ศรัทธา เชื่อมั่น อาสา

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

พราวเสียงเพลงแห่งค่ายพรายฟ้ารุ่ง
ผสมปรุงไอเคล้าข้าวหุงใหม่
บทสวดข้าวเปล่งดังกังวาลไพร
ปลุกเช้าในถิ่นหนาวชาวดงดอน
นกเพียรพร่ำเพลงโปรดข้างโบสถ์วัด
ปฏิพัทธ์ลูกน้อยค่อยพร่ำสอน
เช้าใหม่แล้วคงห่างจากรังนอน
ตะวันรอนอ่อนลงคงหวนคืน
หนาวลมป่าเร้าส่ายรวนสายหมอก
ซ่านลมหยอกเอินคนพอทนฝืน
อ่อนแล้วหนอแรงไฟไหม้เศษฟื้น
กว่าค่อนคืนเคยโหมกับลมกรู
สายคันนามีข้าวคอยเคียงข้าง
ในลอมฟางแม่ไก่อาศัยอยู่
กกไข่น้อยปีกแนบแอบขนฟู
ควายบักตู้เล็มฟางอยู่ข้างกัน
แววใบสนหล่นพรูอยู่ลิ่วลิ่ว
ว่อนสนปลิ่วสอดส่ายคล้ายแววฝัน
ฝนเสรีฝนสนหล่นลานวัน
ยังรังสรรค์ชนบทให้งดงาม
เพียรหนุ่มน้อยปาดเหงื่อเหนือหน้าฝาก
สองมือสากพัดลม ใต้ร่มมะขาม
พอสร่างร้อนผ่อนลงสักโมงยาม
ก่อนคิดตอบคำถามในหัวใจ
ทุกดอกเหงื่อเพื่อรินรดดินดอน
ทุกข์กายรอนเกินทนจนหวั่นไหว
ค่ายอาสามากันเพื่ออันใด
เหนื่อยแรงให้อ่อนล้านานกว่านาน
ข้าวหนอข้าวมื้อไหนไม่พออิ่ม
แต่ชาวค่ายทำไมยิ้มตาพริ้มหวาน
กลองยังตีเพลงดังยังทัดทาน
กับแรงงานที่ล้าให้กล้าแข็ง
เพียรหนุ่มน้อยวันสุดท้ายแห่งค่ายนี้
ยังคงมีสับสนทุกหนแห่ง
ลองเหลียวหลังจรดป่าถิ่นพาแลง
จึงรู้แจ้งว่าเสียเหงื่อเผื่อสิ่งใด
ผมมีโอกาสได้ออกค่ายอาสา กับชมรม
อาสาพัฒนาชนบท กับเพื่อนที่เป็นประธานชมรม
การก้าวเข้าสู่ชนบทดิบเดิม ซึ่งแตกต่าง
จากชนบทของผมมาก
ชนบทแห่งนี้ ยังคงความเป็นธรรมดา
ธรรมชาติอย่างสามัญ
ในยามเช้าหนาว ชาวค่ายตื่นมาทำกิจวัตรของตน
แล้วทานอาหารร่วมกัน
บทเพลง ค่าย บทสวดข้าว ที่ยังคงหอม
ไออุ่นๆ เคล้าตัดกับสายลมหนาวเข้าจมูก
ปลุกวิญญาณแห่งความเป็นค่าย
ณ ตอนนี้ยังจำได้ไม่รู้ลืม
ครั้งหนึ่งในค่าย ข้าพเจ้าเคยถามเพื่อน
ในสิ่งที่ข้าพเจ้าสงสัย ด้วยบทกวีว่า
"เช้าค่ำนั้นผ่านไปใครรู้เห็น
ความลำเค็ญโน้วหน่วงกลางดวงจิต
ผู้ถือเลื่อย ค้อน กระดาน งานชีวิต
ทนผลิตดอกเหงื่อเพื่อสิ่งใด"
เพื่อนข้าพเจ้าถามกลับคืนว่า
"ฟื้น เอ็งเห็นอะไรรึเปล่า?
เอ็งลองหันกลับหลังดูสิ"
ตอนนั้นข้าพเจ้ายังไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร
จนวันสุดท้ายที่ค่ายจะจบลง
ข้าพเจ้าเดินกลับออกมาจากชุมชนเพื่อเข้ามายังค่าย
ขณะนั้นได้หันกลับหลัง 
ข้าพเจ้าพบกับสิ่งที่ทำให้ตอบคำถามแทนเพื่อนได้
สิ่งที่เห็นคือรอยเท้าของตัวเอง
ที่ได้ก้าวเดินไปแล้วแทบทุกที่ในชนบทแห่งนั้น
ทำให้นึกย้อนกลับไปยังก่อนมาค่าย
ที่ห้องชมรมมีวลีสั้นติดเอาไว้หน้าประตู
มันคือคำตอบของทุกคำถามในค่ายแห่งนี้
ตอนนี้ข้าพเจ้ายิ้มทั้งน้ำตาแล้วครุ่นคิดในใจว่า
เพื่อนของข้าพเจ้าคนนี้
เขาคงรู้คำตอบคำนั้นดีทีดี
คำง่ายๆ ที่ตอบได้อย่างภาคภูมิ
"เอ็งคงรู้จักวลีนั้น คำตอบนั้นดีกระมั่ง
ศรัทธา เชื่อมั่น อาสา"
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
ค่ายอาสาพัฒนาชนบท ครั้งที่32
ณ บ้านหนองดู่ จ. นครราชสีมา				
comments powered by Disqus
  • สุริยันต์ จันทราทิตย์

    25 กันยายน 2553 09:35 น. - comment id 1158553

    งดงามเหมือนเดิมเลยไม่เคยเปลี่ยน
    แม้จะหายไปนานแค่ไหนก็ยังโดนใจอยู่เสมอ
    อ่านแล้วนึกถึงตัวเองสมัยเป็นนักศึกษาไปเข้าค่ายอาสาทุกปี
    พี่น่ะอยู่โครงการหนอนพยาธิไปเก็บตัวอย่างอุจจาระชาวบ้านมาตรวจและเก็บข้อมูลประสานสาธารสุขเอายามาแจกตามชนิดของพยาธิที่พบในฅน ๆ นั้น แล้วตกเย็นก็มีการให้สุขศึกษาชาวบ้านด้วยครับ แล้วก็มีโครงการอื่น ๆ มากมาย สนุกดี
    ขอบคุณที่ทำให้นึกถึงอดีตที่สวยงาม น้องชาย
    11.gif11.gif11.gif
  • raon-ann@hotmail.com

    24 พฤศจิกายน 2554 23:33 น. - comment id 1215885

    เป็นบทกวีที่ดีมากค่ะ  ขอเอาไปลงวารสารปั้นดิน  ซึ่งเป็นวารสารของชมรมอาสาพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้มั้ยคะ
  • ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

    19 มิถุนายน 2555 16:51 น. - comment id 1236315

    ได้ครับผม กลอนบทนี้ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆเลยครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน