขสันต์
    ได้..
    เติมสุข
    ด้วยวัตถุที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า..ท้าเงินงาม
    ที่จะวิ่งตามย้ายที่ออกไปตุงในกระเป๋าคนที่ผลิต..
    
    
    
    แต่.............
    สำหรับชีวิต..ผม.
    แค่มาทอดทัศนาความเป็นไป
    และ
    พอให้หัวใจได้สัมผัสแผกบ้าง
    ใช่ฝังตัวเองเพียงบ้าน 
    และทำแต่งาน งานและงาน..
    
    
    ผม...เดินดู บัว บัวเผื่อนบัวผัน...
    บัว...ที่มากี่ครั้งๆ
    แม่ค้าเจ้าประจำผู้รู้ใจจะรีบจัดใส่ถุงให้
    
    ดูต้นไม้....กรายกลีบลีลา
    กล้วยไม้นานาหลากพันธุ์
    ดู ...
    ไอเดียแห่งความฝัน
    ของนักประดิษฐ์รุ่นใหม่
    ที่แสนจะมีไฟแรงในด้านต่างๆ
    
    
    และ...
    พลัน...หัวใจดวงไร้อยาก..
    ก็จำพบวิบาก
    ให้อยากเทเงินงามออกนอกกระเป๋าเข้าให้แล้ว
    ตามประสามนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา 
    
    ที่บางคราก็ยังหนีไม่พ้น..
    แม้นรู้อดทนที่จักรำงับดับได้นาน
    ในทุกกิเลสลามไล้ให้ อยาก อยาก
     เสียมากจนเกินพอดีพอเพียง
    
    
    
    แต่นาที..นี้..
    ที่รายรอบพลีเต็มไปด้วยวัตถุๆ..
    จะอยู่เฉยไปไย...
    
    ก็แค่ตามใจตัวเองนานๆที
    นั่น..ไง...
    ของที่อยากพลี อยากได้..วางไว้ตรงหน้านี่แล้ว
    
    *เจ้าโคมไฟ ...*
    ที่ใช้เชือกควั่นไปมา หากทว่านำไปชุบสีสัน
    ให้มลังเมลืองฝัน ต่างๆกัน...
    
    
    *โคมไฟ ..*
    ที่ทำจากมือน้อยๆของน้องๆ
    ที่
    กำลังขะมักเขม้นร้อยฝันพันถักทอ..อยู่ตรงหน้า
    ให้ผมละล้าละลัง...
    
    
    
    ผม..หยุดเดิน..
    และไม่กี่นาทีตามหลังมา...ก็ตัดสินใจ
     ขอเป็นหนึ่ง
    ในเจ้าของโคมไฟสีน้ำตาลไพลน้ำตาลไหม้
    
    ที่คล้ายทายทัก..รอให้ผมควักเงินซื้อ
    ผม..
    คนที่มักซึ้งซาบอาบอิ่มกับงานทำมือทุกชนิด
    
    
    และ..
    ที่แสนพิสมัยเพราะโคมไฟนี้ราคาไม่แพง
    แถม..
    ให้สีแสนโรแมนติก 
    คิดว่า..
    ยามแขวนไว้จะ..
    พรายพร่างกระจ่างแจ้งวะแวมวับ
    ราวกับ..
    ดาวมากระพริบระริบหรี่ล้อเลยทีเดียว...
    
    
    
    ผม..คิดว่า 
    คงราวแสง
    ในคืนเดือนเสี้ยวประมาณนั้นประมาณนี้
    
    ที่ มาตรแม้น...
    แสงใดไหนเล่า
    จะงามเท่าแสงธรรม แสงธรรมชาติ
    แต่...
    หากจิตใสใจดวงงามเรา
    ยังอยากพิลาสพิไล
    ให้มี...ไออุ่นอวลเอื้อถึงในห้องหับ
    ที่อยากจะเนรมิตให้บรรเจิด...จิตน่าพิสมัยพอกัน
    
    
    และ...
    ไม่นานนาที...
    ที่ สองขานี้ได้เดินมาเดินไป
    เหตุไฉนเล่า..
    สายตาแสนซึ้งเศร้าซุกซน
    จึงพากมล..ให้ไปต้องใจกับข้าวของบางสิ่งเข้าอีกแล้ว..
    
    
    *ปลอกหมอนสีขาว* ขาว
    สะอาดใจสบายตา
    
    ที่ผมนี่หนา..เป็นโรคแพ้ความขาว
    แห่งเครื่องนอนหมอนมุ้ง 
    ที่มีแต่ขาวๆไสว...ไม่ก็นวลๆไข่ไก่
    
    เพราะอะไร...
    เพราะร่างและหัวใจผมรู้สึกสะอาดสว่างสงบ
    ยามพบพาตัวเองไปนอนนะซี..
    
    ยามที่ได้ชิดใกล้ความขาว..
    ราวความงามง่ายไร้สีสันใดใด...
    
    
    
    และ...
    ในท่ามอากาศร้อนระอุ
    ด้วยอุณหภูมิชีวิต 
    ใต้หล้าใต้ฟ้าไทย ณ..นาทีตรงหน้า
    
    ในสายตาสายใจผม
    ไยพลันพาพบกับความหนาวเหน็บ..
    
    
    ในอณูนึกแห่งทุกทุกข์ผู้คน...
    ผองชนที่มากมายในใต้ฟ้า 
    ในหล้านาทีนี้ 
    ที่ผู้คนพากันมองผ่านเฉย
    
    มีชายหญิงวัยชรา สองตายาย
    พากันมานั่งขอทานจากผู้ผ่านใจบุญ
    
    ร่างอันทรุดโทรมดูซ่อมซ่อ รอต่อหวัง
    สามี..ชรานั้น
    เพียรเอาน้ำให้ภรรยาดื่ม เพราะอากาศร้อน
    
    
    
    ผมหยุด...มองนิ่งนาน..
    สะเทือนสะท้อนสะท้านใจ
    
    เสมือน
    ย้อนดูละครแห่งชีวาชีวิตมวลมนุษย์
    ที่..
    ยังมิสิ้นทั้งทุกข์โศกโรคภัย
     แลมากดวงใจมืดบอดในความยากไร้
    
    รอต่อยอดแตกกอบุญ
    รอหยาดละมุน
    จากน้ำค้างน้ำใจ น้ำใสน้ำอมฤตธรรม
    ที่จะ..
    คอยพร่างพรมรินรดหยดให้
    อย่างมากมีเมตตากรุณา
    ราว...
    เพื่อนร่วมโลกชะตากรรม
     มาเกิด แก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
    
    
    
    และสำหรับผม...
    กำลัง..ใช้สายตา 
    พาสายใจสอนสัจจะใจบทเรียนจริง
    อย่างนิ่งทบทวน ในภาพตรงหน้า..
    
    และ...
    ด้วยดวงใจสะเทือนไหวอ่อน
    อย่างอ่อนโยนที่สุดแล้ว
    หัวใจผม..ดวงแก้ว
    ราวลอยมิหยุดยั้ง ...ติดปีกขึ้นเหนือราวฟ้า...ไกล..
    
    มองเห็น..
    ทะเลโลกย์ทะเลโศก ทะเลคนทะเลน้ำตา
    ที่..
    กำลังวนว่ายฟันฝ่า
    ทั้งจากพายุใจ พายุจริง..รอ..ท่วมนอง
    
    
    
    หัวใจผม..ดวงใสเริ่มหม่นหมอง
    กำลังสะอื้นไห้...
    กับมากทุกข์ทนหลายชะตากรรมชีวิต
    ที่ถูกลิขิตมา อย่างหนีวิบากรักวิบากกรรมมิพ้น..
    
    
    
    และ...
    แม้นกระทั่งตัวผมเอง..
    ที่ยังจำต้อง..
    เวียนว่ายปะปนกับทุกข์สรรพสิ่ง
    
    รอเพียงจิตรู้วางนิ่ง สลัดทุกข์พันธนาออกไป
    ด้วยตัวตน..ด้วยกมล..ที่ฝึกจิต..
     อย่างมิท้อแท้ยอมแพ้พ่าย...
    ให้รู้ทันเท่า  ..
    รู้คิดดี  คิดได้  คิดให้ 
    อย่างมิยอม..ลด  ละ เลิกเพียร...
    
    
    
    ผม......
    ค่อยๆดึงจิตกลับมา..
    และ
    กับหน้าที่ เพื่อนร่วมโลก ..ชะตากรรม
    
    ผม..ค่อยๆวางเงินให้
    แล้วหันหลังลามาอย่างช้าช้า 
    อย่างแสนมีความสุขสว่าง ณ กลางใจ..
    
    
    
    ผม..
    คิดว่าชีวิตผม..
    มิยึดติดทุกข์ทนกับเรื่องเงินงาม..
    ก็เพราะ..
    กุศลจิตแห่งความมากเมตตาทานบารมี
    ทั้งๆที่...ชีวิตผมนี้ใช่จะร่ำรวย
    
    หากทว่า...
    ผมก็ไม่รู้ด้วยเหตุใด
    ที่ผมได้เกิดมากับใจดวงนี้
    
    ดวงที่มีกระแสธาร..การให้
     พร่างพรายอยู่ในสายเลือด
    ในชีวาชีวิตมาตั้งแต่ยามเยาว์
    ที่จิตใส คิดได้คิดดี เอง ใช่อยากบรรเลงกระซิบบอกใคร..
    
    
    
    และ..
    ทุกนิยามขั้นตอนแห่งประสบการณ์ชีวิต
    ที่เพียงนิดน้อยหนึ่ง..
    มาพึง..มาเพียรเล่า
    
    เพราะ..
    ผมแค่..  
    อยากระบาย...ให้สายธารแห่งเกษมบุญนี้
    ได้พลี..
    เป็นดั่งบทเรียนไหลละมุน
    
    เพื่อเผื่อแผ่แก่ผู้ที่ยังทุกข์ทน...
    ผองคนแห่งผู้ชิดใกล้
    ที่ยังมีอีกมากมายนัก..
    
    อย่างผู้ที่...รู้รัก..รู้เสียสละ..รู้ปันแบ่ง..มิแล้งไร้น้ำใจ
    ดั่งบัวแล้งน้ำ..
    
    
    
    ให้ทุกนวลเนื้อ..
    แห่งหอมกรุ่น..งามใจ 
    ได้...
     รู้คำล้ำเลอค่า
    คำที่ว่า *ยิ่งให้ยิ่งได้* 
    แม้นเรามิหวังได้ใด..
    
    หากน้ำใส  ...น้ำพระธรรม..
    จะคืนหลังกลับมา..
    มา..
    ระร่ำรินให้ดวงชีวินชีวิตเรา
    ได้พบสิ่งแสนศักดิ์สิทธิ์
    ได้พบ..
    ทิพยนิรมิตพลังธรรมแห่งปิติเกษม..อย่างมิรู้สิ้นรู้จบ..
    
    
    ได้พบแสงธรรมแสงทอง...
    คอยทอดทอรอให้พบ
    ความสว่าง..
    คอยนำทางใจ..ให้แสนไสวพร่างกระจ่างจิต
    ดั่งดวงชีวิตคือ อัญมณีแก้ว ..
    
    ที่จัก...
    แพรวพรายฉายฉันท์..กระจ่างขวัญ 
     ตราบ...จนถึงวันสุดท้าย...
    แห่งลมหายใจนี้
    ที่ช่างแสนสั้นเป็นยิ่งนักแล้ว...
    
    
    
    ผม...
    นอนดูธรรมชาติ ...ในวาดวงว่าง
    และ..
    กับใจดวงเริ่มวาง  ในงามนิ่ง
    กับทุกสรรพสิ่ง
    
    ทิ้งทุกทุกข์มายา...
    
    
    ที่พาดล..ให้ดวงกมล...
    ผมลอยเหนือหล้าและเหนือฟ้าดิน
    
    มิถวิลอยาก...ทั้งทุกข์สุขมารุกโหม
    
    ให้หมองหม่นในกมลนาน กมลราน..อีกเลย..
    ตราบชั่วกาลกัป์ป...ตราบชั่วฟ้าดิน..!
    .........................
    
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
    อาลัยรัก ...ชรินทร์ นันทนาคร 
    
    
    ฉัน รักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหวั่น
    ว่า สัก วัน ฉัน คง ถูกทอดทิ้ง
    มินานเท่าไร แล้วเธอก็ไป
    จากฉันจริงจริง
    เธอ ทอด ทิ้ง ให้อาลัย อยู่กับความรัก
    แม้ มีปีก โผบิน ได้เหมือนนก
    อก จะต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
    ฉันจะบิน มา ตาย ตรงหน้าตัก
    ให้ยอดรัก เช็ด เลือด และ น้ำตา
    
    แม้ มี ปีก โผบิน ได้เหมือนนก
    อก จะ ต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
    ฉันจะบิน มาตาย ตรงหน้าตัก
    ให้ยอดรัก เช็ดเลือด และน้ำตา
    
    
    1.gif
  • อนงค์นาง

    3 มกราคม 2553 07:38 น. - comment id 1081442

    พี่พุดคะ 
    โลกแห่งความจริงและความฝันของคนเราแต่ละคนช่างแตกต่างกันนะคะ ขอบคุณโชคชะตาที่ ทำให้เราได้รู้จักกัน คุณลำน้ำน่าน เป็นมิตรที่โชคดีมาก ที่ได้รู้จักตัวจริงของพี่พุด น่าอิจฉาจังเลยค่ะ ขอให้พี่พุดมีความสุขมากๆตลอดไปค่ะ
    
    ด้วยรักอย่างจริงใจ
    
    36.gif36.gif36.gif16.gif29.gif
  • ตั ว เ ล็ ก

    3 มกราคม 2553 09:56 น. - comment id 1081448

    สวัสดีค่ะ พี่อนงค์นาง
    แวะมาทักทายด้วยความคิดถึง ^^
    ทานข้าวหรือยังคะ
    
    รู้มั้ย  เมื่อคืนนี้แตงไปทานข้าวกับครอบครัวมา
    แตงเป็นคนเลือกเมนู  แล้วให้น้องเป็นคนเขียน
    นี่แตงยังเก็บใบสั่งอาหารของน้องไว้อยู่เลย
    
    ไข่เจียว 1 จาน
    คะน้าหมูกอบ 1 จาน
    ต้มโคล้งปลาเนื้ออ้อนกอบ
    ข้าวสวย 3 จาน
    
    อิอิ  แตงต้องเอามาตรวจทานแก้คำผิดอีกรอบ  
    เพราะกลัวแม่ค้า งง น่ะ
    
    แตงยังไม่ได้สวัสดีปีใหม่พี่ๆเลย  มาช้าเพราะมัวไปเที่ยวอยู่
    สวัสดีปีใหม่ นะคะ  พี่อนงค์นาง 
    แล้วก็.. พี่พุด ด้วยค่ะ^^
    
    36.gif4.gif
  • อนงค์นาง

    3 มกราคม 2553 10:32 น. - comment id 1081452

    สวัสดีปีใหม่ค่ะน้องแตง 
    อาหารที่น้องได้ทานกับครอบครัว น่าอร่อยจังนะคะ 
    พี่เพิ่งทานข้าวเสร็จกับลูกๆ ค่ะ 
    เมนูมี ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง 
    ปลาจาระเม็ดนึ่ง ผักนึ่ง
    ขอให้น้องมีความสุขมากๆนะคะ 
    
    36.gif36.gif36.gif16.gif
  • ธันวันตรี

    3 มกราคม 2553 14:17 น. - comment id 1081487

    พุด...พัดชา
    
    พุดเอย...พุด พัดชา
    ฤๅเธอมาจากฟากฟ้าเพื่อมาปลอบขวัญ
    เธอมอบธรรมะ..ธรรมชาติ...ที่เป็นแก่นแท้ให้แก่กัน
    
    เธอ...สร้างสรรค์คุณค่า  ณ ที่แห่งนี้มา...เนิ่นนาน
    
    ด้วยรัก
    
    
    
    
    36.gif11.gif36.gif
  • อนงค์นาง

    3 มกราคม 2553 18:20 น. - comment id 1081550

    สวัสดีค่ะคุณธันวันตรี
    ขอบคุณนะคะ ที่กรุณาแวะมาทักทายพี่พุดด้วยกัน 
    
    36.gif36.gif8.gif
  • ราชิกา

    3 มกราคม 2553 19:13 น. - comment id 1081570

    ชื่นชมบทกลอนของพี่พุดค่ะ...และเห็นด้วยในความเป็นเอกลักษณ์ของคำประพันธ์......
    
    คุณอนงค์นาง..สบายดีมั้ยคะ..โชคดีปีใหม่ค่ะ...
    
    36.gif16.gif36.gif
  • อนงค์นาง

    4 มกราคม 2553 08:09 น. - comment id 1081692

    สวัสดีค่ะคุณราชิกา 
    ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมกันนะคะ พี่พุดเป็นพี่ในดวงใจตลอดกาลค่ะ ขอให้คุณมีความสุขมากๆนะคะ
    
    36.gif36.gif36.gif16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน