อานาปานสติ - ปฏิจจสมุปบาท

หลี่เหม่ยจิน

คืนวันเพ็ญ เดือนสิบสอง เทศนาสอน
ไล่นิวรณ์ ด้วยอานา ปานสติฐาน
ไล่ลำดับ เฝ้าดูลม เดินลมปราณ
คือการงาน ให้ปฏิบัติ ทุกเช้าเย็น
ขั้นที่หนึ่ง ลมยาว รู้ว่ายาว
ทุกย่างก้าว แม้ลมสั้น ก็แลเห็น
ตามดูลม ทั่วทั้งกาย สงบเย็น
ระงับเห็น ลมสงบ พบเวทนา         
เกิดปีติ อิ่มอาบ น้ำตาไหล
สุขสดใส สดชื่น รื่นหรรษา
จิตสังขาร ปรุงแต่ง ทุกเวลา
ระงับนา พาไปสู่ หมวดจิตตา         
จิตรู้จิต ในจิต สิ่งทั้งปวง
จิตไม่ลวง ปราโมทย์ ร่าเริงหนา
จิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ เอกัตคตา
อุเบกขา ปล่อยวาง ได้พบธรรม      
ตามเห็นธรรม อนิจจัง นุปัสสี
วิราคะ นี้หน่าย คลายดื่มด่ำ
นิโรธดับ อุปาทาน ธรรมในธรรม
สลัดนำ คืนสู่จิต เดิมแท้พลัน        
จิตเดิมแท้ ประภัสสร และผ่องใส
ต้องหมองไหม้ เพราะกิเลส จรมากั้น
อาคันตุกะ สามท่าน มาพบกัน
มีโลภโม โทสันต์ โมหันต์จริง
ให้ท่านละ กรรมชั่ว ฝ่ายกรรมดำ
ให้กระทำ กรรมดี ฝ่ายขาวยิ่ง
ชั่วและดี ไม่พ้นทุกข์ ทั้งสองสิ่ง
ทำจิตนิ่ง ให้ขาวรอก บอกทางไป
ไปเป็นเปรต เหตุโลภะ ละตัณหา
ไปนรก เหตุโทสา เผาจิตไหม้
เหตุโมหะ เป็นสัตว์เด- รัจฉานไซร้
หลงเพลินไป เทวดา และพรหมมา
ภูมิมนุษย์ ทางสายกลาง ให้พ้นทุกข์
ได้พบสุข หลุดพ้น ภพนี้หนา
หมั่นสวดมนต์ ฝึกฝน วิปัสสนา
พระพุทธา พบสัจจะ ปะ" นิพพาน "
พระกรุณา  สั่งสอน  ทางพ้นทุกข์
แสนสนุก กฏปฏิจจ สมุปปาฐาน
อวิชชา ปรุงแต่ง เป็นสังขาร
สู่วิญญาณ รับรู้ นาม-รูป นา
เปิดประตู สู่สฬา- ยตนะ
เกิดผัสสะ กระทบ พบเวทนา
สติทัน ไม่ปรุงแต่ง เป็นตัณหา
อุปาทา(น) ละได้ ไม่ยึดมัน
อุปาทาน เกิดขึ้น จึ่งเป็นภพ
พบความมี ความเป็น เห็นชาติฉัน
มีตัวฉัน ของฉัน ทุกข์เกิดพลัน
วงจรทุกข์ เวียนวัน ฉันและเธอ
พุทธะองค์ ชี้ทาง เพื่อดับทุกข์
ทางพ้นทุกข์ อริยมรรค นำเสนอ
ทางที่ถูก ดับทุกข์ได้ จริงนะเออ
ใครพบเจอ เพียรพ้นทุกข์ สู่นิพพาน.
                                                    
                                         ธรรมะสวัสดีค่ะ
สิ่งที่ได้จากสวนโมกข์คือเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง
อานาปานสติ - สติปัฏฐาน- อนัตตา 
 วงจรปฏิจจสมุปบาท				
comments powered by Disqus
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    28 พฤศจิกายน 2553 22:05 น. - comment id 1170284

    ศิษย์สวนโมก ปฏิจจสมุปบาทต้องไม่คร่อมสามชาติ เหมือนที่เขาสอนพระทั่วประเทศ
    มีชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า เรื่องภพ ชาติ กรมศาสนาน่าจะปรับปรุงหลักสูตรได้แล้ว ไปเอาอย่างคัมภีร์วิสุทธิมรรค ที่พระพุทธโฆษาจารย์อดีตพราหมณ์ที่มาบวชในพุทธศาสนาอธิบายไว้ตามแบบของฮินดู อธิบายคร่อมสามชาติในปฎิจจสมุปบาทสายเดียว ประเทศไทยก็ยังสอนกันอยู่นั่นแล้วไม่เลิกซะที
  • หลี่เหม่ยจิน

    28 พฤศจิกายน 2553 22:50 น. - comment id 1170318

    เออนั่นซิแล้ทำไมถึงมีสามชาติล่ะ
    เห็นวงจรทุกข์ ชาตินี้ทุกข์ทีไรก็ตัดรอบ
    ปฏิจจสมุปบาท ไม่ได้ซักที
    ผัสสะกระทบเกิดเวทนา
    เกิดตัณหา ส่งต่อุปาทาน
    เกิดชาติ ในจิต ส่งต่อภพ และ ทุกข์ทุกที
    ไม่เคยใช้สติตัดทันสักที
    คราวนี้จะผึกใหม่ พอผัสสะกระทบ
    จะตัดตั้งแต่เวทนา ไม่ให้ยินดี-ยินร้าย
    จะได้ไม่มีตัณหา ให้มันบงการเราอีก
    แต่ไม่รู้จะทำได้ซักแค่ไหน
    
    .....จากกระดานบนสวนโมกข์...เขียนว่า
    
    ชาติในปฏิจจสมุปบาท คือการเกิดทางจิต ทางวิญญาณ
    อันจะมีขึ้นทุกคราวที่มีความรู้สึกเป็นตัวกู ของกู , เกิดขึ้นมาในจิต
    และเป็นทุกข์ทางใจอย่างหนักหน่วงทุกคราวที่เกิด ; 
    ส่วนชาติทางกายนั้น มีครั้งเดียวจนกว่าจะเข้าโลง
    และมีทุกข์ทางกายพอสถานประมาณ ไม่ทรมานมากเหมือนทางจิต 
    
                                         พุทธทาสภิกขุ
  • plai

    29 พฤศจิกายน 2553 22:01 น. - comment id 1171004

    ได้ทั้งธรรมะ และบทกวีอันมีค่า
    
    ซาบซึ่งค่ะ
  • คีตากะ

    1 ธันวาคม 2553 00:20 น. - comment id 1171044

    ทุกข์มีอยู่...ผู้เสวยทุกข์หามีไม่
    การกระทำมีอยู่...ผู้กระทำหามีไม่
    หนทางมีอยู่...ผู้เดินทางหามีไม่
    นิพพานมีอยู่...ผู้บรรลุนิพพานหามีไม่
    
    "สมาธิไม่ใช่สมาธิ จิตไม่ใช่จิต"
    
    ภาษาชาวบ้านก็คือว่าเริ่มตั้งแต่เกิดเป็นทารก มีจิตบริสุทธิ์สะอาดดุจดั่งพระอรหันต์ อยู่กับจิตเดิมแท้ตลอดเวลาหรือเรียกว่าอยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้าตลอดเวลา ถ้าคุณถามทารกว่าพระเจ้าคือใคร? ทารกจะตอบไม่ได้เพราะพูดไม่ได้ ทารกไม่มีจิตแบ่งแยกจึงไม่รู้ว่าพุทธกับมารแตกต่างกันอย่างไร ชาย-หญิงเป็นเช่นไร ดี-ชั่วต่างกันอย่างไร แต่อาจกล่าวได้ว่าทารกบริสุทธิ์อยู่ในภาวะนิพพานเรียบร้อยแล้วโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย มีอานาปานะสติ ปฏิจจสมุปบาท เป็นต้น
    
    อัตราการเจริญเติบโตของทารกรวดเร็วมากกว่าปกติ พลังปราณยิ่งใหญ่ สามารถร้องไห้ได้ทั้งวัน อวัยวะเพศแข็งตัวได้โดยไม่รู้จักอารมณ์ทางเพศ ตกจากที่สูงไม่ค่อยเป็นอะไร นั่นก็เพราะทารกมีพลังอันยิ่งใหญ่อยู่กับพระเจ้าตลอดเวลา เหตุเพราะจิตบริสุทธิ์
    
    นั่นเพราะเด็กทารกอยู่ในสมาธิตลอดเวลาใช่หรือไม่? เปล่า สมาธิไม่มีจริงด้วยซ้ำ แต่ภาวะนั้นนั่นแหละเรียกว่าธรรมชาติแห่งจิตเดิม ทารกบรรลุถึงนิพพานใช่หรือไม่ ? เปล่า แต่ภาวะที่ทารกเป็นนั่นแหละนิพพาน ทุกคนที่เกิดมาล้วนเป็นอยู่แล้วแทบทั้งสิ้น ด้วยสาเหตุนี้เองในคริตส์ศาสนาจึงกล่าวว่า "หากท่านต้องการค้นพบพระเจ้า ท่านต้องกลับไปมีจิตใจแบบเด็กๆ ต้องกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จิตบริสุทธิ์ ดินแดนจึงบริสุทธิ์" ดินแดนนั้นก็หมายถึงนิพพาน ซึ่งมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง(ที่จิตบริสุทธิ์)
    
    ณ จุดที่เรายืนอยู่ไม่ใช่ดำเนินไปเพื่อการบรรลุถึงอะไร หรือการเข้าถึงนิพพาน การฝึกปฏิบัติสมาธิในแบบต่างๆ เป็นการกำจัดความคิดแบ่งแยกตั้งแต่ที่เราเกิดมา รวมทั้งความเคยชินเก่าๆในอดีตอันไกลโพ้นด้วย ซึ่งมาพร้อมกับความคิดที่แบ่งแยก อาจารย์ของผมมักสอนว่าดังนั้นวิธีที่เราจะกลับคืนมาสู่จิตใจแบบเด็กๆได้ก็คือ"การเลิกความคิดแบบแบ่งแยก" ที่เราได้เรียนรู้มาตอนขณะโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่มีใครบรรลุถึงอะไร เพราะเป็นอยู่แล้ว(นิพพาน) ดังพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ตรัสว่า "ตถาคตไม่ได้บรรลุถึงอะไร และไม่มีอะไรยิ่งกว่า" ก็หมายถึงสิ่งนี้นี่เอง
    
    โลกปัจจุบันสอนให้เรามีแต่ความคิดแบ่งแยก ตัวกู-ของกู ออกจากตัวเขา-ของเขา เธอ-ฉัน สภาวะคู่ทั้งหลาย การฝึกสมาธิจึงมีความจำเป็นขึ้นมาทันทีเพราะมันแบ่งแยกไปไกลโขแล้ว
    การฝึกสมาธิเหมือนการรวมความสนใจให้เป็นหนึ่งเดียวเพราะจะจดจำตัวตนดั้งเดิมให้ได้ เปรียบเสมือนเอาเลนท์มาวางใต้แสงอาทิตย์ แสงจะรวมเป็นจุดเดียวจนมีพลังสามารถจุดติดไฟได้
    
    แต่การฝึกสมาธิก็มีหลายแบบ การกำหนดลมหายใจ การฝึกโยคะ การเพ่งเสียงและแสงภายใน รวมกว่า ๘๔,๐๐๐ วิถีธรรม แต่ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าสรรเสริญธรรมวิถีกวนอิมว่าเป็นวิถีธรรมที่ล้ำเลิศสูงสุดในการเข้าถึงความเป็นพุทธะ เหนือกว่าธรรมวิถีใดๆ
    ซึ่งตรัสไว้ในพระสูตร เป็นธรรมวิถีแห่งการรู้แจ้งฉับพลัน และถูกถ่ายทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ผมจึงขอแนะนำธรรมวิถีกวนอิม ถ้าหากคุณคิดจะหลุดพ้นโดยเร็วที่สุด เพราะศาสดาของ ๕ ศาสนาหลักของโลกล้วนบำเพ็ญธรรมวิถีนี้ แม้พระพุทธเจ้าเอง....
    
    การกำหนดลมหายใจยังมีข้อจำกัดมากมายอีกหลายด้านที่ผมไม่สามารถนำมากล่าวได้หมด เพราะผมก็เคยทดลองมา แต่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร แต่เมื่อผมมาบำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิมยังเห็นความก้าวหน้าอยู่บ้าง การกลับไปมีจิตใจแบบเด็กทารกดูเหมือนไม่ยาก จิตใจที่แบ่งแยกหรืออัตตาทิฐิที่คอยกางกั้นอยู่ ยังจิตให้เศร้าหมองจนก่อให้เกิดทุกข์มากมายตามมา เราจึงมองไม่เห็นตัวตนของเราเอง
    
    การบำเพ็ญธรรมจึงไม่ใช่เพื่อความสำเร็จหรือบรรลุถึงอะไร(เพราะเป็นอยู่แล้ว)แต่คือการขนขยะออกไปต่างหาก เพราะจิตใจสะสมความเคยชินหรือกิเลสต่างๆไว้มากเกินไปนั่นเอง เมื่อจิตบริสุทธิ์ ความสุขสงบจึงค่อยๆเกิดขึ้นตามลำดับ ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไป มีเพียงจิตหนึ่ง จิตหนึ่งที่เป็นสุญตา ปราศจากกายและจิต กิเลสจะเกาะที่ใด? ไม่มีต้นโพธิ์ ไม่มีกระจกใส ฝุ่นจะลงจับอะไร?
     "จิตเศร้าหมอง ชื่อว่าสัตว์เศร้าหมอง จิตผ่องแผ้ว ชื่อว่าสัตว์ผ่องแผ้ว" ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้น ดับไป เป็นสุญตา ว่างเปล่า สาธุ
    
    
     36.gif36.gif36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน