คนกุลา ..ที่อาลัย

ศรีสมภพ

จะให้กล่าวถึงเราวันเผาศพ
ให้เคารพหรือว่ามาเหยียบย่ำ
จะถ่มน้ำลายรดหรือจดจำ
การกระทำในวันนี้.....จะชี้ทาง
บทท้ายที่คร่ำครวญสำนวนหนึ่ง
สัมผัสซึ้งถึงนิยามคำเขาร่าง
ไม่คาดฝันมั่นหมายจะวายวาง
คงสุดทาง สุดวิถีที่จะอยู่
 คนกุลา   คนนั้นหนามาแต่ไหน
เขาเป็นใครไหนกัน นั่นไม่รู้
ย้อนความหลังครั้งหนึ่งซึ่งมาสู่
เขาก็อยู่บ้านหลังนี้หลายปีแล้ว
งานโคลงฉันท์กาพย์กลอนเขาก่อนนี้
บอกวิถีที่หลากหลายตั้งใจแน่ว
เป็นกวีนักเดินทางผู้สร้างแนว
ที่พราวแพรวดั่งครูกลอนอักษรกานท์
ดาวดวงหนึ่งซึ่งสุกใสในฟากฟ้า
ทอแสงจ้ายามราตรีที่กรายผ่าน
นับแต่นี้.. คงไร้ดาวพราวตระการ
เมื่อมืดม่านมรณา.. มาปิดบัง
จงสถิตนิมิตหมายในสวรรค์
ทุกสิ่งอันที่สรรค์ไว้ในแต่หลัง
ยังสถิตนิมิตมั่นทุกอย่างยัง
จะจีรังยั่งยืนนานแม้กาลล่วง
จะเก็บกานท์งานกลอนที่กลมกล่อม
จะถนอมและรักษ์ไว้อย่าได้ห่วง
อย่าอาลัย.. ไปเถิดนะขวัญแดดวง
ไปโชติช่วงห้วงแห่งดาว.. ของชาวกลอน !
... ขอคารวะวาระท้ายพี่ชายใหญ่
ไว้อาลัย  คนกุลา  คราจำจาก..
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
  ... ก็คงอยู่ที่สร้างทางวันนี้
  กับวันที่เหลืออยู่สู่จุดหมาย
  สิ่งพบแท้แน่นิยามคือความตาย
    จะเหลือไว้สิ่งใดให้โลกจำ !
( บทหนึ่งในสำนวนของ.. คนกุลา )				
comments powered by Disqus
  • กทก.

    23 พฤษภาคม 2555 10:05 น. - comment id 1234485

    36.gif
  • พุด

    23 พฤษภาคม 2555 10:58 น. - comment id 1234492

    100518195.jpg
    เกี่ยวกับ
    เหตุผลและวัตถุประสงค์ในการตั้งเพจกวีวงศ์
    
    ผมเคยตั้งวงกวี ขึ้นในรูปกลุ่ม วันนี้มีเพื่อนฝูงบางท่านแนะนำว่า หากสร้างวงกวี ขึ้นในรูปเพจ ของเฟสบุ๊ค จะสามารถสื่อสารกับคนได้มากขึ้น กว้างขวางขึ้นให้วงกวีสามารถสร้างประโยชน์กับประชาชนวงกว้างได้มากขึ้น เพราะสามารถเปิดตัวออก สู่สาธารณะชนในเฟสบุ๊คได้กว้างขึ้น
    
    และเพื่อไม่ให้สับสนกับกลุ่มวงกวี ผมจึงเปลี่ยนชื่อเพจนี้ เป็นกวีวงศ์ ครับ
    
    ตอนตั้ง กลุ่มวงกวี ขึ้นครั้งแรก คำถามแรกที่ตามมา คือคำถามว่า วงกวี คื...ออะไร.
    ก็ตอบว่า คือวงที่ต้องการ รวบรวมผู้ที่สนใจสืบสานงานวรรณกรรม บทกวี
    ความรู้เรื่องวรรณกรรม เพื่อถ่ายทอดสู่คน รุ่นต่อๆไป
    อีกทั้งสมาชิกในกลุ่มวงกวีหลายท่านก็ช่วยกันตอบ
    ในเนื้อความที่ใกล้เคียงกัน
    
    ดังนั้นคำตอบสำหรับคำถามในเพจกวีวงศ์ ก็คงเป็นเช่นเดียวกัน 
    
    ตอนทำกลุ่มวงกวี นอกจากวั๖ถุประสงค์ข้างต้นแล้ว ผมเอง ยังพบว่า 
    การมาร่วมกันสร้างสรรค์บทกวี 
    ผมพบว่า ไม่เพียงแต่ผมได้พบปะกับเพื่อนๆในเฟสบุ๊คมากขึ้น
    ผมยังพบว่ามีหลายท่าน น่าคบหาอย่างยิ่ง
    แม้เพียงการสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ ก็ตาม
    ผม พบ คนที่ต้องการ เห็นคนกับคนสัมพันธ์กัน
    อย่างยุติธรรมมากกว่านี้ โลกที่คนปรารถนาดีต่อกันมากขึ้น
    คนที่ต้องการเห็นโลกใบนี้ น่าอยู่มากขึ้นในทุกวัน
    อยากเห็นฟ้าสีฟ้า..
    ทะเลสีคราม..
    ป่าและผืนดินสีเขียว..
    มากยิ่งๆขึ้น
    
    ผมพบกวี ฝีมือดีๆ หลายต่อหลายท่าน
    ผมพบ คนหนุ่มสาว
    ผู้ที่ต้องการสืบทอดงานวรรณกรรม
    อย่างเร่าร้อนและจริงใจ
    
    มาวันนี้ ผมกำลังขยับขยาย บทกวีที่เราร่วมกัน่มสร้างสรรค์ขึ้นในกลุ่มวงกวีมาสู่หน้าเพจกวีวงศ์
    ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สมาชิกเดิมๆของกลุ่มวงกวี จะช่วยกันสร้างสรรค์วงกวี ทั้งในรูปกลุ่ม และกวีวงศ์ในรูปเพจ ให้มีประโยชน์ต่อคนผู้สนใจมากยิ่งขึ้น
    
    เพราะว่าไม่ว่าวงกวี หรือกวีวงศ์ หรือ่ในรูปใดๆ ผมก็หวังจะให้เป็นสมบัติของทุกท่าน นะ ครับ
    ดังนั้นหากท่าน มีข้อแนะนำอันใด หรืออยากเข้ามาช่วยตรงไหน
    ส่งเสียงบอกมานะครับ...
    ผมอยากฟัง และ จะพิจารณาเพื่อดำเนินต่อไป ครับ...
    
    ด้วยความปรารถนาดี..
    จากผู้ริเริ่ม วงกวี และกวีวงศ์
    
    แด่..ทุกท่าน ครับ.
    
    จากใจ 
    
    คน กุลา
    
    
    
    
    
    นกฟินิกซ์
    คือตัวแทนแห่งไฟ 
    หมายถึง ความรุ่มร้อน ความอบอุ่น
    และอ่อนโยน 
    
    ไฟมีความแตกต่างจากฟ้า
    ตรงที่ไฟยืดหยุ่นกว่า 
    เปลวไฟอ่อนลู่ได้ตามสภาวะ 
    
    บางครั้งจึงดูคล้ายโลเล ไม่คงสภาพ 
    ไร้กฎเกณฑ์ 
    
    นกฟินิกซ์ยังมีความหมาย
    ถึงความเป็นอมตะอีกด้วย 
    
    เพราะเมื่อถึงอายุขัยแล้ว 
    มันก็จะเผาไหม้ตัวเองด้วยไฟ
    แล้ว
    ฟื้นคืนชีพขึ้นมีอีกครั้ง 
    
    ตำนานแห่งฟินิกซ์
    ปรากฏอยู่ในอารยธรรมโบราณมากมาย 
    
    นกฟินิกซ์มีขนาดใกล้เคียงกับนกอินทรี 
    มีสีแดงเข้มและมีแผงคอสีทอง
    หรือผสมด้วยสีแดงและสีน้ำเงิน 
    
    นกฟินิกซ์เป็นนกที่มีอยู่ตัวเดียว 
    อาศัยอยู่ในอารเบีย 
    
    เรื่องราวเริ่มแรกของนกฟินิกซ์
    มาจากวรรณกรรมกรีกโบราณ
    ที่ชื่อว่า Account of Egypt 
    ของกวีเฮโรโดตัส 
    ประมาณ 430 ปีก่อนคริสตกาล
    
    ตามตำนานกล่าวว่า 
    นกฟินิกซ์มีอายุ 500 ปี 
    เมื่อถึงเวลาที่ใกล้จะหมดอายุขัย 
    นกฟินิกซ์จะล่วงรู้ถึงชะตากรรม 
    มันจะสร้างรังจากไม้ฟืน 
    และ..
    นั่งคอยที่กองฟืนและร้องเพลง 
    
    เมื่อแสงอาทิตย์แรกสาดส่อง 
    นกฟินิกซ์จะแผดเผาตนเอง
    กลายเป็นเถ้าถ่าน 
    
    จากเถ้าถ่านนั้น
    นกฟินิกซ์ตัวใหม่จะเกิดขึ้น
    
    งานแรกที่มันจะต้องทำ คือ 
    การรวบรวมเถ้าถ่าน
    ของพ่อแม่และนำฝังที่เฮลิโอโปลิส
     (เมืองแห่งตะวัน) 
    และ..
    บินกลับไปยังอารเบีย 
    
    จุดกำเนิดตำนานเกี่ยวกับนกฟินิกซ์นี้
    อาจมาจากหนังสือ
    แห่งเวทมนตร์เล่มหนึ่งที่ชื่อว่า
     Book of Dead 
    
    ในหนังสือนี้กล่าวถึงนกยักษ์
    ซึ่งมีลักษณะคล้ายนกฟีนิกซ์ 
    นกยักษ์ตัวนี้
    เป็นต้นแบบของวิญญาณอิสระ
    ซึ่งลุกขึ้นมาจากกองเพลิง
    และบินไปยังเฮลิโอโปลิส
    เพื่อประกาศยุคใหม่ 
    
    เพราะว่า..
    ดวงอาทิตย์ได้สาดแสงไล่หลังนก
    ซึ่งบินจากตะวันออกไปยังตะวันตก 
    นกจึงปรากฏตัวพร้อมกับรุ่งอรุณ 
    
    
    การที่นกฟินิกซ์สามารถเกิดใหม่ได้
    จากเถ้าถ่านของตนเอง 
    
    ความนัยจากสัญลักษณ์นี้
    ทรงอำนาจมาก 
    ซึ่งเป็นตัวแทน
    ของการฟื้นคืนจากความตาย 
    และ
    ยังสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กวี 
    
    จนเรื่องราวแห่งนกฟินิกซ์
    แทรกซึมเข้าไปอยู่
    ในวรรณกรรมยุโรปทั้งหมด 
    
    ตำนานหรือเรื่องราวของนกชนิดนี้
    เล่ากันว่า 
    เป็นนกที่มีวงจรชีวิตยาวนาน
    ถึง 500 ปี 
    
    ในช่วงสุดท้ายของชีวิต 
    นกฟีนิกซ์จะก่อกองไฟขึ้นเผาตนเอง 
    เพื่อกำเนิดขึ้น
    เป็นนกฟีนิกซ์ตัวใหม่ที่เยาว์วัย
    จากกองขี้เถ้านั้น 
    และ..
    ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกจนครบ 500 ปี 
    วนเวียนกันอยู่เช่นนี้
    
    จากประวัติศาสตร์อันยาวนาน
    ที่ผ่านมา 
    ไม่เคยมีผู้ใด
    มีโอกาสพบเห็นนกฟีนิกซ์ตัวจริงเลย
    แม้แต่สักครั้งเดียว
    
    จึงอาจกล่าวว่านก
    ฟีนิกซ์มีอยู่เฉพาะในตำนานเท่านั้น 
    และ..
    เป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมา
    ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณจนถึงสมัยกรีก 
    
    ซึ่งเชื่อกันว่า
    ชาวกรีกรับเอาความเชื่อ
    หรือ
    แนวคิดของนกฟีนิกซ์
    มาจากชาวอียิปต์ 
    
    เนื่องจากชาวอียิปต์
    จะมีตำนานของนกชนิดหนึ่ง
    ที่คล้ายคลึงกันชื่อว่า นกเบนนู 
    ซึ่ง..
    มีรูปร่างคล้ายกับนกกระสา 
    พบในภาพเขียน
    และภาพแกะสลักของชาวอียิปต์ 
    
    นกเบนนูเป็นนกที่บูชาพระอาทิตย์
    เช่นเดียวกับนกฟีนิกซ์ 
    และ
    จะเผาตนเองในกองเพลิง
    เพื่อมีชีวิตใหม่ 
    ดังนั้น
    จึงมีความเป็นไปได้ว่า 
    ชาวกรีกจะนำเอาความเชื่อนี้
    มาดัดแปลง
    ให้เกิดเป็นนกฟีนิกซ์ขึ้นในเวลาต่อมา 
    
    รูปร่างหน้าตาของนกฟีนิกซ์นี้
    มีผู้รวบรวมและบันทึกเอาไว้ว่า 
    เป็นนกที่งดงามและสง่างามอย่างมาก 
    ดูคล้ายกับนกอินทรี 
    นัยน์ตาสีฟ้าสดใสเป็นประกายวาววับ
    มีหงอนบนศีรษะ 
    ปากงุ้มเหมือนปากนกเหยี่ยว 
    ขนเป็นสีทองทั่วทั้งตัว 
    
    เว้นก็แต่ตรงบริเวณคอเท่านั้น
    ที่มีสีออกแดงม่วง 
    เกล็ดตามหน้าแข้งเป็นสีทอง
    และมีเล็บสีดอกกุหลาบ 
    
    บางตำนานกล่าวว่า
    นกชนิดนี้อาศัยอยู่ในป่าศักดิ์สิทธิ์
    ที่เรียกว่า..
    ป่าแห่งพระอาทิตย์ 
    ซึ่งเป็นป่าที่สวยงามมาก 
    สภาพอากาศภายในป่า
    ไม่เคยเปลี่ยนแปลง 
    ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป 
    
    ต้นไม้ไม่เคยผลัดใบ 
    ดอกไม้ไม่เคยเหี่ยวเฉาร่วงหล่นจากต้น 
    ทุกๆเดือน
    จะเกิดน้ำพุธรรมชาติใสสะอาด
    ผุดขึ้นมาจากใต้ผืนดิน 
    เพื่อให้นกฟีนิกซ์
    ได้ชำระล้างเนื้อตัวให้สะอาด 
    
    หลังจากนั้นนกฟีนิกซ์
    จะบินขึ้นไป
    เกาะบนยอดไม้ที่สูงที่สุดของป่าศักดิ์สิทธิ์นั้น แล้ว..
    ผงกศีรษะคำนับพระอาทิตย์สามครั้ง 
    และ..
    กางปีกหมุนตัว
    รับแสงแดดที่ส่องสว่างลงมา 
    
    ระหว่างนั้นก็จะร้องเพลง
    ที่ไพเราะราวกับนกไนติงเกล 
    เพื่อเป็นการแสดงคารวะต่อพระอาทิตย์ 
    
    ในตำนานตะวันตก
    บันทึกไว้ว่า 
    นกฟีนิกซ์
    มีเพียงเพศเดียวเท่านั้น คือ เพศผู้ 
    ถึงแม้ว่า..
    นกฟีนิกซ์จะมีตัวตนอยู่จริง ๆ 
    ก็น่าเชื่อว่า 
    จะไม่มีผู้ใดสามารถเลี้ยงนกชนิดนี้
    ไว้เป็นสัตว์เลี้ยงได้ 
    
    เนื่องจากนกฟีนิกซ์
    จะไม่กินอาหารธรรมดา ๆ 
    อย่างเช่นนกชนิดอื่น ๆ กินกัน 
    
    อาหารที่ไม่ธรรมดานี้
    คือ สายลมอ่อน ๆ น้ำอมฤต 
    น้ำค้างที่ตกจากฟากฟ้า 
    หรือ
    หมอกบริสุทธิ์
    ที่ลอยขึ้นมาจากแม่น้ำหรือทะเล 
    
    เพราะเหตุนี้
    นกฟีนิกซ์จึงกลายเป็น
    นกในตำนาน
    ที่มีความเป็นอยู่อย่างลึกลับ 
    
    เมื่อถึงคราวชราก็จะเผาตนเอง 
    และชุบตัวขึ้นใหม่กลาย
    เป็นนกที่เยาว์วัยและสดใส 
    
    การมีชีวิตที่ยืนยาวเช่นนี้
    รวมถึงการเกิดใหม่
    จากกองขี้เถ้าของตนเอง 
    
    ซึ่งทำให้คิดกันว่า 
    นกฟีนิกซ์เป็นสัญลักษณ์
    ของความเป็นอมตะ 
    
    ในช่วงต้นของศาสนาคริสต์ 
    ได้นำเอารูปของนกฟีนิกซ์
    มาสลักเป็นลวดลายประดับหิน
    ปิดหลุมฝังศพ 
    
    โดยมีความหมายว่า 
    ผู้ที่จากไปแล้ว
    จะกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ในอนาคต 
    และ
    ใช้ในความหมายอื่น ๆ
    ในเรื่องที่เกี่ยวกับ
    ความเชื่อมั่นและความแน่นอน 
    
    แต่เมื่อมาถึงในช่วงสมัยกลาง 
    ความเชื่อนี้ก็ค่อย ๆ เลือนหายไป 
    
    นกฟีนิกซ์
    จัดเป็นนกในตำนาน
    ที่มีผู้กล่าวขวัญถึงมากอีกชนิดหนึ่ง 
    มักจะมีคำพูดที่กล่าวขึ้นลอย ๆ ว่า
    
     นกฟีนิกซ์*
    เป็นนกที่มีผู้คนพูดถึงมาก 
    แต่ไม่มีใครรู้จักมันอย่างแท้จริง 
    
    รายละเอียดของเรื่องราว
    และรูปร่างหน้าตาของนกชนิดนี้
    ก็เป็นเพียงเรื่องเล่าขานกันต่อๆ มา 
    
    มีบันทึกมากมาย
    ที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับนกฟีนิกซ์ 
    ซึ่ง..
    แตกต่างกันออกไปมากบ้าง น้อยบ้าง 
    
    แต่สิ่งที่เห็นเหมือน ๆ กัน
    คือ นกฟีนิกซ์
    ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่
    ในตัวของตนเอง 
    
    ซึ่งหมายถึงการนำไปสู่สิ่งดี ๆ 
    ที่จะเกิดขึ้นต่อไป..
    
    36.gif16.gif36.gif
  • สุนทรวิทย์

    23 พฤษภาคม 2555 11:21 น. - comment id 1234497

    ใจหายครับที่ทราบข่าวนี้ ผมเคยอ่านผล
    งานของท่าน รู้สึกชื่นชมความรู้ความสา
    มารถเป็นอย่างยิ่ง ท่านเคยชี้แนะข้อผิด
    พลาดให้ผมด้วยตอนเข้ามาใหม่ๆ ตกใจ
    ครับที่ทราบข่าวร้ายนี้ เสียดายและขอ
    แสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับญาติมิตร
    ของท่านด้วยครับ
    10.gif29.gif29.gif29.gif36.gif36.gif36.gif
  • พุด

    23 พฤษภาคม 2555 11:37 น. - comment id 1234502

    **ฝันนกไฟ ....ไยต้องรอ..?** 
    คนกุลา 
    
    คือตำนานนกไฟในเวหา
    จิกกินดาริกาเป็นอาหาร
    ระเริงร่ายว่ายฟ้าทิวาวาร
    รัตติกาลหลับไหลใต้กิ่งดาว
    
    ท่องไปในไพรสรวงแห่งห้วงนึก
    และรู้สึกในราวรวงแห่งห้วงหาว
    หากินในทางช้างเผือกแห่งเทือกดาว
    หอบลมพราวห่มร่างในทางเดือน
    
    เกิดขึ้นกลางกองไฟที่ไหม้โลก
    หลั่งฝนโศกแสนห่าจนฟ้าเปื้อน
    เขย่าเสาค้ำโลกโศกสะเทือน
    คอยมาเยือนผู้รู้ใจในคืนวัน
    
    อยากสร้างตำนานใหม่ในฟากฟ้า
    แต่เมื่อคนกุลายังห่วงฝัน
    ห่วงใบนวลยวลใจในพร่างจันทร์
    รอนะฝันพ่อนกไฟให้รอนวล
    
    36.gif16.gif
  • พุด

    23 พฤษภาคม 2555 11:42 น. - comment id 1234504

    SpringWithBird.jpg
    เจ้านก..นิรันดร์..ในดวงใจ...!
    
    เจ้านกไพรในใจนวลมณี
    มาวันนี้ข้าจะปลดปล่อยเจ้า
    ให้โผผินบินจากดินสู่ดวงดาว
    สู่พร่างพราววิมานเพชรหฤทัย
    
    ข้ายอมเหน็บหนาวราวไร้จิต
    พลีชีวิตให้เจ้าสู่โลกกว้างใหญ่
    พเนจรรอนแรมเรียนรู้อ้อมกอดไพร
    ดื่มน้ำค้างใสแทนน้ำทิพย์จิบนิรันดร์
    
    จงเป็นนกที่กล้าหาญ
    รักดอกไม้บานรักอิสรารักฟ้าฝัน
    รักโลกนี้พลีทุกสิ่งเอื้อโอบปัน
    โลกจินตนาการขวัญรอดวงใจไม่รวนเร
    
    ให้ปีกใสใจดวงงามบินเหนือโลก
    ไกลจากโศกจากสุขเสน่หา
    รู้ทุกข์สรรพสิ่งรายรอบเราคือเหว่ว้า
    
    ชั่วพริบตามายาฝัน...
    วันสองเราก็หายไป..วันรักเราก็หายไป....!
    
    
    36.gif16.gif
  • พุด

    23 พฤษภาคม 2555 11:52 น. - comment id 1234507

    
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219(เดือนต่ำดาวตก)
    
    เจ้านกไพร ในใจนวล
    
    นวล..รอนกไพรกลับมาซุกปีกซบใจ นานเนิ่นเกินนับราวชั่วกัปป์กัลป์
    ปี..เดือน..วัน ฝันพรายพลัดให้พรากจากมิพบเจอ
    
    วันนี้!..นกไพรนกในใจนวล คืนคอนรอนแรมคืนรังเก่า..
    หัวใจนวลพลันสุกใสดั่งดาวประกายพฤกษ์
    
    นกไพรในใจนวลยืนอยู่นั่น!ตรงหน้านวลนี่แล้ว
    ใต้ร่มไม้ใต้เงาดาวใต้แสงจันทร์
    
    
    นวลก้าวพลันออกมาจากเงามืดริมชานเรือน 
    ท่ามกลางแสงจันทร์เพ็ญอาบพร่างร่างนวลละมุนหวาน..
    
    เรียวตาสีสนิมเศร้า ร้าวรานจ้องจับนวลอย่างไม่เชื่อสายตา
    ราวกับว่านวลคือนางไพรนางในฝันพลันโผล่มาจากสวรรค์สรวง..
    
    นวลยิ้มรับหวานเศร้า แลเห็นพราวน้ำนัยน์ตาเขาวะวาววับ
    เสียงเขาครางราวกับหวนไห้โหยหา ใครสักคน.
    
    
    และใช่!..เลย
    นวลรู้ดี..ไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติ รอยพิสวาส
    ที่เขาฝากไว้กับนวล มิมีวันจะลาเลือนลอยลับลาล่วง
    ดั่งดวงดาวที่จะทอแสงสกาว..
    ประดับฟากฟ้ายามราตรีชั่วชีวาชั่วชีวีมิเลือนลับดับดวง...
    และ..
    นวลก็ซึ้งดีว่าในทุกนาทีแห่งโลกหมุน..
    หากเขาดายเดียวไร้ใครเหลียวแลปลอบประโลม
    เขาก็จะยังมี..นวลคนนี้ ที่ยินดีจะเคียงข้างมิร้างราแรมไกล
    ที่จะเป็นดั่งนางฟ้าดั่งดาวประดับใจส่องนำทางใจให้พ้นมืดมน.
    
    .
    นวล..ยังจำรอยรักรอยพิสวาส บาดใจเนิ่นนานปีกับราตรีที่ผ่านลาเลย
    เป็นรอยรักรอยใจรอยอดีตที่คิดคราใดก็หวามไหวมิรู้เสื่อมสลายคลายมนต์..
    
    คืนที่ฟ้าเบื้องบน..เป็นพยานใจ 
    พ่อแม่ญาติมิตรพี่น้องรู้เห็นเป็นใจยินดีปรีดาพากัน 
    หลั่งน้ำสังข์..สวมมงคลคู่สู่สองดวงใจ
    ให้คล้องสายใจสายใยรักรวมเป็นหนึ่งเดียว..ชั่วกาลนานนิรันดร์
    คืนที่ฟ้าปรานี..คืนที่ฟ้าแสนหวานแสนงาม
    ให้นกไพรซุกซบกับอ้อมอกอ้อมใจอ้อมตักตราบชั่วกาล
    ในคืนหวานในคืนเพ็ญเด่นดวงอย่างเช่นค่ำคืนนี้..
    
    
    ณ..คืนนั้นที่เขาคนดีเป่าขลุ่ยเพลงเดือนเพ็ญ
    พร่ำพลอดออดอ้อนพะเน้าพะนอรัก
    เคล้าไปกับหวานซึ้งของโมกกอ 
    กับหอมละออของดงดอกราตรีริมชานเรือน
    กับลำดวนดงส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจาย 
    กับพรายพระจันทร์หวานหยาดสายไล้โลมร่างงาม
    กับเงาไม้ล้อลมระริกไหว
    กับกอไผ่ซัดส่ายซอนเซาะซอกแซก 
    แหวกหวานหว่านมนต์ดนตรีธรรมชาติ
    
    
    เสียงดุเหว่าแว่วมาพาให้หัวใจละมุน 
    เขาคนดี..ค่อยๆคลึงเคล้าเล้าโลมละมุนจูบแผ่วริมเรียวแก้มปากคอคิ้วคาง
    อย่างแสนรักแสนหวงยอดดวงใจที่เขาคอยพร่ำเพ้อรำพัน
    อยากกกกอดทั้งวันมีผันแปรร่างห่างเจ้านวลหอมหอมแม่จอมขวัญจอมใจ
    
    
    ท่ามกลางดาวพราย ดวงดอกไม้เริ่มขยายกลีบละออ
    รอน้ำค้างพร่างรับอุษาสาง
    แสงจันทราทอทอดลอดผ่านม่านใบไม้ลายดอกแก้ว..
    มุ้งม่านพลิ้วไหว แสงตะเกียงริบหรี่ส่องรำไร สู่ร่างนวลละออ งามล้ำ
    เขาเฝ้าแต่พร่ำบรรเลงบทเพลงรัก
    ตราบจนอุษาฟ้าสางจนอรุณเรื่อราง..สว่างหอมน้ำค้างไพรน้ำค้างรัก
    
    
    
    เป็นความรัก..ความงดงาม หมดจดใจ จากเนื้อนวล นวลเนื้อ นวลใจ
    นวลนางกลางไพร ที่พิลาสพิไลพิสุทธิ์ผุดผ่อง 
    ดั่งน้ำค้างไพรกลางกลีบเกสรดอกไม้แห่งรัก
    ภักดีพลีพร้อมหลอมรวมร่างใจและจิตวิญญาณ
    ที่ผ่านเพาะเพียรบ่มอดทนการรู้ค่ารักค่ารอ 
    อย่างหญิงดีมีค่า ให้สมกับคำล้ำค่าคำว่ากุลสตรีไทย 
    ที่เกิดมากับพงไพร ฟ้าใส ดาวสวย
    ในชนบทงาม ที่รักแล้วต้องรู้รอวันหวานด้วยการรักษาร่างรักษารักภักดี
    ให้ผ่านพิธีวิวาห์สืบทอดรักษาวัฒนธรรมไทยวัฒนธรรมรัก
    จักธำรงงามดำรงอยู่รู้ค่ารักหนักแน่นมั่นคง
    รู้สัตย์ซื่อถือตรงในชายเดียวหญิงเดียว...
    
    
    *******
    และไม่นานกับวันปีผันผ่านกับกาลเวลาแห่งคืนหวานหอม
    ใครจะรู้..
    ชะตา ฟ้า ดิน นรกฤาสวรรค์พลันดลบันดาล..
    
    หัวใจลูกผู้ชายคนดีคนแกร่งคนเก่งคนกล้าเกินกว่าใคร
    จำต้องเลือกตัดสินใจลาจากด้วยเงื่อนไข งานดีเงินงาม
    สู่เมืองแสงสีศิวิไลซ์ สู่ความซับซ้อนใจสับสนอลวนอลเวงแห่งเมืองลวง
    เมืองแห่งแสงสี ที่ต้องสู้ที่มีทั้งคนดีคนชั่ว
    คละเคล้าเกลือกกลั้วกันทั่วไปทุกสังคมเมืองใหญ่..
    
    
    แสงสีที่เขาเคยเกลียดชัง..
    นกไพรจำจากรวงรักแห่งรัก รอนแรม
    ไร้ร้าง อ้างว้างเปลี่ยวเหงาดายเดียว 
    ทิ้งนวล..ราวข้าวรอเคียวเกี่ยวเก็บกับแม่พ่อที่ท้องทุ่งรวงทอง
    นองน้ำตารอรอและรอ...
    
    เพื่อรัก เพื่อความหวัง เพื่อพลังใจ..จะมีเงินกลับมาพลิกฟื้นผืนดิน 
    หมดหนี้สิ้นหมดภาระผูกพัน..หน้าที่ทางใจ ...
    เยี่ยงคำว่าลูกผู้ชายหัวใจไพรไม่ทิ้งชาติเชื้อทรนง..
    ที่พร้อมพลียินดีเสียสละให้ผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจ 
    ที่ฝากความรักความฝันความหวังไว้ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว!
    
    นกไพร..ใจอ่อนล้า ร่างกายผ่ายผอมตรอมตรมใจ
    ในกรุงกรง...หลงทำงานให้ลืมวันลืมคืนเหมือนอยากหลับมิรู้ตื่น
    ฝืนเผชิญฝันร้ายฝันเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงาลำพัง..
    ********
    กระทั่งวันนี้...
    วันที่นกไพร ตัดสินใจคืนคอน 
    จบละครโลกบทโศกสะเทือนใจ
    ฝากสอนใจฝากตำนานคนสู้มิรู้ถอย
    คอยเวลาด้วยความอดทนเพียรพยายาม..
    รอเวลากลับสู่เรือนชานรวงรังแห่งรัก
    สู่อ้อมตักอ้อมใจอ้อมกอดยอดดวงใจ
    แม่พ่อและนวลละออนางใจเพียงหนึ่งเดียวในชีวี..
    
    
    
    นกไพร..ดำรงร่างทำหน้าที่แห่งหัวใจลูกผู้ชายได้อย่าสมภาคภูมิ
    บนเวทีแห่งเกียรติยศ หวังฝากผลงานงามปรากฏเกียรติเกริกไกร
    รับรางวัลใหญ่บนเวทีระดับชาติ จากพรสวรรค์บวกพรแสวง
    สู่เส้นทางงามเส้นทางสายฝันด้วยความขยันอดทนเพาะเพียรบ่ม
    ด้วยเลือดรักนักสู้เป็นดั่งตำนานใจตำนานไพรไปชั่วกาล..
    
    
    และ
    นกไพรได้ปิดฉากชีวิตอันยิ่งใหญ่อย่างงดงามตระการตาตระการใจ
    ฝากชื่อลือค่าไว้กับผืนดิน ฝากร้อยรจนาบทถวิลเป็นธรรมทาน
    หว่านโปรยสู่ดวงใจผองชนผู้ทุกข์ทนยากผู้สิ้นไร้หวัง
    
    ให้หาญกล้าทายท้าเผชิญโลก
    อย่างผู้รู้ตน ผู้รู้รักรู้ธรรมนำมาเกื้อกมลเกื้อโลกละมุน.. 
    
    
    ลดเร่าร้อนรุนแรงทุกแห่งหนในโลกหล้า..
    ดั่งสายธาราดับแล้งทุกแห่งหนทุกผืนดินพร่างพรม
    ห่มด้วยความรักน้ำใจอภัยเมตตากันและกัน
    ฉันท์น้องพี่เพื่อนร่วมโลกแบ่งโศกปันสุขรวมโลกนี้เป็นหนึ่งเดียว
    *****
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem41310.html
    
    
    นกไพร..เจ้านกไพร..
    น้ำตาปิติ..จากใจดวงงาม  กำลังพร่างสายรินไหล
    หอมละเมียดหอมละไมหลอมละลายไปกับรอยจูบดื่มด่ำกับเรียวแก้มนวล!
    
    16.gif36.gif
    
    ความคิดเห็นที่ 9 : หมายเลข 465876  
    
    เจ้านกไพรในใจนวลหวนถวิล
    ก่อนร้างสิ้นด้วยรักจักถามหา
    จำจากหนองนาบางจากห้างนา
    เพียงเพื่อว่าเข้าหากินในถิ่นกรุง
    
    เพื่อหาเงินมาสานต่อก่อรังรัก
    เพื่อหาหลักมาพยุงเรื่องยังยุ่ง
    หวังสร้างหลักปักฐานงานผดุง
    ก็ในกรุงมีช่องทางสร้างตัวตน
    
    เจ้านกไพรใจกล้าบากหน้าบ่าย
    ร่อนร่ายเร่ไปในทุกหน
    สร้างสรรค์ขายแรงแข่งผู้คน
    สับสนเดียวดายไร้คนเกย
    
    ปล่อยให้นวลเดียวดายอยู่ปลายขวาน
    อยู่เฝ้าบ้านเรือนรอดกอดเขนย
    และรอวันขวัญนกไพรได้มาเชย
    ลมรำเพยร่ำรอมาคลอเคียง
    
    สายัณย์เย็นย่ำค่ำนี้หนอ
    นวลจะรอนกไพรขันใสเสียง
    นวลปัดกวาดรวงรังฟูกตั่งเตียง
    และรอเพียง  พ่อนกไพร.. คืนใจนวล
    
    .
    
    ขอบคุณ นะครับคุณ พุด ไพร ที่ชวนให้มา
    
     
    คนกุลา 06 พ.ค. 52 - 21:17 IP 58.8.85.64
  • ดวงจันทร์

    23 พฤษภาคม 2555 19:40 น. - comment id 1234541

    ทราบข่าวแล้วใจหายเหมือนกันครับ..
  • ไม้หอม

    23 พฤษภาคม 2555 21:43 น. - comment id 1234546

    ขอแสดงความไว้อาลัยแด่  คนกุลา  ขอให้ไปสู่สุขติภพที่ดีด้วยเทอญ.....สาธุค่ะ
  • ิbook

    24 พฤษภาคม 2555 00:05 น. - comment id 1234549

    29.gif29.gif29.gif29.gifสดุดีครูกลอนก่อนจะพบกันในไม่ช้าคับ...
  • เปลวเพลิง

    24 พฤษภาคม 2555 01:37 น. - comment id 1234550

    ร่วมไว้อาลัยด้วยครับ
    จากใจจริง
    29.gif29.gif29.gif
  • ศรีสมภพ

    24 พฤษภาคม 2555 07:36 น. - comment id 1234555

    ๐ เอาสิบนิ้ววันทาส่งมากราบ
    หากท่านทราบด้วยญาณใดในห้วงหาว
    ขอกราบผ่านม่านน้ำตาพร่าพรายพราว
    เมื่อถึงคราวท่านพรากจากโลกไป
    
    ๐ ขอชื่อเสียงท่านสร้างอย่าร้างหนี
    คุณความดีที่สร้างอย่างยิ่งใหญ่
    เป็นแนวทางสร้างตนคนเยาว์วัย
    ตามที่ได้อุทิศผลิตผลงาน
    
    ๐ ขอวิญญาณท่านหมายสัมปรายภพ
    ขอท่านจบชีวังเพียงสังขาร
    ขอให้ชื่อลือเลื่องนับเนื่องนาน
    เผยแผ่ซ่านความยิ่งใหญ่ท่านได้ทำ
    
    ...........................
    
    ด้วยจิตคารวะ
    คนกุลา
    
    
    @@@@@@@@@@@@@@
    
    นั่นคือสามบทท้าย  
    " อำลา..อาลัย..ท่านทนายทองใบ ทองเปาด์ "
    
    
    หนึ่งในบทกวีของคนกุลา..
    ขอนำมาอำลาอาลัยให้กับท่าน
    ระลึกถึงคะนึงหาว่าวันวาน
    เคยร่วมบ้านลานกวีที่เราอยู่
    
    ภาพดวงดาวพราวใสในห้วงฟ้า
    ที่ตรึงตราประทับใจในทุกผู้
    แม้จะร่วงลับไปไร้ทางดู
    แต่จะอยู่กับพวกเรา.. เนานิรันดร์
    
    อำลาอาลัย.. คนกุลา
    
    "  ดร.วีระพันธ์ พรหมมนตรี "
    
    นักกวี และคนดีแห่งสังคมไทย..
    
    
    29.gif29.gif29.gif36.gif16.gif
  • เฌอมาลย์

    24 พฤษภาคม 2555 08:25 น. - comment id 1234558

    หลับให้สบายนะคะ 29.gif29.gif29.gif
  • ผู้หญิงไร้เงา

    24 พฤษภาคม 2555 16:41 น. - comment id 1234590

    ขอร่วมไว้อาลัยด้วยคนค่ะ
    
    36.gif36.gif36.gif
  • ศรีสมภพ

    25 พฤษภาคม 2555 07:59 น. - comment id 1234637

    ขอบคุณทุกท่านชาวบ้านกลอน
    ที่อาทรคนกุลาผู้ลับล่วง
    สู่สัมปรายไปดีไม่มีห่วง
    ดาวอีกดวงประดับฟ้าทุกราตรี
    
    ขอบคุณๆ..
    
    29.gif36.gif16.gif24.gif
  • อนงค์นาง

    25 พฤษภาคม 2555 08:21 น. - comment id 1234638

    ขอร่วมไว้อาลัยพี่ชายคนกุลาด้วยความเคารพ
    ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของท่านด้วยใจจริงค่ะ37.gif36.gif36.gif36.gif
  • อนงค์นาง

    25 พฤษภาคม 2555 08:39 น. - comment id 1234641

    29.gif29.gif29.gif
    คลิ้กรูปผิด ขออภัยด้วยค่่่่่ะ
  • ครูกระดาษทราย

    25 พฤษภาคม 2555 18:01 น. - comment id 1234713

    8410.gif
    
    ด้วยรักและอาลัย คุณคนกุลา ค่ะ
  • ราชิกา

    28 พฤษภาคม 2555 02:50 น. - comment id 1234819

    สิ้นลับดับล่วงแล้ว        ดวงกมล
    คืนสู่ยังเบื้องบน           ร่างไร้
    หลอมกายละลายตน       ดุจเทียน   ส่องเฮย
    ความดีจักคงไว้            ห่อนสิ้นมลายสูญ....ฯ   
    
    ขอร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของ...คุณคนกุลา...ผู้รังสรรค์ความดีให้แก่แผ่นดินไทย..
    
    36.gif16.gif36.gif29.gif29.gif29.gif
  • ศรีสมภพ

    28 พฤษภาคม 2555 09:52 น. - comment id 1234844

    ขอบคุณ.. ราชิกา
    ที่เข้ามาไว้อาลัย
    น้องน้อยอย่าร่ำไห้
    เขาแค่ไป ..สู่สามัญ !
    
    29.gif36.gif24.gif
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    28 พฤษภาคม 2555 18:50 น. - comment id 1234881

    ขอร่วมไว้ อาลัย
    ของการ จากไป
    ของ ท่านอาจารย์ "คนกุลา"
    
    ในครั้งนี้ด้วย
    
    16.gif16.gif16.gif29.gif29.gif29.gif29.gif10.gif10.gif10.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน